เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 51 โอรสเจ้าอาหรับ (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

โอรสเจ้าอาหรับ

๑๖ นาฬิกาตรง แสงแดดอุ่นเนื้อ ทุ่งบางเขนในกำแพงบาปมิทันจางควัน ศึกล้มมาเฟียยาเสพติดได้มีข่าวแพร่จากประตู ๑ บัดนี้ปรากฏนักบู๊ต่างเมืองจำนวน ๓๐๐ นาย กำลังทำทะเบียนประวัติอยู่ ก็พาเอานักบู๊ตีปีกยอมตัดยอดอาหารเย็นยกโขยงกันไปเตร่บริเวณหน้าประตู ๓ และหน้าแดนวิปัสสนานับสิบ รวมผมด้วย ทั้งนี้เพราะ ๒ ในจำนวน ๓๐๐ นายมีนายหนึ่งที่ผมใกล้ชิดพร้อมอีกนายหนึ่งที่ผมอยากเห็นโฉม นั่นคือ #ผู้ใหญ่เต็ก กับ #เสือเลาะห์ สลัดสงขลานามกระฉ่อน ระหว่างวนเวียนทักทายมิตรสหาย ร่างหนึ่งผิวเหลืองพิกัดไลต์เวต ผอมแกร่ง ตัดผมสั้น หนวดเคราร้างมีดโกนจนหนาเป็นปื้น หิ้วถุงข้าวถุงแกงพะรุงพะรังทั้งสองมือมุดประตูเล็กของประตู ๓ เข้ามาพลางส่งสายตามองหาคนนั่นคืออดีตเจ้าสังเวียน อุสมาน ศรแดง ฉายา #โอรสเจ้าอาหรับ ครู่เดียวร่างหนึ่งสูงต่ำไล่ๆ กับบังมาน เป็นนักโทษจากแดนโรงพิมพ์ผมไม่เคยเห็นโฉมออกไปรับหน้า จึงเกิดความสนใจด้วยยืนอยู่ไม่ไกลนัก

“ที่จริงตำรวจเขาไล่ญาติของคุณกลับแล้ว เกินเวลาเยี่ยมหรือฝากของ พอดีบังอยู่ในห้องเยี่ยมเลยอ้อนวอนให้ตำรวจรับของฝากจากญาติไว้ แต่ก็เสียบุหรี่ให้มันไป ๒ ซอง คุณลองตรวจเช็คตามรายการดูเหอะ” นักชกชื่อดังแจงยังกะท่องไว้
หนุ่มใหญ่แดนโรงพิมพ์รับถุงพลาสติกบรรจุข้าวและอาหาร ๒ ถุงใหญ่ไปวางลงกับพื้นสนามหญ้าจัดแจงตรวจเช็คอาหารและของฝากตามรายการที่ญาติเขียนกำกับไว้ ไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมองผู้ให้บริการทีท่าคลางแคลง

“บุหรี่ขาดไป ๓ ซอง ไม่ใช่ ๒ ซองนี่ครับ”

ยอดนักชกร้องลั่น ทำตาเหลือก “เออ…เมื่อกี้ตอนจะเข้าประตู ๓ มานี่ป่าหวัดแกขอไปซองหนึ่งเกือบซวยแล้ว”

จากอากับกิริยาอดีตแซมเปี้ยนมวยไทยยุคเวทีราชดำเนิน(วิกคอนกรีต)ยังไม่มีหลังคา พอจะอ่านรูปการณ์ออกว่าใครตุกติกใคร จึงเฝ้ายลการชิงไหวเล่นเชิงระหว่างนักบู๊แดนอันธพาลกับนักโทษแดนโรงพิมพ์ ซึ่งขณะนี้บอกความขัดใจทางสีหน้า สักครู่จึงปลงใจหยิบบุหรี่กรุงทองส่งให้บังมาน อดีตแชมป์มวยไทยอุสมาน ศรแดงรับบุหรี่ไว้ช้อนตาขึ้นมองหน้าเจ้าของสิทธิอาหารถุง ถามเสียงเบาแผ่วแทบไม่ได้ยิน ทั้งหน้าตาหมองลง

“ซองเดียวหรือคุณ”

“ถ้าผมให้บังอีก ๒ ซอง บุหรี่ทั้งหมด ๑๐ ซองผมซึ่งเป็นเจ้าของจะได้เพียง ๕ ซอง” เจ้าของสิทธิแย้ง คิ้วเริ่ด สุ้มเสียงไม่พอใจ

“ก็นั่นมัน ‘นาย’ เค้าขอ” บังมานว่าเสียงแน่น

“ผมไม่ทราบว่าบังใช้สิทธิอะไรเอาของผมไปให้ ‘นาย’ ถึง ๓ ซอง”

ยอดนักชกทำท่าจนแต้มกวาดามองรอบตัว ผมทำเป็นไม่สนใจแต่เงี่ยหูฟังวาทะนักบู๊นอกสังเวียนซึ่งส่ายหน้าไปมา

“ผมซวยคนเดียว แทนที่จะได้ ๒ ซองกลับอด…เอาหยั่งงี้ได้ไหม นึกว่าช่วยบังเหอะ”

หนุ่มใหญ่ยืนยันความตั้งใจ “ผมให้บังได้แค่ซองเดียว หากบังอยากได้มากกว่าก็ไปเอาที่ ‘นาย’ เอง”

“ถ้าหยั่งงั้นของเศษๆ สัก ๓ บาทนะ จะได้ ‘ของ’ สักตัวบังเสี้ยนมาแต่เช้าแล้ว”

“ผมให้แค่นั้นแหละ” ท่าทีสุ้มเสียงสีหน้าบ่งความเหลือระอา

“โธ่…อีก ๓ บาทเท่านั้น”

หนุ่มเจ้าของสิทธิเทลมหายใจพรืดคว้าถุงบรรจุอาหารลุกเดินดุ่มๆ กลับเข้าแดนโรงพิมพ์ทันที บังมานขยับลุกขึ้นยืนเหล่ตามาที่ผมวับเดียว พลางล้วงบุหรี่กรุงทองอีก ๓ ซองจากกระเป๋าหลังรวมกันได้ ๔ ซอง ดิ่งไปแดนวิปัสสนาพ่อค้าเฮโรอินฉับไวไม่ต่างกัน ต่อมา ผู้คนบริเวณประตู ๓ เริ่มเคลื่อนไหวบานประตูเหล็กล้อเลื่อนขนาดใหญ่ซีกซ้ายมือถูกคอสิงห์ดึงให้เปิดกว้าง ทุกสายตาชาวยุทธ์จับแน่วยังร่างชายครึ่งศตวรรษ สูงกำยำ ผิวคล้ำ รูปหน้าสี่เหลี่ยม จมูกโด่ง นุ่งกางเกงขายาวสีกากี สวมเสื้อยืดคอกกลมสีขาวตัวเดียว เดินนำหน้ามาก่อนใคร

“ท่านผู้ปกครอง” หลายเสียงพึม

เบื้องหลังท่านเป็นแถวนักบู๊เมืองใต้กับภาคกลางเดินในลักษณะแถวตอนเรียงสามตามมาราว ๕ เมตร พอใกล้ระยะสายตาผม ท่านผู้ปกครองหยุดกึก ยกมือขึ้นเท้าเอว ย่นคิ้ว กราดตามองประดานักบู๊ที่ยกขบวนกันมาต้อนรับขณะนี้ไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ นาย ขบวนแถวนักศึกษาอาชญาวิทยาน้องใหม่อันแบกสัมภาระมาทุกตัวคนหลุดปลายแถวพ้นประตู ๓ พอดี ไล่ๆ กันบรรดาโล่เขนกับราชทัณฑ์พร้อมผู้รักษาระเบียบประมาณ ๕๐ นายติดกระบอกครบมือได้แยกย้ายกันต้อนรับนักบู๊กลับเข้าแดน ดังนั้น ช่วงพวกเรานับร้อยถอยจึงบังเกิดเสียงประหลาดแปลกแหลมยังกะเสียงเปรตก่นเหง้าเจ้าหน้าที่และผู้รักษาระเบียบดังไม่ได้ศัพท์ เฉพาะผู้รักษาระเบียบอันเป็นนักศึกษาดีเด่นในหมู่มารด้วยกันถึงกับได้ ‘ฉายา’ โก้ไม่เบาว่า นักเลงติดยศ

ดังนั้น จึงเป็นว่าเราทั้งผองไม่ได้อยู่ต้อนรับน้องใหม่ดังหมาย อย่างไรในความรู้สึกผมถือว่าเจ้าหน้าที่ท่านป้องกันเหตุไว้ถูกต้องแล้ว ขืนปล่อยให้เข้าถึงตัวกันอาจเกิดเรื่องไม่งามได้ ทั้งนี้ ระหว่างขึ้นตึกนอนก็มีหลายคนบ่นเสียดายเมื่อหมูไกลปากหมาเช่นนั้น เวลาผ่านไป บทบาทนักบู๊หลายคนเปลี่ยนไป หลายนามที่เคยควงคมแฝกล้มมาเฟีย #ตง_แซ่ตั้ง โดดเข้าจับเฮโรอินเพื่อการค้าอย่างโจ่งแจ้งแล้ว ยกเว้น โอเหล่ หัวหน้าทีมอาปาเช่ลาดยาว ซึ่งไม่นิยมคบหากับกลุ่มนักค้า ใช้เวลาค้นหาความสุนทรีกับกีต้าร์ตัวโปรดเหมือนจะกลืนมันเข้าเลือดเนื้อทีเดียว

ส่วนผมกับเพื่อนใช้เวลาตลอดสัปดาห์สร้างมิตรไมตรีกับนักบู๊บนขังเดี่ยวจำนวน ๑๐๐ คน ให้บริการสารพัด บางรายใคร่พบแพทย์ก็เขียนรายงานให้ บางคนไหว้วานส่งจดหมาย ซื้ออาหารจากร้านค้า สารพันที่ลุงเหน่ แอ๊ด และผมจะบริการได้ ด้านอนันต์ ยืนยง, รุ่ง รัชนีสองเพื่อนซึ่งถูกยืมตัวไปเขียนพระฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ให้ทันวันที่ ๒๓ ตุลาคม อยู่แดนวิปัสสนา ร่วมกับมังกรม้าเก็งเอ๋า เก๊าตี๊ ทำหน้าที่ลุล่วงก่อนกำหนด ๔ วัน ได้รับ ‘ค่าฝีมือ’ จากท่านหัวหน้าแผนกปกครองคนละ ๑๐๐ บาท มาปรึกษาคิดค้าเฮโรอินอย่างพรรคพวกบ้าง

คราวนี้ผมได้ขอความเห็นจากมหาเหน่กับแอ๊ดซึ่งทั้งคู่ไม่เพียงแต่เห็นด้วยยังควักทรัพย์สดๆ ลงขันไปอีกคนละ ๕๐ บาท ด้วยเหตุผลเรา ๕ คนล้วนไร้ญาติขืนทำตัวอดอยากทั้งๆ ที่สามารถดิ้นรนได้ก็จะถูกเพื่อนร่วมรุ่นหยาบหยามว่าหมดฝีมือทำตัวเป็นฝีคอยญาติ ส่วนผลร้ายของนักค้ายาเสพติดมีเหตุเดียวที่ควรระวังคือ อย่าให้เจ้าหน้าที่จับได้ของกลางเท่านั้นเพราะจะถูก ‘ตัดชั้น’ ทันที

“เปี๊ยกร่วมมือด้วยนะ เงิน ๓๐๐ บาทได้ ‘ของ’ ครึ่งถุงเท่านั้นเอง”

นั่นเป็นคำชักชวนของเสือเฒ่ายอดแหลมเมื่อ ๒-๓ วันก่อน และด้วยความรักเพื่อนผมก็โปะเงินสดไปอีก ๓๐๐ บาท ดังนั้นวันต่อมาจึงเกิดนักค้ารายย่อยนามมหาเหน่กับแอ๊ด เสือเผ่นใช้เวลาว่างน่อนขายสินค้าไปทั่วแผ่นดิน ๕๐๐ ไร่

จู่ๆ เหลืออีก ๒ วันจะถึงวัน ‘ปิยมหาราช’ ท่านหัวหน้าแผนกปกครองรู้ข่าวความแตกแยกระหว่างแดนอันธพาลกับแดนโรงพิมพ์ประสงค์ใช้กีฬาผสานสามัคคีได้เสนอให้มีการแข่งขันชกมวยไทยยกทีมระหว่างนักโทษกับอันธพาล ชิงถ้วยของท่านผู้ปกครองพร้อมเงินสดจำนวนหนึ่งจึงฮือฮากันไม่เสร็จ ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่มีเวลาไปชมการเปรียบมวยของทั้งสองฝ่าย เนื่องเพราะพี่ลอสั่งให้จัดล้างทำความสะอาดขังเดี่ยวทุกห้อง ก่อน ๑๐๐ ชีวิตได้รับนิรโทษกรรมลงไปเซิ้งเยี่ยงสหายนับพัน

ในวันสำคัญดังกล่าว นอกจากรายการยกทีมชัดมวยระหว่างนักโทษกับอันธพาลแล้ว ยังมีลิเกคณะอาจารย์เหล็ง ลูกมาตุลี เรื่อง ‘จันทโครพ’ ให้ชมปิดท้ายรายการมวยยกทีมด้วย ก็นับว่าไม่เบาสำหรับนรกในกำแพง และแล้วอรุโณทัยแห่งวัน ‘ปิยมหาราช’ อันตรงกับวันที่ ๒๓ ตุลาคมได้มาเยือน ดังนั้นหลัง ๖ นาฬิกาเล็กน้อย นักบู๊ทั่วหน้าจึงลงจากขังไปทำความสะอาดเนื้อกาย ทั้งๆ ที่หมอกไม่ทันจาง ส่วนผมพอลงจากตึกนอนได้ก็ลิ่วไปขังเดี่ยวเปิดประตูเสรีภาพให้รุ่นพี่และเพื่อนทำกิจเพื่อเตรียมตัวไปถวายบังคมพระบรมฉายาลักษณ์ที่ ๓ นักบู๊จรดปลายพู่กัน ณ ทำเนียบใจกลางคุก

๗ นาฬิกาเศษ แสงแดดโลมไล่ม่านหมอกจางไป สภาพแดนสงวนพลุกพล่านนักบู๊ มหาเหน่, แอ๊ด, อนันต์, รุ่ง เข็นรถบรรทุกอาหารกลับเข้าแดนมาเลี้ยงเป็นมื้อสุดท้ายท่ามกลางบรรยากาศอวลรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ต่อมาต่างกินอาหารพลางสนทนากันอย่างมีชีวิตชีวา ส่วนใหญ่พูดถึงมวยยกทีมของทั้งสองแดนเชิงวิจารณ์ว่าทีมใดจะได้ครองถ้วย เมื่อเป็นเช่นนั้น ด้วยวิสัยคนไทยใจนักเลงชื่นชอบการพนันอยู่ไม่น้อยหน้าชาติใดในโลก ก็เปิดเดิมพันแม้มิทันยลโฉมนักชกก่อนเดินเกม

๐๘.๓๐ น. ฟ้าสวย แดดใส บรรดาเจ้าหน้าที่โล่เขน-คอสิงห์ ปรากฏตัวตามจุดสำคัญรักษาการณ์คึกคักกว่าทุกวัน บนป้อนยามก็นั่งยาม ยืนยาม จนมองเห็นหัวดำจุดเล็กๆ ทุกป้อม วิหคนานาบินผ่านทุ่งบางเขนเป็นกลุ่มๆ บางกลุ่มทิ้งเสียงระเริงฟ้าน่าอิจฉาชะมัด นกกระจอกบนชายคาตึกและบนหลังคาที่ทำการทิ้งตัวลงจิกกินข้าวตากของมหาเหน่ซึ่งนำข้าวแดงเหลือกินไปตากไว้เพื่อขายแก่พ่อค้าขนมไข่มดแดง (ข้าวตากคั่วคลุกน้ำตาลปี๊บก้อนขนาดผลส้มสนนราคาชิ้นละ ๑ บาท) อย่างองอาจ มิไยบุคคลจำนวนกว่า ๑๐๐ ชีวิตภายในแดนรอบตัวมันคือบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม เป็นสิงสาราสัตว์เสี้ยนหนามเผด็จการ

พักใหญ่ผู้บังคับแดนหรือพี่ลอ พร้อมผู้รักษาระเบียบกลุ่มใหญ่เข้ามารับตัวผู้ได้รับนิรโทษกรรมทั้งหมดออกจากแดนไปถวายบังคมและวางพวงมาลัยอันประดิษฐ์โดยนักศึกษาอาชญวิทยานามใดไม่ทราบ แลสวย ทรงสง่า น่าคิด และวิจิตรบรรจงยิ่ง ระหว่างกำลังช่วยจัดแถวร่วมกับเจ้าหน้าที่อยู่นั้น ไอ้จ้อย โก๋ประตูน้ำ บอกซือเฮียเรียกพบด่วนมาก ก็มอบหมายงานให้เพื่อนบริการแทน แล้วตามไอ้หนุ่มรุ่นน้องเข้าแดนปะรุ่นใหญ่ อาทิ นิตย์ ท่าเตียน, เกชา, ยอด ประตูน้ำ, จ่าหาญ และหาญ บางรัก พร้อมลุงเหลา, ยูร อินทรี, เทพ ศรีหงษ์, สมคิด หอมนาน “๔ ทนายลูกทุ่ง” คนดังนั่งอยู่ในโรงเลี้ยงจึงร่วมสังฆกรรมด้วย

ไม่นานนักเป้าหมายเรียกตัวผมเข้าร่วมได้ถูกเปิดเผยจากปากเจ้าสำนักท่าเตียน

“พี่อยากขอแรงเปี๊ยกร่วมตรวจทานคำร้องที่พวกจะยื่นให้คณะกรรมการพิจารณาจับกุม-ปลดปล่อยบุคคลอันธพาลตอนบ่ายโมงวันนี้ว่ามีอะไรควรต่อเติมหรือควรตัดทิ้งบ้าง”

จบคำ พี่เอื้อยใหญ่ชาวยุทธ์แกส่งคำร้องปึกหนึ่งประมาณ ๒๐ แผ่นในมือให้ผมรับไว้

“นั่งอ่านที่นี่เลยเปี๊ยกเวลาเหลือน้อยแล้ว”

ความที่ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะอยู่ในสายตารุ่นอาวุโสพาเอาอึ้ง เนื่องจาก “เกียรติ” ที่ได้รับครั้งนี้มิได้หมายถึงศักดิ์ศรีบารมีนักบู๊ที่รบมาหลายสนาม อย่างไรย่อมต้องลำบากใจอยู่สำหรับที่นี้ จึงทรุดลงนั่งยังม้าติดกับโต๊ะโรงเลี้ยงอ่านคำร้องฝีมือ ๔ ทนายคนดังอย่างไตร่ตรอง (๔ ทนายที่กล่าวนาม ล้วนไม่เคยศึกษานิติศาสตร์ยังสถาบันใด)

ในที่สุด ผมก็อ่านคำร้องทั้งฉบับจบด้วยความรู้สึกกว่าข้อเขียนดังกล่าวมีประโยคเชิงข่มขู่ในท่อนท้ายเช่น “หากภายในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ รัฐบาลไม่พิจราณาปลดปล่อยเหมือน ๔ ปีที่ผ่านมา บุคคลอันธพาลทั่วประเทศจำเป็นต้องทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเรียกร้องสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน”

ดังกล่าว ผมเสนอให้เปลี่ยนจากกำหนดให้ปลดปล่อยบุคคลอันธพาลแบบกว้างๆ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ ไปเป็นให้ปลดปล่อยบุคคลอันธพาล “สูงอายุ” โดยกำหนดวัยตั้งแต่ ๕๐ ปีขึ้นไป เพราะเมื่อมีการปลดปล่อยผู้สูงอายุแล้ว ไอ้หนุ่มอย่างพวกผมหายห่วงได้ซึ่งทุกท่านก็เห็นงามที่กำหนด “ผู้สูงอายุ” เป็นหัวหอกแทนข้อความสองแง่สองง่าม ซึ่งไม่เกิดผลบวกด้านจิตวิทยาจากผู้ทรงอำนาจ

เพลแล้ว…ร้อนแดดหัวแทบแตก ผมออกจากตึกที.เก่า ตั้งใจโฉบไปตึกที.ใหม่ ที่พักอาศัยนักบู๊ภูธรพอผ่านหน้าทำเนียบเห็นพรรคพวกกำลังขึงเชือกเวทีมวยใกล้เสร็จ เลยแฉลบไปชมรายชื่อนักมวยทั้ง ๒ ทีมที่ประกบกันไว้ พบว่าคู่เอกของรายการประกบไว้น่าตื่นใจ คู่เอกพิเศษ ชิงรางวัลเงินสด ๓๐๐ บาท ระหว่างอุสมาน ศรแดง(แดง) VS ธงชัย สิงห์สำอาง(น้ำเงิน)

“ไม่ได้การ….” ผมร่ำในทรวง ละความตั้งใจเดินว่าจะเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่เต๊กมังกรเมืองใต้ยังตึกที.ใหม่ ออกตระเวนถามพรรคพวกถึงที่รวมนักมวยแดนอันธพาล จึงรู้ว่าเต็งโก้นำชักแดนอันธพาลไปวอร์มและนวดอยู่ในแดนวิปัสสนาก็มุ่งเข้าแดนวิปัสสนา ท่ามกลางนักบู๊เดินสวนเข้าออกพลุกพล่าน

เฉพาะอย่างยิ่งบรรดา “ขาใหญ่” พ่อค้า มาเฟีย แต่ละรุ่นเข้าไปสังเกตความพร้อมนักมวยเพื่อจับเดิมพันจมเขี้ยว ภายในโรงงานว่างเปล่า บัดนี้มีนักชกแดนอันธพาลทั้งทีมที่จะขึ้นชิงชัย ๖ นาย กำลังวอร์มจนเหงื่อเยิ้ม แต่ละนายล้วนผ่านเวทีอาชีพมาแล้วทั้งสิ้น อุสมาน ศรแดง “โอรสเจ้าอาหรับ” ผู้เกียงไกร เมื่อ ๑๐ ปีก่อน บัดนี้วัย ๔๐ ปีแล้ว แม้จะได้ชื่อว่าเป็นนักชกเชิงสูง หมัดหนักเคยถล่มใครต่อใครคว่ำมานับไม่ถ้วน นั่นคืออดีตชก ๑๐๐ ครั้ง ชนะ ๑๐๐ ครั้ง

๑๐ ปีมานี้ บังมานห่างสังเวียนห่างค่ายจน “เด๊ท มิโรซา” หัวหน้าค่าย ศรแดงประกาศตัดขาด ดังนั้นหลังหยุดชีวิตเต้นเร่าบนสังเวียนเลือด บังมานจึงใช้วิธีเสเพลเมาสุราอาละวาดไล่ชกตำรวจจนเข้าลาดยาว ๓-๔ ปีในลาดยาว วิถีชีวิตบังมานเปลี่ยนแปลงอย่างไรผมไม่อาจทราบ รู้แต่ว่าไม่กี่วันเขายักยอกบุหรี่นักโทษแดนโรงพิมพ์ไปอย่างหน้าด้านเพื่อซื้อเฮโรอินเสพ ถึงวันนี้ อุสมาน ศรแดง ขึ้นลุยไถกับธงชัย สิงห์สำอาง ซึ่งต่างรุ่นต่างน้ำหนักอันเสมือนนักชกรุ่นลูกอดีต “แชมป์ ๑๐ ปากไก่” เวทีราชดำเนิน ก็ให้เป็นห่วงผู้อาวุโสจะพรั้งพลาดกับนักชกรุ่นลูก ซึ่งอัดแน่นพลังหนุ่ม

ที่ไหนได้ พอเดินสอบถามความเห็นเพื่อนฝูงขณะบังมานกำลังวอร์มทั่วโรงงาน ทุกนามต่อบังมาน ๒-๑ ด้วยเหตุผลกติกาชกมวยไทยครั้งนี้มีกำหนดแค่ ๓ ยกทุกคู่ ล่วงไปถึงบ่ายโมง มีข่าวจากทำเนียบว่าคณะกรรมการพิจารณาจับกุมปลดปล่อยบุคคลอันธพาลรวม ๑๐ ท่านได้เข้ามาแล้ว ๔ นาย อันมีลุงเหลา, ยูร อินทรี, สมคิด หอมนาน และเทพ ศรีหงษ์เข้ายื่นคำร้องไปเรียบร้อย ขณะนี้กำลังพักผ่อนอยู่บนทำเนียบรอชมมวยไทยนัดพิเศษ เช่นนี้ เหล่าพี่เลี้ยงกับนักมวยจึงเคลื่อนพลออกจากแดนวิปัสสนา โดยมีไอ้ “นิโกร” พ่อเล้าลาดยาวหอบเอาอุสมาน ศรแดงขึ้นนั่งบนคอแห่นำนักชกนักเลง “ลุยไถ” กลางเสียงโห่ร้องสนั่นอึงทุ่งบางเขนยามตะวันรอน โอ…ราววีบุรุษนักเลง ขอจงได้ชัยกลับมาเถิดบังที่รัก

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลงโต
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: