3814. อนุทินนิรนาม ตอนที่ 14 (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

อนุทินนิรนาม ตอนที่ 14 (เขียนโดยสุริยัน ศักดิ์ไธสง)

ผู้เรียกขานนิกเนมผมสมัยวันรุ่นที่แท้เป็นนักเลงปืน แดงแหว่ง หัวหน้าทีมมือปืนของ หลงจู๊เส็ง เจ้าพ่อสิงห์ป่าซุง จึงจำตอบรับคำถามเขาตรงๆ

“ใช่ เราเปี๊ยกเอง”

เจ้าของหุ่นมะขามข้อเดียวเบิกตากว้างปรี่เข้ามาจับแขนบอกอาการยินดีโดยไม่มองถึงสภาพผม

“หวัดดีเพื่อน ในที่สุดเราก็พบกันอีก”

“แต่ต่างฐานะกัน บางทีอาจเป็นฝ่ายตรงข้ามกันด้วย” ผมสนองคำตรงๆ

อดีตนักเลงลาดยาวนิ่งงัน ตาเหลือบมองกุญแจมือที่ผมกับรุณ ตาแดงใส่คู่กัน ครู่หนึ่งก็เบนไปเผชิญหน้าผู้ที่ตนถามถึง รุณยิ้มขรึม เปิดคำทักทายน้ำเสียงปกติ

“หวัดดี แดง”

“หวัดดีเช่นกันรุณ เสียใจด้วยที่ทางเราจำเป็นต้องทำกับนายและลูกน้องแบบนี้ ไม่เช่นนั้นนายคงไม่ยอมมาที่นี่”

“นายต้องการที่ดินหรือชีวิตเรา?”

“เรื่องนี้เราบอกไม่ได้ สุดแต่ ‘ผู้ใหญ่’ กับนายจะตกลงกัน”

พลัน! บริเวณใต้ถุนเรือนไม้สักซึ่งมีชาวบ้านหญิงสาละวนจัดเตรียมอาหารมีการเคลื่อนไหวผิดสังเกต สักครู่เสียงผู้คนร้องบอกต่อกันถึงฝ่ายครัวหรือสูทกรรมใกล้กับที่เรายืนอยู่ให้รีบตระเตรียมสุราอาหารได้แล้ว

“เปี๊ยก เดี๋ยวพบกันเพื่อน” แดง แหว่งบอกก่อนนำบริวารก้าวลิ่วไปยังด้านหน้าเรือนไม้สักทอง พอกลุ่มนักเลงปืนสิงห์ป่าซุงคล้อยหลัง เหล่าผู้ควบคุมเรา ๒ คนสั่งการห้วนๆ แต่ลดอาการก้าวร้าวลง

“ไป เข้าไปกินข้าวหลังครัวโน่น”

ในที่สุดบนแคร่ไม้ไผ่หลังครัวกำนันจิตก็ได้กลายเป็นร้านข้าวแกงให้เจ้าพ่อเขาหวายกับผมลิ้มรสข้าวราดแกงหน่อไม้ไก่พูนจานจนอิ่มแปล้โดยมีสาวกกำนันยืนคุมเชิงห่างราว ๓ เมตร ทั้งไม่ยอมปลดกุญแจมือให้แก่เรา ๒ คนด้วย

๒ ทุ่มตรง ความเปลี้ยเพลียของผมหายดังปลิดทิ้ง สภาพเครียดทางสมองต่อเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกะทันหันแทบไม่เหลือ จึงนั่งสูบบุหรี่คิดแก้เกมที่ตกเป็นรองทุกกระบวนท่าแก่ฝ่ายตรงข้าม ดุจเดียวกับรุณ ตาแดงซึ่งนั่งก้มหน้าอัดบุหรี่จนปลายแดงวาบ พักใหญ่ปรากฏเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มขึ้นกลางความเงียบต้นราตรี รุณเงยหน้าขึ้น ผมมองไปทางสมุนกำนันผู้ควบคุมเรา ๒ คน ต่างมองไปทางหน้าบ้าน

“ไอ้พวกขี้ข้านายทุนมาแล้ว” รุณคำราม

“รุณ เราขอถามกับออกความเห็นก่อนที่นายจะไปคุยกับพวกนั้นบ้างได้ไหม?”

“พูดเลยเพื่อน”

“พวกที่มานั่นเป็นใคร?”

“ไอ้พวกป่าไม้กับลูกพี่จ่าเยี่ยม ซื่อหมวดนงค์”

“เรื่องซื้อที่หรือ?”

“ไม่ใช่ ‘ซื้อ’ แต่มันบังคับซื้อไปถวายพวกนายทุนในเมืองอีกต่อนึง”

“ที่นายไม่ขายเพราะมันให้ราคาถูกหรือเพราะไม่เต็มใจขาย”

“ก่อนนั้นเราคิดจะแบ่งขายให้เหมาะสมกับราคาเหมือนกัน เมื่อเจอแบบนี้ก็ต้องคิดใหม่อีกหน”

“นายต้องใจเย็น คิดหน้าคิดหลังให้รอบด้าน ไม่เคยมีใครหรอกเป็นผู้ชนะตลอดกาล”

เจ้าพ่อเขาหวายผู้ทะนงส่ายหน้าไปมา กล่าวสุ้มเสียงคล้ายยอมรับ

“วันนี้เลยแพ้อย่างราบคาบเสียที”

ผมรุกต่อ “แล้วนายคิดอย่างไรเมื่อพูดคุยกัน?”

“เราขอ ๑ ล้านบาทกับรถปิกอัพใหม่เอี่ยม ๑ คัน เอาเท่านั้นแหละ ถ้าไม่ยอมก็ไม่ตกลง”

มติใจเพื่อนดังกล่าวหยุดความอยากรู้ผมไว้แค่นั้น ทว่ากับความคิดผมแล้วในฐานะเยี่ยงนี้ออกจะรู้สึกว่าเขายังไม่ลด “อัตตา” เท่าใด จึงเรียกร้องเงินนับล้านบาท

“เอ้าเสือรุณ เชิญ พี่เสาร์มาตามแล้ว”

๑ ในกลุ่มสาวกำนันบอกพร้อมปราดมาหา ไล่ๆ กันกลุ่มชายฉกรรจ์นำโดยเสือเสาร์ก้าวแหวกกลุ่มลูกน้องพ่อเข้ามายืนเผชิญหน้า

“รุณ นายมีโอกาสดีให้เลือกแล้ว…เชิญเลย”

นักเลงปืนผิวนิลขยับก้าวเดิน ผมห้อยตามตีคู่ไปด้วยทั้งๆ ที่ไม่ได้รับเชิญ พอผ่านไปถึงหน้าครัวก่อนถึงตัวเรือนไม้สักทองยังบันไดด้านหน้าปรากฏสายตานับสิบคู่จ้องมองเป็นตาเดียว บนตัวเรือนหลังใหญ่ปูด้วยแผ่นไม้สักทองกว้างขวางสว่างโพลงจากแสงไฟตะเกียงเจ้าพายุ ภายในเรือนมีโถงใหญ่ติดเฟอร์นิเจอร์ตามฝาบ้านราคาถูกๆ ซ้ายมือสุดตั้งโต๊ะรับแขกทำจากไม้สักทองล้วน บนเก้าอี้ชุดรับแขกมีชายฉกรรจ์ ๔ คน ผมไม่เคยรู้จักหรือหน้ามาก่อน แต่งกายรัดกุมสวมทับด้วยแจ๊กเก็ตฟีลด์ทุกคน บนท่อนขาพาดไว้ด้วยปืนเอ็ม-๑๖ ล้วนจ้องเขม็งมาที่เรา ๒ คน เสือเสาร์นำเราไปหยุดอยู่เบื้องหน้าทุกคน หนุ่มใหญ่วัย ๔๐ ปี ใบหน้าสี่เหลี่ยม กรามใหญ่ คิ้วหนาเตอะที่นั่งคู่กับกำนันจิตยิ้มกว้าง เอ่ยปากสุ้มเสียงเป็นกันเอง

“คืนนี้ขอคุยเป็นงานเป็นการหน่อย ลื้อทำเรื่องไว้แยะทีเดียว”

รุณยืนสงบเฉยไม่แก้ต่าง เจ้าของรูปหน้าสี่เหลี่ยมกล่าวต่อ

“ตำรวจทางหลวงเขาวิทยุบอกลื้อขับรถแหกด่าน กับร่วมเสืออิ้นคุมลูกน้องปล้นผู้โดยสารบนรถ บ.ข.ส. แล้วก็ฆ่าคนของหลงจู๊เส็งโดยอ้างเป็นคนร้ายฉุดลูกสาวชาวบ้าน…เห็นมั้ยเรื่องใหม่ๆ ทั้งนั้น ลื้อมีอะไรจะแก้ตัวอีก”

“หมวดตั้งข้อหาผมแล้ว?” รุณถามห้วนๆ

“ตอนนี้ยัง แต่มีเรื่องคุยด้วย ถ้าตกลงกันได้เรื่องจะแคบเข้า”

รุณสะบัดหน้าไปทางกำนันจิต ถามเสียงดัง “กำนันตัดไม้โค่นป่ามาเป็นร้อยๆ ไร่ ขอเก้าอี้ผมสัก ๒ ตัวไม่ได้หรือ?”

สิ้นคำรุณ ตาแดงเหน็บยอดกำนัน เสือเสาร์ผู้ลูกปรี่เข้ามารวมคอเสื้อเจ้าพ่อเขาหวาย ก่นคำเหี้ยม

“ไอ้สัตว์รุณ มึงต้องกะกู”

รุณโต้ไม่สะท้าน “ปืนคนละกระบอก กระสุนคนละนัดก็ได้ ถ้ามึงกล้า”
เสือเสาร์นิ่งขึง พลางค่อยๆ ปล่อยมือจากคอเสื้อคู่แค้น กัดฟันกรอดทุกคนภายในโถงใหญ่นั่งเงียบกริบ เสือร้ายมองไปทางหนุ่มใหญ่ที่รุณ ตาแดงเรียก “หมวด” บดกรามกรอด ครู่เดียวหลุดคำสนั่น

“หมวดได้ยินหรือเปล่า มันท้าผมดวล”

กำนันจิตลุกผางจากเก้าอี้ ตวาดใส่ลูกชายเสียงพอกัน “ไอ้ลูกหมา มึงมันโง่หยั่งงี้”

ลูกชายกัดฟันกรอด “โธ่พ่อ มันหยามพ่อชัดๆ”

“มึงไปซะ ไอ้ห่าเสาร์” กำนันโวยไล่ไม่ไว้หน้า

เสือร้ายไม่สบใจที่เจอบิดากระหน่ำทางลมปาก หันเผชิญหน้าคู่แค้นฝากคำก่อนจากดุดัน

“วันหน้ายังมี ไอ้รุณ”

รุณไม่ตอบโต้ กำนันจิตตะโกนสั่งลูกน้องนำเก้าอี้ขึ้นมา ๓ ตัวพร้อมให้ตามตัวแทนจากกลุ่มสิงห์ป่าซุงขึ้นมาด้วย อึดใจเรา ๒ คนก็นั่งอยู่กลางวงล้อมฝ่ายศัตรูโดยมีแดง แหว่ง หัวหน้าทีมมือปืนของหลงจู๊เส็งร่วมสมทบ

หมวดนงค์ดูเหมือนจะเป็นประธานกลุ่มเรียกแดง แหว่งไปนั่งใกล้ๆ ปรึกษาความเบากริบ ครู่หนึ่งแดงจึงกลับเข้าที่ จู่ๆ เสียงปืนเอ็ม-๑๖ แผดระรัวกึกก้องอยู่ที่หน้าบ้านทำเอาต่างตะลึงงัน กำนันจิตเจ้าบ้านดูเหมือนได้สติก่อนใคร โผนไปที่หน้าต่างราวอายุ ๓๐ กัมปนาทอาวุธสงครามเงียบลง ผมมองเห็นทางด้านหลังกำนันซึ่งยืนเกาะหน้าต่างอยู่ ตะโกนดังสนั่น

“ไปซะ ไอ้ลูกหมา”

ผมแทบหัวเราะก๊ากเพราะสุดกลั้น ที่ผู้สูงวัยบันดาลโทสะลืมตัวด่าลูกชายแต่ไปลงที่ตัวเองอย่างจัง

“ไอ้ห่านี่บ้า” รุณกระซิบขณะทุกคนให้ความสนใจพฤติกรรมพ่อลูก

ยอดกำนันบ้านเขาวงหน้าเครียดจากหน้าต่าง กลับเข้านั่งยังเก้าอี้ตัวเดิมปากพ่นคำบอกอารมณ์พล่าน

“ก็เพราะนิสัยแบบนี้ ถึงได้ไม่พ้นคุกตะราง ขออภัยทุกๆ คนในที่นี้ด้วยครับ…เอาละ เรามาคุยเรื่องของเราเถอะ”

ผู้มีนามหมวดนงค์พุ่งตามาที่เรา กล่าวสุ้มเสียงเป็นกันเองดุจเดิมไม่ดังนัก

“รุณ ท่านรองฯ มีข้อตกลงกับชาวบ้านให้ลื้อออกไปจากพื้นที่นี้ โดยจะให้ค่าตอบแทนน้อยกว่าที่เคยพูดไว้ คือเงินสด ๕ แสนบาทถ้วนกับรถปิกอัพใหม่เอี่ยมซื้อด้วยเงินสดอีก ๑ คัน จะได้ในวันนี้หรือรุ่นขึ้นทันที…นี่ถือว่าเราอนุโลมกันแล้ว และถ้าลื้อโอ.เค. ข้อหาต่างๆ ที่พูดมาเมื่อกี้เป็นอันยกเลิกไปด้วย”

“ผมขอเงินสด ๑ ล้าน รถ ๑ คัน”

หมวดนงค์เหลือบไปทางหนุ่มฉกรรจ์วัย ๓๐ ปีเศษ “คุณมีความเห็นอย่างไร?”

“ฝ่ายผมยืนยันให้ได้เท่าที่พูดไว้แล้ว หากจะเพิ่มให้นอกเหนือจากนี้ทางเราคงรับไม่ได้ครับหมวด”

คำยืนยันจากผู้เป็นตัวแทนนายทุนผลาญป่าสงวน จะโดยนัดหมายหรือไม่ได้นัดหมายก็ตาม ย่อมส่อชัดว่าความแข็งกระด้างของเพื่อนไม่อาจเป็นเครื่องต่อรองได้

“ตัวแทนหลงจู๊เส็งล่ะ จะเพิ่มให้ได้อีกเท่าไหร่?”

“เท่าเดิมครับ” แดง แหว่งยืนยันอีกราย

“ทางป่าไม้ล่ะครับ?” หมวดนงค์คงหมายถึงชายผิวคล้ำวัยเฉียด ๕๐ ผู้นิ่งสงบเงียบขรึม เจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่ทราบยศตำแหน่งเบนสายตาไปทางเจ้าพ่อเขาหวายกล่าวเสียงห้าวใหญ่

“ถ้าตกลงกันไม่ได้ ทางผมก็ต้องอาศัยกฏหมายบังคับไล่ เรื่องนี้ผมว่าคงไม่ถึงขั้นนั้น สุดแต่จะจัดสรรกันเถอะครับ”

“กำนันจิตล่ะ?”

ยอดกำนันตอบทันควัน “ผมจ่ายเพิ่มให้เองอีก ๕ แสนแต่ต้องเป็นหลังจากรับเงินครึ่งแรกแล้ว ๓ เดือน…ตกลงไหม รุณ?”

ผมกวาดตามองตัวแทนนายทุน เห็นทุกคนนั่งปกติ แดง แหว่งชายตามองผม รุณนิ่งตรอง กำนันควักบุหรี่ออกมาจุดส่งให้เขาสูบเชิงเอาใจ รุณรับมาอัดควันอย่างแรงจนเส้นขมับโปน ครั้งนี้ผมไม่อาจเดาใจเพื่อนได้ว่ากำลังคิดอะไร การสมยอมเสียเงินจำนวนมากเพื่อตัดปัญหา ทั้งๆ ที่อยู่ในเกมที่เป็นต่อนั่นสุจริตใจจริงหรือ? อากัปกิริยาของกลุ่มตัวแทนนายทุนเมื่อครู่ซึ่งสงบเฉยเหมือนล่วงรู้การเสนอเงิน ๕ แสนบาทมาก่อน มีเหตุน่าคิด ๒ ประเด็น ประเด็นแรก มีการกำหนดราคาต่อรองขั้นสุดท้ายไว้ด้วยจำนวนดังกล่าวโดยสุจริตใจ เพราะมองเห็นประโยชน์มหาศาล หากไม่มีรุณ ตาแดงผู้เดียว ประเด็นถัดมา มีการกำหนดหรือวางแผนการมอบเงินงวดสุดท้ายในอีก ๓ เดือนถัดไป เพื่อกำหนดที่ตายให้หากเพื่อนยังต้องการรับเงินงวดสุดท้ายอีก และแล้วเจ้าพ่อเขาหวายก็หล่นคำหนีกแน่น

“ผมจะไปจากที่นี่ทันทีที่มีรถกับเงินตามที่กำนันพูด”

หมวดนงค์บอกเสียงเข้ม “เงินกับรถรอลื้ออยู่แล้ว ว่าแต่ลื้อเถอะ คำพูดต้องเป็นคำพูดนะ”

“ผมจะเข้ามาที่นี่อีกครั้ง คือมาเอาเงินงวดสุดท้ายเท่านั้น”

“ดีมาก…ไปลงไปดูรถกับตรวจนับเงินกันเลย” หมวดนงค์สรุป

จากนั้นรุณกับผมถูกพาตัวลงจากบ้านหลังใหญ่ไปยังลานจอดรถ โดยมีกลุ่มชาวบ้านกับบริวารกำนันเจ้าบ้านตามดูราวตำรวจลากคอดาวโจรเหี้ยมไว้ได้ กลางแสงไฟตะเกียงจ่าเยี่ยมเดินแหวกผู้คนเข้ามาไขกุญแจมือออกให้ปิดปากเงียบกริบ มาสด้าปิกอัพใหม่เอี่ยมสีฟ้าสดของเจ้าพ่อเขาหวายจอดสงบนิ่งอยู่กลางรถปิกอัพอีก ๒ คัน

“คันสีฟ้านั่นแหละ เอ้านี่ ใบซื้อขายในซื้อของลื้อ ส่วนเงินอยู่ในถุงในรถนั่น”

หมวดนงค์บอกพร้อมส่งหลักฐานกับกุญแจรถให้ รุณรับไว้แล้วกราดตามองผู้คนรอบตัว แดง แหว่งเข้ามาคว้าแขนผมดึงไปใต้โคนไผ่ บอกเสียงเย็น

“เปี๊ยก ถ้าไปแล้วอย่ากลับมาที่นี่อีกนะเพื่อน”

“ขอบใจที่เตือน”

“พวกเราตกลงฆ่าไอ้รุณเพื่อฮุบเงินกับรถ เผอิญนายมากับมัน ครั้งนี้เราจะปล่อยมัน”

“ขอบใจมาก แดง”

“หายกันแล้วเพื่อน อยู้ลาดยาวนายช่วยเราไว้”

ครับ…ไม่นึกฝันการกอบคุณความดีแก่เพื่อนร่วมคุกในอดีตจะช่วยให้ผมสามารถคุ้มชีวิตนักเลงปืนชื่อกระฉ่อนได้ จึงย้ำขอบคุณอดีตซามูไรลาดยาวอีกคราว

แยกจากแดง แหว่งกลับไปหานักเลงปืนผิวนิล บัดนี้เข้าไปนั่งรออยู่ในรถปิกอัพสีฟ้ารุ่นล่าสุด ขยับเปิดประตูด้านซ้ายให้ผมก้าวไปนั่งคู่ บริเวณลานจอดรถว่างเปล่า เหล่าลูกน้องกำนันจิตกับตำรวจกลุ่มจ่าเยี่ยมหายหน้าหมดสิ้นรุณสตาร์ตเครื่องรถกระหึ่มราตรี ต่อมาจึงขับเคลื่อนไปหยุดที่จี๊ปวิลลี่ของเขาซึ่งพรุนไปด้วยรูกระสุนปืน

“มันยึดรถเราด้วย” รุณบอกเสียงพร่าเบาโหวง

“ถ้านายลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ้างจิตใจจะดีขึ้น”

“เปี๊ยก…” รุณขานนิกเนมเสียงแน่น

“ทำไมหรือ?”

“เราชอบชื่อนี้”

“บางทีเราต้องปิดบังชื่อ และเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ละพื้นที่ เพื่ออะไรนายคงรู้และไม่โกรธ”

รุณจับมือผมบีบเบาๆ “นับแต่คืนนี้ไป นายกับเราควรเที่ยวพักผ่อนให้สบายใจค่อยเริ่มต้นใหม่”

“รุณ เราอยากให้นายนึกถึงลูก…ขอโทษนะที่พูดเรื่องส่วนตัว”

“นายพูดถูก เรายอมรับที่ผ่านมาเราไม่มีความรับผิดชอบเลย”

“เสร็จเรื่องลูกเมียแล้ว รุณจะไปไหนต่อ?” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง

“อยากไปอยู่เกาะ”

“เกาะอะไร?”

“เกาะช้าง จังหวัดตราด หากเปี๊ยกยังไม่คิดแยกทางตอนนี้น่าจะลองไปเสี่ยงดวง ที่นั่นมีหลายอย่างท้าทายเรา พี่ชายเรากำลังบุกเบิกอยู่…ไปไหม?”

“ลองดู”

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก อันธพาน ครองเมือง 2012

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: