3774. เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 33 รอยโคล้อเกวียน (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 33 รอยโคล้อเกวียน (เขียนโดยสุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เมื่อสัญชาตญาณมนุษย์ก่อตัณหาให้ผมมีพันธะกับน้องสาวเพื่อนผ่านไป โดยที่ฝ่ายหญิงและผมช่วยกันปกปิดเรื่องทั้งหมด กระนั้นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในสันดานก็เป็นสารพิษทรมานใจผมตลอด ๒-๓ วันที่แล้วมาจนต้องระวังตัวแจ เกรงไปสารพันเฉพาะอย่างยิ่งกับหมู่ด้องผู้พี่ชายของเธอ

ดังกล่าว จึงทำให้ ๒-๓ วันนั่นผมกับก้อยไม่ได้พูดคุยกันเลย หลายคราวที่เธอทำท่าจะพูดด้วย แต่ผมหาจังหวะฉากออกทุกครั้งไปที่อยู่กันลำพังสองต่อสอง ด้าน แอ๊ดเสือเผ่น ก็ขลุกอัดกัญชากับหมู่ด้องแทบไม่ได้โผล่เนื้อกระทบแสงตะวัน เพราะฉุนที่มารดากับน้องสาวเลิกขายข้าวแกงไปค้าเฮโรอินอย่างเป็นล่ำเป็นสัน จนมีนักเสพแต่ละบางเดินเข้าออกภายในล็อก ๑๑ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ด้วยเหตุสินค้าถูกรสนิยมผู้เสพทั้งสินค้าไม่เคยขาดตลาด อีกทั้งรับรองสวัสดิภาพมิให้ถูกปล้นสินค้าจากนักเสพประจำสลัมอีกด้วย

ส่วนมังกรม้าเก็งเอ๋า เก๊าตี๋ ก็ยังไปมาหาสู่เสมอและทุกครั้งที่เพื่อนมาเยี่ยมมักจะมีชาวยุทธ์หลายนามร่วมทางมาไม่ขาด ซึ่งช่วยให้พวกเราหายเหงาได้ชะงัดมิหน้ำซ้ำยังได้ข้อมูลจากผองเพื่อนอันเกี่ยวกับการกวาดล้างของตำรวจเป็นระยะๆ จวบสัปดาห์นั้นล่วงไป กระทั่งถึงวันนี้ หลังอาหารเช้า แสงแดดสดใสฟ้าสีครามสวยเยือกเย็น ผมนั่งอัดบุหรี่อยู่หลังบ้านเตรียมอาบน้ำได้ครึ่งมวน เสียงแผ่นกระดาษในครัวลั่นเอี๊ยดจึงหันไปดู

“ก้อย” ผมเผลอขานชื่อเธอ

สาวน้อยภายในชุดกางเกงสามส่วนสีชมพูอ่อน เสื้อยืดแขนยาวสีเดียวกันรองเท้าผ้าใบสีขาวยืนยิ้มขรึม นัยน์ตาใต้คิ้วดำขลับคมกริบจ้องผมเขม็ง

“มีอะไรหรือ ก้อย” กัดฟันถาม

สาวรุ่นผินหน้ามองเข้าไปในบ้านวิบหนึ่ง ค่อยหันกลับมาบอกเรียบๆ

“ก้อยมีเรื่องสำคัญพูดด้วย จะไปรอที่หอนาฬิกาในสวนลุมฯ”

จบคำ เธอผละจากทันที ผมนั่งอัดบุหรี่ปราศจากรสเพราะใจเป็นกังวล ก็สละสิทธิจัดการอาบน้ำชำระคราบเนื้อกายอย่างเร่งรีบ เสร็จจากอาบน้ำเตร่ไปดึงประตูห้อง (ก๊วน) เปิดดูไม่พบใคร ก็ขยับไปถึงประตูห้องของแต่ละคนเปิดดู ไม่พบทั้งหมู่ด้องทั้งเสือเผ่น หน้าบ้านยิ่งเงียบเชียบ เฉียงตาไปที่ร้านค้าของน้าปรุงเห็นป้าไมนั่งคุยอยู่กับเพื่อนบ้านนางเดียว จึงถอยเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนั่งขัดปืนคู่ใจฆ่าเวลา ทิ้งช่วงให้สาวน้อยนั่งล่วงหน้าไปอีกสัก ๒๐ นาที เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากป้าไมซึ่งนั่งอยู่หน้าร้านค้าน้าปรุงนั่นเอง

ช่วงเวลา ๒๐ นาทีที่นั่งทำความสะอาดปืน ผมคิดถึงพฤติกรรมของหมู่ด้องกับแอ๊ด เสือเผ่น หาเหตุที่พลอยให้เสือเผ่นมีอันเมามายฝังใจอยู่อยู่กับดอกหญ้าราคาแพงไปกับหัวหมู่เพราะอะไร สำหรับหมู่ด้องนั้นยกประโยชน์ให้ทางด้านจิตใจอันมีผลกระทบมาจากมารดาไม่เชื่อฟังเขาในเรื่องค้าเฮโรอิน ส่วนไอ้เผ่นมีปัญหาอะไรนักหนารุนแรงถึงขั้นย้ายห้องไปนอนก๊วนจนหลับคาบ้องเช่นที่ผ่านมา ก่อนนั้น เพื่อนเคยร่อนคู่กับผมออกฝัดเต๋าเสมอมา ก็พลอยหยุดงดกะทันหัน ไม่บอกสาเหตุ หรือเพื่อนรู้เรื่องลับระหว่างผมกับก้อย โดยเพื่อนแอบรักสาวน้อยอยู่เหมือนกัน เหล่านี้ช่วงเวลา ๒๐ นาที สมองจึงรกอยู่กับเรื่องคาวผู้หญิงอันหาข้อยุติไม่ได้

๑๐ นาที เศษ ได้แสงแดดร้อนผ่าว ผมได้ฤกษ์ขยับร่อนออกจากรวงรังโดยไม่ปะป้าไมที่ร้านน้าปรุง จึงปิดประตูบ้านคล้องกุญแจไว้เหมือนปกติ เพราะเชื่อแล้วว่ายอดตีนแมวทั้งสลัมยอมขึ้นบ้านนายตำรวจมือปราบสบายใจกว่าขึ้นบ้านหมู่ด้อง พอทอดตีนสุดสะพานไม้ไปถึงต้นไทรใหญ่อันถือเป็นที่ชุมชนสารพัดยาเสพติดพร้อมการพนัน พบว่าภายในโต๊ะบิลเลียดมีสมาชิกคับคั่ง เลยโฉบเข้าไปชม พบหัวหมู่กำลังปะคิวกับเสือเผ่นเชิงสนุ๊กเกอร์ ก็ถอนหายใจโล่งอกอย่างไม่เคยมาก่อน

ถึงคิวรถแท็กซี่กำลังจะก้าวขึ้นรถเตรียมดึงประตูรถปิด แท็กซี่คันหนึ่งเสือกหัวรถจอดพรืด ประตูหน้ารถถูกเปิดออกก่อน ร่างเล็กเพรียว ผิวขาว แต่งกายทันสมัยก้าวออกมา ผมเรียกขานไว้ทันควัน

“เก๊าตี๋”

มังกรม้าเก็งเอ๋าพร้อมพลพรรคชาวยุทธ์ อันได้แก่ จบหลังวัง, ตาลสุทธิสาร และ เปี๊ยกเทวราช ปรี่มาหาจึงเปิดประตูรอไว้

“นายจะไปไหนเปี๊ยก” เก๊าตี๋ถามก่อน

“ไปหาเพื่อน มีนัดไว้แถวๆ ซอยพระเจนฯ”

“รู้เรื่องทิดแดงถูกจับหรือยัง”

“หา…” ผมร้อง

“ถูกจับตอน ๓ ทุ่มเมื่อคืนพร้อมปืน หนังสือพิมพ์ลงข่าวลงรูปเบ้อเริ่มเลยว่ะ”

ผมยิ้มแทนกล่าว และคงเป็นยิ้มที่บรรยายความสมจริงยาก

“ตอนนี้ระวังตัวหน่อยนะ เปี๊ยก พวกเราเองเดี๋ยวนี้ได้กลับบ้านกันที่ไหน “ผี เข้าทั้งกลางวันกลางคืนเลย”

“เราจะระวังตัว ขอบใจที่เป็นห่วง…เอ้อ หมู่ด้องกะไอ้เผ่นอยู่ที่โต๊ะบิลเลียดนะ เราขอตัวก่อน” ผมว่าทั้งดึงประตูรถปิด

โชเฟอร์หนุ่มใหญ่สตาร์ตเครื่องรถเคลื่อนออกถนนใหญ่ ผมเอนหลังพิงเบาะในท่าสบาย แต่หางตาลอบแลอากัปกิริยาความผิดปกติโชเฟอร์ซึ่งหันมายิ้มให้ระหว่างผ่านแยกหน้ากรมศุลกากรพลางกล่าวจี้ใจดำหน้าซื่อๆ

“คุณระแวงผมใช่ไหมที่ได้ยินพวกคุณคุยกัน”

“คงใช่” ตอบตรงๆ

“วางใจเถอะครับ ผมขับรถอยู่ที่นี่มา ๖-๗ ปีแล้ว หมู่ด้องรู้ใจผมดีว่าผมไม่เคยเป็นภัยแก่ใคร คุณลองถามดูก็ได้”

“ผมขอโทษที่ต้องระวังตัว เพราะเพื่อนถูกจับแล้ว”

“ผมก็อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ในเรื่อง แดงไบเล่ย์ เหมือนกัน เสียดาย ๒ แก๊งกำลังตามล่าตามล้างกันอยู่พอดี” โชเฟอร์บรรยา

“ผมว่าดีครับ จะได้ไม่ต้องมีคนตาย”

“ตำรวจตั้งข้อหาอันธพาลด้วยนะครับ”

ผมไม่ออกความเห็น ด้วยอาการสงบคำและทอดสายตาไปนอกรถ ทำเป็นไม่ใส่ใจเรื่องที่เราชวนคุย จึงทำให้เขาสงบคำโดยปริยาย ราว ๑๐ นาที พาหนะของผมหมุมวงล้อเข้าเทียบยังประตูทางเข้าสวนลุมพินีฝั่งตรงข้าม สน.ลุมพินี ผมจ่ายค่าบริการ เขายิ้มรับนัยน์ตาบ่งความเป็นมิตรก่อนเคลื่อนรถไปออกถนนเพลินจิตกลางแสงอาทิตย์จัดจ้าขึ้นทุกที จากนั้น ผมก้าวผ่านประตูเข้าไปพบบรรยากาศร่มรื่นหายใจคล่อง เจริญตาด้วยหมู่ไม้แล้วตัดสนามมุ่งไปยังที่ตั้งหอนาฬิกาสูงเทียมตึกที่นัดหมาย พบสาวรุ่นยืนปาก้อนดินลงคูคลองอยู่ใต้ร่มจามจุรีจึงเข้าไปประจบ

“ก้อยคอยพี่นานไหม”

คนสวยอันทางข้างหน้าคืนเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เธอจะไปเป็นนางนพมาศแล้ว หันมายิ้มพลางเอามือไปป่ายผมดำยาวสลวยคืนที่

“ก้อยมีเรื่องพูดกับพี่มา ๒-๓ วันแล้ว แต่พี่ลุกหนีทุกที”

“เรื่องอะไร”

สาวน้อยล้วงมือไปยังกระเป๋าหลัง ดึงเอาถุงแพรสำหรับใส่ทองคำออกมาเปิดเทลงบนฝ่ามือโชว์แหวนทองคำ ๒ วง รูปพรรณคนละอย่าง น้ำหนักของใครประมาณ ๗ กรัม ให้ชม

“ของใครน่ะ” ผมอดถามไม่ได้

คราวนี้เธอเงยขึ้นประสานตาด้วย บอกเสียงแผ่วเบา “ของเฮียเก๊ากับพี่แอ๊ดเขาให้”

“เอาเข้าแล้วกู” ผมอุทานในทรวงความคิดที่คะเนไว้ช่างแม่นยำเหลือเกินทั้งยังมีเก๊าตี๋ลงนามอีกรายด้วย

“พี่เปี๊ยก”

“หือ”

“พี่จะให้ก้อยทำยังไงดี แม่ก็รู้เรื่องนี้แล้ว เพราะก้อยบอกแม่เอง”

“๒ คนนั่นมันชอบก้อยจริงๆ” ผมละเมอ

“ก็นี่แหละ แล้วพี่เปี๊ยกจะให้ก้อยรับไว้เลยหรือจะให้คืนเขา”

“ถ้าคืนเขา เท่ากับทำลายความภักดีในใจเขา เก็บไว้เหอะ…จะใส่ไว้ก็ได้แต่ต้องผลัดเปลี่ยนกันใส่วงของเก๊าตี๋บ้าง ของแอ๊ดบ้างเป็นดีที่สุด”

“เค้าก็ต้องเข้าใจว่าก้อยชอบเขานะซี”

“มันอยู่ที่ตัวก้อย แต่เพื่อมิตรภาพวันข้างหน้า ก้อยต้องค่อยๆ หาเหตุผลชี้แจงกับเขาทั้ง ๒ คน และไม่ควรให้เวลายาวออกไปอีก”

“แล้วเรื่องประกวดเทพีล่ะ พี่เปี๊ยกจะให้ประกวดไหม”

“อ้าว…” ผมร้อง “ก็แม่รับปากผู้ใหญ่ไปแล้วนี่นา”

“นั่นแม่ แต่นี่พี่” ก้อยหล่นคำเข้มกังวาน

“ประกวดเหอะ พี่จะไปช่วยเชียร์” ผมไม่ลังเล

“จริงหรือพี่”

“หากพี่มีเงินส่งก้อยเป็นนางฟ้าได้พี่จะส่ง”

“ไม่กลัวพี่ด้องรู้หรือ”

ผมหุบปากสนิท แต่เธอหัวเราะมีความสุขเสียงใส ใบหน้าสวยอิ่มอาบแดงระเรื่อ นับแต่นั่นใต้ร่มเงาจามจุรีครื้มบนฟูกหญ้าและรากไม้ก็เป็นที่นั่งฝันถึงอนาคตของเรา ๒ คน จนใกล้เที่ยงเธอก็ชวนให้พาไปกราบหลวงพ่อเร่าๆ จนต้องแจงถึงเหตุที่ไม่กล้าเข้าไปกราบพระคุณเจ้าหลวงพ่อ เพราะมีชนักทั้งคดีฆ่า ขาดหนีราชการทหารทั้งมีชื่ออยู่ในบัญชีกวาดล้างบุคคลอันธพาลของหัวหน้าคณะปฏิวัติอีก

สิ้นคำอรรถาฯ เธอส่ายหน้า บ่นพึม “ตำรวจเขาจะไปเฝ้าอยู่ที่กุฏิหลวงพ่อทั้งวันได้ยังไง”

“ตำรวจน่ะระวังไม่ยากหรอก ไอ้พวกนี้ นิ้ว ตำรวจต่างหากที่มันจะชี้บอกตำรวจว่าพี่อยู่ที่ไหน” ผมไม่ใจอ่อน

“พ่อเคยสอนพี่ด้องว่า เสือหากไม่กราบพระ และนักเลงสิ้นคนศรัทธามันก็จบ”

น้ำคำเธอ ทำให้อยากตบหน้าตัวเองสักฉากที่คอยจนมีวาจาประโยคนี้กระตุ้นให้เครื่องร้อน จึงขยับลุกขึ้น

“ไป…พี่ชักอยากกราบเท้าหลวงพ่อขึ้นมาแล้ว”

สาวน้อยหน้าซีดเผือด ร้องเสียงหลง “ก้อยไม่ได้ด่าพี่นะ”

“รู้แล้ว ไปเถอะ” บอกพลางก้มลงฉุดเธอลุกขึ้นท่ามกลางสายตาหนุ่มสาวละแวกใกล้เคียงชายตามอง

๑๒.๓๐ น. ดวงอาทิตย์ยังอยู่ตรงหัวเผง เรา ๒ สาวหนุ่มละจากแท็กซี่เดินเข้าทางประตูหลังของวัดจำพรรษาของหลวงพ่อด้วยอาการปกติ ตลอดรายทางในธรณีสงฆ์จากคณะ ๕ ซึ่งอยู่ติดกับประตูที่เราเข้ามาจนถึงคณะ ๓ กุฏิจำพรรษาของพระคุณเจ้า ผมไม่พบคนรู้จักสักคน ทั่วทั้งธรณีสงฆ์แลเงียบวังเวง กระทั่งไปหยุดอยู่เชิงบันไดซีเมนต์ท่ามกลางสหายเก่า ๖-๗ ตัว กระดิกหางครางอี๊ดอ๊าดวนเวียนอยู่รอบตัว เสียงหมาวัดคงฟ้องพระคุณเจ้า ท่านจึงเปิดประตูกุฏิออกมาดู พอเห็นว่าเป็นผมกับสาวรุ่น ท่านเชื้อเชิญสุ้มเสียงผิดหู

“ขึ้นมาก่อนสิ กำลังอยากพบเอ็งอยู่พอดี”

อารามดีใจ ผมลืมแนะนำคนรัก ลืมถอดรองเท้า บันไดกี่ขั้นก็ลืมว่าก้าวขึ้นมาได้อย่างไร รู้อย่างเดียวว่าจะขอเกลือกหน้าอยู่แทบเท้าท่านอย่างนี้อีกสักครู่ มันอบอุ่น เป็นสุข ห่างจากคมเขี้ยวศัตรู ห่างจากมือกฏหมาย

“ลูกกราบขออภัยที่ ดี ไม่ได้ครับ” พยายามบังคับเสียงกราบเรียนท่าน

“หนูนั่นเป็นใครล่ะ” ท่านถามพลางขยับเท้า

ผมเงยหน้าขึ้น หันไปทางแฟนสาวแนะนำทันที “ก้อย รู้จักหลวงพ่อของพี่ไว้สิ”

ก้อยกราบลงบนพื้นกระดานระเบียงกุฏิอ่อนโยน พระคุณเจ้าทรุดลงนั่งสาวสวยส่งสิ่งของที่ตัวเองจัดซื้อมาถวายให้ ผมโวยต่อหน้าหลวงพ่อ พลางขยับที่ให้

“ก้อยเป็นคนจัดหา ก้อยถวายเองสิ”

ใบหน้าสวยนวลขาวไร้เครื่องสำอางแดงช่านค้อนขวับ แล้วเคลื่อนเข้าประเคนของ ผมนั่งพับเพียบพนมมือยิ้ม แต่พอถวายของเสร็จเธอหันมาดุเบาๆ เอาบ้าง

“ดูสิ ร้องเท้าก็ไม่ถอด”

“ไอ้หอกหัก” พระคุณเจ้ากระหน่ำซ้ำ

ผมนั่งยิ้มไปพลางถอดรองเท้าไปอย่างมีความสุขใจขณะนี้คิดว่า ถ้าชีวิตนี้หมดเรื่องยุ่ง มีหลวงพ่อผมและก้อย ก็คงเอาดีได้หรอก พักหนึ่งพระคุณเจ้าซักถามถึงเหตุที่เกิดฆ่ากันกลางสนามฝึก จึงเล่าให้ท่านฟังละเอียดจวบสรุปความรู้สึกตัวเอง

“ผมอยากอยู่อย่างนี้ไปสักพัก ให้เรื่องทั้งหมดเงียบก็จะกลับไปมอบตัวสู้คดีครับ”

พระคุณเจ้าผงกศีรษะรับรู้โดยไม่กล่าวอะไร ครู่เดียว ท่านเหลือบดูนาฬิกาติดผนังบอกโดยไม่เคลื่อนไหว

“๒-๓ อาทิตย์มานี่ ทั้งตำรวจ ทั้งสารวัตร เขาเทียวมาหาอยู่เรื่อย บอกให้เอ็งมอบตัวเสีย ไม่เช่นนั้นจะถูกจับอันธพาล…นี่ก็ได้ข่าวว่าเขาจับพวกไอ้บิน(ป๋าสุบิน), ไอ้ดำ จเร, ไอ้ดอน, แล้วก็ไอ้ใหญ่ วัดอินทร์ฯ ไปแล้ว เห็นว่าจะต้องถฟุกขังอยู่โรงพัก ๓๐ วัน

ค่อยส่งไปลาดยาว ผมสงบคำ ไม่ทราบจะกล่าวกระไร ท่านเสริมต่อ

“ไอ้แดงเพื่อนเอ็งนั่นหนังสือพิมพ์ลงรูปลงข่าวว่าจับตัวได้เมื่อคืนนี้ เขากำลังปราบใหญ่แล้วนะ เอ็งลอยอยู่อย่างนี้ไม่ได้หรอก หางานอะไรก็ได้ทำให้มันเจริญ”

“ครับผม”

“หนูก้อยด้วย ต้องคอยเตือนๆ กันถ้ารักชอบกัน”

“ค่ะ หลวงพ่อ” เธอขานเสียงใส ชายตามอง ยิ้มคล้ายยั่ว

“เดี๋ยวรีบไปกันซะ เอ็งอยู่นานไม่ได้หรอก ข้าไม่ต้องการให้เรื่องอื้อฉาวขึ้นฝนวัด”

“ถ้าอย่างนั้นผมกราบลาหลวงพ่อเลยครับ” ผมไม่รีรอ

“หนูกราบลาด้วยค่ะ”

“คนดี-ความดี หากเอ็งมี อยู่ที่ไหนคงไม่เลือดตากระเด็นหรอก”

“ผมจะจำไว้ครับ”

กลับออกจากวัดยามบ่าย ผมบื่อดูหนัง เบื่อศูนย์การค้า และไม่นิยมควงเด็กโชว์ ทั้งที่สวยเข้าขั้นสาวงาม เราจึงถามใจกันดูว่าที่ใดในยามนี้เหมาะสำหรับเราสาวหนุ่ม เธอไม่ตอบ ซ้ำยังหน้าแดงปลั่ง จึงกระซิบบอกเสียเอง นอนที่จูนส์ สักชั่วโมงค่อยกลับนะ

“………”

ฟ้ามืดแล้ว ผมลงจากโต๊ะบิลเลียดบนตึกแถวชั้น ๓ หน้าตลาดคลองเตยเพื่อทอดเวลาให้ห่างจากก้อยที่ผมส่งขึ้นแท็กซี่ตอน ๔ โมงเย็น ไปใช้บริการรถสองแถวคืนถิ่นพำนักอาศัยด้วยความสุขที่ค่อยๆ จางหายไปจนกลายเป็นทุกข์ในที่สุด

ยิ่งโผล่เข้าไปในบ้านเห็นชาวยุทธ์เพิ่มมาอีก ๓-๔ คน กำลังซัดเหล้าซัดเนื้อนั่งหน้าเป็นมันระยับกลางแสงตะเกียงยิ่งทุกข์หนัก เพราะบ้านหลังขนาดนี้หากเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับและตรวจค้นจะพบปืนเถื่อนไม่ต่ำกว่า ๕ กระบอก อะไรกันนี่ หมู่ด้องกำลังเปลี่ยนบ้านให้เป็นซ่องโจร ๑๐๐% หรือไร?

เมื่อเกิดคำถาม ผมครุ่นหาเหตุแก้ปัญหา แม้จะนั่งอยู่กลางวงเหล้าดื่มกินกับเพื่อนจนเมาพับไป ก็ต้องหาช่องแก้กันแล้ว ขืนปล่อยให้ที่นี่เป็นที่พบปะสังสรรค์เหล่าดาราไม่เกิดสัปดาห์ หวย ตำรวจท่าเรือถล่มพังแน่

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: