3833.โก๋ หลังวัง “วัยรุ่นประลัยกัลป์” ตอนที่ 1 (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

โก๋ หลังวัง “วัยรุ่นประลัยกัลป์” ตอนที่ 1 (เขียนโดยสุริยัน ศักดิ์ไธสง)

การมีชีวิตอยู่ของคนควรแก่การสั่งสมอะไรไว้บ้าง? ใช่สิ…เมื่อโผ่ลออกมาลืมตาดูโลกพ้นสภาพทารก ก็ควรรับใช้ชีวิตโดยการสร้างความดีไว้เพื่อเกียรติประวัติ หวังเป็นรัฐบุรุษ, วีรชน หรืออย่างน้อยก็อยู่ในฐานะผู้ปรารถนาดีต่อประเทศชาติ เสียสละส่วนเกิน ชดเชยแก่ส่วนที่ขาด

เป็นอนุสาวรีย์ในดสวใจแห่งการรำลึกถึงของชนรุ่นหลังแต่บังเอิญชีวิตเกิดคว่ำไม่เป็นท่า แม้ควรแก่การเสียดายก็จริง ทว่าไม่ได้หมายถึงว่าจะต้องเสียใจ-เสียคนไปจนชั่วชีวิตล้มแล้วลุก ปลุกความฉับไวแก่ชีวิต เสริมสร้างกำลังใจให้ห้าวหาญคล้ายทหารชาญสงครามเพื่อแสวงหาความสำเร็จอย่างองอาจอีกครั้ง

อย่าอยู่อย่างหน้าด้าน พร้อมรับคำด่าทอเช่นนักการเมืองบางท่าน หรือจอมเผด็จการบางคนในอดีตเพราะการกระทำของคนพวกนั้น ความฉิบหายมิใช่เกิดแก่เขาหรือทายาทกลุ่มตลอดจนพวกพ้อง แต่มันเกิดกับชาติไทยทั้งชาติ

อันหมายถึงความอัปลักษณ์ง่อยเปลี้ยของสังคม ไม่ต่างการทารุณลูกหลาน ให้คลานถอยหลัง หยุดความเจริญเติบโตสิ้นเชิงดังที่กล่าวมา กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร…. คือสักขีพยาน…

เอ็ดหลังวัง เติบโตมาท่ามกลางระบอบประชาธิประไตยของนักปฏิวัติตลอดกาล จอมพล ป.พิบูลสงคราม กระบอกปืนไม่ใช่กระบอกไฟฉาย มันจึงเกิดยุคมืดอันยาวนาน ให้เยาวชนมืดบอดทางปัญญา

คำ่วันหนึ่ง…..
เอ็ดหลังวัง เอะใจที่ เวียนวังแดง ข้ามเรือมาหาเขาด้วยสีหน้าอมทุกข์ กระนั้นยังไม่วายหยอกล้อ ปล่อยให้เพื่อนยืนอยู่เบื้องหน้าโดยไม่ถามไถ่

“ไอ้เหี้ย! กูมาหา มึงทำไมไม่มอง”

“เอ้า…กูจะไปรู้ได้อย่างไร มึงมาหากูแต่เสือกทำเป็นใบ้”

วัยรุ่น วังแดง ฉุกกึกตามอารมณ์ ดาวดัง หลังวัง หัวเราะลั่นขณะจูงแขนเพื่อนไปยังท่าน้ำของวัดกัลยาณ์ฯ

เจ้าพระยายามราตรีในอดีตเงียบขรึมอย่างสะอาด นานๆ ครั้งจะได้ยินเสียงเรือยนต์แว่วผ่านไปมา

“มีเรื่องอะไรวะ ถึงเหาะมาหากู” เขาถาม

“นี่ยังไง มึงอ่านดูเอง” ตอบพร้อมกับส่งโทรเลขให้

อ่านข้อความโทรเลขจบ ความครึกครื้นหายสิ้น เขาถือกระดาษชิ้นนั้นเดินวนไปมา

“วันนี้มันโดดเรียน กูไปหาที่วัดถึงได้รู้เรื่องสงสารมันว่ะ ถ้าเหี้ยเหมือนกู ไม่เรียนก็ไม่แคร์”

“ทำไมมาบอกกันตอนนี้”

“มึงจะมาถามกูหาหอกอะไร หาทางออกดีกว่า”

“เงินเท่าไหร่”

“เก้าร้อยห้าสิบบาท”

“จมเขี้ยวเลย แม่กูวิ่งเรือข้ามฟากสามลำทั้งวันยังได้พันกว่าบาท เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวกูจะให้เด็กไถเหล้าทุกๆร้าน แล้วมึงเอาไปขายพรุ่นี้เช้าพบกันหน้าโรงเรีนย”

“ก็ได้…ช่วยมันหน่อยเถอะวะเพื่อน”

เด็กดังวังแดงย้ำ ปล่อยให้ เอ็ดหลังวัง เดินเรื่องแต่เพียงลำพัง ส่วนตัวเองนั่งคอยอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ เบิ่งตามองฝั่งกรุงเทพฯ ที่ระยับแสงสีด้วยทีท่าอันเหม่อลอย

ตีห้าเศษ…เขาลุกจากที่นอนอย่างเร่งรีบไม่รอแม้กระทั่งจะเก็บผ้าห่ม เสียงเรือยนต์ของแม่ดังกระหึ่มอยู่หน้าบ้าน ซึ่งห่างจากท่าน้ำไม่ถึงยี่สิบเมตรเขาคว้าเสื้อยืดสีทึบๆ พาดไหล่ก้าวลงชั้นล่าง เอาน้ำลูบหน้าใช้ผ้าเช็ดใส่รองเท้าผ้าใบสีขาวเสร็จก็เสด็จมายืนเตร่อยู่ท่าน้ำ

พอเรือออกเขากระโจนลงทางด้างท้ายยืนสวมเสื้อ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งวาบเพราะลืมเหล็กขูดชาร์ป อาวุธคู่ใจ

เรือแล่นพ้นจากท่าเกินกว่าที่เขาจะกระโดดกลับขึ้นไปได้จึงตัดสินใจไปหาเอาข้างหน้า ลมเย็นกลางลำน้ำเจ้าพระยาไม่ได้ช่วยให้เขาคลายความรุ่มร้อนกระวนกระวาย เหล้าครึ่งโหลที่เขาใช้บารมีตัวเองให้เด็กไปไถตามร้านค้า ไอ้เข้ขายได้ไม่ถึงสองร้อยบาทอย่างแน่นอน เรื่องนี้เขาคิดพอล้มตัวนอนก็ตัดสินใจลงมือทำอะไรสักอย่างในเช้ามืดวันนี้ให้ได้

พอขึ้นฝั่งเขาพยายามเดินหลบสายตาแม่ซึ่งนั่งเก็บเงินผู้โดยสารอยู่ที่โต๊ะทางออก เมื่อรอดมาได้ก็ตรงดิ่งไปหาไอ้พล ตรอกทวาย ที่วสวนมะลิ เพื่อขอยืมอาวุธ แต่ดันพลาดกันหวุดหวิด เพราะมันออกจากบ้านเอากัญชาไปส่งลูกค้า

ท้องฟ้าสว่างขึ้นทุกขณะ ไม้ทันการณ์เสียแล้ว เป็นยังไงเป็นกัน เขาคิด…เอามันแถววรจักรนี่ก็ได้ ตัดใจเดินออกจากสวนมะลิวกเข้าด้านหลังวัดจางวางดิษฐ์ ทะลุถึงหน้าตลาดสดวรจักร จึงรีรอจับตาหาเหยื่อ!?

หญิงวัยกลางคนคอนตะกร้าใส่กับข้าวผ่านหน้าเขาไป นัยน์ตาวันรุ่นดัง วังบูรพา เบิกวาวประกายแห่งความกระหายเร่งร้อนใจเมื่อเห็นที่คอของหญิงคนนั้นเหลืองอร่าม

เขาปรี่เข้าไปปฏิบัติการทันที รวดเร็วราวปีศาจและห้าวหาญไม่ต่างซาตาน วัยรุ่นหลังวังตะปบมือขวา คว้ากระชากสร้อยคอทองคำสุดแรง!

จากนั้น ก็ติดวงล้อตีนทำลายสถิติโลกเข้าประตูวัด…
หญิงวัยกลางคนกรีดร้อนลั่นไปหมด เอ็ดหลังวัง สับตีนแนบหมายออกหลังวัดจนเกือบชนกับบรรดารถตุ๊กๆ ที่มาอาศัยลานในวัดฝากรถมีเสียงฝีเท้าวิ่งตามเขามาติดๆ หลายคนใกล้ถึงประตูวัดทางออกด้านหลังมีชายร่างใหญ่สามคนยืนจังก้าขวางทาง เขาระบายลมหายใจขณะชะลอฝีตีน พวกที่ไล่ตามมาอยู่ในระยะกระชั้นขึ้นทุกที หนึ่งในสามที่ยืนขวางประตูวัดประกาศตัวเอง

“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ…อย่าหนีเด็ดขาด”

ร่างเปรียวของเขาไม่ยอมโง่ฟังบัญชา เขาดีดตัวเองกระโจนปีนข้ามกำแพงวัดด้านซ้ายมือเมื่อสิ้นเสียงสั่ง จังหวะคาอยู่บนกำแพง เสียงปืนระเบิดรับแสงตะวัน ร่างของวัยรุ่นวังบูรพาถลาลงอย่างรวดเร็ว

สายตรวจพลับพลาไชยเพียงแต่ยิงขู่หยุดยั้งการหนีของวัยรุ่นนักวิ่งราวเท่านั้น ส่วนการถลาร่อนของ เอ็ดหลังวัง เกิดขึ้นเพราะสัญชาตญาณมากกว่าตีนกระทบพื้นฟุตปาธ เขารู้ได้ทันที ว่า…อวัยวะของตนยังสมบูรณ์จึงใส่ตีนหมาสับขาเข้าย่านสลัมสวนมะลิ สามส่ยตรวจวิ่งตามไปติดๆ แต่เจอรั้วสังกะสีกั้นเขตตำรวจดับเพลิงสวนมะลิขวางหน้าจนได้!

เกมไม่ได้เด็ดขาด…เขานึกฉุนๆอาณาเขตในย่านนี้ เอ็ดหลังวัง รู้ทุกซอกเดินจนปรุ ไอ้ความที่คิดจะหนีลูกเดียว ไม่มองหาทางไปเพราะตื่นตระหนกงานอาชญากรรมครั้งแรก ก็เลยใกล้จนตรอก

ถ้ายังขืนฝ่าสลัมสวนมะลิออกไปฟ้าสว่างโร่ออกอย่างนี้ ไม่ ’เจอ’ จับวันนี้ก็ไม่พ้นวันอื่น อย่างน้อยคนทั้งสลัมน้อยรายนักที่ไม่รู้จักเขาตัดสินใจเด็ดขาด เขากระโจนเข้าหารั้วด้วยความเร็ว สองมือคว้าจับกำแพงสังกะสี พร้อมกับอาศัยจังหวะเหวี่ยงร่างตัวเองข้ามไปยังอีกฝั่งได้อย่างคาดไม่ถึง

เมื่อข้ามรั้วพ้น หาใช่จะได้หยุดพักหายใจก็หาไม่ เขตตำรวจดับเพลิงแท้ๆ ขืนรีรอจนตำรวจดับเพลิงจับได้คงซวยบรมนั้นแหละ…ที่เติมพลังให้ เอ็ดหลังวัง โขยกราวกับอาชาของราชันย์จอมจักรพรรดิ จนกระทั่งถึงเส้นชัยที่คิดว่าปลอดภัยตรงเชิงสะพานกษัตริย์ศึก จึงลดความเร็วเดินปะปนฝูงชนรอดตัวไป

สุริยัน ศักดิ์ไธสง

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: