เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 48 แท็กซี่ลาดยาว (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 48 แท็กซี่ลาดยาว (เขียนโดย สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เสียงประตูเหล็กท้ายตึกถูกปิดดังตึง นักศึกษาอาชญวิทยา(อันธพาล) แต่ละบางภายในห้องเคลื่อนไหวทำกิจตน ส่วนผมเข้าบอกเล่ากิจคุมรถบรรทุกอาหารแดนสงวนหรือขังเดี่ยวมิให้ถูกปล้นอาหารจากสมุนเสี่ยตงที่ผ่านมาให้ทราบตามธรรมเนียม ก็ได้รับคำชมพอชื่นทรวง เสร็จเรื่องจากพี่ยอด ผมถอยกลับไปยังที่นอน เห็นแผ่นกระดานมีที่นอนซึ่งใช้ผ้าห่มเย็บติดกันอย่างดี จึงออกปากกับลุงทองผู้นอนก่ายหน้าผากอยู้ใกล้ๆ

“ลุง…มีคนมานอนที่นี่แล้วหรือ”

นัยน์ตาเปิดสนิทผู้อาวุโสวัยเปิดกว้าง ท่อนแขนติดหนังหุ้มเนื้อยับย่นตามวัยยกออกจากหน้าผาก ยิ้มโชว์ฟันทองบริเวณเขื่อนหน้าเหลืองอร่าม บอกพลางขยับลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงผนังตึก

“ของเอ็งน่ะแหละ คุณยอดเขาให้เงินลุงไปหาซื้อผ้าห่มพวกนักโทษแดนโรงพิมพ์มาเย็บรวมทั้งหมด ๘ ผืน ลองนอนดูสิ นุ่มไหม”

วาจาลุงทองดึงสายตาผมกลับไปยังห้องฝั่งตรงข้าม ที่สถิตเจ้าสำนักประตูน้ำทายาทท่านนายพลตำรวจ-น้องชาย นายพันตำรวจเอก (ปัจจุบันครองยศนายพล) ด้วยซาบซึ้งในพระคุณ

“ผ้าห่ม ๘ ผืน ๒๔ บาท เข็ม ๒ เล่ม รวมทั้งด้าย ๕ เข็ด ๓๐ บาท พร้อมค่าฝีมือ ๒ โดด” ลุงทองเผยข้อมูลพอได้ยิน

คำบอกผู้สูงวัยกว่าเรียกความสนใจผมผู้ด้อยประสบการณ์คุกตะรางขึ้นมาทั้งประโยคเลยไม่ผ่านความสนใจเหมือนเรื่องราวอื่น ก็ชักเอาจนรู้ที่มาว่าผ้าห่ม ๘ ผืน ใช้แล้วสภาพปานกลาง เฉลี่ยแล้วผืนละ ๓ บาท(ถูกกว่าร้าน ‘ทึ่ง’ กทม.) มีสาเหตุจากแดนอันธพาลเริ่มมีผู้ติดเฮโรอินหรือแคบซูลสูงขึ้น บรรดาผ้าห่มหลวงซึ่งกรมราชทัณฑ์แจกให้คนละผืนตั้งแต่เดือนธันวาคม ปีก่อนได้ถูกนำออกขายให้นักโทษแดนโรงพิมพ์แลกเงินไปซื้อแคปซูลเสพไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ ผืน บัดนี้แดนโรงพิมพ์อันมีนักโทษประมาณ ๖๐๐ นาย และถือเป็นแดนที่ขุมเงินกว่าแดนอันธพาลล้วนติดยาอุบาทว์ไปแล้วกว่า ๓๐% จึงส่งผลให้ผ้าห่มที่ชาวยุทธ์ขายไปเมื่อแรกผืนละ ๕ บาท ถูกซื้อคืนในราคา ๓ บาท สมบัติผลัดกันชม? ศาลา, นารี(โสเภณี), วิถี และคงคา ต่อมาเป็นคำว่า “เข็ม ๒ เล่ม ด้าย ๕ เข็ด รวม ๓๐ บาท” สนนราคาอันแพงหูตูบเฉพาะสินค้าดังกล่าว เพราะไม่มีขายในร้านค้าส่งเคาระห์ ผู้รับการอบรมแต่เมื่อปรารถนาจะได้ไว้ใช้สอยเย็บปะเสื้อผ้า ก็ต้องฝากผู้คุมกับตำรวจออกไปซื้อมาให้ทั้งชุดรวม ๑๐ บาท บวกค่า “ฝีมือ” เนื่องจากท่านต้องถ่อออกไปซื้อนอกคุก ๒๐ บาท ไม่มีอะไรใต้ดวงอาทิตย์ที่ตำรวจกับราชทัณฑ์ทำไม่ได้ ถ้าจะทำ? ผลพวงจากอุปกรณ์เย็บปะเสื้อกางเกงแพรมาก ลาดยาวจึงอุบัติช่างเย็บอาชีพรับปะเย็บสอย เสื้อ-กางเกง ตลอดจนที่หลับนอน และรับจ้างเย็บกางเกงในมือเยี่ยมนาม “ลุงทอง” นั่นเอง สุดท้ายของความสนใจคือ “ค่าฝีมือ ๒ โดด” อันนี้ ลุงทองแจงถึงคำที่ผมสนใจ ซึ่งได้แก่คำว่า “๒ โดด” นั้น ความจริงไม่สลับซับซ้อนอะไร แปลตรงๆ เรียก “๒ เม็ด” (เฮโรอิน) หรือ “๒ เมา” ก็ได้ภาษาดังกล่าวเป็น “สไตล์” การตะโกนแข่งกันขายแคปซูลของบรรดานักค้าสมุนมาเฟีย #ตง_แซ่ตั้ง ซึ่งพากันตะลอนขายไปทั่วนรก ๕๐๐ ไร่อย่างเสรี

พอรับรู้สิ่งที่ไม่เคยรู้ประเทืองปัญญาจากลุงทองแล้วก็ได้แต่ขอบคุณที่แกสู้เย็บที่นอนชั้นเยี่ยมสำหรับคุกที่ใหญ่ที่สุดแห่งเอเชี่ยให้ ผู้สูงอายุกลับบอกเสียงละเหี่ย สีหน้าปั้นยาก

“ถึงจะเย็บดีขนาดไหน สักวันมันก็ต้องขาด หยั่งของคุณยอดนั่นไง ๓ ปีเท่านั้นขาดแล้ว และกว่าจะได้ออกคงใช้ไม่ต่ำกว่า ๓ อัน”

แม้จะมั่นใจตนว่าจะได้พ้นนรกในกำแพงแห่งนี้ได้ ยังไม่วายผวา จึงนั่งสอบถามความรู้สึกถึงวิถีทางต่อสู้ของชาวยุทธ์ทุกรุ่นที่อยู่มานานกว่า ๓ ปีก็ได้รีบคำตอบเสียงกร้าว

“พวกเราดิ้นรนกันมาสารพัด ลุงเหลา, ไอ้ยูร อินทรี, เทพ ศรีหงษ์ และ สมคิด หอมนานเขียนคำร้องเป็นพันๆ แผ่นส่งไปทั่วตั้งแต่สำนักนายกรัฐมนตรี, กองบัญชาการทหารสูงสุด, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงยุติธรรม. กรมตำรวจ และกราราชทัณฑ์ ขอความเมตตาให้มีการพิจารณาปลดปล่อยพวกเราจริงจังเสียที พร้อมกับขอให้ปรับปรุงอาหารให้มีคุณภาพกว่านี้เพียง ๒ ข้อเท่านี้….แม่งเงียบฉี่เลย แต่งานทำทั้งปีขุดแล้วถม ถมแล้วขุด เปี๊ยกเอ๊ย…ทุกวันนี้หิดกับสังคังแดกกันไปทั่วลาดยาวแล้ว นี่ได้ข่าวว่า คุณเกชา, คุณเตอร์, คุณนิตย์ ท่าเตียน, คุณหาญ บางรัก, คุณนิตย์ บางลำพู และคุณยอด เขาให้ ๔ ทนายนั่นเขียนคำร้องยื่นต่อคณะกรรมการพิจารณาจับกุม ปลด ปล่อยพวกเราที่จะเข้ามาเยี่ยมในวันที่ ๒๓ ตุลาคม นี่แหละ”

น้ำเสียงประโยคท้ายๆ ผู้อาวุโสท้อแท้ รอยยับย่นบนใบหน้าลุงทองถูกผมลอบมอง พลางกระหวัดคิดถึงพระคุณเจ้าหลวงพ่อด้วยอาทรฉับพลัน โอ…พระคุณเจ้า ด้วยทองแห่งธรรม ลูกขอองค์ท่านได้มีพลานามัยดีด้วยเถิด

คลื่นมนุษย์ในสังคมยุคสมัยนี้สำนึกแห่งศักดิ์ศรีกำลังสับสน กำลังบังเกิด “ศาสดา” กับ “วีรบุรุษ” ที่นั่น ที่นี่ และทั่วไป แม้แต่ในคุกอันตัวเองนั่งใช้หลังพิงผนังตึกอยู่นี่ก็กำลังสับสนทางสำนึกเช่นกัน แล้วทำประการใดจึงจะดึงสำนักชนชาว #นักเลง ให้หันเข้าหาเป้าหมายที่แท้จริงได้ ช่วงระหว่างนั่งใช้ความคิด ลุงทองขยับเอนร่างเหยียดยาวลงบนพื้นกระดานบ่มงึมงำฟังไม่ถนัดสักครู่ จึงเคลื่อนท่อนแขนขวาขึ้นก่ายหน้าผากเปิดตาพริ้ม ผมหับไปยังที่นอนหัวห้องฝั่งตรงข้าม ซึ่งพี่ยอดนอนอยู่ พบเจ้าสำนักประตูน้ำปิดตานอนในท่า “พี้” ก็ขยับเอนหลังลงบนที่นอนใหม่ด้วยใจไม่สบายนักที่ลุงทองทิ้งหลังกับแผ่นกระดานเปล่าเปลือย

ล่วงเข้า ๒ ทุ่มตรง เสียงนกหวีดจากตำรวจรักษาการณ์ดังลั่นตึก ทุกคนภายในห้องลุกขึ้นนั่งพับเพียบพนมมือแต้ พวกที่อ่อนเพลียเพราะโม่งานหนักมาทั้งวัน และหลับมาตั้งแต่ตำรวจปิดประตูตึกงัวเงียลุกขึ้นมานั่งพนมมือคอพับ โดยไม่ต้องออกเสียงสวดเช่นทุกคน ประหลาด….เมื่อคืนนี้ไม่ยักมีสวดมนต์? จบบทสวดมนต์พระให้มารท่อง ผู้นำสวดมนต์แผดเสียงตะโกนมาจากฝั่งตรงข้าม

“ทั้งหมดตรง”

เสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีดังก้องไปทั้งตึก ลุงทองผู้ชราแต่กายโชว์เสียงชัดเจนอยู่ข้างหน้าจนจบเพลงพลางบ่นเหมือนบอก

“เมื่อคืนของขาด ไอ้พันมัน ‘เสี้ยน’ นำสวดไม่ไหว วันนี้ ‘เรือ’ เข้า ล่อซะเปรมแล้วค่อยนึกถึงพระ…ไอ้หอกหัก”

ผมถามแกในใจ “มีแบบนี้ด้วย”

ต่อมา หนุ่มวัยเดียวกับผม ตัดผมเกรียน ผิวคล้ำ ผอมซูบ นอนขดอยู่บนเสื่อปูทับพื้นซีเมนต์ท้องเรือ “ช่องทางเดินสายกลาง” ปลายตีนลุกขึ้นนั่ง หัวเขาจึงอยู่ห่างตีนผมราวคืบเศษ อีกน่ะแหละ ใจที่ยังไม่ชินกับสภาพคุกไม่อาจทนนอนอยู่ได้เลยลุกขึ้นนั่งก็ประจักษ์ว่าเขากำลังทำกิจใด

“หน็อยแน่…” ผมร่ำในทรวงเมื่อปะหนุ่มร่างซูบผอมผิงคล้ำสักมังกรสะดุ้งทั้ง ๒ แขน กำลังก้มหน้าก้มตาสูบผงสีขาวอมเทาอย่างขะมักเขม้น ผมขยับกลับไปยังห้องนอน หยิบบุหรี่มาจุดส่งให้ผู้เสียสละที่นอนของเขาให้ผมนอนคืนแรก บอกเป็นกันเอง

“นายเอานี่ไว้แกล้มของสิ”

ใบหน้ากระดูก นัยน์ตาช้ำ ริมฝีปากคล้ำเขียวเผยอเปิดกว้าง จนเห็นเขื่อนหน้าหลุดหายไป ๓ ซี่พร้อมกับยกมือไหว้

“ขอบคุณครับพี่ ผมชื่อ ‘หลอ’ ครับ”

“เราชื่อเปี๊ยก ต่อไปอย่าเรียกเราพี่นะ เพราะนายกับเราอายุคงไม่ห่างกันเท่าใดหรอก”

เขายิ้มฟันหลอ “ผมปีนี้ ๒๕ พอดี”

“เราเสียอีกยังอ่อนกว่าเลย ต่อไป ‘เปี๊ยก’ เฉยๆ”

“เรียก ‘เสมียน’ ได้ไหมครับ”

ผมจ้องหน้าเขา ค้นหาความจริงทางสีหน้าและดวงตาทันที เขายิ้มโชว์เหงือกเช่นเคย เมื่อเขามาดี ไม่มีเลห์ ผมจึงเป็นเพื่อนคุยขณะเขาเสพผงสีขาวอมเทาจากตลับยาหม่องจนหมด ครู่หนึ่ง หลอจัดการ ‘ผ่าหลอด’ ที่ใช้สูบเมื่อครู่จึงได้เห็นหลอดยาสีฟันถูกพันม้วนเป็นรูกลมเท่าหลอดเครื่องดื่มธรรมดา แต่สั้นประมาณ ๓ นิ้วกำลังถูกเขาคลี่ออก ผงสีขาวอมเทาจับอยู่ในหลอดเพียบ ผมใคร่รู้ “อะไรน่ะ หลอ ขี้ เฮโรอินใช่ไหม?”

“ครับเสมียน ผมขับแท็กซี่จรทั่วทั้งแดนอันธพาลกับแดนโรงพิมพ์ เครื่องมือหากินมีกระป๋องนม ๑ ใบ หนังยาง ๑ เส้นไว้รัดกระทะ นี่ยังไง…”

จบคำ หลอหยิบกระดาษตะกั่วซองบุหรี่ซึ่งทำเป็นกรวยกระทะหลบเข้าไปในกระป๋องพร้อมสาธิตต่อ

“ที่พวกแท็กซี่ต้องใช้วิธีนี้ เพราะกระป๋องนมนี่จะกำบังลมจากทุกทิศทางขณะลนไฟให้ ‘ของ’ ในกระทะละลายเป็นควันแก่ลูกค้าสูบและระหว่างที่ควันเฮโรอินไหลไปตามท่อหลอด ‘ขี้’ สีขาวที่เสมียนเห็นจะเกาะติดอยู่ตามท่อหลอดนี่แหละส่วนที่ผมใช้หลอดสั้นเนื่องจากนักเสพลาดยาวชอบ ‘คอบร้า’ เพราะทำให้เขารู้สึกเสีย ‘ของ’ ไปนิดเดียวต่อการใช้บริการแท็กซึ่คอบร้าอย่างผม”

สิ้นเสียงหนุ่มแท็กซี่ ผมชาร์ตไฟทางลมปากจี้ต่อ

“ที่หลอพูดนี่ หมายถึงพวกใช้สูบเท่านั้นใช่ไหม”

“ใช่ครับ พวกฉีดเขามีหมอเข็มฉีดให้ ค่าบริการ ๑ บาทต่อสำลีติดเชื้อยา ๑ ก้อนขนาดเม็ดถั่วเขียวพวกหมออำ, หมอโต้ง มีขาประจำมาฉีดมากกว่าเพื่อน”

“หมออำกับหมอโต้งบริการดีหรือยังไง” ผมถามจังหวะสอง

“ตามความเห็นผม เรื่องบริการนั้นทุกคนบริการเต็มที่อยู่แล้ว ผมว่าเกิดจากหมอ ๒ คนนั้น ‘ยิง’ เข็มเข้าเส้นแม่นมากกว่า”

“แล้วตำรวจกับผู้คุมเขาไม่จับหรือ…”

“พวกที่เข้าไปวิ่งรับผู้โดยสารในแดนโรงพิมพ์ตีทะเบียนทุกคน ๕-๓”

“พูดเป็นเล่น” ผมแย้ง “ทะเบียนอะไร ๕-๓”

“จริงๆ ครับ นี่ยังไง…ขึ้นทะเบียน ๕ ที ต่อทะเบียน ๓ ที”

ร่างผอมโกรกจนเห็นตัวมังกรสะดุ้งที่สักพันอยู่กับหนังเนื้อทั้ง ๒ แขนผอมลีบคล้ายอดอาหารมานาน เคลื่อนไหวโดยหันหลังดูทะเบียบที่ตราเป็นรอยกระบองพาดเต็มหลัง ผมกัดฟันกรอด รู้สึกคล้ายถูกพรากเศษของความสุขเท่าที่มีและความเป็นคนเท่าที่เหลือไปสิ้น ผมสู้กลืนน้ำลายลงคอก่อนเค้นคำขยายสิ่งที่ยัง ‘ค้าง’ ใจนิดหน่อยกับเขา

“อายุทะเบียนที่หลอทำนั่นกี่ปีหมดอายุใช้งาน”

“๗ วัน”

ผมนั่งกำหมัดแน่น เซ่อจนเซิ่งไม่ถูก ส่วนตามองเพื่อนผู้น่าสงสารด้วยนับถือในความทรหดของเขาที่หาญต่อเกมกับตำรวจและราชทัณฑ์กลุ่มหนึ่งเยี่ยง ‘ทาส’ มาจนถึงวันนี้

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: