3835.โก๋ หลังวัง “วัยรุ่นประลัยกัลป์” ตอนที่ 3 (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

โก๋ หลังวัง “วัยรุ่นประลัยกัลป์” ตอนที่ 3 (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

บุหรี่ถูกจุดสูบเผาไปมวนแล้วมวนเล่า และมวนสุดท้ายเพิ่งมอดไปได้ครึ่งมวนไฟฟ้าสว่างจ้าจนนัยน์ตาพร่า พอปรับสายตาชินกับความสว่างประสานหูสัมผัสเสียงก้าวเดิน จึงละสายตามอง แต่ก็ต้องลุกพรวดอย่างกะทันหัน เมื่อเสียงนั่นเอ่ยชื่อเขา

“พี่เอ็ด!” ผู้มาใหม่อ่อนอาวุโสกว่าเขาเล็กน้อย

“แม่ให้มาตาม เราถูกไอ้ หมูพรานนก ยกพวกมาลุย มันแกล้งไล่คนไม่ให้ลงเรือ”

ร้อนเป็นไฟ! เขาพรวดลงไปหาเจ้าของข่าวร้าย ซักถามจนได้ความ จึงสั่งให้เด็กกลับไปก่อนส่วนตัวเองรีบขึ้นเรือผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ยังไม่ทันสับหวีลงบนหัวห้าวัยรุ่นก็ย่ำบันไดขึ้นมา ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์และหยอกล้อกันตามประสา

“เฮ้ย!? มึงจะแต่งตัวไปไหน” เข้วังแดง ถามขณะโผล่เข้าไปในห้อง

“เด็กที่ท่าเรือแม่กูถูกรังควาน”

“แล้วมึงจะไปคนเดียว?” มันกังขา

“เรื่องของทางบ้านกู”

“นั่นแหละ…มันก็เรื่องของกู และพวกกูเหมือนกัน…เฮ้ยพวกเรา เข้ามาดูไอ้เอ็ดทำอัปรีย์หน่อยโว้ย”

ทั้งสี่เฟื่องลูกพระวิษณุโผล่เข้ามาตามเสียงเรียกของไอ้เข้ เอ็ดหลังวัง ตัดปัญหาอย่างรีบด่วน

“ใครอยากไป เชิญ…เว้นไอ้ต้อยคนเดียว”
คนถูกห้ามกับคนถูกเชิญทำสีหน้างงเพราะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ไอ้เข้คล้องแขนไอ้ต้อยออกจากห้อง
“มึงไม่ต้องคิดอะไรนะเพื่อน ทุกอย่างเป็นเจตนาดีของมัน วันหนึ่งค่อยคุยกัน”

ห้าประลัยกัลป์นั่งแท็กซี่แหวกราตรีมุ่งหน้าสู่วัดกัลยาณ์ รวงรังของ เอ็ดหลังวัง โดยปราศจากการพูดคุยหยอกล้อดังเคย แท็กซี่สีเขียวเข้มจอดกึกระหว่างช่องทางเดินเข้าวัดกัลยาณ์ฯ เอ็ด หลังวัง เพ่งดวงตาจับนิ่งไปยังกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังเดินออกมา แล้วม่านตาของเขาก็ต้องเบิกกว้าง

“โซเฟอร์จอเอีกสีกครู่นะ ทุกคนอย่าเพิ่งลงไป”
เขาบอกสั้นๆพร้อมกับส่งเงินค่าโดยสารให้ก่อน
“ไอ้หมู พรานนก นี่หวา” ขวัญศรีเมือง หลุดปาก
“โซเฟอร์เดี๋ยวพวกผมลงจากรถแล้ว คุณออกรถทันที พวกเรากะจังหวะให้พวกมันคล้อยหลังก่อนไม่จำเป็นอย่าใช้อาวุธใช้ไม้ที่ค้ำแผงลอยนั่นคนละอันก็เหลือกิน”

วันรุ่นย่านพรานนกหลังจากก่อกวนทำร้ายเด็กๆแถวท่าเรือตลอดจนรังควานผู้โดยสารสมใจก็ลำพองเขาเดินนำบริวารผ่านท้ายรถแท็กซี่ไปได้ประมาณห้าเมตร

เอ็ด หลังวัง พยักหน้าให้ทุกคนลงจากรถปรี่เข้าคว้าท่อนไม้ติดมือกระโจนเข้าใส่วายร้ายวัยรุ่นผู้หาญรุกข้ามถิ่น โดยปราศจากการไหว้ครู กลุ่มวัยรุ่นพรานนกห้าหกคนเจอการจู่โจมอย่างฉับพลันเช่นนั้น ต่างหมุนหามุมหรือหารูลอดหนีก็ไม่อาจรู้ได้ ไม่ใช่นรกบรรลัย! หากแต่ หมู พรานนก กำลังฉิบหาย….เพราะเผชิญพรานล่าคนนามกระเดื่องไล่ต้อนจนหัวซุกหัวซุน บางคนพอดึงอาวุธขึ้นมาถือท่อนไม้ฟาดข้อมือจนร้องราวกับถูกกระแสไฟจี้

หลายองศ์ซึ่งเป็นบริวารของวัยรุ่นพรานนกหุบปีกฟุบคาอยู่ข้างถนนนั้นเอง ชาวบ้านร้านถิ่นชะโงกหน้าสลอนเพื่อชมการรำไม้หรือควงมีดของวัยรุ่นสองกลุ่มอย่างระทึกอกสั่น รวดเร็วแทบไม่มีใครเห็นเหตุการณ์….หมู พรานนก กระชากมีด เสือซ่อนเล็บ ออกสวนไม้ของ เอ็ด หลังวัง ชนิดตัดสินใจแลกได้-เสีย

เสียงร้องของไทยมุง, จีนมุง ชาย-หญิงดังเตือนสติจอบประลัยกัลป์วังบูรพาให้ฉากตัวออก อารามรีบร้อน เพราะแรงแค้นที่โดนกระหน่ำจนเลือกโชก มือมีดอย่าง หมู พรานนก ที่เคยได้รับการยกย่องในเชิงนี้กับเสียท่า ถลำตัว อ๊อฟไซด์ เข้าทางไม้ของ เอ็ด หลังวัง อย่างเต็มกอบเต็มกำ โดยเหมาะเจาะ เจ๋งเป้ง ตรงบริเวณที่สาวๆ ชอบเอาต่างหูห้อยประดับเพื่อความเก๋ไก๋พอดี ดาวดังเพื่อนซี้ของ ดำเอสโซ ร่อนไปคว่ำหน้าอยู่บนแผงลอยสิ้นฤทธิ์หมดลายโดยสิ้นเชิง ส่วนบริวารที่พอทรงตัวไหวอีกสองคนองค์พอเห็นลูกพี่คาเขียง เกิดอาการขี้ขึ้นสมอง เปลี่ยนรูปเป็นนักเลงร้อยเมตรวิ่งฝุ่นตลบลูกเดียว

“เอาน้ำราดไอ้สี่ตัวนี่ แล้วเฉ่งปี๋ให้เข็ด” ดำม้าเหล็ก อินทรีขาวผู้ถูกนักศึกษาเกษตรแม่โจ้ไล่ล่าจนต้องเตลิดเข้ากรุงแนะนำเสียงเหี้ยม
“อย่าเลยเพื่อน แค่เอาน้ำสาดให้มันฟื้นหาทางกลับบ้านก็พอแล้ว” เจ้าของเรื่องสรุปผล
“เออ ดีเหมือนกัน นึกว่าเป็นพระพุทธเจ้าผจญมารสักครั้ง เวียนวังแดง กล่าวประชด

วันเวลาผลักวันให้เดินแต้มของอายุและเวลาอีกเหมือนกันที่ฝันชีวิตคนจากหลังตีนลงสู่ใต้ดิน(ขออภัย)

ในระยะปีเดียวต่อจากวันที่ เอ็ด หลังวัง เชิดฉิ่งกับ หมู พรานนก เขาต้องบรรเลงศึกกำปั้นและศิลปะมวยไทยกับ แดงไบเลย์ ที่ร้านรุ่งเรืองโภชนา และค่ำวันเดียวกันเขายังเจอแหลมสิงห์เพื่อนซี้ แดง ไบเล่ย์ กระหน่ำคมมีดกระซวกท้อง จนต้องไปนอนพักให้หมอเย็บพุงอยู่โรงพยาบาลศิริราชแรมเดือน เมื่อบาดแผลหายสนิทพักฟื้นอยู่กับบ้านได้ไม่นาน หัวใจอันกักตุนความแค้นไว้แน่นอก ก็หาช่องกำจัดวายร้าย ไบเล่ย์ และแหลมสิงห์ทันที

กระทั่งถึงงานวันรำลึก เจมส์ดีน ที่โรงภาพยนต์กรุงเกษม เขากับห้าเฟืองทองไปรอพิฆาตคู่อริเต็มที่ แต่กำลังพลน้อยกว่าดาวดังวังบูรพาจึงต้องอาศัย ปุ๊ระเบิดขวด เข้าร่วมยุทธการละเลงเลือดในวันนั้น บุญหัวของ แดงไบเล่ย์ ยังไม่ซวยถึงขนาดจมเลือด เพราะดันกลับกลายเป็นศึกใหญ่ลุยกันทั่วโรงภาพยนต์จนเขาหาคู่แค้นไม่เจอ มันจึงกลายเป็นไฟสุมขอนให้ร้อนอกอยู่ร่ำไป

ณ โรงภาพยนตร์คิวส์ ในตอนเช้าของวันอาทิตย์ นอกจากเป็นแหล่งจำหน่ายสรรพสินค้าชักจูงผู้คนแล้ว วันนี้ฝูงชนกลับแน่นขนัดหน้าบริเวณลานกว้าง ระหว่างคิงส์กับแกรนด์ ทุกคนที่พลุกพล่านขวักไขว่กันจนลานตานั่นหาใช่ต้องการชมบารมีอันสูงส่งของนักการเมืองกินเมืองใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะบรรดาวัยรุ่นนับพันทั้งชาย-หญิงนั่นก็เช่นกัน พวกเขาก็ไม่ได้นัดหมายหรือมีจุดประสงค์มารวมตัวเพื่อขับไล่คนหน้าด้านในบ้านเมืองที่มานั่งเป็นใหญ่สร้างหนี้สิ้นให้ลูกหลานหรอก แต่เขามาเพื่อ ราชาร็อค เอลวิส เพรสลี่ย์ ในภาพยนตร์เรื่อง ร็อคในตะราง ต่างหาก…. งานนี้จึงประดุจการนัดพบของวงการวัยรุ่นทั่วกรุง

ร้านหรดี หลังโรงภาพยนตร์ควีนส์ ยังคงเป็นแหล่งสถิตโก๋ทุกถิ่น ทุกโต๊ะล้วนมีกลุ่มประลัยกัลป์ครอบครอง จอมประลัยกัลป์ชื่อดังแห่งยุค เสนอหน้าสลอน ทุกคนต่างรอเวลาภาพยนตร์ฉายรอบสิบโมงเช้า

กลุ่มของ ซาตี๋ น้องชายของราชาเฮโรอิน และเจ้าของบ่อนเถื่อนนำทีมกุมารจีนจากวงเวียนยี่สิบสองกรกฎฯ นั่งเต็มโต๊ะอยู่ด้านท้ายสุดติดผนังคอนกรีตของร้าน ต่างสนทนาพาทีกันตามประสา แสงแดดอ่อนรำเรืองเพราะฟ้าโปร่ง…แต่แล้วด้านล่างของใต้ฟ้าก็แรากฏกลุ่มวัยรุ่นย่านสวนมะลิเดินเข้ามาหาที่นั่ง เอ็ด หลังวัง กระซิบกับกลุ่มของตนหลังจากทัศนาหัวหน้าทีมชัดตา
“กูว่างานนี้มีการฉะกันแน่ เก๊าตี๋เจอพวกซาตี๋ลุยเละที่กรุงเกษม มึงคงจำกันได้”
ทุกคนปรายตาไปยังร่างของเก๊าตี๋ น้องชาย เก๊าม้าเก็ง ซึ่งก็เป็นดังที่คาดหมายของพวกวัยรุ่นวังบูรพา กลุ่มของซาตี๋วัยรุ่นวงเวียนยี่สิบสอง กรกฎฯ ผลุดลุกจากเก้าอี้ราวกับนัดกัน ประกายตาของเก๊าตี๋แตกประกายวับทันที
“ลุยทุกคนในโต๊ะ ไอ้ซาตี๋!!”
วายร้ายวัยรุ่นน้องชาย เก๊า ม้าเก็ง เป็นหัวหอกนำลิ้วเข้าหาวัยรุ่นวงเวียน พวกจอมประลัยกัลป์ภายในร้านอีกนับสิบถอยฉากยืนชมการราวีก่อน “ร็อคในตะราง” ของราชาร็อค จะถึงเวลาฉาย

นับเป็นครั้งแรกที่เก๊าตี๋ออกศึกนำทีมบริวารซาตี๋น้องชายราชาบ่อนเถื่อน ยาเสพติด ตกฐานะตั้งรับจึงถีบเก้าอี้ขวางทางการจู่โจม พร้อมทั้งฉวยเก้าอี้ว่างอีกตัวออกฟาดกระหน่ำผู้ที่แหลมเข้ามา เก๊าตี๋ เคยเป็นฝ่ายรองเมื่อครั้งพะบู๊กันที่โรงหนังกรุงเกษมในวันระลึก “เจมส์ ดีน” จนซ้ำทรวง มาถึงวันนี้กลับเจอคู่อริเขี้ยวตันฟาดเก้าอี้จนต้องถอยพัลวัน เอ็ด หลังวัง เปรยเบาๆ กับกลุ่มเพื่อนซี้
“เก๊าตี๋จะพัง เพราะเด็กของตัวเองใจไม่ถึง”

ฝูงชนย่านวังบูรพา ตลอดจนยานพาหนะเริ่มติดขัดจนการจราจรหยุดชะงัก ร้านหรดีนับว่าบรรเทาความฉิบหายไปได้บ้าง ที่นัดบู๊วัยรุ่นถอยออกนอกถนน

ยังไม่ทันถึงขนาดเป็นต่อกันในด้านยุทธจักร เริงสวนมะลิ เพื่อนร่วมถิ่นของเก๊าตี๋ ไม่รู้ผุดมาจากไหนเขานำกลุ่มวัยรุ่นบริวารของตนตีขนาบหลังน้องชาย ซาเก๊า จนต้องหลีกหลบตามบริเวณรถที่ติดเป็นขบวนอยู่บนถนน เก๊าตี๋ โล่งอก เมื่อพันธมิตรย่านสวนมะลิสนองใจ ละลายไฟแค้นในอกได้ทันท่วงที ซาตี๋ เห็นรูปการณ์เป็นรอง สมองเริ่มทำคณิตศาสตร์ระหว่างชุลมุน…กระไรเลยไม่มีแม้เงาของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง จู่ๆ เสียงปืนก็ดังสนั่นย่านวังบูรพา ร่างของซาตี๋ถลาเอียงวูบ!

วัยประลัยกัลป์นับร้อยกวาดตาหามือปืนจนทั่ว แต่ปราศจากวี่แววคนยิง เสียงเอะอะของกลุ่มวัยรุ่นวงเวียนดังขึ้น ขณะเดียวกันต่างรีบประคองลูกพี่โขยกออกทางซอกถนนด้านหลังเฉลิมกรุงพากันจับแท็กซี่ทะยานหนีการไล่ล่าจนรอดองค์ไปได้

โชคร้ายของฝ่ายล่าถอยยังไม่สิ้นเพราะไพร่พลที่ถูก “ยำ” จนลากสังขารหนีตามพวกไม่ได้เจอกลุ่มวัยรุ่นตาเสือกึ่งลากกึ่งจูงพาไปทางด้านหลังโรงภาพยนตร์ควีนส์ ลงมือจัดการโกนหัวแล้วฉีกเสื้อผ้าเอาสีทาทั่วตลอดจนหน้าตาด้วยสีแดง จากนั้นจึงไล่ให้เดินออกไปหน้าวังบูรพาโชว์บรรดาแฟนๆ ของเอลวิส เพรสลีย์

พฤติกรรมของเก๊าตี๋ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นที่ชิงชังของวัยรุ่นหลายกลุ่มแล้ว ราชายาเสพติดอย่าง ซาเก๊า จะต้องแค้นจนแทบกระอัก สำหรับเขาที่กล้าสร้างส่งบารมีตนเองถึงขั้นหยามเหยียบชาวนักบู๊เช่นนั้นก็เพราะบารมีพี่ชาย เก๊าม้าเก็ง ที่ยังเก่งไม่มีนักบู๊รายใดหาญทาบรัศมีเป็นแรงส่ง

เรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่ของสนุกสำหรับเด็กเล่นในโรงเรียน ลองถึงขนาดใช้ปืนหรือจับปืนในขณะที่เพิ่งทำบัตรประชาชน มิหนำซ้ำยังกล้าระเบิดกระสุนหมายฆ่า จึงควรถือได้ว่าพวกเขากล้าเก่งและใจใหญ่เกินตัวเสียแล้ว (ในยุคนั้น)

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลงโต
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : อันธพาล
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: