3762. เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 21 พวกกับเพื่อน (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 21 พวกกับเพื่อน (เขียนโดยสุริยัน ศักดิ์ไธสง)

ใต้แสงดาวพราย คืนเดือนหม่นยามใกล้รุ่ง ทั้งยังหนาวลมฝนระคนน้ำค้าง กระนั้นชาวยุทธ์กว่า ๒๐ นายยังคงกระหน่ำค้อนตอกตะปูย้ำแผ่นกระดานอันเป็นพื้นเวทีนักร้องดนตรีดังสลับกันสนั่นหู ด้านมัณฑนศิลป์ก็กำลังติดตั้งวางโฟมที่ตัดไว้ด้วยรูปลักษณ์และอักษรต่างๆ ยังหน้าเวทีอยู่ขมีขมัน ฝ่ายอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งถูกแซวจากพวกตอนสองยามขณะน้าโฉมมารดาของแดงนำน้ำเมามาตั้งว่า ไม่ทันเสร็จจะถูกไฟชอร์ตตาย

บัดนี้ทั้งกลุ่มอันมีผมเป็นหัวหอกได้ติดตั้งเรียบร้อย แม้แต่ลำโพงบางตัวที่ต้องเหาะขึ้นไปติดตั้งบนกิ่งจามจุรี และพอเก็บอุปกรณ์ล้างมือหน้าตาออกไปนั่งซัดเหล้าต่อยังโต๊ะสุราอาหารกลางลานบ้านอันเปียกแฉะน้ำค้างอวดพรรคพวกได้เป๊กเดียว #แหลมสิงห์ ตะโกนมาจากถนนซอยให้ไปช่วยขนกับข้าวคาวหวานที่น้าโฉมไปจ่ายมาเต็มคันรถตุ๊กตุ๊ก ต่างก็เฮกันไปขนเข้าครัวด้านหลัง ซึ่งตอนราวๆ ตี ๒ บรรดาแม่ครัวชักบ่นว่าไม่มีอะไรจะทำ หางานทำให้แม่ครัวรุ่นแม่รุ่นน้าป้าทำเสร็จ ผมฉากไปยืมมอเตอร์ไซค์เพื่อนบิดกลับวัด ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ายังห้องของตนใต้ถุนกุฏิหลวงพ่อเป็นชุดฝึกของทหารยศไอ้เณรอย่างเบากริบ ระหว่างนั่งสวมคอมแบตอยู่บนเตียง ประตูห้องที่ปิดอยู่ถูกผลักเปิด ผมสะดุ้งโหยง เตรียมพร้อมทุกสถานะ เพราะคิดว่าผี (ตำรวจ) มาเยือน กลับเป็นพระคุณเจ้าหลวงพ่อน่ะเอง

“เอ็งจะกลับกรมหรือ”

วาจาท่าน อันที่จริงควรตอบง่ายดายนัก แต่ผมแอะไม่ออก ด้วยซึมซาบดีว่าถ้อยคำนั่นท่าน “เหน็บ” เอาอีก เมื่อเห็นว่าผมอึ้ง พระคุณเจ้าเสริม

“เมื่อตอนสามทุ่ม พวกไอ้ใหญ่ (วัดอินทร์ฯ) เขามาถามหาเอ็งว่ากลับมาจากกรมหรือยัง? ข้าก็บอกว่ามาแล้ว เอ็งเจอกันหรือเปล่าล่ะ”

“เจอครับที่บ้านแดง” ตอบพลางเกรงใจ “ไต๋” เปิด

“นี่ตีอะไร”

“ตีห้าแล้วครับ” ก้มหน้าตอบ ทำทีผูกเชือกคอมแบต

“ไอ้ปุ๊กะไอ้ดำไปข่วยงานบวชด้วยหรือเปล่า”

ประโยคนี้สุ้มเสียงท่านแปร่งหู และคงไม่จำเป็นอีกแล้วที่จะปิดบังควันศึกของ ๒ เพื่อน ซึ่งประกาศดีเดย์ในวันนี้กับพรุ่งนี้ อันสุดแต่จังหวะเวลาที่ฝ่ายเสือเอสโซ่กับดาวระเบิดขวดตัดใจลงมือจึงสารภาพ

“สองฝ่ายไม่ถูกกันแล้วครับ”

“แล้วเอ็งจะออกแนวหน้า”

“ผมไม่เอากะใครทั้งนั้นครับผม” กราบเรียนนอบน้อม

“ก็แล้วจะไปทำไม”

“ไปช่วยงานเพื่อนให้ตลอดรอดฝั่งครับ”

“หากเกิดยิงกันล่ะ เกิดไอ้พวกนั้นบุกเอ็งจะทำยังไง” อีกคราวที่พระคุณเจ้าหล่นเสียงดังกังวาน

อันนี้ผมจนด้วยเกล้าเรียนท่านด้วยเวลาน้อยนิดว่าจะทำยังไงกับศึกครั้งนี้เลยอ้อมแอ้มตอบ

“เก้าโมงเช้านี้แดงจะโกนผม และผมคนหนึ่งจะได้ปลงผมเพื่อน เพื่อให้เขาเป็นนาคกับเป็นองค์พระ แล้วผมในฐานะเพื่อนของนาคมันจำเป็นที่จะต้องปกปักรักษาเขานะครับ”

เจ้าของเลือดและพระในดวงใจซึ่งบัดนี้กาลเวลาลบเลือนรูปองค์อันเคยเต็มด้วยมัดกล้ามและผ่ายผอมยิ่งนัก ดวงตาที่เคยส่อประกายวาววามถึงความทระนงยึดมั่น เด็ดเดี่ยว ล้าลง รอยตีนกาฉายชัด เบ้าตาคล้ายโบ๋ลึก บริเวณท่อนแขนพันชายจีวรสักรูปมังกรพันแขนมีหางอยู่ที่ไหล่พันลำตัวไปตลอดข้อแขนจนหัวมังกรไปโผล่ที่ข้อแขนท่านสมัยวัยรุ่น ผมเคยชมว่า #สวย ขณะนี้หัวมังกรเหี่ยวไปตามหนังเนื้อพระคุณเจ้าแล้ว

ครู่หนึ่ง ๒ ดวงตาในเบ้าลึกพระคุณเจ้าประกายวาววับ ผินหน้ากลับ ทอดเท้าพาองค์จากไปโดยมิได้มิได้กล่าวอันใด ผมขยับลุกไปปิดประตูพลางดึงคอบร้า .๓๘ ออกตรวจสมรรถนะการใช้งาน อีกพักเดียวก็บิดมอเตอร์ไซค์ร่อนออกจากวัด โต้แรงลมกลับบ้านงาน ฟ้าแจ้งจางปาง ขณะนี้พรรคพวกกำลังตั้งเต็นท์กันแล้วทั้งๆ ที่ถูกขัดขวางจากพวกเรา แต่มารดาของแดงหรือเจ้าภาพอยากให้แขก วี.ไอ.พี. ไม่ต้องไปนั่งอัดกันในบ้านหรือนั่งยืนแกร่วตากแดดหัวแดง อีกทั้งเพื่อจะให้ผู้หลักผู้ใหญ่ท่านชมนักร้องนักดนตรีบ้าง ก็เอา-ไม่ว่ากัน เมื่อถึงเวลาแล้วอย่ามาว่ากันล่ะ

และพอขึงเต็นท์ทั้ง ๒ หลังขนาบข้างวงดนตรีเรียบร้อย บรรดาดาวดิ้นดาวร็อกฯ บ่นกันพึม เพราะอาณาเขตปักเชือกขึงเต็นท์ล้ำเส้นเข้าไปในลานกว้างที่บรรดาวัยรุ่น #ขอ ไว้สุดสวิงกันให้เต็มเหนี่ยวน่ะเอง ถึงอย่างนั้น ด้วยคำสั่งเจ้างานอันถือว่า (นโยบาย) เหล่ายอดยุทธ์ที่คัดค้านจากหลายกระแสจึงจำกะล่อยกะหลิบขามรับคล้ายท่าน ผบ. ๓ เหล่าทัพ ตกสายหน่อย กลุ่มวัยรุ่นย่านเสาชิงช้า, สามยอด, สำราญราษฏร์, สะพานถ่าน และโบสถ์พราหมณ์ อันอยู่ในเครือที่ดาวดังไบเล่ย์แผ่บารมีครอบคลุมอยู่พากันมาช่วยขนเก้าอี้ยืมจากวัดลงจากรถไปตั้งในเต็นท์มองเป็นขบวนวิ่งวนกันไปมาน่าสนุกกว่าเหนื่อย

ผมเองถึงวันนี้อันเป็นวันสุกดิบทำ “ยึด” ไม่แตะหรือจับงานหลักอะไรอีกแล้ว อย่างน้อยชุดเก่งเขียวปี้ดที่ใส่ไว้เป็น “ไม้กันหมา” มาแต่วัดก็มีศักดิ์ศรีพอให้แม่ครัวไม่กล้าใช้งานเอาทีเดียว

๐๙.๐๐ น. ตรงได้ฤกษ์ปลงผม แดงไบเล่ย์ ท่ามกลางมโหระทึก ตั้งแต่กลองยาว ปี่พาทย์ และแตรวงบรรเลงสลับเข้าเครื่องขยายไปออกทางลำโพงจนต้องเพิ่มความถี่เสียงในการสนทนาอีกเล็กน้อยจึงค่อยฟังกันรู้เรื่อง ยกตัวอย่าง แม่ครัวใช้ให้ #วี_ราชวัตร อตีดนักชกร่างเตี้ยค่ายยนตรกิจ วัดน้อยฯ ไปยกถาดมะอึกข้างโอ่งไปวางตรงเสาข้างตัวแก พวกกลับไปปล้ำยกโอ่งน้ำล้างเท้าขนาดเล็กที่จัดเตรียมไว้ให้พระล้างเท้ามีน้ำเต็มปริ่มมาให้เฉยเลย

งานนี้นอกจากเรียกเสียงฮาลั่นครัวแล้ว #วี_ราชวัตร ยังไม่ยอมยกโอ่งไปคืนที่ให้พระด้วย เพราะขืนเข้าครัวคราวนี้แม่ครัวจับปล้ำแน่ สักครู่เสียงประกาศทางเครื่องขยายให้เกียรติตนเองไปปลงผมเพื่อน เลยทิ้งบรรยากาศฮาไปหาเพื่อนซึ่งนั่งหันหลังให้อยู่บนเก้าอี้ นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว น้าเปียกโชก เนื้อตัวทาขมิ้นเหลืองอ๋อยจึงบรรจงรับใบมีดจาก แหลมสิงห์ เข้าปลงผมเขา

“เปี๊ยก อยู่จนเสร็จงานด้วยนะ” แดงบอกโดยไม่เครื่อนไหวส่วนอื่น

“จนกว่านายจะเป็นองค์พระ”

“ขอบใจเพื่อน”

สิ้นคำผมสะกิดใบมีดปลงผมเขา ส่วนใจภาวนาขอเพื่อนจงผ่านพ้น “มาร” ที่หมายรังควานโดยตลอดเถิด ใกล้เพล ผ้าร่มกันแดดขนาดใหญ่ใช้ขึงคลุมทั้งเวทีบังแดดให้นักร้องนักดนตรีจากกองทัพอากาศอุปการคุณโดย “เจ้านาย” ซึ่งฝ่ายช่างไม้ผู้ประกอบเวทีขึ้นห้างไว้รออยู่แล้ว ครานี้จึงช่วยกันเอาขึ้นและขึงแทนหลังคาครอบเวทีไม่ต่างคอนเสิร์ตแดดเดียวยุคนี้

ใกล้เที่ยง นักร้องนักดนตรีเร่ขายความอภิรมย์ตามบาร์ย่านเพชรบุรีตัดใหม่นำทีมโดย บังโบลิ่ง เจ้าถิ่นคลองแสนแสบเดินทางมาถึง แต่ละคนเหงื่อโชก ตาลสุทธิสารฯ ผู้อาสาต้อนรับชาวยุทธ์แทนนาคจึงออกไปต้อนรับเหล่าศิลปินเข้าพักผ่อนยังเต็นท์ที่จัดไว้รับรองแขกผู้ใหญ่ด้านซ้ายของเวที ส่วนผมถึงคราวโดดลงคุมเครื่องเสียงด้วยตนเองแล้ว จึงงดใช้เสียงเครื่องดนตรีไทยที่เปิดมาตั้งแต่ไก่โห่ไปฟังลีลาข้ามชาติของ คลิฟฟ์, พอล, ทอมมี่, และชู ทอมสันแทน ซึ่งสามารถพลิกโฉมสภาพงามให้กระปรี้กระเปร่าทันตา แม้แต่แม่ครัวยังโผล่มาชูนิ่วให้ เรื่องนี้เข้าข่ายยกหางตัวเอง

ไม่แต่เท่านั้น บรรดาวัยรุ่นชายหญิงแต่ละบางที่พากันมาในงานนี้ และยังเตร่อยู่ปากตรอกตามร้านกาแฟภายในตรอกไบเล่ย์ทยอยกันเข้ามายิ้มทำเขิน คุย ยึดกับเหล่าสาวหนาตาขึ้นด้วยแต่ละท่านล้วนแต่งกายสีสันเพริศ กี๋กับสาวกลุ่มที่แต่งตัวเจ็บด้วยรองเท้าผ้าใบสีขาว ติดถุงเท้าสีเหลืองไว้เหนือตาตุ่ม นุ่งกางเกงขาสั้นรัดรูปสีขาว สวมเสื้อแขนกระบอกสีแดงเพลิงขับกับผิวขาวของวัยสาว ซึ่งเหมือนกันทั้งทีมรวม ๕ นางเด่นในงานได้แก่ กลุ่ม #รุ่ง_สันติฯ อดีตดาราวิทยาลัยย่านถนนศรีอยุธยาคู่เขนย #พัน_หลังวัง เองแหละ ทุกวันนี้ยังมิมีชาวยุทธ์ท่านใด “สี” มาควงโชว์

บ่ายโมงตรง ได้เวลาสัญญาใจที่มีไว้แก่วัยรุ่นนับร้อย นักดนตรีขึ้นเวทีเสียงปรบมือดังกราวใหญ่ นาคแดงภายในชุดขาวกับมารดาซึ่งผมเห็นแตร่ต้อนรับแขกอยู่หน้างานขณะนี้ฝูงคนชายหญิงบังตาจนมองไม่เห็นเลยอดเป็นห่วงไม่ได้จึงมอบหมายให้มือสองคุมเครื่องขยายเสียงแทน พอหลุดร่างออกไปหน้างานกลางแสงแดดเปรี้ยงพบว่าตรอกไบเล่ย์มีอันรถติดอย่างไม่น่าเชื่อ ส่งผลให้แหลมสิงห์เจ้าถิ่นต้องโดดออกไปป้อแทนจราจรพร้อมทั้งขอแรงคนขับรถเก๋งของบรรดาชาวยุทธ์รุ่นใหญ่เลื่อนรถจอดให้ชิดขอบถนนยิ่งขึ้น เมื่อเห็นว่าแหลมสิงห์ป้อจัดการสัญจรทางบกบริเวณหน้างานเหงื่อตกเดียวดาย เลยลงไปลุ้นทั้งเครื่องแบบ ทบ. อีกแรงหนึ่ง

“ดีแล้ว นายกับเราอยู่แถวนี้ จะได้เห็นใครมาใครไปชัดเจน” แหลมบอกโต้ตะวัน

ผมยกมือเชิงรับทราบ และดันไปชี้มือให้ สว. จราจรดูรถบรรทุก ๖ ล้อ ที่จอดกินทางจนเป็นผลให้รถวิ่งสวนทางไม่ได้ในช่วงนั้น เพื่อนส่ายหน้า

“มันมาจอดตั้งแต่ตอนตีห้า เด็กรถนอนหลับอยู่ข้างหน้ารถคนหนึ่ง ตะโกนบอกให้ตื่น ๒ ครั้งแล้วว่ะ”

“เรียกใหม่ไหม” ผมชักชวน

“ไป…” แหลมตกลง พร้อมเดินนำไปยังรถบรรทุก ๖ ล้อ เมื่อพากันไปยืนตรงทางขึ้นหน้ารถพบเด็กรถวัยไล่ๆ กับพวกเรานอนขดตัวเหงื่อแตกพลั่ก จึงตะโกนเรียกพร้อมทุกบังโคลนรถ

“คุณ ๆ”

เงียบ…ไม่มีปฏิกิริยาว่าหนุ่มนั่นจะรับรู้หรือสะเทือนซางกับเสียงของผม แหลมสิงห์เกาหัวแกรก ครู่เดียวเขาแทรกร่างโหนขึ้นไปบนรถจับข้อตีนเปลือยกระซากเต็มแรง

“เฮ้ย!” ร้องลั่น ผวาลุกขึ้นนั่งทันใด

ด้วยใบหน้ายู่ยี่ นัยน์ตาปรือแดงก่ำ ริมฝีปากยังมีคราบน้ำลายติดขาวเป็นทางตวาดเอาสะดุ้ง

“ไอ้ห่า ปลุกทำไมวะ”

แหลมสิงห์กะพริบตาวับหนึ่ง ผมรีบตอบแทน

“กรุณาขยับรถหน่อยครับ รถในซอยมันวิ่งสวนกันไม่ได้”

หนุ่มนั่นเหลือบตามองบ่าผม และอาจเห็นบนบ่าผมไม่มีดาว พวกเลยตะคอกเอาอีกครั้ง

“คุณเป็นตำรวจหรือครับ”

“อ้าว…” แหลมสิงห์ร้อนจี๋ พรวดขึ้นรถกระชากคอเสื้อลากคอลงจากรถไอ้หนุ่มผมกระเชิงสะบัดอย่างแรง โวยเสียงฉุน

“เฮ้ย! ปล่อย”

ผมปราดเข้าประกบปากกระบอกปืนจี้เข้าชายโครง บอกห้วนๆ “ผมขอให้คุณถอยรถหลบไปไม่ได้ใช่ไหม” ขึ้นชื่อว่า ปืน ย่อมทรงอำนาจในตัวของมัน ไอ้หนุ่มจึงลดอาการก้าวร้าวลง

“บอกกันดีๆ ก็ได้นี่”

“ครับ ผมขอร้อง เรามีงานกันขึ้นพอดี” ผมทำเป็นลิ้นทอง

ผลที่สุด เรื่องรถจอดกินทางจบ เด็กรถนั่นจัดเเจงถอยรถจนเข้าที่แล้วดับเครื่องเอนร่างนิทราต่อ ผมกับแหลมมองหน้ากันเหมือนรู้ว่าดีแล้วที่ไม่ฉะปากกับคนประเภทนั้นเข้า ต่อมาแหลมชวนเข้าหาน้ำเย็นดื่มคลายร้อน จึงถอยหนีแสงแดดจากถนนเข้าหาคูลเลอร์ใส่น้ำยาอุทัยตรงปากทางเข้างาน ชัดกันคนละ ๒ แก้ว แดงกับมารดาเดินมาหา บอกพอได้ยิน

“ให้เด็กของพวกเราเก็บเหล้าที่พวกวัยรุ่นพกเข้าในงานหน่อยได้ไหม ดนตรีเลิกแล้วจะคืนให้ เขียนชื่อติดขวดเหล้าไว้ด้วย”

พลัน…ดนตรีกระหึ่ม สรรพเสียงอันสงบเมื่อครู่ระเบ็งสัญญาณดีใจสุดแต่ใครจะสำแดง บ้างกระทืบตีน ขย่มตัว ส่ายก้น ยักไหล่ ทำคอพับคออ่อน หัวส่ายดิก พสกไม่ส่อกิริยา แต่ใช้เสียงนั่นก็ร้าย อา…สุดเหวี่ยง สุดสวิงกับเพลงเปิดวงกันแล้ว

“ช่วยหน่อยนะเพื่อน” แดงย้ำ

“โอเค ครับนาค” แหลมตอบแทน

สักครู่ผมกับแหลมพร้อมกับเด็กอีกฝ่ายละ ๕ คน ได้ออกเดินเก็บสุราทุกประเภทพร้อมเขียนชื่อเหล่าปีศาจสุราใส่เข่งด้วยความร่วมมือจากชาวยุทธ์รุ่นเพื่อน รุ่นน้องด้วยดี บางรายปีศาจสุราแท้พอรู้ว่าผมเดินไปจะถึงพวกเล่นแอบเทใส่ถุงพลาสติกหลายราย เวลาผ่านไปกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดที่ได้ยินมาจนชินหู ผมกับแหลมพร้อมพรรคพวกเดินลุยกลุ่มนักเพลงเก็บเหล้าไปยังไม่ถึงครึ่งของคนเฉียดพันที่แน่นขนัด เรื่องที่หวั่นว่าจะเกิดก็อุบัติจนคนในฟลอร์ (ลานดิน) แตกฮือ

“ไอ้เล็ก ไอ้คต!”
แหลมตะโกน ทั้งโผนไปกลางฟลอร์ นักดนตรีนักร้องหนุดบรรเลงฉับพลัน ผมตามแหลมไปติดๆ ฝ่านรักษาความปลอดภัยเฮลุยคลื่นคนเข้าสมทบ แยกคู่กรณีออกพ้นจากการกอดปล้ำ

“ผมขอโทษพี่แหลมด้วยครับที่ทนไม่ไหว ไอ้คตมันเล่นกระทืบตีน” เล็กว่า

“มึงกระทืบกูก่อน ไอ้เล็ก” คตโต้

แหลมหันไปมองรอบตัว นาคหนุ่มภายในชุดขาวหัวโล้นแหน่ง แหวกกลุ่มคนเข้าสมทบ สีหน้าปกติ ๒ วัยคะนองซ่าเห็นเจ้าของงานมาถึงกับหน้าจ๋อย

“ลากไปกระทืบข้างในทั้ง ๒ คนเลย” แหลมประกาศิต

“สมควรแล้ว” เสียงแวดล้อมสนับสนุน

นาคหนุ่มหันไปยิ้มให้แฟนเพลงรอบตัว พลางพิพากษาฉับ

“จับมัดขาให้มันนั่งนอนชกกันเอง จนกว่าจะมีคนชนะ”

ได้เสีย…เหล่าบริวารพากันลากตัว ๒ วัยรุ่นไปหลังบ้านอันเป็นที่ตั้งฝ่ายสูทกรรมรีบด่วน นาคหนุ่มผินหน้าไปยังเวทีส่ง “ชิก” ให้บรรเลงร็อกสืบไป แต่กับผมยังครุ่นทบทวนเพลงมวยโบราณและการต่อสู้ของนานาประเทศดูว่า มียุคใดประเทศไหนกำหนดกีฬาชกมวยดังที่แดงคิดค้นขึ้นได้นี้บ้าง?

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: