3941.โก๋ หลังวัง “วัยรุ่นประลัยกัลป์” ตอนที่ 9 (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

โก๋ หลังวัง “วัยรุ่นประลัยกัลป์” ตอนที่ 9 (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

ใครจะล้วงเข้าไปถึงห้วงลึกในหัวใจนักเลงอย่างเขา

ต่างได้แต่คิดว่า กลุ่มนักเลง ม้าเก็งเอ๋า ต้องการยึดอาณาจักรเถื่อนไว้ในอุ้มตีน ทั้งๆที่ไม่มีปัญญา การกระทำอันฉาวโฉ่ที่ สุมาอี้ กระทำแก่รุ่นพี่มีทั้งเก็บตาย ตลอดจนตบหน้าสั่งสอน ส่วนรุ่นใหญ่ต่างไม่กล้าเป็นบันได เสี่ยใหญ่เจ้าของ “สุวิทย์ภัตตตาคาร” ปรึกษากับ เอ๊ดหลังวัง ในตอนเที่ยงของวันหนึ่งภายในห้องพักภัตตาคาร

“กลุ่มพวกเราจะรับจ้างงานไม่ได้”

“เสี่ยมีเหตุผลหรือ? จู่ๆหากมันมาเก็บค่าดูแลหรือคุ้มครองที่เราบ้างมิกลายเป็นการหักหน้ากันหรือ สำหรับน้องมันหากมัวคิดว่าจะต้องติดลบกันอยู่อีก ก็ช่วยไม่ได้”

“อย่าเพิ่งแสดงอะไรทั้งสิ้นดีกว่า มันมาก็ให้มันไป”

แล้วน้องนักเลง ม้าเก็งเอ๋า ก็เข้าบ่อนของเสี่ยสุวิทย์ไถเงินไปตามที่เจ้าของกิจการสั่ง เอ๊ด หลังวัง ขมหัวใจนัก มนุษย์อย่างเขาถูกย่ำหัวใจ ถูกเยือนถึงถ้ำแต่ขย้ำใครไม่ได้ “นี่หรือวะ อิสระของนักเลง!” เขาถามใจตัวเอง

หลายวันผ่านไปอย่างเคย ศรีมาย ซึ่ง เอ๊ด หลังวัง ย้ายมาอยู่ฝ่ายภัตตาคาร เธอก็ทำหน้าที่รีเซฟชั่นกับนักเลงพนันได้ดีเสียเป็นส่วนใหญ่ เสี่ยสุวิทย์ถึงกับออกปากชม และหลายวันที่ผ่านมา ศรีมายไม่ได้นอนอยู่ห้องใครทั้งสิ้นนอกจากห้องเขา เพราะมีสองเตียงซึ่งเรื่องนี้ใครจะไปตรัสรู้ว่าทั้งคู่จับคู่ตุนาหงันกันตั้งแต่คืนแรกหรือยัง?

ยิ่งทั้งคู่ไม่แสดงออกแต่บางเวลาความอาทรถึงกัน มันทำให้เธอหมดกำลังใจแต่งตัวหากเขาไม่ขึ้นมาบอกหรือบางคราวเขาไม่กลับห้องนอนเธอเคยเดินหาเขาจนสว่างคาตา จึงต่างไม่มีใครรู้ในหัวใจกันและกัน ทางด้านกิจการค้ากามโลกีย์ของทาง บังโบลิ่ง ถึงจะมีผู้ช่วยชั้นดีอย่าง ด้องคลอยเตย สิงห์ไผ่ตัน และ หมีท่าเรือ ร่วมเกมแต่ไม่ร่วมมือ โดยใช้ระบบปกครองเด็กทำเมีย การปกครองก็เลยพัง ว่ากล่าวตักเตือนกันไม่ได้ ทุกนางมักอ้างกูเมียพี่ด้อง? บ้างเมียพี่สิงห์? แล้วก็เมียพี่หมี?

เมื่อสามนักเลงสลัมมัวแต่มั่วกับเด็ก กิจการก็ตกต่ำ บัง โบลิ่ง ได้เตือนทั้งสามองค์ด้วยความหวังดี แต่ไม่มีใครใส่ใจ เขาคิดเสียดาย ต้อยเทวัญ กับ ดำม้าเหล็ก ขึ้นมาทันที เมื่อเลี้ยงให้ดีไม่ได้ก็ต้องกำจัดทีละองค์….เพราะขืนไล่ออกจากกลุ่ม เรื่องที่ปกปิดจะทำให้กิจการพังเพราะหากมันปากสว่าง

“นักเลงโบลิ่ง…” กำหนดแผนไว้บนกบาลเรียบร้อย เขาจัดการพิมพ์จดหมายท้าทาย ต้อยเทวัญ กับ ดำม้าเหล็ก ออกตัดสินการดวลกับสามนักเลงสลัม อดีตอินทรีขาว ดำ ม้าเหล็ก กับ ต้อย เทวัญ ปวดซ้ำตั้งแต่เรื่องเก่ามาจนบัดนี้ เมื่อมีการคิดบัญชีตามจดหมายท้า เป็นอันได้กัน!

นักเลงก็ลงเอยอีรูปนี้ทุกราย ใครท้าทายไม่ได้ ทั้งๆที่ควรหาเหตุผลเสียก่อน ต้อย เทวัญ กลับตอบรับคำท้าทายทันควัน บัง โบลิ่ง เองเมื่อเดินแต้มได้ตามเกมเขาไม่หยุดแค่นั้น ยังสร้างเกราะป้องกันตัวเองโดยบอกกับ เอ๊ด หลังวัง ว่าศึกของทั้งสองฝ่ายต่างท้าทายกันเอง แต่แรกที่เขารู้ข่าว เขากังวลใจแทนสหายอย่างยิ่ง พอได้คิดว่าไอ้ต้อย เทวัญ กับ ดำ ม้าเหล็ก ไม่ใช่นักศึกษาในรั้วอินจิเนียร์แล้ว ต่างเป็นนักเลงปืนเป็นคนของเจ้าพ่อวงเวียนยี่สิบสองกรกฎาฯ ก็เลยสิ้นห่วง คิดเสียว่าถ้าเพื่อนโง่แต่ยังเสือกเดินอยู่บนถนนของความฉิบหาย! เมื่อไหร่ล่ะถึงจะได้ดี?

มีทางเดียวเมื่อชั่วก็มุ่งเอาดี “บนหนทางชั่ว” อย่างเนรคุณต่อชาติเป็นใช้ได้ สมัยนั้นย่านพหลโยธินเปลี่ยวจัด จนเป็นข่าวเกรียวกราวว่า ผีดุ! สมัยนี้เป็นสาวสังคมระดับ วี.ไอ.พี. ไม่ใช่ชานเมืองเยี่ยงสมัยก่อน จึงคงพอจะนึกภาพออก

สิงห์ไผ่ตัน กำเนิดจากที่นั่นจากสลัมย่านพหลโยธินและวัดไผ่ตัน ตีต่อยกันอยู่ในอาณาเขตของเขาจนระบือ มาครั้งนี้สำหรับงานล้างความอับยศมันจึงเป็นคนนัดสถานที่เอง และเลือกเอาถิ่นของมันเองนี่แหละ ถ้าถือตามประสานักเลง เขาเรียกกันว่า..หาแดกไม่พ้นถิ่น

ซึ่งก็ถือเป็นธรรมเนียบ และสันดานของมนุษย์โลกที่ต้องเห็นแก่ตัวไว้ก่อน ไม่ถือว่าเป็นการเอาเปรียบ เมื่อเลือกโง่ ก็เสียค่าโง่ไปสิ?

ห้าทุ่มเศษ…เหตุร้ายบนถนนพหลโยธินเกิดขึ้นแล้ว เมื่อรถเก๋งสองคันวิ่งเข้าชิดขอบทางคนละฝั่ง ทุกคนที่อยู่ภายในรถของทั้งสองคันทะลักออกจากประตู ดำม้าเหล็ก อินทรีขาวเมืองฝิ่น สับไกปืนไปยังจุดดำที่เห็นขวักไข่วอยู่เบื้องหน้าทันที เสียงกระสุนปืนนัดแรกระเบิดกึกก้องจากนั้นก็วุ่นวายไม่ต่างท่านรองฯ พุฒ บูรณสมภพ บรรยายไว้ในหนังสือที่ท่านเขียนตอนมีงานฆ่าสี่อดีตรัฐมนตรีนั่นเทียวงานนี้จะเป็นรองอยู่บ้านที่มิได้เป็น “งาน” ระดับชาติ

ต้อยเทวัญ รวดเร็วราวพังพอนไพร เขาถลาเข้าแนบตัวเองกับเสาไฟบนบาทวิถี รอดกระสุนหัวทองแดงของฝ่ายนักเลงเจ้าถิ่นได้อย่างเย้ยนรก!! พระสยามเทวาฯ…ฟ้าคืนนี้ ก่อนเกิดเสียงปืน ดวงจันทร์ยังส่องแสงเรื่อเรือง บัดนี้เมฆบังจันทร์!? ลมกลางคืนโกรกผ่านประตูใยฝุ่นแผ้วพานมาปะทะให้อดีตเยาวชนของชาติล้างผลาญกันเพราะยังเป็นชาติด้อยพัฒนามาสองร้อยปีเศษเท่านั้น

ห้านาทีก็นานพออยู่แล้วสำหรับการตัดสินกันด้วยลูกปืน ผลปรากฏว่าเจ้าถิ่น สิงห์ ไผ่ตัน เป็นศพและถูกทิ้งไว้ที่นั่น ส่วนพรรคพวกตะบึงรถหนีอย่างขวัญบิน และในกลุ่มสิงห์ทิ้งการตายโหงนั่นให้เป็นเรื่องของสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ เหมาเอาไปตามหน้าที่ งานนี้เท่ากับช่วยเสริมสร้างบารมีให้ ซาเก๊า กระฉ่อนขึ้นไปอีกสำหรับนักเที่ยวในวงการเมื่อมือคุ้มกันฆ่ากันเอง

อุกาบาตมหาประลัยจากทุกถิ่นต่างพร้อมสร้างความพินาศให้แก่ชีวิต และทรัพย์สินตามบัญชาเจ้าพ่อสืบไป เอ๊ดหลังวัง พอรู้ข่าวว่าเพื่อนชี้ประสบชัยเขาก็ได้แต่แอบชื่นใจ หลังจากกลับเข้าห้องนอนและดวดเหล้าเสียจนเพียบ ปากลั่นโวหารจนศรีมายซึ่งนอนอยู่อีกเตียงฟากหนึ่งพลิกร่างกลับมาจับตาดูดาวดังวังบูรพาออกโขน

“ตลกฉิบหายโว้ยเงิน! แล้วก็สนุกฉิบหายเลยที่เกิดเป็นคน!?”

“พี่เอ๊ด!” ศรีมายร้องเรียก

“พี่ไม่ได้เมา” เขาตอบทั้งๆ ที่น้ำเสียงบอกว่ามึน “วันนี้พี่ซื่อกระรอกเผือกจากชาวสวนเขามาเห็นตัวมันเล็กน่ารัก กะว่าจะใช้เวลาเลี้ยงมันให้เชื่อง ไปไหน, ไปกัน มึงกับกู ไอ้เผือก”

เอ๊ด หลังวัง อยู่ในห้องกับสาวสวย แต่ดันไปพูดสัตว์แสนเปรียว เลยเจอจวกจากฝ่ายตรงข้ามจังเบอร์

“ศรีมายเป็นคนบ้านนอกอยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ชนิดนี้จนพอรู้นิสัย พี่เอ๊ดมีเวลาอยู่ให้ความคุ้นเคยกับมันสักกี่ชั่วโมงกันถึงจะเลี้ยงมันเชื่อง แล้วศรีมายที่พี่ซื้อมาคนนี้จะเลี้ยงเชื่องไหมเอ่ย?”

ขี้เมาหลังวัง ตาสว่างเขาเดินพยายามให้ตรงและปรี่เข้าไปกาเธอ จูบเบาๆที่หน้าผากบ่งอาการทะนุถนอม

“เหม็นเหล้าหึ่งเลย…คืนนี้ขอเกริ่นเสียก่อนว่าเหล้านอนกับเจ้าของ ส่วนศรีมายนอนอย่างเคย”

“ไม่ยุติธรรมอีกทั้งเป็นการข่มเหงน้ำใจกันโดยอ้อม”

“งงใหญ่แล้ว? ไหนลองแถลงสักนิดได้ไหมพี่…”

เมาเสียอย่างเล่นลูกตื๊อ ตื๊อลูกเดียวครู่ใหญ่นีเซฟชั่นสาวของ ‘สุวิทย์ภัตตาคาร’ ก็ครางครวญอย่างมีความสุข

หนุ่มสาวอาบน้ำรักและน้ำการประปากรุงเทพฯ เสร็จ เอ๊ดหลังวัง ก็สร่างมึน เขานอนลืมตามองเพดานมองทุกสิ่งทุกอย่างที่ประดับประดาอยู่ในห้องนอนเขาแล้วละลายปัญญา
เสี่ยสุวิทย์มีทุกสิ่งทุกอย่างบำเรอสุขแก่ตัวเขา มีบ้าน มีรถ และมีเงิน ทว่ามันก็หาใช่สมบัติของเขาสักนิดมันเป็นวัตถุกำมะลอ ยกยอให้เขาระห่ำสร้างความมั่งคั่งร่วมกับนายทุนท่ามกลางความวิปโยคของคนจนค่อนประเทศ

วิกาลยิ่งวังเวง ความคิดเพิ่มความสับสน

“ทำไมยังไม่หลับเสียที” เสียงหวานดังขึ้นในความมืด

“ศรีมายหลับเสียเถอะ หลับให้สบาย”

เขาตอบให้กำลังใจคู่นอน ส่วนตัวเองดวงตายังคงเหมือนดาวรุ่งค้างฟ้าส่องเพดานห้องอยู่นั่นเอง

ปวงทรชนเอย ดาวดังหลังวัง ปรารถนาบอกทุกๆ คนที่กำลังรอเดินทางไปยังจุดหมายที่สิงห์ ไผ่ตัน เพิ่งจะไป เขาอยากให้อำนาจเสียงของเขาก้องกังวานดั่งระฆังชัย แล้วตะโกนไปทั่วหมู่คนหลายสิบล้านคนที่ยังเป็นเยาวชนในเจ็ดสิบกว่าจังหวัดว่าตราบที่ยังดำรงศรีศักดิ์ว่าเป็นคนเก่ง เป็นเด็กดังระดับประเทศนั้น จะต้องเซ่นสังเวยกันอีกหลายสิ่งในสรีระของตน เลือดอาจต้องอุทิศให้กันชีวิตก็เช่นกัน แต่ใครจะเหลียวมามองบ้างว่า ค่าของชีวิตที่เกิดมาเป็นคน…เราทำดีได้แค่นั้นหรือ? เขาจากอ้อมอกแม่ ปล่อยให้แม่ทุกข์ระทมรอคอย

ในห้องที่คนหนึ่งลืมตาคิดกระเจิดกระเจิงอีกหนึ่งก็ไม่หลับ แต่ไพล่คิดถึงชีวิตตัวเองเช่นกันนับแต่ก้าวแรกที่เธอเข้ามาขายตัว ชีวิตเธอเหมือนมีแต่ชีวิต ไม่มีจิตใจ! คล้ายมายา

จอมประลัยกัลป์เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเธอ ด้วยคุณธรรมของนักเลงปลุกปลอบชี้ให้เห็นถึงผลได้ผลเสียก่อนที่เธอจะขายตัวหรือ ‘ดื้นแพ่ง’ จนถูกโทรมข่มขืน หลังจากนั้น ศรีมายก็ขายตัวเป็นอีตัวเกรดสูง จน เอ๊ด หลังวัง ขอตัวจากเจ้าของกิจการให้มาอยู่ช่วยเขา น้ำกรดหรือยาพิษ ซึ่งแต่ก่อนเธอเคยได้รับการข่มขู่บัดนี้เธอห่างไกลมาจนคิดว่าเงินก้อนที่ต้องชดใช้นั้นคงไม่เกินปีหน้า เขาเคยบอกเธอว่า ความหึงหวงมีอยู่แม้แต่สัตว์! แต่การสำแดงของ เอ๊ด หลังวัง คือปลงทุกสิ่งไว้กับใจตน คิดว่าศรีมายมิได้เกิดมาเป็นสมบัติของตน และในข้อนี้เองที่อดีตวัยรุ่นชนะใจสาวงามอย่างสะอาด การรักนวลสงวนตัวของศรีมายนั้น จึงพึงระวังในการวางตัวนัก

ทางฝ่าย ซาเก๊า กับ เฮียเหลา ระยะหลังนั้นอิทธิพลทางสีกากีนั้นลดลงอย่างมาก ไหนผู้หญิงถูกจับ บ่อนเจอซิว ทางด้านยาเสพติดโดยเฉพาะ ซาเก๊า ถูกมรสุมจากหน่วยป้องกันและปราบปรามยาเสพติดถล่มจนประเมินราคาค่าเสียหายไม่ออก

มือรองซึ่งเคยจำหน่ายเฮโรอินออกทั่วประเทศอย่าง เจ๊หนีบางรัก เจอแจ็กพ็อต จับได้เฮโรอินของกลางจำนวนล้าน เจ้าตัวเลยจำต้องหนีออกต่างประเทศ ตราบที่ยังเป็นทรชนไม่เลือกชาย-หญิง ชีวิตย่อมไม่มีวันพบสันติสุข ไม่ล่าคนก็ต้องถูกคนล่า?

ถนนทรชนไม่เคยมีทูตแสวงหาพันธมิตรอย่างจริงใจ หรือไม่ต่างลิ้นนักการเมือง เมื่อถึงวาระที่ต้องเฟื่องฟูแล้วหลายคนอาจสารพัดนึกทั้งแก้วแหวงเงินทอง ไม่มีใครอาทรถึงกำหนดดับ เสี่ยสุวิทย์รุ่งก่อนจอมอิทธิพลทุกรุ่น แต่ก็ประมาทคู่แข่งทุกหน้าอยู่ในที เขาจึงพลาดและหมดโอกาสเสียใจ

ค่ำวันนี้ธุรกิจเถื่อนทุกประเภทกำหนดการไหลเวียนเงินตราสะพัดอย่างเคย เวียนวังแดง และ ขวัญศรีเมือง ทั้งหมดแทบซ็อกคาหูโทรศัพท์เมื่อได้รับแจ้งข่าวร้ายว่าเสี่ยสุวิทย์ถูกยิงตายคาร้านข้าวต้มเยาวราช

เอ๊ด หลังวัง สั่งให้ทุกคนปิดข่าว ส่วนตัวเองกับ ขวัญ ศรีเมือง มุ่งไปยังที่เกิดเหตุย่านไชน่าทาวน์ หลังจากกองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจนำศพเสี่ยสุวิทย์ไปแล้ว คืนนั้นประมาณตีสามเขากับเพื่อนซี้จึงแยกกันเข้านอน และทั้งเขากับศรีมายต่างไม่ได้พูดกันถึงชะตากรรมของเสี่ยเลย หญิงสาวเองก็รู้สึกเคว้งคว้างจิตใจอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้สึกคล้ายกำลังถูกทอดทิ้ง

จอมประลัยกัลป์กระแทกเหล้าเพียวๆ อย่างไม่ยอมให้มีเศษส่วนที่ไม่ใช่ความมึนเมาเจือเข้าไปเลย การตายของเสี่ยคนดังนั้น ยุทธจักรมือปืนรับจ้างกำลังจ้องตาไม่กะพริบโดยไม่เลือกคนนั้น,ค่ายใด,กลุ่มใด ที่แน่ๆ ของตายจะต้องเป็นคำสั่งฆ่าจากเบื้องบนของกลุ่มกุมารจีนอย่างเด็ดขาด และต้องมีการคุ้มกันมืออาชีพนั้นทุกขั้นตอนก่อนลงมือ งานนี้สถานีตำรวจนครบาลจักรวรรดิ์ ทำเรื่องดำเนินคดีไป

ส่วนงานล้างแค้นคงยุติลงยาก เอ็ด หลังวัง ทิ้งตัวเองลงบนฟูกอย่างแรง เขานอนพาดขวางเตียง มือขวายกขึ้นก่ายหน้าผาก

“พี่เอ็ด!” ในความเงียบ ศรีมายเอ่ยเรียกเขา

อดีตวัยรุ่นหลังวังดีดตัวเองลุกขึ้นนั่ง มองไปยังร่างข่าวผ่องของคู่นอน กล่าวอย่างอ่อนใจในน้ำเสียง

“ศรีมาย เธอจะเป็นไท มีอิสระได้กลับบ้านเธอควรจะดีใจ หลายคนที่บ้านต่างรอคอยเธอ”

“แล้วพี่เอ็ดละ พี่คิดอย่างที่พูดกับศรีมายบ้างไหม?”

“อยากคิดแต่ทำไม่ได้” เขาร้อยวาจาทางถ้อยคำและสีหน้า หญิงสาวลุกก้าวมาหาเขา ทรุกนั่งลงบนเตียงเดียวกัน เธอตับแขนเจายกขึ้นซบหน้าลงกับหัวไหล่กล่าวกระซิบเบาๆ

“พี่เอ็ดมีโอกาสดีกว่าศรีมายอีกจ๊ะแต่มันอยู่ที่ว่ามือพี่จะไม่จับต้องอาวุธได้หรือไม่เท่านั้น”

เขาเชยคางอดีตโสเภณีขึ้นสบตา จูบที่ผิวแก้มบางเบาพร้อมกับกระซิบ

“อะไรทำให้ศรีมายคิดว่าพี่ควรเลิกอาชีพนี้”

“รักกับห่วงจ๊ะ!” เธอยืนยันหนักแน่น

เขาถอนหายใจพรูอย่างสะท้าน บอกให้เธอลุกไปปิดไฟใหญ่ เปิดแต่โคมไฟสีเขียวตรวกึ่งกลางชั้นระหว่างเตียงสองเตียง ศรีมายทำตามที่เขาสั่งทักประการ ในขณะเดียวกันเธอก็เปิดตู้เย็นยกน้ำเย็นในขวดเทลงแก้ว เอ็ด หลังวัง จับตามองอิริยาบถของเธอตลอดจนกระทั่งเธอกลับทายื่นแก้วน้ำเย็นให้

“ผู้ชาย…ในโลกของผู้ชายทำไมยังจะมีการฆ่าฟันกันอยู่อีก ในเมื่อต่างคนต่างก็แข็งแรง?” หญิงสาวเปรยอย่างคนกร้านชีวิตกลาวคืนหลังจากเขารับแก้วน้ำเย็นไปแล้ว

“เพราะต่างไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักกับความพอเพียง! เหมือนผู้หญิงอยากสวยอยากสาว และไม่เคยห่างกระจกนั่นแหละ” เขาตอบชัดเจนพร้อมกับพาดหัวลงบนตักของศรีมายขณะระบายความในอก

“เธอเชื่อไหมการถูกยิงตายของเสี่ย จะต้องลุกลามอย่างน้อยเสี่ยวิโรจน์น้องชายก็เป็นคนใจถึงพี่เป็นใคร…ส่วนใหญ่ต่างรู้ว่าเป็นคนสนิทของเสี่ยเมื่อกลุ่มตัวเองมีอันอับปาง ศรีมายคิดว่าพี่ควรทิ้งพวกเพื่อนๆ อย่างที่ลูกผู้ชายเขาทำกันหรือ?…เอ็ด หลังวัง คนนี้ไม่ใช่คนเก่ง ไม่ใช่คนไม่มีเลือดเนื้อ กรือจิตใจเช่นนั้นกระมัง? ศรีมายคนอย่างพี่รู้จักประมาณไม่หลงตัวเอง คอยส่องกระจกดูเงาหัวตัวเองเสมอ ทว่า….”

เขาหยุดยกมือศรีมายขึ้นมาบีบเบาๆ และเอ่ยต่อเสียงกระซิบ

“พี่ได้รับคำตอบแล้ว”

“พี่เอ็ดได้คำตอบจากตัวเองใช่ไหม”

“ใช่…คำตอบของคนเถื่อนที่ปรารถนาความทารุณของชีวิตสืบไป พี่เลือกและได้ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะเอาดีบนหนทางชั่วนี้ให้ได้!…อย่าเสียใจอะไรเลยกับไอ้นักเลงปืนที่ไม่รู้วันตายหรือจุดจบ! ศรีมายยังต้องเผชิญชีวิตต่อไปหากคิดมีคู่ ประสบการณ์ของเธอพี่หวังว่าเธอคงจะเลือกผู้ชายที่ดีกว่าพี่ได้”

สิ้นคำเขา ศรีมายสะบัดแขนออกจากมือเขาแล้วสะบัดน้ำเสียง

“พี่เอ็ดพูดด้วยความจริงของลูกผู้ชาย ทีนี้ศรีมายขอพูดตามความรู้สึกของลูกผู้หญิงบ้างได้ไหม?”

“โอ.เค. พูดได้เลย”

“ขึ้นชื่อว่าลูกผู้หญิง ให้ก๋ากั่นขนาดไหนก็ตาม ย่อมมีรัก เมื่อศรีมายรักพี่ จึงรักอย่างลูกผู้หญิงคนหนึ่งภักดีต่อผัว แต่คำพูดของพี่กลับยุยงให้ศรีมายกลายเป็นผู้หญิงแระเภทไหน? หรือเป็นผญิงคนที่พี่เอ๊ดซื้อมาในฐานะโสเภณี?!”

จอมประลัยกัลป์รั้วชมพู-ฟ้านิ่งงันไป เมื่อได้ยินคำพูดซึ่งเหมือนรินจากหัวใจจริง ถ้อยคำที่รับรู่จากปากของคู่นอนเหมือนอัคคีเผาใจ เขาถอนหายใจหนักๆ อดีตอันอัปลักษณ์ที่เขาปล่อยให้บรรดา กระจั๊ว โทรมเพราะเธอไม่ยอมหาเงิน อีกทั้งยังทรมานเอาเนื้อตัวเสื้อผ้าของเธอป้ายอุจจาระพร้อมกับกักขัง…มันทารุณแค่ไหน?

เอ๊ด หลังวัง โอบรอบบริเวณเอวของศรีมาย พูดคล้ายครางจนชิดหู

“ชีวิตเธอกับพี่ไม่ต่างกันหรอก ผิดแค่เพศที่ธรรมชาติสร้างมาไม่เหมือนกันอย่างเราหญิงร้าย-ชายชั่ว ควรเป็นสมบัติของกันและกัน”

จมูกของเขาซบอยู่ที่ซอกคอเธอ ศรีมานสะอื้น กอดทรชนแน่น และต่อจากนั้น ร่างของชาย-หญิงก็เอนลงบนที่นอนอ่อนนุ่ม แต่มิได้ผละห่างจากกัน หากแนบสนิทคลุกเคล้าดุจพยายามผสานให้เป็นร่างเดียวในนาทีต่อมา กิเลสแห่งกามพลันโลดเถลิงไปตามครรลองของปุถุชน ซึ่งยังเวียนว่ายอยู่ในวังวนแห่งตัณหาราคะครบถ้วน….

ทางด้าน เฮียเหลา เจ้าของคาสิโนในย่านไซน่าทาวน์ เยาวราช ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง สุมาอี้ และ เก๊าตี๋ ไม่กล้าขยายแวดวงกว้างเพราะเกรงถูก เก็บ แบบเสี่ยสุวิทย์ เรื่องนี้สร้างความแค้นเคืองแก่สองพี่น้องจนแน่อก

พวกเขาสูญเสี่ยพี่ชายร่วมสายโลหิต เก๊าม้าเก็ง โดยไม่มีการแก้แค้นไม่ได้ แต่หนทางที่ตนจะได้สะสางบัญชีเก่านั้นนานเกินไป ทั้งคู่ตัดสินคิดแผนระยำทันที!

โรงแรมมิตรพันธ์ ย่านวงเวียนยี่สิบสองฯ อาณาจักรของเฮียล้อและซาเก๊า เริ่มมีการประชุมคิดวางแผนดำเนินการขยายอาณาเขตการคุ้มครองซ่อง, โรงแรม ตลอดจนจัดตั้งคาสิโนขึ้นเพื่อเทียบกิจการของเสี่ยสุวิทย์ผู้วายชนม์

สำหรับ เอ๊ดหลังวัง หลังจากน้องชายเจ้าของกิจการเถื่อนเข้ามาถือบังเหียนโดยไม่รับฟังคำปรึกษาจากเขาและพรรคพวกนอกจาก บังโบลิ่ง เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเขาควรไป วันล่มสลายจะต้องมาถึงเพราะ ‘รวยไม่เลิก ลืมคิดถึงว่าอาชีพเยี่ยงนั้นเหมือนนั่งอยู่บนรังระเบิดไม่ใช่ตักอีหนู ตรองด้วยเหตุผลเรียบร้อย เขานัดหมายสหายร่วมศึกเปิดหมวกอำลากันทั้งทีม เวียนวังแดง ขวัญเทวัญ เข้วังแดง พร้อมทั้งเขา ตลอดจนศรีมายอำลา สุวิทย์ภัตตาคาร ออกเปิดกิจการของตนเองทันทีที่ซอยอ่อนนุชซึ่งติด สน.พระโขนง แต่ลึกเข้าไปเกือบครึ่งกิโล (สมัย พ.ต.ท. ชาญ ชมะโชติ เป็นสารวัตรใหญ่)

งานเคลื่อนไหวของวงการนักทำธุรกิจเถื่อนเริมจับตามองไปที่เขาเมื่อกิจการค้าน้ำกามเฟื่องฟูสำหรับ เอ๊ด หลังวัง ก็มิได้ประมาท เขาได้เรียกอดีตเฟืองทอง ต้อยเทวัญ ดำม้าเหล็ก กับมาเสริมกำลัง

ไม่ยากกับการลาออกหรือเข้าสำหรับอาชีพ มือปืน ขอให้มีใจพยัคฆ์-ปืนเที่ยงคนเลี้ยงเยอะแยะ แต่ต้องฆ่าคนตามคำสั่งได้เจ้าพ่อขุนแน่!?

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลงโต
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : The Standard
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: