3801. อนุทินนิรนาม ตอนที่ 4 (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

อนุทินนิรนาม ตอนที่ 4 (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

ผลจากที่ผมรับปากร่วมงานอาชญากรรมต่อนักเลงผิวนิลนามรุณ ตาแดง โดยทันทีคล้ายมิได้ตริตรอง ส่งผลให้เขาถึงคิ้วขมวดมุ่น หรี่ตามองถามพอได้ยิน

“นายคิดดีแล้วหรือ”

“ถ้านายรุณไว้ใจเรา”

รุณยิ้มขรึมใบหน้าเยิ้มเป็นมันยามต้องแสงไฟละจากผมมองไปที่บันไดผมผละไปคว้าถุงเป้ฉวัดขึ้นคล้องไหล่ นักเลงปืนผิวนิลเบนสายตามายังผมบอกเสียงดังขึ้น

“เปี๊ยก นายเที่ยวแถบถิ่นนี้ต้องมีปืน เพราะมีบางครั้งที่เราต้องใช้ป้องกันตัว”

“เราจะพยายามหา” ผมว่า

“นายใช้ขนาดเท่าไหร่?”

“ทุกขนาด”

“ถ้าหยั้งงั้น นายเอาสิบเอ็ดของเราไปใช้ก่อน เมื่อไหร่เจอเหมาะมือเหมาะใจแล้วค่อยคืน…ขอเศษตังเราค่ากระสุนสัก ๒-๓ บาทก็พอ”

จบคำ รุณฉกมือซ้ายไปที่ซองเอวขวากระตุกเอาวัตถุรมควันสีดำกระบอกเขื่องยื่นส่งให้ ผมรับไว้พลางควานหาเศษเหรียญในกระเป๋ากางเกงยื่นส่งให้เป็นการแก้เคล็ดอันนักเลงปืนรุนพ่อถือ เพื่อสกัดมืให้กระสุนปืนย้อนเข้าหาตนเอง

“ไป ลงไปข้างล่างเถอะ จวนสว่างแล้ว” รุณชักชวน

จากนั้น เรา ๒ คนก็ลงบันไดเรือนทรงไทยหลังงามทางด้านหลังซึ่งเป็นเส้นทางเดิม ปะชายฉกรรจ์หน้าตาเอาเรื่องบริเวณลานใต้ถุนนั่งยืนราว ๑๐ คนทุกผู้จ้องตามองที่เราเขม็ง ๑ ในกลุ่มได้แก่เจ้าบ้านหรือ กำนันเลี้ยง เปิดยิ้มกว้างใต้หนวดหนาเตอะนัยน์ตาส่อแววกังวล รุณยิ้มขรึม เจ้าบ้านหนวดหินก้าวยาวๆ มาจับมือเขาไว้ บอกเสียงดัง

“เรื่องครูพร นายรุณรับจัดการนะ”

“ครับ” รับคำสั้นๆ

“คนอยู่บนกระบะรถ นายรุณจะดูไหม?”

นักเลงปืนผิงนิลผงกศีรษะรับแทนตอบ ร่างสูงใหญ่ผู้นำระดับตำบลหันขวับเดินนำเราไปยังรถมาสด้าปิกอัพสีเขียวสภาพค่อนข้างใหม่

ณ ที่กระบะท้ายรถ บัดนี้ปิดคลุมด้วยผ้าใบหนาหยาบเปื้อนคราบฝุ่นดินหนุ่มหนึ่งผิวดำแดง ผมสั้นเกรียน แต่งกายรัดกุมสวบทับด้วยแจ๊กเก็ตฟีลด์สีเขียวพับแขนเหนือข้อศอกก้าวไปยืนติดรถพลางเปิดผ้าใบที่ปิดคลุมสิ่งที่ใคร่โชว์ ทันทีที่ผ้าใบหนาเตอะถูกตลบขึ้นไปหน้ารถ สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาเบื้องหน้าคือ คน แต่งกายด้วยเสื้อกางเกงสีกากีทั้งชุด สภาพขะมุกขะมอม อายุประมาณ ๔๐ ปีเศษ ถูกมัดมือไพล่หลังนอนคว่ำหน้าไม่ต่างสุกร อุ้มมือใหญ่หยาบกร้านของไอ้หนุ่มคนเดิมตะปบคว้าจับหัวไหล่เชลยกระชากให้พลิกหงายขึ้นเชลยแผดเสียงสนั่น

“ไอ้พวกสัตว์นรก ฆ่ากูชะสิ”

ไอ้หนุ่มคนเดิมเงื้อง่าหมายตบเต็มเหนี่ยว รุณคว้าจับแขนไว้ มันฉวัดตามอง รุณตะเพิดเสียงแน่นขณะปล่อยมือ

“มึงไปซะ”

ไม่ต่างจากเหยี่ยวเผชิญพญาอินทรี ไอ้หนุ่มนั่นผละจากอย่างสงบ รุณก้าวไปยืนจนติดกระบะรถ ผมขยับตามเขาชะโงกไปมองหน้าเชลยหรือ ครูพร กล่าวเสียงนุ่มหู

“ครูจำผมได้ไหมครับ?”
ร่างชายวัยเกือบครึ่งศตวรรษที่นอนหงายทับแขนตัวเองอยู่บนกระบะรถเคลื่อนไหวเพียงขยับ ใบหน้าอิดโรยเปื้อนฝุ่นดินจรดเส้นผมแลน่าสมเพชหว่า ๒ ดวงตาลุกจ้าจ้องเขม็งยังใบหน้าเป็นมันปลาบของผู้ถาม ครู่เดียว ริมฝีปากหนาแห้งผากหลุดคำเสียงแหบๆ

“ครูได้ยินแต่ชาวบ้านเขาพูดว่าเธอเป็นคนเลว เพิ่งเห็นกับตาคืนนี้เอง…เอาเถอะ จะเอาตัวไปต้มยำทำแกงอะไรก็ทำเถอะ”

“ผมขออภัยครูอย่างสูงครับ” รุณบอกพลางผินหน้าไปทางเจ้าบ้านหนวดหิน “กำนันช่วยให้เด็กแก้เชือกที่ล่ามออกด้วย”

“เฮ้ย…” อุทานและเสริมเสียงขุน “นายรุณคิดยังไงนี่ ไหนว่าจะรับเป็นผู้ควบคุมเอง”

“ผมจะควบคุมโดยไม่ต้องล่ามแบบนี้ ครูเป็นคน ต้องพูดกันรู้เรื่อง”

“แล้วถ้าเกิดพลาดพลั้ง สมมุติว่าแกหนีได้ล่ะ?”

“ผมขอรับผิดชอบคนเดียว ถ้าไม่ตกลงผมก็ต้องถอนตัว”

คำบอกนักเลงปืนนัยน์ตาแดงดังชัดหูกำนันกับเหล่าบริวารถ้วนหน้า ทำเอาบรรยากาศใกล้รุ่ง ณ ที่นั้นเงียบงันในทันที นักเลงปืนผิวนิลกราดตามอง สำหรับผมรู้สึกสับสนไปทั้งกบาล เพราะไม่อาจขมวดถึงเหตุทั้งหลายทั้งปวงได้โดยรู้เอง จึงสงบยืนฟัง กำนันเลี่ยงพรูลมหายใจแรง ริมฝีปากหนาเม้มจนเป็นเส้นตรง รุณเปิดคำขึ้นในความเงียบที่แสนอึดอัดกลางกลุ่มชายฉกรรจ์เสียงกังวาน

“เรื่องแบบนี้ผมไม่ชอบ ดูมันน่ารำคาญ จุกจิก ถ้ากำนันเกรงผมปล่อยให้ครูหนีหรือปล่อยเพราะสงสารครู ก็ให้ไอ้ธมจัดการตามเดิมดีกว่า”

กำนันหนวดหินยังปิดปากสนิทคล้ายใคร่กลืนเก็บความรู้สึกบางอย่างครู่หนึ่ง ยอดกำนันคล้ายตัดสินใจแล้วหล่นคำ

“เรื่องนี้นายรุณอย่าคิดว่าทางฝ่ายเราไม่วางใจหรือไม่เชื่อมือนายรุณนะ แต่แรกที่ขอให้นายรุณช่วยก็เพราะนึกหาช่องทางอื่นไม่ออก เรื่องมันเกิดกระทันหัน…”

รุณรีบตัดบทกลางคัน “เอาเป็นว่าเรื่องครูนี่กำนันจะจัดหารเอง”

“คิดว่ามีทางออกแล้ว” กำนันขานรับ “หวังว่านายรุณคงเข้าใจถึงฐานะพวกเรา”

“ครับ ถ้าหยั้งงั้นผมก็ถือโอกาสลาเลยครับ”

“โชคดี นายรุณ…อ้อ คุณด้วย” ประโยคหลังกำนันหมายถึงผม

เรา ๒ คนกระทำคารวะเจ้าบ้านผู้บริการที่พักพิงชั่วคราวพร้อมอาหารและฝิ่นตามธรรมเนียม กำนันเลี้ยงซึ่งออกอาการเกรงใจรีบกระทำคารวะตอบพร้อมตามไปส่งถึงรถโดยรุณทำหน้าที่นักบิด

“วันหน้าแวะเยี่ยมอีกนะนายรุณ” กำนันหว่านไมตรี

“ครับ” รับคำแล้วเคลื่อนรถทันที

บนอานจักรยานยนต์ที่กำลังทะยานฝ่าสายลมเย็นยามอรุณกลับยังเส้นทางเดิม ผมได้รับการเปิดเผยจากปากนัดบิดกรณี ครูพร ถูกลักพาตัวโดยสมุนกำนันเลี้ยง เหตุมาจาก เสี่ยกิม ราชาที่ดินย่านปากน้ำประแสกับเจ้าของกิจการค้าหลายอย่าง เช่น เจ้าของปั๊มน้ำมันและเจ้าของโรงงานบดมันเส้นขนาดใหญ่ซึ่งกำลังปล่อยน้ำเสียลงคูคลองที่เกษตรกรอาศัยน้ำไปหล่อเลี้ยงไม้ผล เช่น เงาะ ทุเรียน จนไดรับความเสียหายอยู่ขณะนี้ เหตุเกิดในพื้นที่บ้านเกิดของรุณ ตาแดงนั่นเอง

เรื่องนี้ชาวบ้านกว่า ๓ ตำบลที่ถูกผลกระทบเรื่องน้ำเสียได้ให้ ครูสมพร หรือ ครูพร ครูใหญ่ประจำโรงเรียนบ้านกระโดนซึ่งเป็นเจ้าของสวนทุเรียนที่ถูกน้ำเสียของโรงงานทำลายพื้นผลยืนต้นตายแห้งนับสิบต้นทำเรื่องร้องเรียนกับทางจังหวัดให้เข้ามาช่วยแก้ไข ผลเรื่องเงียบกริบ ตกราวต้นเดือนที่ผ่านมา ครูพรใช้แผนใหม่ต้านพฤติกรรมนายทุน โดยอาสาเป็นหัวหอกปลุกระดมเกษตรกรทั้ง ๓ ตำบลมาชุมนุมกันที่ลานหน้าโรงเรียนบ้านกระโดนเพื่อร่วมกันเดินทางเข้าเมืองหลวง นำเรื่องเข้าร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แต่ไม่ทันถึงวันที่กำหนดนัดหมาย เสี่ยกิมนายทุนใหญ่ได้ทุ่มเงินก้อนจำนวนหลายแสนบาทให้แก่ใครก็ได้ที่สามารถลักพาตัวครูคนกล้าไปให้พ้นจากเมืองแกลง มีกำหนดเวลา ๓ เดือน เพื่อให้ทางโรงงานสร้างที่พักน้ำเสียเสร็จก่อน ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปิดโรงงานกับต้องชอใช้ค่าเสียหายนับล้านแก่ชาวบ้านนั่นเอง

เรื่องนี้ผมรับรู้ด้วยความเศร้าใจเหมือนทุกคราที่รับรู้เรื่องอยุติธรรมจนเครียดทางความคิด ฟ้าสว่างจนมองเห็นสรรพสิ่งสองฝั่งถนนชัดเจน เบื้องหน้าลิบๆ ปรากฏบ้านเรือนนับพันหลังคาเรือนปักเสาทีวีระเกะระกะ นักบิดเริ่มชะลอความเร็วก่อนบอกเสียงดังโต้แรงลม

“เดี๋ยวแวะปั๊มเอาเงินให้ค่ารถเขาก่อน”

ที่ปั๊มน้ำมัน “บ้านแกลงพานิช” อันเป็นปั๊มขนาดใหญ่พื้นที่ราว ๕ ไร่ ดูเหมือนพนักงานเกือบทุกคนจะรู้จักนักเลงปืนผิวนิลเป็นอย่างดี ต่างจึงโค้งให้เขาขณะขับรถผ่านเข้าไป รุณนำรถเข้าไปจอดด้านข้างออฟฟิศซึ่งติดกระจกหนาใสทั้ง ๔ ด้าน บริกรชายร่างกายกำยำ ทรงผมรากไทรวัย ๒๕ ปี ในชุดน้ำเงินปราดเข้ามายิ่มทักทายเป็นอันดี

“หวัดดีพี่รุณ เฮียยังไม่ตื่นเลย มาเรื่องซื้อรถหรือเปล่าครับ?”

เขาบอกเรียบๆ “เราเอาเงินมาให้”

“อ๋อ…” ช่างหนุ่มคราง “เฮียสั่งให้มอบรถให้พี่รุณได้ตั้งแต่พ่นสีใหม่เสร็จ”

รุณไม่ตอบคำ เขาดึงเอาธนบัตรสีแดง ๕ มัดยื่นส่งให้ ช่างหนุ่มรับไว้ท่าทีพินอบพิเทา จากนั้นช่างหนุ่มได้ขอตัววิ่งเหยาะๆ ไปทางโรงจอดรถซึ่งอยู่ด้านในสุด พักเดียวจี๊ปวิลลี่สภาพปานกลางสีเขียวเป็นมันปลาบถูกช่างหนุ่มขับมาจอดเบื้องหน้า

“ไปเปี๊ยก ลองนั่ง ๔ ล้อดูบ้าง” เขาชวน

ช่างหนุ่มโดดลงจากรถ นำกุญแจมายื่นส่งให้ปากบอก “ผมเติมน้ำมันสำรองไว้ให้ ๓๐ ลิตรครับพี่” รุณส่งธนบัตรใบละ ๑๐๐ บาทให้บอกเบากริบ

“น้ำใจจากเรา”

ช่างหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธทั้งพนมมือไหว้ ปากวอนสีหน้าไม่เป็นสุขนัก

“ให้ผมชื่นใจที่ได้ให้บริการพี่เถอะครับ”

“รับไปเหอะ”

“พี่รุณ…” ช่างครวญ ยิ้มราวกับจะร้องไห้

นักเลงปืนผิวนิลไม่ฟังคำค้านคำขอ จัดการยัดธนบัตร ๑๐๐ บาทใส่กระเป๋าเสื้อในบัดนั้น

“ขอบพระคุณพี่รุณมากครับ มีอะไรก็เรียกผมใช้ได้เลยครับพี่”

“บอกเฮียกุ่ยด้วย วันหน้าจะมาเยี่ยม…เออ มอเตอร์ไซค์อยู่นั่นนะ”

“ครับพี่”

๐๗.๓๐ น. แดดทอแสงจ้า จิ๊ปเล็กพาหนะคันใหม่เคลื่อนออกจากปั๊มน้ำมันเข้าเขตสุขาภิบาลอำเภอแกลงหรือสามย่านท่ามกลางยวดยานพาหนะวิ่งสวนไปมาพลุกพล่าน รุณผู้ทำหน้าที่โซเฟอร์เลี้ยวรถเข้าถนนที่ติดป้ายไว้ปากทางว่า”ซอย ๒”

“เมื่อคืนเราแทบคลั่ง ถ้าไม่มีฝิ่นช่วยคงอยู่ตลอดคืนไม่ได้”

ผมนั่งยิ้มรับฟัง โซเฟอร์ขับรถเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ๒ ดวงตากราดมองบ้านเรือนสองข้างถนนอันส่วนใหญ่ยังปิดประตูอยู่กระทั่งหยุดรถที่บ้านไม้สีฟ้า ๒ ชั้น มีรั้วไม้ระแนงกั้นอาณาเขตบ้าน

“พักนอนที่นี่สัก ๓-๔ ชั่วโมง เราบริการเอง”

ลงจากรถไปยืนบิดตัวคลายเมื่อยขบ ส่วนตากวาดมองรอบตัว พบแต่ความว่างเปล่า ก็ฉงนที่ผู้คนละแวกนี้นอนตื่นสายแทบทุกหลังคาเรือน รุณเดินอาดๆ ไปที่ประตูบ้านอันเป็นรั้วไม้ระแนงสูงระดับเอวพลางก้มลงหยิบก้อนหินขนาดเท่าผมมะนาวปาไปที่หน้าต่างชั้นบนดังสนั่น พลัน…หน้าต่างบานที่ถูกกระหน่ำเปิดผาง บุรุษผมหยิกฟูวัย ๕๐ ปี โผล่หน้าออกมาคล้ายมองหามืออัปรีย์ ผมมองไปทางสหายผิวนิลเห็นเพื่อนยืนกอดอกสงบนิ่ง กระทั่งชายสูงวัยที่หน้าต่างอุทานหน้าตื่น

“อ้าว…นายรุณ รอเดี๋ยว พ่อเจ้าประคุณเอ๋ยนึกว่าใคร”

รุณหันมาหัวเราะเบาๆ กับผมราวเหตุที่ก่อเป็นเรื่องปกติ แต่ผมไม่สบายใจนัก เพราะอาการก้าวร้าวต่อคนของเขาตลอดทางที่พบเห็นไม่ได้ก่อคุณแก่ตนเลย ซ้ำยังก่อศัตรู จะมองว่าพฤติกรรมดังกล่าวมาจาก สันดาน ของเขาย่อมไม่ใช่เนื่องจากถ้าสิ่งที่เขากระทำมาจากสันดานผมเองจะต้องเจอด้วย ดังนั้นการรู้แยกแยะสำแดงพฤติกรรมต่อคนเช่นเขาจึงต้องมิใช่จากสันดานโดยเด็ดขาด เสียงกลอนประตูถูกกระชากเปิด บานประตูบ้านสีฟ้าเปิดกว้าง ชายสูงวัยศีรษะเถิกเจ้าเดิมนุ่งโสร่งลายทางเปลือยท่อนบนโชว์ขนหน้าอกรกรุงรังยิ้มทักทาย

“เชิญเลย นายรุณ…ทำไมผ่านมาแต่ไก่โห่?”

“ตอนนี้ป๋าเลี้ยง “เด็ก” ไว้กี่คน? อย่าหลอกกันล่ะ” รุณถามแทนตอบตรงๆ

ป๋าผมหยิกฟูต่อคำทันควัน “โธ่ นายรุณ ไม่เชื่อมือผมแล้วกระมัง”

“มีกี่คนแน่?”

“มีนอนอยู่ในบ้านนี้ ๖ คน คอยสักครู่นะ ให้เวลาเด็กมันล้างหน้าตาหน่อยเพิ่งเข้านอนตอนตี ๔” ป๋าแจง

พอป๋าของเหล่าโสเภณีกลับขึ้นชั้นบน รุณนำผมไปนั่งบนโซฟาเก่าคร่ำมีรอยปะเย็บพรุนจรดพนักพิง ผมคว้าหนังสือพิมพ์รายวันเล่มหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน เห็นพาดหัวข่าวท่านผู้หญิงวิจิตราให้ทนายยื่นศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกพันล้านของจอมพลสฤษดิ์จึงพยายามอ่าน วัยรุ่นนายหนึ่งนำถาดบรรจุเบียร์สิงห์ ๒ ขวดพร้อมแก้ว ๒ ใบมาเสิร์ฟก็นับเป็นเมรัยแก้วแรกที่ผมร่วมดื่มกับนักเลงปืนเมืองกวีเอกแทนกาแฟ และพอรินเบียร์ขวดใหม่ลงแก้ว รุณกล่าวลอยๆ คิ้วขมวดมุ่น

“น่าเห็นใจครูพร…ไอ้ห่า เรานี่เหมือนคนอกตัญญูครูบาอาจารย์”

ผมสะกิดใจวูบ มองหน้าเขาตรงๆ รุณยิ้ม ถามเรียบๆ

“นายรู้สึกอย่างไรกับครูพรบ้าง”

ผมตอบตรงกับใจ “สงสารแก…นายล่ะ เป็นลูกศิษย์ครูพรโดยตรงหรือเปล่า?”

“ตั้งแต่ ป.๑ ยัน ป.๔”

“ไม่เวทนาหรือที่ครูแก่ๆ คนหนึ่งถูกนายทุนรังแก”

“ช่วยไม่ได้หรอก เสี่ยกิมก็มีบุญคุณกับเรา” ปฏิเสธทันควัน

คำยืนยันของเขาปิดการสนทนาสิ้นเชิง ด้านหลังของบ้านบัดนี้ปรากฏเสียงน้ำซูซ่า ไฟนีออนถูกเปิดสว่างไปทั้งบ้าน ราวครึ่งชั่วโมงภาพที่ไม่เคยปรากฏต่อหน้าต่อตาผมนับแต่รู้จักโลกปรากฏขึ้นแล้ว

สาวๆ ผิวขาว ๖ อนงค์ เปลือยกายล่อนจ้อนเดินนวยนาดไปยืนเรียงแถวหันหน้ามาทางเราทีท่าขวยเขิน บ้างยืนหนีบขาก้มหน้างุด ป๋านายเดิมกล่าวชี้แจงสรรพคุณสุ้มเสียงจริงจัง

“หัวแถวขวามือชื่อ อร เพิ่งทำงานได้ ๓ ปี ถัดไปชื่อ หงส์ เด็กทางเหนือเพิ่งย่างเข้า ๑๕ ปีปีนี้ คนที่ ๓ ชื่อ ดาว ทำงานได้ปีเศษ อายุ ๑๙ ปี อีก ๒ คนนั่น ชื่อ แดง กับ อ้อย มาอยู่ที่นี่ได้ ๒ เดือน…ทั้งหมดเต็มใจบริการนายรุณกับเพื่อนเต็มที่”

รุณสะบัดหน้ามาที่ผม “เปี๊ยกเลือกก่อนคนหนึ่ง”

“เลือกแล้ว”

“คนไหนล่ะ?”

“คนชื่อหงส์”

รุณตบมือดังฉาด ร้องลั่น “เปี๊ยกนี่ตาแหลมชะมัด คนนี้แหละที่เรามองไว้ นายพาไปเลย…ไปสิ” พอผมขยับลุก ป๋าปราดถึงตัวพลางชี้นำ ปากแนะ

“ห้องซ้ายมือที่เปิดนั่นครับ…เชิญครับ เอ้า หงส์ เร็วโว้ย”

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลงโต
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: