3836. โก๋ หลังวัง “วัยรุ่นประลัยกัลป์” ตอนที่ 4 (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

โก๋ หลังวัง “วัยรุ่นประลัยกัลป์” ตอนที่ 4 (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

หน้าโรงภาพยนตร์คิงส์คับคั่ง โก๋, กี๋, ตี๋ และหมวย โดยไม่นับเพลย์บอยรุ่นเก๋า…ข่าวการฟาดฟันและยิงกันด้านหลังโรงภาพยนตร์ควีนส์ บัดนี้มีตำรวจทั้งใน-นอกเครื่องแบบคอยสังเกตการณ์อยู่ทั่วๆ บริเวณนั้นแล้ว เรื่องร้ายข้อหาพยายามฆ่าและกลุ้มรุมททำร้ายกันถูกลืมไปชั่วระยะทางที่เดินจากควีนส์มาคิงส์เท่านั้นเอง

หมีท่าเรือ ต้องคลองเตย กับ สงห์ไผ่ตัน สามวัยรุ่นอดีตสมุน พันหลังวัง ผู้มาณัง บัดนี้ต่างเข้าสวามิภักดิ์กับดาวดังย่านเพชรบุรีตัดใหม่ บังโบลิ่ง ด้วยจุดประสงค์ซึ่งต้องการอาศัยบารมีวัยรุ่น “โบลิ่ง” ชำระหนี้เก่าที่เจอ เก๊าม้าเก็ง ตบด้วยปืนบนโต๊ะบิลเลียดบำเพ็ญบุญนั้นเอง

เพราะสามประลัยกัลป์รู้ว่า เก๊าตี๋ กับ บัง โบลิ่ง กำลังเชือดเฉือนกันในเรื่องผลประโยชน์ที่ เก๊าม้าเก็ง ผู้พี่ได้ขยายอำนาจและอิทธิพลหวังฮุบย่านคาบาเร่ต์แถวเพชรบุรีตัดใหม่คุมเสียเอง

โดยให้ สุมาอี้ น้องคนรองกับเก๊าตี๋ สั่งเด็กออกก่อกวน แต่ก็ยังไม่บังเกิดผลนักสำหรับการข้ามไปยังถิ่นของวัยรุ่น บังโบลิ่ง ดังนั้นแผนงานถล่มเก๊าตี๋ที่กำหนดไว้ในวันนี้จึงเกิดพลาดเป็นหมันไปอย่างถนัดใจ เนื่องจากเกิด “เซอร์ไพรส์” ด้วยวัยรุ่นตาเสือเกิดบรรเลงศึกกับซาตี๋ เสียก่อน

ข่างดังกล่าว เอ็ดหลังวัง รู้มาเช่นกันแต่เมื่อพลิกล็อกเปลี่ยนคู่ราวี เขาจึงไม่สนใจ ทว่าน้ำใจนักเลงของเขายังอดห่วงใย บัง โบลิ่ง ไม่ได้ ด้วยตลอดเวลามี่เขาไ้ด้ถูก แหลมสิงห์ เพื่อนซี้ แดงไบเล่ย์ กระซวกพุงจนต้องนอนเพียบอยู่ที่ศิริราชก็มีวัยรุ่นตัวแสบผู้นี้แหละคอยเยี่ยมเยียนเขาไม่ต่างกว่าเพื่อนร่วมทีมทั้งห้าเฟือง

ประตูโรงภาพยนตร์คิงส์เปิดรอบปฐมทัศน์ผู้คนทะลักกันเข้าประตูราวกับกรุงเทพฯ เจอการบอมบ์ของข้าศึกทางเวหา จนต้องมุดเข้ารูหลบภัย วัยรุ่นวังบูรพาเดินเบียดเสียดฝูงชนอย่างระมัดระวังตัวเป็นพิเศษร่างหนึ่งแทรกกลุ่มคอหนังเข้ามาหา

“ไอ้บัง” เขาอุทานเบาๆ

“ไอ้เหี้ยผิดฟอร์มหมด มึงรู้ไหมใครยิงไอ้ซาตี๋” ถามขณะเดินคลอกันไปหานัมเบอร์ที่นั่ง

“พี่ชายมันยิงขณะอยู่บนรถ” วัยรุ่นปาทานเสริม

“สุมาอี้หรือ?” ดาวดังวังบูรพาซัก

“ไอ้เก๊า ม้าเก็ง…”

“ยังงั้นแสดงว่า มันเตรียมรอเก็บอยู่ก่อนแล้ว”

“เออ..เมื่อพลาดโอกาส กูจะตามเล่นพวกมันตอนหนังเลิก”

“เฮ้ย! สก๊อตเป็นร้อย มึงหนีไม่พ้นหรอก”

“กูจะยิงมันตอนขากลับ ขับรถตามมันไปพอได้จังหวะกูเป่าเอง เพราะกูให้เด็กไปเอารถมาคอยไว้แล้ว”

บริกรโรงหนังเดินฉายไฟมาหา การสนทนาของสองดาวดังจึงยุติ

“เดี๋ยวให้รู้ที่นั่งก่อนค่อยสับที่คุยกันโว้ย”

หลังการพูดจากันแล้ว เอ็ด หลังวัง กลับมานั่งรวมเก้าอี้หมู่เดียวกับพรรคพวกโดยไม่พูดจาอะไร คงทุ่มใจและสายตาให้กับ “ร็อคในตะราง” อย่างใส่ใจสนใจเต็มที่ ส่วนภายในโรงภาพยนตร์มีเสียงกรี๊ดกร๊าดและเสียงปรบมือกระทืบตีนให้จังหวะไม่ต่างกับโลกบันเทิงคือชีวิตจริงของพวกเขา

ออกจากโรงภาพยนตร์คิงส์ เอ็ด หลังวัง ยังคงจับกลุ่มอยู่กับห้าเฟืองเพื่อนซี้ จนกระทั่งเห็นกลุ่มของเก๊าตี๋ก้าวขึ้นแท็กซี่ โดยมีแท็กซี่ป้ายดำของ บัง โบลิ่ง ติดตามไปเรื่อยๆ ตะวันเลยหัวไปเล็กน้อยวันรุ่นวังบูรพายังคงยืนครุ่นคิดอยู่ข้างนครถ้ำจน เวียนวังแดง สงสัย

“มึงจะรอใคร? หรือจะไปไหน?”

“กลับบ้านก่อนดีกว่า กูมีเรื่องต้องคิด” เขากล่าวพร้อมกับโบกมือเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งยังเคหาซอยวัฒนา

ทางด้าน บัง โบลิ่ง ให้สมุนขับรถตามแท็กซี่ของนักเลงตาเสือจนมาติดไฟแดงตรงสี่แยกสะพานดำเขาพยายามให้โชเฟอร์เบียดรถเข้าไปให้ใกล้แต่ก็ไม่อาจหลุดออกมาได้ ดาวดดังย่านเพชรบุรีตัดใหม่ดึงปืน .38 ออกสำรวจพร้อมกับออกคำสั่งแก่อดีตสามมือดีของ พัน หลังวัง

“มึงไม่ต้องติดรถไปเพราะจะยุ่งยากในการหลบหนี หากถูกรถวิทยุติดตาม”

ทั้งสามต่างลงจากรถขณะติดไฟแดง โดยไม่มีการซักถาม ไฟเขียวเปิดทางผ่าน แท็กซี่ของวายร้ายชื่อกระฉ่อนกำลังหักเลี้ยวเข้าสวนมะลิ

“ขับแซงขึ้นเลย พอกูยิงเสร็จ มึงบึ่งรถตรงไปทางวัดสระเกศ เร็ว!!”

โชเฟอร์แซงหลบรถคันหน้า เขาประทับปืนพาดหน้าต่างรถและเหนี่ยวไก เสียงระเบิดของกระสุนเหล็กในมือ บัง โบลิ่ง กระหน่ำถี่ยิบไปยังรถแท็กซี่ราวประทัดแตก!!!

พาหนะของวัยรุ่นตาเสือแฉลบเข้าชนรถเก๋งทางด้านแถบขวามือ บังเกิดเสียงดังโตรมติดต่อกันจนรถหยุดนิ่ง ส่วนรถมหาภัยบรรทุกมือปืนตะบึงลิ่วหายไปตามแผน ผู้คนบนรถเก๋งที่ถูกแท็กซี่ชนเละถึงสามสี่คันลงมาดูเหตุการณ์พร้อมกับประชาชนทั้งสองฝั่งบนถนนก็ลงมาสร้างความวุ่นวายให้การจราจรติดขัดจนตำรวจต้องมาดำเนินการ

บัง โบลิ่ง กำหนดซะตาชีวิตของ เก๊าตี๋ พลาดเพราะเป้าการยิงเคลื่อนที่กระสุนปืนจึงไพล่ไปโดนบริวารของเขา ที่ถึงอาการสาหัสเพียงคนเดียว นอกนั้นกระสุนเจาะตัวถังรถจนพรุน เรื่องทั้งหมดมอบให้เจ้าหน้าที่ควานหาตัวมือปืนต่อไป เอ็ดหลังวัง วางหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าลง เขาเอ่ยกับกลุ่มนักเรียนนักเลงทั้งห้า ซึ่งกำลังแต่งตัวไปโรงเรียน

“ไอ้บังทำงานพลาดจนได้ และต่อไปกูอาจจับหลักทำงานที่ก็ไม่ชอบเสียแล้ว”

“มึงหมายความถึงเรื่องที่พูดกับไอ้บังในโรงหนังใช่ไหม?” ขวัญศรีเมือง กังขาเพราะคิดได้ว่าวายร้านวังบูรพาลุกไปนั่งคุยกับ บังโบลิ่ง ก่อนหนังฉาย

“นั่นล่ะ….” เขารับคำ “ก็ไม่เคยคุมบาร์ คุมบ่อน หรือโรงแรม แต่ไอ้บังเสนองานเพราะมีเสี่ยใหญ่เจ้าของกิจการนั่นแหละต้องการตัวกู”

“ใครกันวะ?” เข้วังแดง ร้อนองค์เพราะอยากรู้

“เสี่ยสุวิทย์ เจ้าของภัตตาคาร อยู่แถวโคลี่เซี่ยม”

คำตอบของ เอ็ดหลังวัง พาให้ทุกคนปิดปากตัวเอง เจ้าของเรื่องระบายลมหายใจยาวเขามองดูชุดสีน้ำเงินของเพื่อนอย่างปิติภาคภูมิอยู่เพียงลำพัง

“กูอาจรับงาน เพราะเป็นทางเลือกที่กูจะอยู่ได้ อันที่จริงพวกมึงก็รู้ว่าคนอย่างกูไม่ชอบเป็นมือ-ตีนใคร แต่การไม่มี “ปลอกคอ” เสียเลยถนนไม่มีกว้าง ชีวิตอาจสั้น!?” เขาเน้นเสียงหนักแน่น

“มึงจะต้องจับปืน แล้วอาจฆ่าคน?” เวียนวังแดง ติงด้วยความเป็นห่วง

“กูชักไม่อยากเรียนแล้วโว้ย! ดูเหมือนยิ่งเรียนยิ่งโง่” วัยรุ่นอินทรีขาว ดำม้าเหล็ก โพล่งออกมาขณะคาถุงเท้าไว้แค่ปลายตีน

“มึงอย่าเสือกบ้า คนที่ตั้งใจเรียนจริงให้โง่แค่ไหน สักวันต้องฉลาด อีกทั้งมึงก็ไม่ใช่คนโง่” ดาวดังหลังวังแหวใส่เพื่อน

เด็กดังเมืองเหนือกระแทกถุงเท้าพรวดเข้าอุ้มตีนอย่างหัวเสียขณะลุกขึ้นยืนหยิบสมุดหนังสือสองสามเล่มติดมือ มันเอ่ยทิ้งท้ายอย่างเอาจริงเอาจัง….

“ถ้ากูจำไม่ผิด…ไอ้เอ็ด! มึงเคยพูดว่า “เมื่อไม่มีครู มึงนั่นแหละจะเป็นครูให้กับชีวิตมึง คนเป็นผู้สร้างโรงเรียน สร้างวิทยาลัย ตลอดจนมหาวิทยาลัย…แล้วก็คนอีกนั่นแหละมอบวุฒิบัตรและรับวุฒิบัตร…” มึงเป็นครูแก่ชีวิตมึงได้ แล้วกูล่ะ?”

เพื่อนๆจากไปแล้ว บ้านทั้งหลังเหลือเขากับความคิดอันว้าวุ่น เพราะน้ำคำวัยรุ่น “อินทรีขาว” โดยมีเพื่อนแห่งความว้าเหว่เวียนอยู่รอบกายในที่สุดก็ลุกขึ้นยืนเกาะราวระเบียงทัศนาแสงเรืองรองของอาทิตย์อุทัย ส่วนสำนึกนั้นพร่ำภาวนา

“เพื่อนเอย…อย่าคิดผิดอย่างกู หรือระยำระห่ำเพราะลำพองอย่างเพื่อนมึงคนนี้เลย หัวใจกูมันร้าวเหมือนแก้ว พวกมึงคงไม่รู้ ฉะนั้นยามที่กูถูกกระทบมันจึงแตก!…จนต้องร่อนเร่ซุกหัวนอนไม่เป็นที่ รอบๆตัวก็เหมือนมีอาวุธพร้อมที่จะทิ่มแทงกู…แม้กระนั้น กูถอยหลังไม่ได้เสียแล้ว และเมื่อต้องเดินหน้า ไอ้เอ็ดจะต้ององอาจ ส่วนเพื่อนจงสะอาดบนวิถีของเพื่อนเถิดวะ…”

ความเหว่ว้าพาให้ถวิลถึงทุกเรื่องที่สุดก็ตัดใจแต่งตัวปิดประตูหน้าต่างมุ่งไปหา บัง โบลิ่ง ทันที

บ้านพักรถไฟย่านเพชรบุรีตัดใหม่ คือรังรวงของนักเลงโบลิ่ง ยุคก่อนถนนสายนั้นรถวิ่งได้สะดวกโยธินไมม่ต้องคลานกิโลละค่อนชั่วโมงดั่งปัจจุบันนี้ แท็กซี่ยังไม่รู้จักการใช้แก๊ส ซึ่งถังแก๊สอาจจะระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้ อีกทั้งคลองแสนแสบสายน้ำยังใสสะอาด มีนักค้าหัวใสลอยเรือค้าประเวณีกลาดเกลื่อน และบ้านริมคลองแสนแสบนั่นแหละที่จอมประลัยกัลป์วังบูรพาข้ามถิ่นไปหา บัง โบลิ่ง

บ้านเช่าสองชั้น เรือนไม้ไม่ใหญ่โตนักต้อนรับเขาโดยมีเจ้าของถิ่นคอยต้อนรับ พวกบริวารนับสิบที่นั่งมั่วล่อกัญชากันอยู่ชั่นล่างต่างทักทายเขาเกียวกราว บัง โบลิ่ง พาเขาขึ้นชั้นบนซึ่งจัดเตรียมสุราอาหารไว้เพียบ การสนทนาของสองดาวร้ายยังไม่พูดถึงงาน พอหน้าตึงเจ้าของถิ่นเปิดฉากทันที

“เสี่ยให้กูหาคนมีฝีมือมาลุ้นงาน กูมองไม่เห็นใครและก็ไม่มั่นใจเท่ามึง จึงบอกกับเสี่ยไว้ว่าหากมึงตกลง ทุนมีพร้อม หน้าที่แค่คุมบ่อนกับคุมเด็กตามโรงแรมเท่านั้น เพราะระยะนี้มึงก็รู้ว่า ไอ้เก๊า ม้าเก็ง กินข้ามถิ่นเลยธงมากไป”

เขากระดกเหล้า ตามติดด้วยบุหรี่พ่นควันกรุ่น ครู่หนึ่งจึงลองย้ำราคาของตนเองเป็นการทดสอบ

“แต่ค่าการตอบแทนเป็นเงินเดือนเบี้ยเลี้ยงหรือหักเปอร์เซ็นต์จากเด็ก จากบ่อน”

“ไอ้บ้า!” นักเลงโบลิ่งโผงออกมา “นั่นมันแมงดากับมือตีนสำหรับใช้ในบ่อน มึงมีหน้าที่ดำเนินงานบริหารทั้งหมด วางงาน วางคน จัดการ อะไรบ้างเห็นดีเห็นควรอะไรเสี่ยเขาจะออกทุนให้เพราะสถานที่มีแล้ว แต่ต้องการเปลี่ยนผู้นำ บ่อนกำลังเซ็ง แขกเที่ยวก็น้อย เพราะคนเก่าไม่ยอมหมุนเวียนเด็ก”

“อย่างนั้นมึงทำไมไม่รับงานนี้อเองล่ะ?” คู่สนทนาย้อน

“ก็ไม่ใช่ทศกัณฑ์นี่หว่า จะได้ดูแลทุกอย่างทั่วถึง นี่ขนาดกูเทียวไปเทียวมาในกิจการที่กูดูแลอยู่ยังไม่พ้นเจอน้องชายไอ้เก็าก่อกวนเลย”

วายร้ายวังบูรพารับฟังและอ่านเกมได้ทะลุยิ่งกว่าเปิดถ้วยแทงเสียอีก งานที่เสี่ยสุวิทย์มอบหมายให้ครั้งนี้ ข่าวเคยมีเข้าหูเขาแล้วสมัย พันหลังวัง ยังไม่ดับ โดยเขาจะให้อดีตดาวร่วงคุมเกมมเป็น “กันชน” ไม่ให้อิทธิพลของนักเลงม้าเก็งเอ๋าลุกลามมาดึงแขกไปยังบ่อนคู่แข่ง

เก๊าม้าเก็ง เองเขาก็หาใช่นายทุน…งานที่ทำมันก็คล้ายกับ เอ็ดหลังวัง กำลังได้รับมอบหมายนี่แหละ

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลงโต
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : The Standard
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: