3812. เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 58 วิญญาณไอ้หลอ (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 58 วิญญาณไอ้หลอ (เขียนโดยสุริยัน ศักดิ์ไธสง)

สิ้นบัญชาผู้อาวุโสให้แย่งชิงศพ ไอ้หลอ พลังฝูงชนกว่าพันนามแผดเสียงสบถเกี้ยวกราด พร้อมกระชับไม้ในมือโผออกกลางสนามอันหน่วยปราบจราจลจังก้าเป็น “ด่านคน” ตั้งรับจึงปะทะกันตรงๆ ทั้งรุนแรงกว่าการปะทะกันเมื่อครู่แลอลหม่านไปทั้งสนาม เสียงไซเรน เสียงเครื่องยนต์คอปเตอร์ พาหนะท่านนายกรัฐมนตรีกับคณะผู้ติดตาม อันบัดนี้ดึงเครื่องลอยลำอยู่สูงกว่าหลังคาตึกแดนโรงพิมพ์เล็กน้อย ก่นเสียงสะท้านคล้ายปราถนาชมเหตุ ส่วนผมกับเพื่อนรวมทั้งลุงเหลา, ยูร, เทพ และสมคิด หมดหน้าที่ทูตนักเลงโดยปริยาย ก็ขอร้องให้มหาเหน่กับลุงเหลา ๒ ผู้สูงวัยขึ้นไปนั่งชมศึกบนทำเนียบ พอทั้งคู่คล้อยหลัง แอ๊ด เสือเผ่นชูไผ่ตันในมือขึ้นเหนือหัวยิ้มเหี้ยม หลุดคำขึงขัง

“ลุยเหอะเพื่อน”

“ไปกัน เสือเผ่น” ยูร อินทรีรับคำทันที

บัดนั้น พวกเราทั้งกลุ่มได้โจนลงบรรเลงเพลงไม้ช่วยเพื่อนพ้องเต็มเหนี่ยว สำหรับผมภาพท่านนายพลตรีประทับปืนขนาด ๑๑ ม.ม. ยิงไอ้หลอฟุบคาที่ยังค้างสำนึก เห็นเจ้าหน้าที่เบื้องหน้าเป็นศัตรูเสริมพลังให้คะนองมือตีไม้ใส่เจ้าหน้าที่ไม่เลือกเป้า

และด้วยพระคุณสำนัก “ศรีตรัยรัตน์” ประสิทธิ์ประสาทเพลงกระบี่กระบองให้ชาวเฟื่องเพื่อออกโชว์ในงานเปิด “ซีเกมส์” ครั้งแรกในประเทศไทยซึ่งผมเป็นหนึ่งในจำนวนนั้นได้รับวิทยาการมาแค่เศษ “กระพี้” แต่ได้ใช้ประโยชน์บน “ลุยไถ” ได้ชัยและเอาตัวรอดมาทุกสนาม ดังนั้น การผจญศึกเบื้องหน้าจึงสามารถแหวกดงกระบองไม้-ไฟฟ้า และพานท้ายปืนเจ้าหน้าที่เข้าถึงกลางสนามหน้าแดนโรงพิมพ์พร้อมประดานักบู๊อีกนับร้อย ยืนตีวงล้อมอยู่รอบร่างเปลือยท่อนบนผอมซูบซึ่งนอนหงาย ๒ มือตีนกางหรา บริเวณหน้าผากพันหัวไว้ด้วยผ้าขาวม้ามีรูกระสุนเจาะระหว่างหัวคิ้ว โลหิตทะลักอาบหน้าแดงฉาน นัยน์ตาเบิกกว้างค้างเติ่ง พักเดียวเสียงดังชัดเจนโฟนบอก

“เอาศพไอ้หลอแห่ไปรอบคุกโว้ย”

บรรดานักบู๊ดังกรูกันเข้าประชิดซากร่างสหาย หัวหน้าอาปาเช่โอเหล่ทรุดลง นั่งทับเข่าเหน็บคมแฝดไว้ด้านหลัง พลางคลายผ้าขาวม้าที่พันข้อมือซ้ายออกเช็ดเลือดทั่วหน้าอดีตแท็กซี่ลาดยาวออกเท่าที่เช็ดได้ เหล็ง แพร่งฯ นักบู๊ทรงล่ำสันปลดผ้าขาวม้าพันหัวไอ้หลอออกฉีกแบ่งกันคนละชิ้น แล้วใช้พันคอ พันข้อมือ ชาติเป๋ผู้เคยหาญทาบรัศมีเจ้าสำนักหัวลำโพงจนถูกยิงขาพิการเดินลากขาแหวกวงนักบู๊เข้าไปบอกระคนหอบ

“มีพวกเราบุกเข้าพังร้านค้า แล้วเผา”

ผมดึงสายตาไปยังที่ตั้งร้านค้าผู้รับการอบรมส่วนกลาง เห็นควันไฟพวยพุ่งพ้นหลังคาร้านค้าแล้ว ด้านหน้าประตูร้านค้าสภาพพังพินาศ มีนักบู๊ประมาณครึ่งร้อยถือโอกาสบุกปล้นสินค้าภายในร้านประดามีติดมือพัลวัน หันกลับยลเหตุใกล้ตัวขณะนี้ โอเหล่กับขุนตาลผู้รับหน้าที่หัวหอกแห่ศพวีรบุรุษนักเลงปราศจากโลงพร้อมสิงห์ ชาวอยและเหล็ง แพร่งฯ กำลังยกซากร่างไอ้หลอขึ้นเทิน

ความที่กังวลกับเหตุเผาร้านค้า ผมเลยยืน “เซิ้ง” ไม่ไปหน้ามาหลังกลางความพลุกพล่าน จนขบวนแห่เริ่มเคลื่อนโดยมีนักบู๊ผิวเหลืองเตี้ยล่ำ กล้ามเนื้อเป็นมัด สักมังกรสะดุ้งทั้ง ๒ แขนนามไอ้แก้วลิเก เป่าแตรเดี่ยวส่งดวงวิญญาณเพื่อนกังวานเศร้า ผมตรึงร่างยลทกย่างก้าวขบวนแห่ยามตะวันรอนพลางกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นนัก ผู้สวมบท “เนงบา” ในลิเกคุกเรื่อง “ผู้ชนะสิบทิศ” ของปรมาจารย์ “ยาขอบ” หรือไอ้แก้ว มือแตรเดี่ยวทอดตีนก้าวเดินไม่รีบร้อนนัก ทุกย่างก้าวหนักแน่นมั่งคง ใบหน้าที่เชิดโชกเหงื่อมันปลาบดุดัน นัยน์ตาใต้คิ้วเข้มปรากฏหยาดน้ำใสไหลพรากระชีกแก้มรดทรวงอกอัดแน่นมัดกล้ามนูนเด่นเหมือนมิไยดี บางคราวหากมันกะพริบตาจะปรากฏหยาดน้ำใสร่วงพราว

จวบทั้งขบวนผ่านหน้าไปจึงเกิดปัญญา ก็สับตีนลิ่วเข้ากองบัญชาการ อันเหล่านักบู๊ประมาณ ๓๐๐ นาย รักษาฐานอยู่โดยไม่ลืมสังเกตความเคลื่อนไหวฝ่ายเจ้าหน้าที่ เห็นส่งกำลังเสริมทั้งฝ่ายดับเพลิงและปราบจลาจล ๒ กองร้อยมิหนำซ้ำยังมี “สุนัขสงคราม” อาวุธสลาย “ม็อบ” อันทรงประสิทธิภาพไม่ต่ำกว่า ๕๐ ตัวตั้งแถวเห่ากรรโชกทำท่าโผนเข้าหาพวกเราก็เดาเชิงรุกฝ่ายเจ้าหน้าที่ คงหมายเผด็จศึกไม่กี่อึดใจ

ดังนั้น พอพรวดขึ้นบันไดทำเนียบปะหน้าผู้อาวุธโสประตูน้ำเป็นรายแรกก็เลียบเคียงว่าจะแก้ไขอย่างไรหากฝ่ายเจ้าหน้าที่จู่โจมเด็ดขาดระหว่างเดินขบวนไว้อาลัย เราอาจถูกตัดเป็น ๒ ทัพ โดยสังเกตได้จากการเสริมกำลังขณะนี้ และระหว่างรอคอยความเห็นเจ้าสำนักประตูน้ำปรากฏสัญญาณนกหวีดกรีดเสียงระงมดึงความเคลื่อนไหวพวกเราที่คุ้มกันทำเนียบฮือฮาตะโกนสอบถามเหตุโหวกเหวก พี่ยอดกับผมเผ่นผลุงเดียวถึงบันไดทางขึ้นทำเนียบเขม้นตาไปที่ร้านค้าซึ่งถูกวางเพลิงและฝ่ายดับเพลิงพยายามเข้าควบคุมเพลิง แต่รถดับเพลิงมุดเข้าประตูคุกไม่ได้จึงแพ้ไฟปล่อยให้ลุกลามติดหลังคาและขยายลุกฮือทั้งหลังเสียงปะทุจากการเผาไหม้ดังสับสน จู่ๆ คำประกาศทางเครื่องขยายเสียงออกทางลำโพง ๒ ตัวบนกำแพงแดนดังหนักแน่น

“ผู้นับการอบรมทุกท่านโปรดทราบ บัดนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ลงมติให้เข้าระงับเหตุจลาจลป้องกันมิให้เกิดเหตุลุกลามกว่านี้ จึงขอร้องให้ทุกท่านวางอาวุธมีด-ไม้แล้วกลับเข้าประจำแดนของตนตามปกติก่อน ๑๗ นาฬิกาตรง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะได้เข้าเคลียร์ความเสียหาย หวังว่าทุกท่านคงให้ความร่วมมือตามที่ร้องขอ…นี่ยังเหลือเวลาตัดสินใจ ๒๐ นาที”

จบคำประกาศเชิงขู่ เจ้าสำนักถามห้วนๆ “เปี๊ยกมีความเห็นอย่างไร”

ตอบทันควัน “หากยุติแค่นี้ เราจะได้ประโยชน์กว่าเคลื่อนไหวต่อครับพี่”

ทายาทท่านนายพลตำรวจร่างเพรียวยิ้มขรึมบอกเรียบๆ

“เวลา ๒๐ นาทีที่เหลือ พี่เกรงไม่พอชี้แจงกับพวกเรา”

“อาจทันนะครับ” ผมลุ้นอย่างเกรงใจ

“ลองดู” ผู้อาวุธโสว่าพร้อมก้าวนำ

พลัน…ประตูเหล็ก ๒ บานปิดกั้นแดนโรงพิมพ์ถูกลากล้อเลื่อนเปิดดังครืนๆ ไล่ๆ กับที่บานประตูเผยช่องกว้าง บรรดานักโทษภายในแดนแทบกระโจนออกมาทั้งโขยง

“เฮ้ย พวกนักโทษ” พี่ยอดอุทานหยุดกึก

ผมเบรกวงล้อตีนตาม ๒ ดวงตาสังเกตกลุ่มนักโทษที่ทะลักออกจากแดนของตนเขม็งก็แจ้งใจ เมื่อเห็นตี๋น้อยกับกลุ่มนักบู๊เลือดมังกรนับสิบปีนกำแพงกั้นแดนเข้าไปต้อนนักโทษออกมาสร้างความวุ่นวายจนได้ ยอด ประตูน้ำกัดฟัน เค้นคำ ตาวาว

“ไปกันใหญ่แล้ว”

สิ้นคำสำแดงความกังวลเจ้าสำนักคนดัง ปืนกลบนหอคอยสูงแผดเสียงกัมปนาทกึกก้อง มิทราบกี่ชีวิตนักโทษและอันธพาลที่ทะลักออกจากประตูแดนโรงพิมพ์มหาดไทยเจอรมกระสุน เห็นแต่นักโทษนักเลงแตกฮือคนละทิศ ผู้ควบคุมสุนัขสงครามประมาณ ๕๐ ตัว กระตุกสายโซ่ล่ามคอมันให้ฮึกเหิมพร้อมขยายแนวเป็นแถวหน้ากระดานรุกไล่จนโกลาหลทั้งหมาทั้งคนผสานเสียงไม้ และเสียงปืนระรัวขึ้นทั่วส่วนกลาง

“กลับไปที่ทำเนียบ” พี่ยอดละความตั้งใจเดิม

ผมเห็นด้วย สภาพดังมิคสัญญีชุลมุนจนไม่ทราบใครเป็นใคร ขืนป้ออยู่กลางสนามไม่เจอเขี้ยวหมาก็กระสุนปืน และเมื่อโผล่เข้าทำเนียบปะเพื่อนพ้องอาบเลือด บ้างสะบักสะบอมกลางกลุ่มเจ้าสำนักกำลังโต้เถียงกันคร่ำเคร่งกับปัญหาจะสงบศึกหรือไม่กลางวินาทีทองแห่งการตัดสินใจที่ประชุม บริเวณโดยรอบทำเนียบเริ่มเนืองแน่น นักบู๊ถอยร่นการรุกฝ่ายเจ้าหน้าที่รวมทั้งนักเดินขบวนแห่ศพไอ้หลอซึ่งได้ทอดร่างมันไว้บนโต๊ะหรือเวทีอภิปรายเชิงบันไดล้วนสบถกันอึงตามแรงแค้น จวบที่ประชุมลงมติยุติเกมวางอาวุธกลับเข้าแดนอย่างสงบ

ใกล้ ๑๘ นาฬกา สภาพฟ้าหลัว นักบู๊ทุกคนยังไม่ยอมขึ้นตึกจนกว่าเจ้าหน้าที่จะจัดหาอาหารมื้อเย็นให้กินเรียบร้อย เนื่องจากทุกคนกำลังหิวโซ ดังนั้นช่วงรออาหาร ผมจึงเดืนสำรวจสภาพภายในแดน ปะพรรคพวกอาศัยน้ำในอ่างทั้งกินทั้งอาบประทังหิวเป็นระยะๆ บ้างจับกลุ่มฟุ้งวีรเวร-วีรกรรมตน บ้างรำพันถึงเพื่อนๆ ที่ถูกปืนไม่ทราบเป็นตายร้ายดีอย่างไร ย้อนกลับมาดูภายในโรงเลี้ยงสถานพยาบาลชั่วคราว นักบู๊ซึ่งบาดเจ็บไม่มากนักเกือบ ๕๐ คนนั่งนอนในท่าแผกกัน กระทั่งพบมหาเหน่ปรี่มาจูงแขนไปชม อนันต์ ยืนยง, รุ่ง รัชนี และแอ๊ด เสือเผ่น ในสภาพบอบซ้ำจากพิษกระบองนอนแผ่หราอยู่บนโต๊ะอาหาร ยิ้มเศร้า ใบหน้าบวมเป่งทุกนาม ผมจับมือทุกคนบีบกระชับประโลมเบาๆ

“อดทนนะเพื่อน สิ่งที่พวกนายเข้าใจว่า “พัง” นั้น ที่แท้เป็นสิ่งดี แล้วคอยดูไป”

ทุ่มเศษ ฟ้ามิทันมืดสนิท รถกระบะเล็ก ๒ คันบรรทุกกเข่งบรรทุกข้าวห่อจำนวน ๘ เข่งผ่านประตูแดนเข้ามา ตำรวจกับ สห. ช่วยกันลำเลียงลงจากรถ ท่านผู้ปกครองภายในชุดเต็มยศถือโทรโข่งยืนบนกระบะรถสั่งให้แจกอาหารตอนทุกคนขึ้นตึกเข้าห้องหมดแล้วเพื่อป้องกันนักบู๊กระเพาะมารรับ ๒ เที่ยวหรือ ๒ รอบ ดังกล่าวส่วนใหญ่เห็นด้วย ครึ่งชั่วโมงต่อมา ตำรวจปิดห้งล็อกกุญแจเรียบร้อย เสียงย่ำคอมแบตดังสับสนครู่หนึ่งได้คืนสู่ความสงบ พักใหญ่ปรากฏเสียงตะโกนจากชั้นล่าง

“ข้าวแจกหรือยังโว้ย”

ไม่มีคำตอบ นอกจากเสียงสะท้อนตนเอง พี่ยอดลุกจากที่นอนไปเปิดฝาโอ่งน้ำแล้วส่ายหน้า เหล่าลูกห้องนั่ง-นอน มองสีหน้าละห้อย หลังจากนั้นนักบู๊ทั้งชั้นบนชั้นล่างทยอยกันตะโกนทวงอาหารอีกพักหนึ่งก็ปรากฏเสียงโทรโข่งดังแทรกขึ้น

“ผู้รับการอบรมทุกท่านทุกห้องโปรดตั้งใจฟัง ต่อไปนี้จะเป็นรายชื่อผู้ที่ท่านอธิบดีประสงค์จะพบตัวเพื่อสอบปากคำบางประเด็น ฉะนั้นผู้ใดที่มีรายชื่อตามที่เรียกกรุณาตะโกนบอกหมายเลขห้องให้เจ้าหน้าที่นำกุญแจไปเปิดให้ด้วย…ฟังนะ ผู้ที่มีรายชื่อแรก ได้แก่ นายตี๋น้อย แซ่พัว…..”

นับแต่นั้นผมก็เงี่ยหูฟังรายชื่อที่ถูกขานอย่างตั้งใจ ถึงรายชื่อ ๒๐ จึงมีรายชื่อผมติดโผอันรวมทั้งสิ้น ๒๕ นาม โดยไม่มีใครยอมเปิดปากระบุห้องพักตัวสักราย

“ใครอยู่ห้องไหน กรุณาบอกด้วย” โฆษกย้ำ

เงียบกริบกว่าเก่า ผมนั่งพิงผนังตึกข่มความรู้สึกหวั่นไหวกับเหตุการณ์เฉพาะหน้า ลุงทอง เซียนผ่า-ตัดกระเป๋ารุ่นพ่อซึ่งนอนอยู่ใกล้ผมบอกเสียงพร่าเบา

“ค่ำมืดหยั่งงี้ไม่เคยมีคุกไหนเรียกออกไปสอบปากคำหรอกเปี๊ยก ทำไม่ได้ยินซะ เช้าค่อยพูดกันใหม่”

“แปลก คนเป็นพันๆ เรียกสอบแค่ ๒๕ คน” ผมกังขา

“ไม่แปลกว่ะ” นักล้วงสูงวัยกว่า “บางขวางเคยมีตัวอย่างมาแล้ว โดยเฉพาะ ‘ตัวแทน’ กับพวกทีถูกถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานขณะเกิดเหตุมักถูกวิสามัญฆาตกรรมเป็นส่วนใหญ่”

ผมสงบปาก ทิ้งก้นบนที่นอน นั่งพิงผนังตึกท่าเดิม พลางเป่าลมออกจากปากบรรเทาอึดอัดเร่าร้องในทรวง เฉียงตาไปยังที่นอนฝั่งตรงข้ามที่สถิตเจ้าสำนักประตูน้ำ บัดนี้ซือเฮียนนอนหงายให้หมอฉ่อยอดีตหมอนวดสูงอายุประจำโรงยาฝิ่นโกยหน้าท้องไล่ดานลมขมักเขม้น

ประมาณ ๕ ทุ่ม นักบู๊ทนหิวไม่ไหวโหวกโวยพร้อมสบถอารมณ์พลุ่งพล่านผมเผลอกัดริมฝีปากตัวเองจนสะดุ้ง ศัพท์เสียงซาวนรกยิ่งทวีความรุนแรง โดยพฤติกรรมแล้ว บรรดาวัตถุภายในห้องชั้นบนชั้นล่างถูกขว้างตกแตกเปรี้ยงปร้างประตูเหล็กเจอมือตีนนักบู๊เขย่าและถีบดังโครม พักหนึ่งบรรดาเจ้าหน้าที่ลำเลียงเข่งใส่ห่อข้าวไปตั้งไว้กลางตึก ชาวนรกสงบเสียงชมการลำเลียงข้าวห่อ เสียงโทรโข่งดังมาจากชั้นล่าง

“อาหารทั่งหมดจำนวน ๑,๐๐๐ ห่อจะถูกแจกไปทุกห้อง ทุกคนทันทีที่ผู้มีรายชื่อจำนวน ๒๕ คนแสดงตัวและห้องที่อยู่เพื่อออกไปพบท่านอธิบดี…ฟังนะ ผมอ่านรายชื่อเป็นการทบทวนอีกครั้ง…”

ขณะนั้นพี่ยอดะโกนบอกนกที่นอน “เปี๊ยกอยู่เฉยๆ ข้าวไม่กินไม่ตาย”

“ครับพี่”

การบีบบังคับโดยอ้อมหวังให้บรรดานักบู๊ดัง ๒๕ นายเป็นหนังหน้าไฟเพราะเพื่อนตามคำประกาศหยุดเสียงโหวกเหวกลง ผมรู่สึกคอแห้งผาก หิวน้ำ หิวข้าวผสมผสานกันรุนแรงยิ่งขึ้น ทั้งตึกที. สงบเงียบ ทันใดเสียงคุ้นหูนักบู๊ฝั่งธนบุรี ตุ๊ ตลาดสมเด็จฯ ตะโกนบอกนามและห้องดังก้องตึกยามรัตติกาล เจ้าหน้าที่ปราดไปไขกุญแจทันที ชาวนรกปรบมือกราวใหญ่ ไล่ๆ กัน ยูร อ้นทรี, เทพ ศรีหงษ์, สมคิด หอมนาน, โอเหล่, เก๊าตี๋, ตี๋น้อย, หมู่เทียน, จบ หลังวัง, เหล็ง แพร่งฯ, ดำ จเรา, ตาล สุทธิสาร, ใหญ่ บุคคโล, สิงห์ ชาวอย, ตี๋เล็ก, อุสมาน ศรแดง ฯลฯ ล้วนประกาศห้องขานนามแล้ว ผมลุกจากที่ไปหาผู้อาวุโส ปกปิดความหวั่นไหววิสัยมนุษย์ไปทรุดนั่งปลายตีนแก บอกผลการตัดสินใจ

“มันถึงคิวผมแล้วพี่”

เจ้าสำนักประตูน้ำคิ้วย่น กล่าวเสียงนุ่มจนผมรู้สึก “หากเปี๊ยกจะไป พี่ก็ขออวยชัยให้พ้นภัยพิบัติเถอะ”

ลุงทองปราดเข้ามาให้พรเช่นกัน ผมกวาดตามองเพื่อนร่วมห้อง พบสื่อทางสีหน้าดวงตาอ่อนระโหยบอกความนิยมก็ยิ้มให้ พี่ยอดสั่งความสมุนหนึกแน่น

“ไอ้วิน ตะโกนเรียกตำรวจให้เปี๊ยกด้วย”

สิ้นคำ นักบู๊ภายในห้องปรบมือให้เกียรติ พี่ยอดจับมือผมบีบโดยไม่กล่าวกระไร วัยคะนองประตูน้ำโฟนบอกนามและห้องผมก้องรัตติกาล

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลงโต
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : The People
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: