3807. เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 57 หัวใจหุ้มเหล็ก (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 57 หัวใจหุ้มเหล็ก (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

ค่อนรุ่งแล้ว ฟ้าสีเงินบอกกำหนดดาวลับเดือนลา ณ ใต้หล้า นรกในกำแพงสีเทาหมอกลงจัดจนมองความเคลื่อนไหวระยะ ๒๐-๓๐ เมตรรางเลือน ความหนาวเย็นเสียดแทรกราวถูกศัลยกรรมกระดูก นักบู๊ ๓๐ นายรวมทั้ง มหาเน่ นัน รุ่ง แอ๊ด และผม ซึ่งสละผ้าห่มตนให้เหล่าตัวประกันแต่กลางดึกจัดตั้งกองไฟอุ่นหนังบรรเทาหนาวล้วนเคร่งขรึม การหยอกเอินเย้าแหย่เป็นที่ครึกครื้นเช่นปกติไม่ปรากฏให้เห็น ด้านตัวประกันบนตึกก็เงียบกริบ ป่านนี้ เขาและเธอคงหลับไหลด้วยความอ่อนเพลีย

จวบรังสีอรุโณทัยขับหมอกระเหยหายจึงพบความเคลื่อนไหวจากบรรดา “อาปาเช่” นักบู๊ที่ขนผ้าห่มไปขึงเป็นกระโจมนอนเย้ยหนาวรายล้อมอยู่รอบตัวอาคารทำเนียบกำลังรื้อกระโจมออกคืนพื้นที่สนามว่างโล่งดังเดิม บนตัวทำเนียบก็คึกคักควันไฟจากปล่องเตาสูทกรรมทะลักควันสีเทาลอยคว้าง บอกให้รู้ว่าอาหารอันดลให้กองทัพแกร่งอยู่ระหว่างจัดทำ

๘ นาฬิกาตรง สังเกตได้จากที่ทำการทำเนียบซึ่งนักบู๊กำลังตั้งแถวเชิญธงไตรรงค์ขึ้นยอดเสา จากนั้นได้มี “ม้าเร็ว” จากกองบัญชาการของเรามาโฟนให้ประดาสิงห์นักเสพไป “รับยอด” ฟรียังโรงเลี้ยงอาหารตึก ที.เก่า พอลับร่าง “ม้าเร็ว” เหล่ากองกำลังของผมหดหายไปเกือบครึ่ง เหลือสิงห์นักเสพที่ไม่ยอมขยับคือ มหาเน่, นัน, รุ่ง, และแอ๊ด นั่งล้างจานอยู่บริเวณอ่างน้ำเตรียมจัดอาหารมื้อเช้าให้ตัวประกัน จึงเตร่ไปแย้ม

“ไม่ไปรับ “ยอด” กันหรือ?”

เสือเฒ่ายอดแหลมช้อนตามอง ใบหน้าย่นยับคล้ำกร้านหมองไป ผมตามเรื่องเพราะเริ่มเข้าใจบางสิ่งในพฤติกรรมผู้อาวุโสวัยกับเพื่อน

“อย่าเกรงใจผมเลยครับ มหา…นาย ๓ คนด้วยเพื่อน อย่าลืมว่าขณะนี้ทุกคนต้องสร้างขวัญกำลังใจให้ตัวเอง เราจึงเห็นว่าถ้า “เมา” แล้วไม่เสียงานก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน…ไปเหอะครับ มหา ทุกคนด้วย”

พลันนัยน์ตาดำคมกริบนักบู๊รอยสักเสือเผ่นกระตุกกลับประสานตาผมถามเบาแผ่ว

“นายพูดจริงหรือ?”

“จริง เราอยากเห็นทุกคนสู้โดยไม่มีกังวล”

“ของพวกเรายังมีเหลือจากขายราวครึ่งถุง หยั่งงั้น เราขอไปเสพกันก่อนนะ” แอ๊ดเสียงใสขึ้น

“เสพที่นี่ก็ได้ ใกล้ๆ น้ำ” ผมแนะสถานที่ด้วยเต็มใจ

เพื่อนยิ้มเขินๆ ก่อนร่วมกิจกรรมใช้ไซริงจ์ยิงเชื้อเฮโรอินเติมรสเมาทางเส้นเลือด ส่วนผมประจักษ์ขั้นตอนการเสพยาเสพติดมาเกือบทุกประเภท เห็นเป็นสิ่งธรรมดาก็ฉากไปยังทำเนียบหรือศูนย์บัญชางาน ปะนักบู๊ฝ่ายสูทกรรม สิทธิ์ ปืนโตกำลังรายงานต่อพระเอกนิตย์เรื่องอาหารเช้าต้มจืดหมูใส่ผักคะน้าขาดเครื่องปรุงสำคัญคือ “หมู” จึงมาขอความเห็น จบรายงานหัวหน้างานสูทกรรม พี่นิตย์ยิ่งขรึมไปกว่าอิริยาบถเดิม สักครู่หนุ่มผิวเหลือง หุ่นกำยำ หน้าตาคมคาย หรือตาล สุทธิสาร หลุดำชัดเจน

“ผมว่าเรามีปลานิล ปลาสลิด ปลาสวาย หมู หมา กา ไก่ เพียบที่แดนเกษตรฯ”

“นั่นมันของหลวง” พี่ยอดตอบแทน

“แต่พวกเราขุดบ่อ ดูแล แล้วก็ให้อาหารมาเป็นปีๆ”

“ถึงอย่างนั้นก็แตะไม่ได้” เจ้าสำนักท่าเตียนย้ำ “เราผิดกติกาเมื่อไหร่ พังเมื่อนั้น”

“คนเป็นพันมันหิวนะพี่”

“แต่เรามีข้าว มีพักกับน้ำแกงกินแล้ว พี่ขอให้อดทนไปอีกวัน”

สิ้นเสียงนิตย์ ท่าเตียน หัวหน้างานสูทกรรมร่างเล็กแกร่งไหวร่าง ผู้อาวุโสเจ้าเดิมบัญชาเสียงแน่น

“สิทธิ์ น้องช่วยปรุงน้ำแกงให้มันเข้มข้นหน่อยนะ”

“ครับพี่” ผู้คุมคลังกระเพาะรับคำนุ่ม

หลังอาหารตามเวลานาฬิกาบนทำเนียบ ๐๙.๒๐ น. แสงแดดสวยงามยามสายทอนสภาพหนาวเย็นจนเหงื่อผุด บนทำเนียบมีงานประชุมเหล่าเจ้าสำนักขุนศึกและเสนาธิกาหาประเด็นแถลงข่าวหนังสือพิมพ์ตามข้อตกลงวานนี้ ครู่ใหญ่จึงหาข้อยุติพร้อมร่างคำแถลงขึ้น ๔ ฉบับ ไว้มอบแก่ผู้แทนหนังสือพิมพ์ ส่วนผู้รับดำเนินการให้ลุงเหลา, ยูริ อินทรี, เทพ ศรีหงษ์, สมคิด หอมนาน และผมรับหน้าเสื่อเหมือนเดิม

เสร็จสิ้นการประชุม ร่างสูงใหญ่ดำทะมึนกลางสนามหญ้าทำเนียบพรวดยืนจังก้าเปลือยท่อนบนโต้ตะวันลักษณะคร่อมถังน้ำมัน ๒๐๐ ลิตรตัดครึ่งหรือกลองนาม “นิโกร” ข้าวนอกนาเจ้าเดิมระรัวกลองกระหึ่มตึง บรรดามโหระทึก เช่น กลองยาว เครื่องดนตรีไทย เครื่องดนตรีสากลภายในหมวดมหรสพถูกขนออกไป ให้นักร้องนึกดนตรีบรรเลงสลับฉากมิให้กร่อย เลยมั่ว

เฉียด ๑๐ นาฬิกา ท่านผู้ปกครองกับสารวัตรประจำสถานฝึกอบรบวิชาชีพลาดยาวกับสารวัตรทหารอากาศประมาณ ๒๐ นาย อาวุธปืนยิงเร็วครบมือ เข้ามายืนพูดโทรโข่งอยู่หน้าประตู ๓ ให้เรานำคนงานก่อสร้างไปส่งมอบตามข้อตกลง ลุงเหลาหัวหน้าทีมตัวแทนผู้รับการอบรมสบตาพวกเรา ๔ คนวิบหนึ่งก็เชิดหน้านำยูร, เทพ, สมคิด และผมเข้าไปชมโฉมสื่อมวลชนยังที่การฝ่ายรักษาการณ์ประตู ๓ และได้มีโอกาสชักถามพูดคุยพร้อมขอดูเอกสารผู้ประกอบการวิชาชีพหนังสือพิมพ์จนมั่นใจมิใช่ “ผี” เผด็จการปั้น จึงถอยหลับไปรายงานผลต่อที่ประชุมเพื่อส่งมอบตัวประกันแก่เจ้าหน้าที่ตามข้อตกลง

๑๐ นาฬิกาเศษ แสงแดดจ้าหลังส่งมอบตัวประกันคนงานก่อสร้างชาย-หญิง เรา ๕ คนได้ออกไปพบผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์รายวันฉบับภาษาไทย ๓ ฉบับกับภาษาอังกฤษอีก ๑ ฉบับรวม ๔ ฉบับ ก็ช่วยกันแจงความคับแค้นเพื่อนอันธพาลนานาในนรกละเอียดยิบ ซึ่งทุกท่านได้บันทึกไว้ ทั้งยังชักถามในบางประเด็นที่พวกเราแจงไม่กระจ่าง ประมาณ ๒๐ นาทีลุงเหลาจึงมอบแถลงการณ์ให้ เสร็จงานแถลงข่าวหนังสือพิมพ์เราทั้งหมดถูกคอมมานโดหนุ่มจากกองปราบฯ ๑๐ นาย กระชับปืนกลมือคุมตัวส่งกลับเข้าแดนท่ามกลางนักบู๊ตั้งแถวชักถามจนต้องตอบประโยคซ้ำๆ ไปตลอดทาง จวบถึงทำเนียบและเข้ารายงานผลต่อที่ประชุม

ตกเที่ยงผมจึงได้กินอาหารเช้าร่วมกับ ๔ ทนายอันผู้อาวุโสจัดเตียมไว้บนทำเนียบโดยมี “ไอ้หลอ” แท็กซี่ลาดยาวเสนอตัวให้บริการยันอิ่ม พอละจากวงอาหารออกไปยืนอุดบุหรี่ตรงระเบียงม ปรากฏเสียงโห่ฮานักบู๊เพราะมีเจ้าหน้าที่ ๒ นายปีนกำแพงกั้นอาณาเขตส่วนกลางขึ้นไปติดตั้งลำโพง ๒ ตัวหันหน้ามาทางพวกเรา ผมยืนเพ่งตาฝ่าแดดจ้ายลอย่างสงบ อึดใจจึงกราดสายตาระไปทั่วพื้นที่กว้างส่วนกลาง ตั้งแต่น้าแดนโรงพิมพ์-ที. เก่า-ที. ใหม่-วิปัสสนา และขังเดี่ยวจรดแดนช่างไม้ ล้วนมีนักบุ๊ยืนนั่งจับกลุ่มหลบแดดฟังมโหระทึก ซึ่งนักร้องดนตรีอาศัยร่มเงาตึกบรรเลงกล่อมนับแต่วงกลองยาว วงปี่พาทย์ฆ้องวง และดนตรีสากลประชันกันที่ครึกครื้น ตามป้อมยามบนกำแพงทมิฬสูงตระหง่าน ปรากฏเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธครบขึ้นไปอักจนเต็มป้อม เฉพาะหอคอยสูงลิบกลางคุกที่ตั้งปืนกล บัดนี้ ปากกระบอกปืนโผล่ออกมาเห็นเป็นจุดดำเล็กๆ

สักครู่เสียงห้าวใหญ่ดังมาจากลำโพง ๒ ตัวบนกำแพงกั้นแดน ขอให้พวกเราสลาย “ม็อบ” รอการมาของหัวหน้ารัฐบาลตามคำร้องชุดแรกภายในเวลาบ่ายโมงครึ่ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้า/ปเคลียร์พื้นที่ส่วนกลางและอารักขาท่านจอมพล สิ้นคำประกาศ นักบู๊บนทำเนียบและพวกที่หลบแดดอยู่ตามตึกต่างๆ นับพันตะโกนสนั่นทุ่ง

“เข้าป่าไป-เข้าป่าไป”

ผมกัดฟันละจากระเบียงทำเนียบร่อนฟังความเห็นผู้อาวุโสและเพื่อนพ้องก็ได้รับคำยืนยันให้คงอยู่กับแผนเดิม คือจะสลายม็อบทันทีที่ตัวบุคคลอันธพาลเข้าพบหัวหน้าคณะปฏิวัติจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์เรียบร้อย ราว ๑๐ นาที เสียงห้าวใหญ่เจ้าเดิมบัญชาทางเครื่องเสียงซ้ำแต่เจอคลื่นเสียงกองยาวโหมเทิ่งบองรบกวนจนหยุดกระจายเสียงในที่สุด

บ่ายโมงครึ่ง บรรยากาศกลางนรกบนดินยังระอุ บรรดา “ม้าเร็ว” ที่วางจุดไว้เรดาร์การเคลื่อนไหวฝ่ายเจ้าหน้าที่ทั่วส่วนกลางทยอยเข้ารายงาน เจ้าหน้าที่เสริมกำลังเข้ามาอย่างผิดสังเกต ตามป้อมยามมีคอมมานโดชุดเทาใช้บันไดลิงโรยตัวลงจากกำแพงแล้วขยายแนวโอบล้อมแดนสูทกรรม-ไฟฟ้าและประปา ซึ่งพวกเรายึดครองอยู่แล้ว และเมื่อที่ประชุมกระจ่างเภทภัยรอบตัวต่างสำแดงภูมิอ่านเกมเจ้าหน้าที่ต่อที่ประชุม หาเป้าที่เป็นไปได้ กลับมองไปคนละประเด็น บ้างว่าเป็นการโชว์ฟอร์ม บ้างบอกกลุ่มคอมมานโดอารักขานายกรัฐมนตรีเข้ามาเคลียร์ และบ้างก็ว่าเป็นแผนบีบให้เราตายหมู่ ซึ่งในช่วงประชุมนี้เอง ปรากฏเสียงตะโกนบอกต่อพร้อมการเคลื่อนไหว

“สารวัตรทหารบุกแล้ว”

ห้องโถงซึ่งดัดแปลงเป็นห้องประชุมอันสถิตนักบู๊ดัง เช่น นิตย์ ท่าเตียน, เกชา เกเตอร์, ตุ๊ ตลาดสมเด็จฯ, จ่าหาญ และหาญ บางรัก พร้อมนักบู๊หนุ่ม โอเหล่, มาน เจริญผล, จบ หลังวัง, อ๊อด หมดเส็ง, เก๊าตี๋, เต็งโก้, ตี๋น้อย, หมู่เทียน, จ่าแมน, ตาล สุทธิสาร, เหล็ง แพร่งฯ ฯลฯ ซึ่งทำหน้าที่หัวหอกงานบู๊พากันลุกพรวดไปที่ระเบียง จ้องตายลกำลังพลสารวัตรบก-อากาศราว ๑๐๐ นายพร้อมปืนกลมือครบครันตบเท้าเข้ากลางสนามห่างจากหน้าแดนโรงพิมพ์รับฟังคำสั่ง

มโหระทึกหยุดบรรเลง ร้อยพ่อพันแม่ทั่วสารทิศขวานโบราณกลางนรกเบิ่งตาชมแสนยานุภาพเผด็จการที่เป็น “คน” ด้วยความรู้สึกต่างกัน ลุงเหลา ยอดทนายอาวุโสตบไหล่ผม ๒ ครั้ง ผมหันมองก็ปะดวงตาในเบ้าโบ๋ลึกประกายเรืองกรามทั้งคู่นูนเป็นสัน

“มันเตรียมฆ่าเราแล้วกระมัง” ลุงเหลาเปรยหนังตาเต้นระริก

จ่าหาญเจ้าสำนักบางลำพู ซึ่งยืนล้ำหน้าผมไปนิดเดียวคำรามจนทุกนามเงียบกริบ

“เสียดายนักที่มือกูมันไม่มีปืน ม่ายงั้นจะพิสูจน์ให้เห็นว่ามึงหรือกู ชายชาติทหาร”

น้ำคำจ่าร่างใหญ่อันชาวยุทธ์ทั่วหน้ายกย่องบาดใจแปลบเพราะคำว่า “ทหาร” สำหรับผมแม้ตายก็ยากที่จะลืมรสชาติรักชังเคล้ากันไป ต่อมาไม่ทันแถวสารวัตรทหารทั้ง ๒ เหล่าแยกแถวปฏิบัติการ เสียงสุนัขสงครามกรรโชกฮึ่มฮำดึงสายตานักบู๊ส่วนกลางตวัดไปยังประตู ๓ ทัศนาตำรวจกับสุนัขสูงระดับเอวแยกเขี้ยวขาวฝูงใหญ่ พลัน นิตย์ ท่าเตียน สั่งการเสียงดัง

“พวกเราประชุมด่วน เรียกทุกคนทุกจุดมารวมกันที่นี่”

สิ้นคำบัญชา กลุ่มขุนศึกหนุ่มรู้หน้าที่ตนตามแผน พากันลงจากทำเนียบแยกย้ายไปถอนกำลังตนกลับ ส่วนลุงเหลานำทีมพวกเราลงกลางสนามขึ้นโต๊ะปลุกสายเลือดนักบู๊เต็มเหนี่ยว สห. กับตำรวจประมาณ ๓๐๐ นาย วางกำลังยึกครองสนามหน้าแดนโรงพิมพ์ซึ่งกลุ่มนักบู๊ทยอยทิ้งพื้นที่เข้ารวมพลอยู่รอบๆ ทำเนียบไม่ระย่อตะวันบ่าย

ส่วนยูร เทพ สมคิด และผม ผลัดกันขึ้นเวทีสวดเผาพฤติกรรมเผด็จการได้คนละผลัด เห็นการเคลื่อนไหวฝ่ายเจ้าหน้าที่คล้ายเตรียมประจัญบาน ทำเอาต้องพักลมปาก ครู่เดียวคำสั่งทางเครื่องขยายถ่ายทอดทางลำโพงให้อันธพาลทุกคนกลับเข้าแดนในบัดนี้ดังลั่น ซึ่งก็ถูกคลื่นเสียงนักบู๊ตะคอกไล่เข้าป่าเหมือนเดิม และแล้วประตูเหล็กขนาดใหญ่ของประตู ๓ ได้ถูกลากเปิดกว้างทั้งสองบานตำรวจปราบจลาจลติดโล่กับกระบองไฟฟ้าราว ๑๐๐ นาย เดินตบเท้าเป็นระเบียบเข้ามาขยายโอบล้อมอยู่รอบนอกห่างประมาณ ๕๐ เมตร ฝ่าย นักเลงโต ลาดยาวล้วนตราสังคมแฝก ตะพด ไผ่ตัน เตรียมพร้อมดุจกันส่วนใหญ่ที่มีผ้าขาวม้าจะนำมาพันบริเวณท่อนแขนซ้ายจนหนาเพื่อ “รับไม้” หรือกระบองไฟฟ้าระหว่างสัประยุทธ์ ด้านมโหระทึกยังคงแผดเสียงสำราญอย่างต่อเนื่องเพราะมติที่ประชุมยืนยันดำเนินการต่อต้านการใช้กำลังฝ่ายเจ้าหน้าที่ทุกรูปแบบ

เวลาล่วง ตะวันล้าแสงลง ลมทุ่งพัดหวิว เวลาเกือบ ๒๐ นาที ในภาวะพร้อมรบไม่ปรากฏเจ้าหน้าที่ดำเนินการรุกไล่แต่อย่างไร เฉพาะคอมมานโดชุดสีเทากับสารวัตรทหารประมาณ ๑ กองร้อยวางกำลังอยู่โดยรอบสนามกว้างหน้าแดนโรงพิมพ์จนพอเดาการมาขอท่านนายกฯ โดยไม่ต้องมุดประตูคุกให้เสียศักดิ์ออกในที่สุด และพอแหงนหน้ามองฟ้ายังทิศที่ตั้งสนามบินดอนเมืองก็พาเอาเผลอครวญ

“มาคอปเตอร์จริงๆ”

เฮลิคอมเตอร์ ๒ ตัวติดยี่ห้อกองทัพอากาศหมุนโรเตอร์กระหึ่มเสียงมุ่งตรงเข้าหากำแพงสีเทา เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายวิ่งพล่าน นักบู๊เปล่งเสียงไชโยต้อนรับกึกก้องปานแผ่นดินทรุด ท่ามกลางเจ้าหน้าที่วิ่งวุ่นเตรียมต้อนรับ เหล่านักบู๊จากตึกที. ใหม่ รุ่นล่าจำนวน ๓๐๐ นาย นำโดยสลัดสงขลา เลาะห์ ราชพิทักษ์พากันแห่ไปต้อนรับแต่ถูกเจ้าหน้าที่สำทับห้ามไว้โวยลั่น เสียงเครื่องยนต์คอปเตอร์ ๒ ตัวดังสะท้านหูเมื่อนักบินลดเพดานบ้นต่ำลงลุงเหลาเตือนให้ยูร, เทพ, สมคิด, และผม สำรวจตัวเองกลางเสียงไชโยผสานเสียงเครื่องบิน ปีกที่หมุนค่อยๆ วางฐานสกีลงกับสนามหญ้าจนบังเกิดแรงลมพัดฝุ่นลูกรังฟุ้งตลบ บัดดลเหตุชุลมุมอุบัติจากกลุ่มนักบู๊แดนใต้ ซึ่งเกิดปะทะกับหน่วยปราบจลาจลที่ยืนเป็นปราการขวางมิให้เข้าใกล้เขตที่กำหนด จนรุ่นอาวุโสโดดเข้าห้ามศึกจ้าละหวั่น ไล่ๆ กัน สห. ทอ. ราว ๒๐ นายโผนเข้าร่วมระงับเหตุด้วยท้ายปืนในมือจนนักบู๊กระเจิง

“รบกันแล้ว” ยูร อินทรีบอกลอยๆ…

ยอดวณิพกกล่วงถูกต้องและเมื่อฝ่าย สห. กระโดดเข้าช่วยรบแทนหย่าศึกเช่นนั้น ใครจะยืนเป็นหินให้เพื่อนเจอยำต่อหน้าอันไม่มีในศาสตร์นักบู๊ จึงเกิดสงครามย่อยทันควัน ท่านนายรัฐมนตรีร่างอ้วนกลมลงจากเครื่องภายในชุดสนามสีเขียวไปยืนเท้าเอวชมเหตุวุ่นวายห่างจากผมเกือบ ๑๐๐ เมตร อึดใจ ท่านจอมพลหันไปคุยกับนายตำรวจนายทหารระดับสูงที่ร่วมเดินทางมาพลางส่ายหน้า

“เราว่าท่านนายกฯ คงกลับแน่” สมคิดวิเคราะห์เหตุใกล้หู

“เป็นอันว่างานนี้ล้มเหลว” เทพ ศรีหงษ์ชี้อนาคตบอกอารมณ์สิ้นหวัง

พักหนึ่ง สภาพจลาจลซึ่งกลายเป็นสัประยุทธ์ด้วยกระบองและพานท้ายปืนระหว่างคู่กรณี ขยายวงกว้างยิ่งขึ้น อันธพาลกลุ่มอาปาเช่อันมีนักบู๊สะพานเหลืองโอเหล่คุมทีมคงได้รับคำสั่งให้ต้านฝ่ายเจ้าหน้าที่ช่วยนักบู๊แดนใต้ ดังนั้น ราว ๕๐ ชีวิตพร้อมคมแฝก กระบองไผ่ตันติดมือโดดเข้าร่วมยุทธการพร้อมแหกปากคำรามสบถอื้ออึง เรา ๕ คน ตัวแทนชาวนรกล้วนหน้าหมองมหาเหน่, นัน, รุ่ง และแอ๊ดกระชับไผ่ตันปราดมาหาพลางหยุดหอบครู่เดียว เสือเฒ่ามหาเหน่บอกเสียงดัง

“ทุกอย่างพังหมด”

ทันใดเจ้าของร่างซูบผอมเหงื่อโชกหน้า ผมเผ้ายุ่งเหยิงคาดไว้ด้วยผ้าขาวม้าปราดเข้าสมทบ ยิ้มฟันหลอแลเศร้า จึงยิ้มตอบพลางตบบ่าเขา ยอดทนายอาวุโสหลุดคำอีกประโยค

“ไหนๆ จะพังแล้ว ก็น่าจะฝากความประทับใจให้ท่านนายกฯ บ้างว่ะ”

มหาเหน่ซักทันที “ทำยังไงถึงจะประทับใจ”

ลุงเหลาตอบเสียงแน่น “ให้ใครสักคนวิ่งไปถามท่าน…”

มิทันทราบรายละเอียดแจ้ง เสียงปืนกลแผดสะท้านกึกก้องไม่ต่ำกว่า ๒ ชุด และดังประกาศิตนับพันชีวิตคู่ศึกกลางลุยไถล้วนชะงักการสัประยุทธ์ ผมให้ความสนใจท่านนายกฯ มากกว่า จึงติดตามเรดาร์ความเคลื่อนไหวท่านไว้

“ท่านนายกฯ กำลังจะกลับขึ้น ฮ. แล้ว” ลุงเหลาครวญ ส่ายหน้าหมดอาลัย แท็กซี่ลาดยาวกล่าวเสียงเข้ม ท่าทีขึงขัง

“ผมจะวิ่งไปถามวักปลดปล่อยกับท่านนายกฯ เองครับ”

วิบตา…”ไอ้หลอ” แท็กซี่ลาดยาวกระตุก “เหล็ก” ออกจากซอกเอวเปลือยฝักโชว์คมสีหน้าเหี้ยมหาญ ลุงเหลากับมหาเหน่ตะลึงกับการตัดสินใจนักบู๊ติดเสพ

“ผมไปล่ะครับ…เสมียน” หลออำลา

ทุกคนที่รวมกลุ่มบริเวณนั้นยิ้มเศร้า ไอ้หลอฉวัดตาจ้องไปยังคอปเตอร์พาหนะนายกฯ พลันตัดสินใจสับตีนวิ่งตัดสนามหญ้าทำเนียบเข้าหาท่านนายกฯ กลางเสียงเอะอะประสานเสียงตะโกนรั้งเพื่อนไว้ เพราะไม่ทราบความประสงค์ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ตำรวจ และสารวัตรทหารประทับปืนในมือบ่ายศูนย์ยังร่างไอ้หลอจุดเดียว ณ สนามกว้างเงียบเสียงมนุษย์ ร่างอ้วนกลมภายในชุดสนามเหลียวมองเศษคนที่กระชับเหล็กโผนเข้าหาวับเดียวก็หันกลับก้าวขึ้นเครื่อง ท่านนายพลตรี ทบ. ผู้ติดตามปลดเซฟปืนสิบเอ็ดฯ ในมือยกขึ้นประทับจวบทั่งคู่เหลือระยะห่างกัน ๒๐ เมตร ปืนสั้นกระบอกโตกัมปนาทขึ้น ๑ นัด ไอ้หลอหงายหลังตึงในบัดนั้น จู่ๆ ปรากฏเสียงตะโกนมาจากทำเนียบ

“ชิงศพไอ้หลอมาให้ได้!”

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลงโต
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : อันธพาน ครองเมือง 2012
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: