3944. โก๋ หลังวัง “วัยรุ่นประลัยกัลป์” ตอนที่ 12 (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

โก๋ หลังวัง “วัยรุ่นประลัยกัลป์” ตอนที่ 12 (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

แม้อ่อนระโหยเปลี้ยเพลียเพราะฤทธิ์อยากเสพย์ยามหาอุบาทว์ทว่าความว่องไวปราดเปรียวตามสันดานเดิมกลับส่งให้เขารอดกระสุนศัตรูได้อย่างน่าลงโลง กลุ่มนักเลงโบว์ลิ่งไม่ได้ติดตามผล ทั้งนี้อาจเนื่องจากผู้คนกำลังแตกตื่นตระหนกกับเสียงปืนนั่นเอง จอมประลัยกัลป์บัดนี้เข็มสักเล่มยังไม่มีไอ้เรื่องปืนก็เลยตัดปัญหาให้เขาเกิดความชิงชังตัวเอง

แม้ผ่านสังเวียนไม้, มีดและปืนมามาก แต่คราวนี้เขาเจอคมกระสุนเฉียดชายโครง จนต้องพยายามแฝงตัวเลาะตามอาคารซึ่งมีแสงสว่างไม่ค่อยจะมากนัก
“ไปไหนดี…?”
เขาถามตัวเองเพราะขาดเพื่อน มีแต่ศัตรู แล้วอดีตวัยรุ่นดังก็ตัดสินใจมุ่งกลับรวงรังวัดกัลยาณ์ฯ เขาจำเป็นต้องว่าเรือจ้างไปส่งเพราะเรือยนต์ข้ามฝากของแม่เลิกวิ่งตั้งแต่สามทุ่มครึ่ง

ปีเศษที่ #เอ๊ด_หลังวัง ออกจากบ้านท่องเที่ยวบนถนนนักเลง เขาเคยกลับนำเงินมาให้แม่หลายครั้ง และทุกครั้งที่เขาไป แม่แทบไม่อยากมองหน้า อย่าว่าแต่จะรับเงินของเขานั่นเลย เรืออาศัยแรงคนพาอดีตวันรุ่นชื่อกระฉ่อนมาส่งถึงหน้าบ้านริมเจ้าพระยา แม่ยังไม่นอน และเห็นการมาของลูกชายโดยตลอด เขาวางเงินไว้ที่กระทงเรือ ก้าวขึ้นเรือนมรอาการคล้ายคนเอวคด ไฟในบ้านสว่างทั่วชั่นล่าง พวกเด็กๆ ที่เป็นคนงานของแม่มองเขาอย่างตื่นตะลึง….

นั่นเพราะเลือดกำลังทะลักออกมาจนชุ่มขากางเกงของจอมประลัยกัลป์แล้ว หนึ่งในกลุ่มที่อยู่ใกล้เขาสุดหมายเข้าประคองกลับเกิดตะคริวกินอย่างกะทันหัน เมื่อเสียงของเเม่ตวาดก้อง
“ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน”
เอ็ด หลังวัง สะท้านไปถึงสันหลัง กัดฟันทรงตัวเองยกมือขึ้นไหว้แม่ด้วยอาการสั่นเทา แม่แสร้งทำไมแล เขาหันรีหันขวางท่ามกลางหมู่คนเรือเต็มบ้าน เลือดเขาหยดลงเปรอะพื้น! เจ้าของท่าเรือใจหินกล่าวน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
“เลือดชั่วบ้านกูไม่มีสำหรับลูกอัปรีย์! มึงไปซะ อยากซุกตัวตายที่ไหนเชิญ แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่”
ร่างที่ซวนเซปักหลักขึ้นอย่างทรนง เขาประสานตาผู้ให้กำเนิดเหมือนคนที่ได้รับความเจ็บช้ำที่สุด จอมประลัยกัลป์ขยับร่างเบือนหลบสายตาแม่จนน้ำตาทะลักร่วงพรู เขาค่อยๆ ชูมือที่เปื้อนเลือดให้แม่และคนในบ้านดู
“นี่คือมือที่เปื้อนเลือดชั่ว? แต่สายเลือดของผมคือเลือดแม่ หากวาสนามี ผมจะมากราบเท้าแม่”
ดาวดังวังบูรพากลับหันร่างเดินออกจากบ้าน หายไปกับความมืดด้านหลังวัดกัลยาณ์ฯ ท่ามกลางความรู้สึกอันปวดร้าวอันแท้จริงของแม่ที่ยังเฝ้ามองลูกชายจนสุดสายตา

ข่าวจากวงการเถื่อนเมืองฟ้ากรุงเทพฯ บัดนี้มีหมายที่วงการทรชนต้องรู้คือ หมายประกาศจับ #บัง_โบลิ่ง ในข้อหาอันธพาลเป็นอันดับแรก อันดับสองได้แก่ #เอ๊ด_หลังวัง และสำหรับเขายุทธจักรนักชนต่างลืมเขาเสียแล้ว การล่าตัวจึงไม่ใช่ของง่ายเนื่องจากเวลาหลังที่ บัง โบลิ่ง เข้าลาดยาวล่วงมาได้สองปีเต็ม ยังไม่เคยมีใครพบเห็นอดีตจอมประลัยกับป์อีกเลย….ก่อนหกโมงเช้าเล็กน้อยร่างหนึ่งแต่งกายซอมซ่อเดินเข้าไปในซอยจารุรัตน์ด้วยอาการระแวดระวัง เขาตรงไปยังบ้านเฮียแกะนักค้าเฮโรอินประจำสลัมจารุรัตน์ หลังตลาดโต้รุ่งประตูน้ำ เพื่อติดต่อซื้อยาอุบาทว์

เข้าไปได้ครึ่งซอยขณะเดินออกเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ เขารู้สึกตัวว่ามีคนคอยจ้องดูเขาอยู่ทุกฝีก้าว แวบหนึ่งขณะฉวัดตามอง วัยรุ่นไม่ต่ำกว่าสิบคนค่อยๆ ขยับวงล้อมเข้าบีบเส้นทางสัญจรออกจากซอย ยังเช้าอยู่มาก ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี… เจอวัยรุ่นประตูน้ำซึ่งไม่เคยรู้จักเขาขวางทาง เหล็กขูดชาร์ฟและมีดไม่ต่ำกว่าสีห้าเล่มพุ่งเข้ามาหา
“อย่าขัดขืน…ขอของนั่นคืนเร็วโว้ย!”
หนึ่งในกลุ่มตีป่าให้เสือเต้น อดีตดาวดังวังบูรพาไหวกายเตรียมปักหลักสู้สุดใจขาดดิ้น ทั้งๆ ที่มือเปล่าสู้เพื่อพิทักษ์ผงขาวเฮโรอิน มิใช่เพื่อรักษาชีวิตเขา?!

วูบหนึ่งแห่งสัมปชัญญะมนุษย์ เขาคิดถึงวันแรกที่ตนก่ออาชญากรรมครั้งแรกโดยการวิ่งราวสร้อยคอทองคำเพื่อช่วยเหลือ #ต้อย_เทวัญ ผู้จากไป สิบกว่าวัยรุ่นขยับก้าวเข้าหาเขา ปากไอ้คนเดิมยังสำทับเสียงห้วน
“ส่งของมาดีๆ แล้วจะไม่เจ็บตัว”
สายเลือด “สตาร์โกลด์” อย่างเขา แม้จะโทรมไปมาก แต่ความจัดเจนในสนามชิงชัยยังดำรงธาตุแท้อยู่ และเมื่อประกาศท้าทายทดสอบเช่นนั้น นักบู๊อย่างเขาเริ่มแสดงออกทางสายตากับคำพูดอันคมร้อนกว่าจะหยุดหัวใจคนได้
“อยากปล้นของกู ห้ามกันไม่ได้…ลองดู?”
ไม้ไผ่ยาวประมาณสองวาเศษที่ปักไว้ข้างทางเดินเพื่อตากเสื้อผ้า ถูกเขากระชากติดมือแทนเครื่องทุ่นแรง ขณะเดียวกัน ความระห่ำสมัยวัยรุ่นทำให้เขาล้วงถุงเฮโรอินขึ้นออกชูส่วนดวงตาแดงก่ำส่อความอำมหิตอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ก่อนเกิดความฉิบหายขายเลือดและชีวิตแลกผงขาวเฮโรอิน เสียงจากปากซอยตะโกนบอกต่อๆ กันมา
“สายตรวจมาโว้ย!”
ประสาทของ เอ๊ด หลังวัง ถูกพิษยามหาภัยทำลายจนเชื่องช้ากว่าวัยรุ่นประจำซอยซึ่งหายตัวไปหมดแล้ว
“เกมล่ะกู” เขานึกขณะตัดสินใจ…
ซอกซอยสลัมซอยจารุรัตน์ประตูน้ำสมัยนั้นมีคูคลองน้ำครำ น้ำเนา ผ่านไปวกมานับพันหลังคาเรือน ติดต่อถึงกันหมด สะพานไม้เก่าๆ ที่ทอดผ่านละไปตาม “เรือนหอ-รอไล่” เหล่านั้นก็ยังมีความสุขดี มีเมียคนลูกคน สามชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงกับอด ปัจุจุบันกลางกรุงเหลือสลัมบุคลิกไทยๆ น้อยมากเพราะถ้าไล่ไม่ไปก็เผาทิ้ง

ดังนั้น ก่อนสายตรวจยามอรุณบุกเข้าถึงร่าง เอ๊ด หลังวัง เขาเผ่นละลิ่วออกด้านหลังซอยทันทีชาวบ้านที่อาศัยสะพานอันเป็นเส้นทางที่อดีตจอมประลัยกัลป์ผ่าน ถูกเขาชนจนตกไปในแอ่งเน่าของกรุงเทพฯ ท่ามกลางเสียงด่าทอที่เขาไม่มีโอกาสได้ยิน พักใหญ่หลังจากที่รู้สึกตัวว่ารอดจากคุกตะรางเขาก็หมดแรงล้มฟุบอยู่หลังบริเวณห้องแถว “เจ็ดสิบ” บ้านพักของการรถไฟแห่งประเทศสยามเพราะสิ้นกำลัง เสียงหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้ากับการเร่งเครื่องฝีตีนหนีโปลิศพญาไท ทำให้เขาถ่มน้ำลายที่เหนียวข้นหลุดจากปากแล้วซบหน้ากับธรณีที่ยังเหลือม่านหญ้าปกคลุม

ขวัญ ศรีเมือง, เวียน วังแดง, ต้อย เทวัญ, ดำ ม้าเหล็ก, ต่างล้วนยุติลมหายใจชั่วร้านกันไปแล้ว เหลือทรชนในรูปแบบของ “ผี” ที่ตบด้วยมือก็ตายอย่าง เอ๊ด หลังวัง ซึ่งขืนยังรอไขว่หามงกุฏดอกรักพวงหรีด แม่คงได้ทำเพื่อเขาเป็นวาระสุดท้าย อดีตดาวดังวังบูรพา กะพริบเปลือกตาปริบๆ หลังจากขยี้เบ้าตาจนแสบ เวลาแห่งการพักผ่อนในพงหญ้าข้างบ้านพักการรถไฟฯ หรือแถวเจ็ดสิบห้องของเขา คืบคลานรุกล้ำร่างนั้นด้วยกระไอของความร้อนยามสายทวีองศาขึ้นทุกวินาที
“ไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” เขาสั่นตัวเองขณะตั้งหลักทรงร่างอันอิดโรยขึ้นยืน หรี่ตามองย้อนดวงตะวันแล้วจึงค่อยแหวกป่าหญ้าคาออกมา โดยมีอาการทรงตัวที่ไม่ค่อยมั่งคง

ทันใดนั้น เอ๊ด หลังวัง ทิ้งร่างฟุบลงบนกอหญ้าอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงเดืนย่ำเท้ามายังที่ที่เขาซ่อนตัว
“สิงห์เฮโรอิน!” เขานึกในใจเมื่อเห็นวัยรุ่นสีห้าคนกำลังนั่งลงสาละวนอยู่กับการเสพติด โดยมีอีกสิงห์หนึ่งฟุบนิ่งนอนทอดถอนหายใจ คล้ายปราศจากวิญญาณ กระทั่งวัยรุ่นเสเพลกลุ่มนั้นบรรลุความประสงค์ทั่วหน้าจึงผละจากไป แต่เขากลับยังไม่สิ้นลมเหงื่อไหลเปียกปอนเสื้อผ้าจนซุ่ม กลิ่นเหงื่ออันออกมาจากรูขุมขนส่งกลิ่นเหม็นจนตัวเองขยะแขยง ตามเนื้อตัว และกระดูกข้อพับปวดร้าวดั่งกระดูกใกล้ผุกร่อนด้วยเชื้อร้ายผงขาวเฮโรอิน พงหญ้าคาข้างทางรถไฟคือที่ซึ่งเขาหมายตาหวังพักผ่อนพร้อมกับหลบสายตาผู้คนละแวกนั่น แล้วร่างผิวเม็ดมะขามแต่ผอมโทรมก็ค่อยๆ กระดืบตัวเองเข้าไปซุกอยู่โคนต้นมะขามกลางพงหญ้านั่นเอง

เขานอนหงายผลึ่ง หอบหายใจแรง และหนัก ส่วนสมองนั้นว้าวุ่นจนจับปมขมวดปลายไม่เจอ หลังจากหยาดเหงื่อเหือดแห้ง ดวงอาทิตย์กลับเจิดจรัส เสียงหวูดของรถไฟสายแปดริ้วเคลื่อนขบวนบดล้อเหล็กบีฑารางเหล็กอย่างไม่มีชิ้นดี จริงแล้วหรือไรกับที่อดีตดาวดังรั้วชมพูฟ้าเคยสังหรณ์ด้วยสำนึกที่ว่า ไม่ช้าก็เร็วที่หมู่ทรชนจะต้องปะทะกับจุดดับ เบื้องหน้าจอมประลัยกัลป์คือป่าหญิงจริงๆ ไม่ใช่ห้องนอนของเขา อีกทั้งภายในที่นั้นปราศจากยอดหญิงอดีตโสเภณีอย่างศรีมาย ในที่สุดเขาก็เย้ยตนเองที่ต้องเกลือกกลั้วอนาคตให้กับความจริงขณะที่ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ทุกสิ่งกลางกระแสสำนึก นอกจากตัวเองแล้ว เขากลับเตลิดคิดไปถึงผองเพื่อนร่วมถนนเสเพสทั้งที่ตายจากและยังอยู่

เหล่านั้น ควรเป็นกระจกเงาแก่ชีวิตเขาได้หรือไม่? มนุษย์เรามีสิ่งที่น่ารังเกียจในเรื่องการสำนึกตน ส่วนมากล้วนไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ หรือได้มาอย่างสุจริต ดุจเดียจดั่งดาวรุ่งที่ร่วงหล่นจากฟ้าคาสิโนเถื่อน แม่เป็นคนข้างวัด สร้างกุศลทานแก่ภิกษุตลอดไปถึงพื้นที่ขอบเขตธรณีสงฆ์ และเคยพร่ำเตือนให้เขารำลึงถึงอนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตาซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงเสื่อมสลาย ไม่มีจุดหมาย เป็นอนันตกาลที่นิรันดร์ เพราะเรือนร่างคือความสกปรก หาสาระหรือแก่นสารไม่ได้ เป็นหลุมลึกก่อให้บังเกิดความเหนื่อยอยาก ความเจ็บปวด และทุกข์ทั้งมวล แล้วเขายังจะมัวเมามายกับกายเพื่อประโยชน์อะไร?

เยาวชนที่รัก…ฝากไว้ให้เหลียวมองไปรอบๆ ตัวและให้กว้างไกลไม่ได้กระนั้นหรือ? มองดูความชั่ว มองดูความผิดและความเสียหายหรือการสูญเสียด้วยปัญญาสักน้อยหนึ่ง ผู้เขียนก็ปรีดาแล้ว เมื่อใดที่ใจสงบ มีปัญญา อดีตหรืออนุสรณ์ชั่วดีนั่นแหละน่าศึกษาทบทวนก่อนสู้โลกและชีวิต!?

แสงแดดฉายลำแสงอ่อนเรืองรอง เขากัดฟันลุกขึ้นยืนปัดเศษหญ้าออกจามตามเนื้อตัวเสื้อผ้าแล้วจึงก้าวเดินไปตามหมอนไม้หนุนรางรถไฟ จวบจนถึงถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แสงสูรย์จ้าจรัสอยู่เมื่อครู่ ถูกเมฆทะมึนก้อนใหญ่ที่กระจายเกลื่อนฟ้าบดบังเขารีบซอยฝีตีนตนเองอย่างเร่งรีบ ผงขาวหรือเฮโรอินนั่นแหละที่ เอ๊ด หลังวัง ต้องการเสพย์เนื่องจากระยะที่กำลังเล่นโปลิศจับขโมยอยู่นั้น เขาเหวี่ยง “ของกลาง” ทิ้งเสียข้างทางซึ่งไม่รู้ว่าตรงไหน เมื่อรอดมาได้ร่างกายกับใจจึงตีกันวุ่นวาย ด้วยสังขารมันถ่อไปได้ไม่ไกลหากทว่าใจนั้น ลุกโรจน์ไม่ต่างอัคคีในเบ้าหลอมโลหะ จะอย่างไรก็ตาม ขณะโหนรถเมล์ผ่านมาถึงประตูน้ำ เอ๊ด หลังวัง คิดถึง ไอ้เข้ วังแดง ขึ้นมาได้จึงกระโดดขึ้นรถเมล์สายใหม่ทันที

ณ ศาลากลางเทศบาลนครกรุงเทพฯ เมืองเอกแห่งสยาม ปีศาจที่ยังมีลมหายใจดวงหนึ่งของฟ้าอมร เดินเตร็ดเตร่อยู่ข้างๆ ศาลากลาง เพื่อรอเวลาพักเที่ยง เขาทอดตามองดูรถเก๋งที่จอดอยู่ในเขตศาลากลางกรุงเทพฯ อย่างทอดถอนใจ…ดูเอาเถอะระหว่างเขากับเรา ชีวิตข้าราชการไทยยังยากจนอยู่ในระดับมีรถเก๋งขี่มากมายขนาดนี้เชียวหรือนี่? แล้วก็คิดถึงที่ทำงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่เขาเข้าไปไถเงินพรรคพวกมาเมื่อสัปดาห์ก่อนทุกอย่างไม่ต่างกันเลย…ภายในเขตของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตมีรถเก๋งทุกยี่ห้อทุกรุ่น นั่นแสดงว่า พวกเขาเก็บหอมรอมริบเงินเดือนหรือรายได้ของตนไว้จนมีรถเก๋งขี่? เขาล่ะ? เมื่อครู่นี้ยังเหงื่อแตกพลั่กขณะโหนรถเมล์มาที่นี่ เอ๊ด หลังวัง อัปยศใจเพียงใดสำหรับครั้งหนึ่งที่เขาเคยมีรถ มีบริวาร และทุกสิ่งสะพรั่งพร้อม สิ้นสุดกันที อำนาจบารมีและอิทธิพลเถื่อน!

ลมหายใจของเขาถอนพรูเมื่อสายตาฉวัดไปปะ เข้ วังแดง เพื่อนชี้กำลังเดินออกจากที่ทำการ เตรียมข้ามถนนกับพรรคพวกชาย-หญิงกลุ่มใหญ่ อดีตวัยรุ่นวังแดงเปลี่ยนราศี “ประลัยกัลป์” จนแทบไม่เห็นยี่ห้อ เขาพูดคุยหัวร่อกับเพื่อนร่วมงานอย่างสนิทสนม กระทั่งถนนว่างจึงข้ามไปยังฝั่งร้านอาหาร ดาวดังวังบูรพาจึงข้ามถนนตามไป ด้วยอารมณ์ปิติ แต่กลับชะงักงันอยู่หน้าร้าน เพราะหดหู่ใจเมื่อมองเห็นสภาพของตนที่คล้ายผียังมีโอกาสเดินอยู่นอกหลุม หรือถ้าเขาไม่ใช่ “ไอ้ขี้ยา” คนปัจจุบัน เขากล้าแม้จะเข้าไปตบบ่าเพื่อนร่วมตึกในอดีต บัดนี้จอมประลัยกัลป์หวั่นเกรงแม้กระทั่งสายตาคน?!
“รอมันหน่อยเถอะวะ” เขารำพึงในอก
บริเวณฝั่งตรงข้ามศาลากลางตอนเที่ยงวัน ร้อนหัวแทบแตก แต่เขาสู้เตร็ดเตร่คอยเพื่อนคอยความหวังที่จะช่วยให้หลุดพ้นวิบากทุกข์ของยามหาภัย บ่ายโมงเศษ…เขากระสับกระส่าย ความต้องการผงขาวเฮโรอินออกฤทธิ์รุนแรงทวีคูณตามเวลา ในที่สุดก็ทำเป็นเดินเตร่ๆ ยังบริเวณหน้าร้านอาหาร โดยอยากให้เพื่อนชี้เห็นว่าเขาคอยอยู่ เข้ วังแดง ไม่ได้ตาบอด เพียงแค่ตามันเขดังนั้นการเคลื่อนไหวของเพื่อนเก่าเขาจึงเห็น และหากอดีตวัยรุ่นประลัยกัลป์วังบูรพาใช้ความสังเกตตามนิสัยเดิม เขาอาจเห็นสีหน้าของเพื่อนชี้ซีดลงไปถนัด ดวงอาทิตย์คลายอานุภาพความร้อนลงบ้างข้างโต๊ะอาหารภายในระยะสายตา เขาเห็น เข้ วังแดง กำลังจ่ายค่าอาหาร และตามออกมาเป็นคนสุดท้าย เขาเดินยิ้มหราเข้ามามันอย่างสนิทสนมเอื้อมมือแตะแขนเพื่อนพูดไม่ต่างกระซิบ
“ไอ้เข้ ขอเงินกูสักร้อยเถอะวะ…จะลงแดงตายอยู่แล้ว”
ผู้ถูกกวนใจทางด้านการเงินกลับมองข้ามหัวคู่สนทนาไปยังฝั่งที่ทำการ ปากก็เอ่ยน้ำเสียงราบรื่น
“เดี๋ยวกูจะลงมา คอยสักครู่”
ยังไม่ทันที่จะได้ทันท้วงติง เข้ วังแดง ก็ข้ามถนนไปคล้ายมีเจตนาปรารถนาเมิน สีหน้าที่หมองคล้ำอยู่แล้วยิ่งคล้ำปนดำหนักเข้าไปอีก ลมจากปากระคนเสียงถอนหายใจขณะที่เขาใช้ท่อนแขนปาดเหงื่อบริเวณหน้าผากพรูออกมาอย่างลืมตัว เขาตะลึง ไม่คาดฝันในสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นไปไม่ได้? เขาเถียงใจตัวเอง เวลาสองปีเศษพลิกความหมายในค่าของความเป็น “เพื่อนแท้” ขนาดนี้ได้อย่างไรกัน มันอาจมีธุระตกค้างรีบกลับไปกระมัง? เขาสู้ปันจิตเข้าใจเพื่อนในด้านดี

บ่ายสองโมงตรง อดีตวัยรุ่นวังบูรพาอ่อนล้าไปทั่วเรือนกาย
“ไอ้เข้!” เขาอุทานแต่ดังจนตัวเองได้ยิน
อดีตวัยรุ่นตัวแสบผู้ละวิถีนักเลงก้าวข้ามถนนมายังเขา เอ๊ด หลังวัง ผวาเข้าไปหา ทว่าหงายเก๋ง! เมื่อเพื่อนเดินหลบเข้าไปในร้านอาหารร้านเดิมแล้วสั่งโอเลี้ยงนั่งกิน ภายในร้านยังมีผู้คนไม่ต่ำกว่ายี่สิบ เขาจึงไม่กล้าที่จะหาญตามมันเข้าไปในร้าน ยังคงเตร่รอหวังว่าไม่นานมันคงออกมา ซึ่งก็จริง ไอ้เข้ดูดจนน้ำโอเลี้ยงหมดแก้ว

ทันใด…มันเงยหน้าขึ้นประสานตาเขา มือขวาคว้าจับก้อนน้ำแข็งขึ้นมาทั้งกำมือ ทั้งลมปากและน้ำแข็งปลิวตามเจตนาผู้เป็นเจ้าของ
“ไป…! ไอ้ขี้ยาอย่างมึงไม่ใช่เพื่อนกู”
คนในร้านตระหนก…น้ำแข็งปลิวปะทะใบหน้าเขาอย่างจัง จอมประลัยกัลป์ยืนซึม กรามทั้งคู่บดกันจนเป็นสัน ดวงตาวาวโรจน์จ้องอยู่ที่ เข้ วังแดง…. โดยที่สายตาคนในร้านทั่วไปยังจ้องจับอยู่ที่ร่างผอมโกรกหน้าร้านนั่นอยู่…

ยานพาหนะวิ่งสับสนไปมาบนถนนน่าปวดกบาล ส่วนเขาม่านตาเริ่มพร่าลางเรือน ชายทรชนหลั่งความขมขื่นใจอันเจ็บปวดอย่างรวดร้าวไม่มีอะไรเทียบ ก่อนจากเขาหลุดปากได้แต่เพียงว่า #เพื่อน ด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าดั่งจะสิ้นใจ

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลงโต
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : อันธพาล
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: