3950. เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 68 ดับดาวระเบิด (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 68 ดับดาวระเบิด (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

การปิดฉากชีวิต แดงไบเลย์ และ เล็กต่วน ในเวลาใกล้เคียง คล้ายสัญญาณเตือนให้พวกเราสำรวจตัวเองที่ผ่านมามีใคร-ผู้ใดสร้างโจทก์ไว้ที่ใดบ้าง ทุกคนนับแต่ ตาลสุทธิสาร จบหลังวัง ลพสูติ ดำเอสโซ่ ปุ๊ระเบิดขวด ล้วนยืนยันไม่มีโจทก์ ส่วนกับบุคคลที่เราเกี่ยวพันอยู่เช่น เต็งโก้ เสี่ยเล็ก เหล่านี้ ในการแจงกันอย่างเปิดอก มีตาล จบ และลพ ซึ่งเต็งโก้ดึงตัวจากขอนแก่นไปช่วยงานในสนามม้า ได้ยิงนายบ่อนขนาดกลางย่านดินแดง กับนายบ่อนย่านบางกองน้อยพร้อมมือปืนคุ้มกันเสียชีวิตทั้ง ๓ คน สาเหตุเพื่อนไม่ทราบ ค่าตอบตอบแทนคือเงินดาวน์เก๋งออกมาขับคนละคัน

ส่วนบ่อนทั้ง ๒ แห่งนั่นมังกรวงเวียนฯ กับเต็งโก้หุ้นกันเปิดบริการตามปกติ โดยให้ “มือดี” ของล้อ ๓ คน นาม หง่าสำเหร่ เกียย้ง และ เล่าถิ เป็นผู้ควบคุมดูแล แต่ สุมาอี้ ก็ยังไปเรียกเก็บค่าคุ้มครองโดยให้เล็ก ต่วนเป็นตัวแทนดังกล่าว เราจึงลงมติเป็นเรื่องขยายพื้นที่แผ่บารมีของล้อและเต็งโก้นั่นเอง เมื่อรูปการณ์บอกเช่นนี้ย่อมแสดงว่าเต็งโก้โดดจับมือกับมังกรรุ่นพี่เสียแล้ว สงสัยแต่ว่า ล.บ้านทวายผู้ไม่ค่อยโลดโผนซึ่ง “ฮั้ว” ธุรกิจอยู่กับล้อจะคิดมากคิดน้อยแค่ไหน

ทุกวันนี้ในยุทธจักรนักบู๊เมืองหลวงกราดนิ้วชี้ได้เลยว่ามีเจ้าพ่อที่ยืดคอตั้งบ่าได้อย่างองอาจ เเละเป็นที่ยอมรับในกลุ่มนักบู๊เลือดมังกรเพียง ๒ คน นั่นคือ ล้อ วงเวียนฯ กับ ล.บ้านทวาย ๒ มังกรผู้เดินเกมคนละมาดกระทั่ง “เก๊าม้าเก็ง” “โอเล้ง” “ซาเก๊า” และ “ตี๋น้อย” ไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้ ย้อนมองดูเพื่อนเราบ้างเมื่อเทียบกับ ๒ มังกรใหญ่แล้วมวยคนละชั้น ไม่ว่าวัยหรือประสบการณ์ ทั้งคู่ผ่านเขี้ยวสิงห์กระทิงมังกรมาโชกโชน จึงน่าคิดที่ล้อเหยียบเรือสองแคมเพื่ออะไร? และหากล้อมีแผนใช้เต็งโก้เป็นฐานส่งบารมีตนจนเกินหน้า ล.บ้านทวาย มิกลายเป็นชนวนหมางใจกันหรือ? ดังกล่าว มิใช่พวกเราเคลียร์กันวีนเดียว ผมเองก็ไม่ยอมกลับขอนแก่นกินนอนที่แฟลตอภิญญากับเพื่อนเพื่อช่วยกันหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกทางเดิน

จวบเย็นวันนี้ ปุ๊ได้โทรศัพท์นัดหมายเต็งโก้พบพวกเราที่ห้องพัก ปรึกษางานด่วนซึ่งเพื่อนได้รับปาก ๒ ทุ่มจะมา ดำกับปุ๊จึงให้ ๒ สาวพาร์เนอร์คู่ขาเดินจัดหาสุราอาหารรับรองเต็มที่จนกระทั่งเลยเวลานัดหมาย เรา ๖ คนจึงลงมือดื่มกินคอยเพื่อนซึ่งอาจรถติกมาล่าไปหน่อย ๓ ทุ่มเศษ เสียงบ่นจากเพื่อนในวงเหล้าชักหนาหูก็ถือแก้วเหล้าไปยืนดื่มตรงระเบียงท้ายห้องพักตากลมให้คลายอึดอัด ปุ๊ ระเบิดขวด ระเบิดคำจนผมได้ยิน

“ที่สุด พวกเราก็มีค่าไม่ผิด “ตีนปืน” ที่มันเลี้ยง”

ผมผละจากระเบียงเข้าร่วมโต๊ะอันบรรยากาศเปลี่ยนเป็นรุ่มร้อนทางสีหน้าและแววตาทุกคน ปุ๊โวยต่อ

“เดี๋ยวเราจะโทร.ช็กดู”

จบคำ เขาลุกพรวดไปยังที่ตั้งเครื่องโทรศัพท์หัวเตียง แจ้งรหัสโทร.แก่ฝ่ายโอปะเรเตอร์ พักเดียวปุ๊ตะคอกมากกว่าถาม

“เต็งโก้อยู่ไหม”

คงปราศจากคำตอบจากปลายสาย ปุ๊หัวเสียหนัก “กูไอ้ปุ๊ถามว่าเต็งโก้อยู่หรือเปล่าโว้ย”

ดำ เอสโซ่เห็นเพื่อนลุแก่โทสะลุกไปหาพรางยื่นมือขอกระบอกหูโทร.จากเพื่อนหมายเจรจาเสียเอง กลับเจอปุ๊ใช้มือซ้ายผลักอกจนเซ สำทับซ้ำ

“อย่าเป็นพระเอกดีกว่า”

เสือเอสโซ่คิ้วกระตุก ยืนนิ่งขึงวิบหนึ่งหลุดคำออกตัวข้อหาเพื่อนห้วนๆ

“เปล่าเลยปุ๊ ตลอดเวลาที่เราเที่ยวกันมาเพื่อนก็รู้ว่าใครพระเอกตัวจริง”

ดาวระเบิดร้อนฉ่าแผดเสียงร้องคับห้อมพร้อมคว้าเครื่องโทรศัพท์ทั้งชุดทุ่มโครมกับผนังตึกแตกกระจายกลาดเกลื่อน ดำ เอสโซ่ยืนร่างตรงแหนว ตาประสานตาเพื่อนชนิดพร้อมแลก

ภายในห้องเงียบกริบ สถานะเยี่ยงนี้ ใครเคลื่อนไหวรังแต่ยั่วยุ จึงพยายามเก็บกดความรู้สึกบางสิ่งให้ทึกวินาทีคลี่คลายเรื่องร้าย ซึ่งต่อมาปุ๊ได้เป็นฝ่ายแสดงออกก่อนอย่างไว้ศักดิ์

“เราผลักนายแรงนักหรือเพื่อน”

ดำผงกหัวหงึกๆ พร้อมเดินไปนั่งยังเก้าอี้ของตนโดยมีผมพยายามสบตาให้เย็นไว้ แต่บังเอิญเสียงเคาะประตูดังรัวขัดจังหวะ จบ หลังวัง ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูลุกไปเปิดพบ ๒ สาว “จอย” กับ “เหมียว” ถือข้าวของพะรุงพะรังแทรกตัวเข้าประตูมาบ่นระคนหัวเราะ เหมียวแฟนสาวของดำดึงกล่องบรรจุเฮนเนสซี่ออกโชว์แก่ดาวระเบิดบอกเสียงใส ทีท่าแสดงความมั่นใจ

“หนูกล้ารับรองว่าขวดนี้ไม่ปลอมค่ะ”

ปุ๊ชะโงกไปบอกเสียงกร้าว ใบหน้าถมึงทึง

“กูไม่แดก! เอาออกไปเดี๋ยวนี้!”

เหมียวถอยกรูด หน้าซีดเผือก ละล่ำละลักเสียงสั่น “อะไรกันคะนี่”

“กูบอกให้ออกไป” สำทับดุดัน

เหมียวยิ่งอึกอัก ชายตามองดำ เอสโซ่ที่พึ่งยามนี้ ซึ่งดำก็ตัดปัญหาเสียงนุ่มลง

“เหมียว เอามาให้พี่เหอะ…พี่จะกิน”

สาวงามรอโอกาสนี้อยู่แล้วจึงขยับก้าวเดิน พลัน! ปุ๊ไหวร่างตบเปรี้ยงเข้าบริเวณซีกแก้มขาวนวลผ่องดังฉาดถึงกับหน้าสะบัด ดำลุกพรวดขึ้นยืนขานนามเพื่อนลั่นห้อง

“ไอ้ปุ๊!”

ดาวระเบิดร่างกระตุกยึก พริบตาปุ๊ตะปบมือขวาเข้าซอกเอวซ้ายทันที ทว่าช้ากว่าเสือเอสโซ่ซึ่งปักหลักกระซากปืนสั้นขนาด ๙ ม.ม. คู่ใจกระหน่ำยิงเผาขนเข้ากลางอกเพื่อน ๓ นัดซ้อนกระเด็นไปฟุบนิ่งคาประตูเลือดทะลักแดงฉาน เหมียวกับจอยไม่ประสาเหตุฆ่ากันซึ่งหน้า กรีดเสียงวี้ดว้ายเต้นเร่าๆ จบเลยดันหลังออกนอกห้อง กลางกลิ่นดินปืนผสานคาวเลือดคลุ้งทั่วห้อง ดำกัดฟันเค้นคำกล่าวเสียงพร่า

“เราไม่ฆ่ามัน มันก็ฆ่าเรา”

ผมร้อนใจเสียงปืนเรียกตำรวจแห่กันมา จึงบอกเพื่อนหนีเอาตัวรอดก่อน

“นายไปคอยที่ขอนแก่นนะ เราอยู่ทางนี้ หากเคลียร์เรื่องได้จะให้เต็งโก้จัดการแล้วจะตามไป”

เพื่อนยิ้มเศร้า สอดปืนคืนซอง “บอกเต็งโก้ด้วยว่าเราอยากพบด่วน…ไปก่อนละเพื่อน”

“โชคดี ดำ” ผมอวยชัย

เกือบเที่ยงคืนที่ตาล, ลพ, จบ, และผมถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวไปสอบถึงสาเหตุฆ่ากันก็ให้ปากคำไปตาม “บท” ที่ตกลงกันไว้เพื่อบรรเทาคดีและสะดวกในการล้มคดี…ถ้าเป็นไปได้

๑ นาฬิกาตรงทุกคนให้ปากคำแก่พนักงานสอบสวนเรียบร้อย พากันลงจากสถานีตำรวจดิ่งไปที่เก๋งญี่ปุ่นใหม่เอี่ยมของดาวดังสุทธิสาร พบประดานักบู๊เลือดมังกร ๔-๕ คน รวมทั้งเต็งโก้ จบ หลังวัง จึงโวยสนั่นลานจอดรถหน้า สน.พระโขนงอย่างไม่เกรงใจ

“เพื่อนฆ่าเพื่อนเพราะนายผิดนัดรู้ไหม”

เขายิ้มไม่เต็มหน้า สำแดงกิริยารับผิด และสำนึกโดยไม่อายนักบู๊เลือดมังกรเช่น เล่าถิ และหง่า สำเหร่ จึงลดกิริยาและถ้อยคำก้าวร้าวของเพื่อนลงในคำถามต่อมา

“นายคิดช่วยดำไว้อย่างไรหรือยัง”

“เรายินดีช่วยทั้งงานศพปุ๊ แล้วก็คดีของดำจนถึงที่สุด”

“ขอบใจ…หยั่งงั้นพวกเราขอตัวก่อน” จบสรุป

“พรุ่งนี้ตอนเที่ยงเราจะไปหา” เต็งโก้รีบบอกประโยคสุดท้าย

ฟ้าสางแล้ว ตีนฟ้าด้านทิศตะวันออกปรากฏรังสีอรุโณทัยส่องหล้า สายลมเช้าพัดกรูเป็นครั้งคราว ผมดีดบุหรี่ในร่องนิ้วซึ่งไหม้ลามเกือบจรดก้นกรองกระเด็นไปข้างหน้า ๒ มือกำราวเหล็กกั้นระเบียงที่ยืนอยู่นิ่ง คิดถึงถ้อยคำท่านเจ้าของแฟลตวัยครึ่งศตวรรษ เมื่อตอนกลับจาก สน.พระโขนงเป็นครั้งที่เท่าไหร่มิได้สนใจ จำแต่วาจา

“ผมเป็นเจ้าของแฟลตหลังนี้ ต้องขออภัยที่ผมมารบกวนกลางดึก ซึ่งที่ผมมาก็เนื่องจากมีการฆ่ากันเมื่อตอนหัวค่ำนี่แหละ ผมกับลูกๆ ใจหายหมดเมื่อพวกที่เขาเช่าพักอยู่มาบอกว่าพวกคุณกับคนตายและก็มือปืนเป็นเพื่อนกัน และก่อนจะฆ่ายังมีการเลี้ยงดูกัน…ขอประทานโทษเถอะพ่อหนุ่ม เรื่องมันจริงหยั่งที่พวกนั้นบอกหรือเปล่า”

“ครับ เราเป็นเพื่อนกัน”

“มิน่าเล่า ถึงได้พากันขวัญเสียไปหมด”

“แต่พวกเราไม่เคยยุ่งกับเขานะครับ”

“พูดอย่างนั้นก็จริงของพ่อหนุ่ม แต่มันอีหรอบเดียวกับเสือในป่าที่ไม่เคยมายุ่งกับคน แล้วทำไมคนถึงกลัวมันขนาดหนัก”

ดังกล่าว ท่านมิได้ออกปากขับไล่ไสส่งตรงๆ แต่พวกเรารู้เจตนานับแต่ท่านแสดงตัว เลยตั้งวงเหล้าดื่มโต้รุ่งมาถึงขณะนี้

เที่ยงตรง เต็งโก้มาพบพวกเราเพียงลำพังตามนัด จึงได้แจงความในใจซึ่งเกรงเพื่อนจะพลาดให้กับล้อ วงเวียนฯ ก็แนะเขาสร้างสัมพันธ์ไมตรีกับ ล.บ้านทวายเป็นกันชนไว้ด้วยจะประเสริฐกว่า สำหรับ “มือดี” ของล้อที่เข้าตีสนิทกับเขาก็อย่าได้ไว้วางใจ เฉพาะนักบู๊เจ้าเล่ห์ “เล่าถิ” นั้นเข้าตำรา “บ่าว ๓ นาย” เช่น เก๊า ม้าเก็ง, ล้อ วงเวียนฯ, ล.บ้านทวายยังเลี้ยงไม่เชื่อง ส่วนเรา ๔ คน นับจากนี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจในกรุงเทพฯ ของเขาทุกกรณี เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งระหว่างกลุ่มหรือการเข้าใจผิดในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งเพื่อยืนยันเราทุกคนร่วมงานกับเขาในฐานะหุ้นส่วน

เกือบครึ่งชั่วโมงที่เราช่วยแนะนำและชี้แจง จากการสังเกตเขาตั้งใจรับฟังโดยไม่ยอมแหลมความคิดเห็นด้วย หรือค้าน จนผมกล่าวสรุป

“พวกเรายินดีหันหลังชนกับนายบุกเบิกทุกแห่งที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ ดังนั้นเมื่อพวกเราไปอยู่ที่ไหน หวังว่านายคงไม่พาคนที่นี่ไปเห็นการทำมาหากินของพวกเราด้วย”

“อย่าห่วงเปี๊ยก มักก็ ‘หม้อข้าว’ ของเราเหมือนกัน แล้วนี่นายจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ”

“เสร็จเรื่องนายนี่ก็บึ่งแล้ว”

เต็งโก้ยิ้มกว้าง บอกเสียงกังวาน “ขอให้ทุกคนเดินทางโดยสวัสดิภาพ”

และแล้วธุรกิจกาสิโนที่จังหวัดขอนแก่นของเราก็ผ่านพ้นอุปสรรคนานาจนใกล้ครบปีเต็ม ในสัปดาห์หน้า เสี่ยเล็กจึงแนะพวกเราช่วยกันคิดไอเดียคืนกำไรนักพนันที่มาใช้บริการของบ่อน ในวีนสำคัญจึงตระเตียมจัดของรางวัลสมนาคุณไว้มากมาย เพื่อสร้างเครดิตเตรียมเปิดรับแทง-จ่าย “หวยใต้ดิน” เขตในเมืองและชานเมืองในเดือนหน้าด้วย กลางความสำเร็จอันพวกเราตระเตรียมจัดฉลอง มิใช่กิจการบ่อนของเราปราศจากอุปสรรค เนื่องยังมีนักบู๊เจ้าถิ่นซึ่งไม่ยอมรับประโยชน์ที่ฝ่ายเราเสนออยู่ ๒ กลุ่ม ด้วยเหตุผมต้องการร่วมทุนในกิจการด้วยก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง โดยเฉพาะอดีตทหารป่าหรือ “เสือปุ่น” แห่งคุ้มหนองใหญ่ นับแต่รับทราบข้อเสนอที่ผมปฏิเสธไปแล้ว ไอ้เสือก็เปิดฉากก่อกวนสารพัด คล้ายต้องการเปิดศึก

๓-๔ วันก่อน ราวตี ๔ บ่อนเลิกได้พักใหญ่ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับขี่และซ้อนท้ายด้วยเด็กวัยรุ่น ๒ คน ปาถุงพลาสติกบรรจุอุจจาระใส่ประตูหน้าบ่อนซึ่งตั้งอยู่ริมถนนเป็นที่ฮือฮาไปทั้งตลาดโต้รุ่งและชาวบ้านใกล้เคียง จนเสี่ยเล็กร้อนฉ่าเข้าบอกพวกเรายุติเรื่องอัปยศเสียก่อนชาวเมืองและเพื่อนบ้านหมดศรัทธาในที่สุด นอกจากอดีตเสือร้ายวัย ๔๐ ปีกับพวกแล้ว ยังมีกลุ่มนักบู๊ปาทานจากคุ้มหนองคูโยนประทัดทั้งตับใส่พื้นที่รอบๆ บ่อน ทำลายขวัญนักพนันอยู่เนืองๆ ซึ่งฝ่ายรักษาความปลอดภัยเคยจับได้ ทราบว่าเป็นไอ้หนูอายุ ๑๐-๑๒ ขวบ ได้รับจ้างจากผู้อื่นอีกทอดหนึ่ง

๒ กลุ่มดังกล่าว กลุ่มเสือปุ่นมีพฤติกรรมสำแดงเจตนาล้มกิจการของเราตามคำบงการผู้อื่นซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในจังหวัด นาม เสี่ยยู้ เจ้าของกิจการอาบ-อบ-นวดและค้าประเวณีชื่อดังย่านหัวหนองคู อ.ชุมแพ ซึ่งเคยเป็น “ขา” พนันรายหนึ่งด้วย จึงมอบให้ดำ เอสโซ่, ลพ สูติ, จบ หลังวัง และตาล สุทธิสาร ปราบเสือร้ายเป็นครั้งสุดท้าย

ด้านผมกับเสี่ยเล็กได้นั่งรถไปโคราชและสระบุรี พบกับ “หยอง-น้อย ปาทาน” ขอให้ช่วยเจรจากับนักบู๊บ้านหนองคู ซึ่งส่วนใหญ่ทำการค้า ฆ่าโคกระบือขายปลีกและส่งตามอำเภอรอบนอก และอยู่ใต้อาณัติเจ้าพ่อไบคานเป็นส่วนใหญ่ให้ยุติเรื่องก่อกวนโดยไม่หวังผลมากนัก ก็เหมือนนกขมิ้นเข้าไปขอพญาอินทรีสยายแพนปีกบังแดดฝนให้ตนเอง

และเมื่อได้พบ หยอง-น้อย ปาทาน นักบู๊ผิวขาวเหลือง ทายาทเจ้าพ่อไบคานก็บอกเล่าถึงการมาตั้งรกรากบนแผ่นดินอีสานไปตามความจริง ไม่ได้หมายสร้างอาณาจักรเพื่อคิดเป็นใหญ่ นับแต่ก่อนเปิดกิจการได้เข้าตามช่องออกตามรูดังนักเที่ยวทั่วไปปฏิบัติ เช่น เจรจาความกับเจ้าถิ่น ฝ่ายกฎหมาย และบุคคลสำคัญตลอดจนผู้ใหญ่หลายท่านระดับจังหวัด เพื่อจัดสรรประโยชน์ตามเม็ดเงินที่หาได้ มาบัดนี้กิจการที่เราทุ่มเงินลงไปนับล้านบาทถูกก่อกวนจากบุคคลที่ใช้สกุลเดียวกับเขานาม “ชา ปาทาน” จึงพากันมาบอกด้วยความเกรงใจ

เนื่อหาที่ผมแจงกับ ๒ ทายาทเจ้าพ่อไบคานได้รับคำตอบสนองน่านับถือ

“เรื่องนี้ผมจะจัดการให้ คุณสบายใจได้”

หอบความสมหวังใส่รถออกจากถิ่นไบคาน คืนสู่เมืองแคนด้วยความกระหยิ่มราว ๒ ชั่วโมงก็ได้รับแจ้งจาก ดำ เอสโซ่ เกิดดวลปืนกันขึ้นในบ่อนโปเขตบ้านสีฐาน กับเสือปุ่นและพวก ซึ่งดำตามไปพบโดยบังเอิญ ฝ่ายเรามี “บักตุ๊” ถูกยิงเข้าชายโครง ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่คลินิกหมอนพดล เรื่องนี้ผมทำให้ดำ, ลพ, จบ และตาล ซึ่งเป็นผู้เผชิญเหตุการณ์ร้ายรู้สึกไม่ค่อยพอใจผมที่รั้งมิให้ทุกคน “แก้คืน” ในทันทีทันใดเพราะไม่มีแผน มีแต่ไฟพยาบาท จึงขอให้เต็งโก้มาก่อน อย่างช้าไม่เกิน ๒ วัน

ถึงวันนี้ผมตื่นขึ้นประมาณ ๑๐ โมง อาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อยก็โทร. ลงชั้นล่างของโรงแรมสั่งกาแฟไข่ลวก ๕ ชุด แต่พนักงานช่างสังเกตแจ้งว่า ดำ, ลพ, จบ และตาลขับรถออกจากโรงแรมเมื่อครู่นี้ พลัน! ผมถึงกับหนาวยะเยือก ขนลุกซู่ เมื่อพบกระดาษชิ้นเล็กๆ บนพรมหลังประตูห้องซึ่งถูกสอดเข้ามาจากภายนอกความว่า
“พวกเราไปตามไอ้ปุ่น”

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลงโต
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : The People
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: