3754. เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 13 มือที่กำปืน (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 13 มือที่กำปืน (เขียนโดย สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

ในที่สุดแผนรุกทางธุรกิจของ แดง ไบเล่ย์ กับผมผู้อาสาจัดหาหญิงไปนั่ง “เล้า” ที่ดำเนินมาแต่ต้น บัดนี้ลุล่วงด้วยดีตามกำหนด แต่สถานบริการที่ ๒ ดาราดังแม้นศรี พลกับเริงรับงานคุมช่างตกแต่งอยู่ชั้นล่างตัวอาคาร ๔ ชั้นเพิ่งคืบหน้าไปได้ ๑๐% แดงจึงเปิดห้องชั้น ๓ ให้ ๒๕ สาวงามเข้าพักผ่อนชั่วคราวจนกว่าผู้ใหญ่เต๊กจะติดต่อเช่าบ้านหลังใหญ่ฝั่งตรงข้ามได้

ด้านกุมารจีน ม้าเก็งเอ๋า เก๊าตี๋ ซึ่งรับจัดหาเซียนกับตัวประกอบเพื่อเปิดกาสิโนบนชั้น ๔ ใช้เวลาระดมพลพรรค “มือทำบ่อน” ของพี่ชายที่กรุงเทพฯ ถึงสัปดาห์เต็มจึงมี ๑๐ ชีวิต ๘ ชายกับ ๒ หญิง ยกขบวนมารายงานตัวพร้อมวาจาที่เก๊าตี๋ฝากมาว่าจะตามมาในราวบ่ายวันรุ่งขึ้น แดงจึงรับหน้าเสื่อต้อนรับชายต่างวัยกับ ๒ สาวรุ่นพี่พร้อมจัดที่พักให้เสร็จ

ตกเที่ยงวันนัดหมายคือวันนี้ ผู้ใหญ่เต๊กขับเก๋งบีเอ็มคู่ใจมาร่วมกินอาหารกลางวันคอยเก๊าตี๋ด้วย จึงได้มีเวลาพูดจาเกี่ยวกับงานจากแกอย่างเปิดอกว่าพร้อมที่จะทุ่มเพื่องานนี้เต็มที่ เพราะศรัทธาการทำงานอันผิดกับวัยอย่างคล่องตัวของพวกเรา

หลังอาหารและบ่ายแล้ว ที่ห้องโถงชั้นล่างผู้ใหญ่เต๊กได้ขอความเห็นว่าระยะเวลาที่กำลังซ่อมแซมปรับปรุงสถานที่อยู่นี้จำทำประการใดกับผู้คนเฉียดครึ่งร้อยที่ชักชวนมาขุดทองที่นี่ซึ่งผมก็หน้าใหญ่ชี้แจงไปว่า สมควรให้พวกเขาทั้งหญิง-ชายออกเที่ยวหาประสบการณ์ อีกทั้งเพื่อให้คุ้นเคยกับถิ่นที่ทำกินซึ่งคงจะดีกว่าให้นั่งนอนรอเวลาทำงาน และเพื่อให้ประหยัดค่าใช้จ่าย แดงได้เสนอควรมีรถอย่างน้อย ๒ คัน เพื่อใช้กิจกรรมดังกล่าวกับธุรกิจของเรางานนี้ เพื่อนฝูงสนับสนุนถ้วนหน้า ทว่าสีหน้านายทุนจ๋อยไป ซึ่งเป็นผลให้แดงกล่าวเสริมฉาดฉาน

“เราใช้รถ ๒ คันนี่ประหยัดที่สุดแล้วนะครับผู้ใหญ่”
“ผมกะให้รถเก๋งพวกน้องๆ ไว้ใช้ติดต่อธุระคันหนึ่ง” ผู้อาวุโสว่า
“แล้วรถที่จะใช้บรรทุกสิ่งของเหล้าเบียร์และอื่นๆ ล่ะครับ”
ครั้งนี้ มังกรเมืองใต้พรูลมหายใจยาว หล่นคำดั่งเน้น
“กรณีนี้หากพวกน้องทิ้งงาน พี่พังแน่”
“พวกผมเข้าใจผู้ใหญ่ดีครับ และขอสัญญาจะไม่ทิ้งงานเด็ดขาด ถ้าไม่เกิดปัญหาร้ายแรง”
“ตกลง เย็นนี้ผมจะส่งรถมาให้ ๒ คัน”
“ขอบคุณผู้ใหญ่ที่กรุณาพวกเรา” แดงตบคำได้เหมาะ

ต่อมาไม่ทันผู้ใดเปิดคำสนทนากับเรื่องใหม่ เก๋งโตโยต้าสีเทาคันหนึ่งหมุนวงล้อผ่านประตูใหญ่ที่เปิดหราอยู่แล้วเข้าไปจอดเทียบบันไดชั้นนอก ทุกดวงตาพุ่งจับไปยังเก๋งคันดังกล่าว พอประตูรถเปิดออกกว้าง ๓ บาน ๔ ชายปรากฏในเลนส์แก้วตาดาวดังทุกนาม

“เก๊าตี๋ พาใครมาอีก ๓ คนหรือ” ผู้อาวุโสถามไม่เจาะจง

กระนั้น แดง เริง พล ดั่งไม่ได้ยินถ้อยคำนั่นจึงปราศจากคำตอบ สำหรับผมก็คงหมดแรงลมที่จะตอบแทนเพื่อน เหตุเพราะใจมันวุ่นด้วยคำถามสับสนอยู่ในกะโหลกอึงอลไปหมด

“คงสนุกละครับ ผู้ใหญ่” พล ตรอกทวายก่อเสียงรายแรก
“ใครกันละ ๓ คนนั้น” มังกรเมืองใต้ข้องจิต

พล ตอบสุ้มเสียงปกติขณะผินหน้ากลับ “พี่ชายของเก๊าตี๋ครับ ชื่อ #สุมาอี้ ส่วนอีก ๒ คนนั่นก็เพื่อนกับพวกผมชื่อ ปุ๊ กับ ดำ ครับ”

“ดำเอสโซ่ กับ ปุ๊ระเบิดขวด ใช่ไหม”
“ครับ”

คำตอบดาวดังตรอกทวายยุติการซักถามลง ต่อมาเรา ๔ คนออกไปต้อนรับและทักทายเพื่อนทุกนามตามธรรมเนียมชาวยุทธ์เป็นอันดี และก็ชักชวนเพื่อนพ้องเข้าพักร้อนยังห้องโถงที่ผู้ใหญ่เต๊กนั่งรออยู่ผู้เดียว พอกลับเข้าห้องนั่งลงเรียบร้อย เก๊าตี๋แนะนำพี่ชายกับ ๒ เพื่อนที่ตนพามารู้จักนายทุนเสร็จก็ได้ชี้แจงเหตุที่ชักชวนพี่กับเพื่อนมาในครั้งนี้เรียบๆ

“พี่ชายผมกับปุ๊และดำเผ่นจากอดรฯ เพราะตำรวจกวาดล้างหนัก เจอกันที่กรุงเทพฯ เลยชวนเขามา เผื่อว่าผู้ใหญ่จะมีงานให้ทำแก้จนบ้าง”

คิ้วมังกรกระตุกยึก นัยน์ตาหรี่ซึมกราดมอง ๓ หนุ่ม พลางเปิดปากสุ้มเสียงเป็นกันเอง

“เรื่องที่จะทำงานแก้จนอย่าห่วง ตอนนี้ผมขอเลี้ยงอาหารมื้อกลางวันพวกน้องๆ ทั้ง ๔ เป็นการต้อนรับก่อนก็แล้วกัน”

เก๊าตี๋ผินหน้ามองพวกเราเชิงถาม แดงตอบแทน

“พวกเรากินกันก่อนนายมาถึงครู่เดียว…เชิญเถอะเพื่อน”

เก๋งบีเอ็มคันงามของมังกรเมืองใต้พา ๔ ดาวดังผ่านประตูไปแล้ว พลกับเริงละไปดูช่างตกแต่งดัดแปลงปรับปรุงค็อกเทลเลานจ์ แดงขึ้นชั้นบนดูช่างดัดแปลงห้องหับทำบ่อน ส่วนตัวผมเองนั่งอัดบุหรี่คิดถึงเพื่อนชาวยุทธ์ที่กงล้อกรรมเวียนให้มาบรรจบกันอย่างนึกขำชะตาคน

๑๗.๐๐ น. บรรดาช่างกับคนงานเลิกงานแล้ว แต่ผู้ใหญ่เต๊กยังไม่นำ ๔ เพื่อนมาส่ง ไม่ทราบว่าเลี้ยงฉลองกันที่ไหนถึงใช้เวลายาวนัก จวบเวลาล่วงไปได้พักหนึ่ง สมุนของผู้ใหญ้เต๊ก ๒ นาย ขับเก๋งโตโยต้ากับปิกอัพยี่ห้อเดียวกันมาให้พวกเราพร้อมกระดาษชิ้นเล็กๆ บรรจุข้อความผู้เป็นนาย

“น้องๆ ทุกคน…เพื่อนๆ ของน้องไปสนุกต่อกับผมที่เมืองชลไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ…เต๊ก”

โน้ตข้อความนั่นบอกให้ทุกคนกระจ่างถึงจุดหมายของมังกรเมืองใต้ที่มีแก่เพื่อนอ้นไม่ต่างจากพวกเราที่ต้องอาศัยน้ำเงินแกยังชีพทุกวันนี้ ดีงนั้นเรื่องนี้จึงไม่มีใครออกความเห็นทั้งด้านบวกและลบอย่างเปิดเผยแก่กันค่ำแล้ว ระหว่างยังนั่งคอยเพื่อนอันมี สุมาอี้ เก๊าตี๋ ปุ๊และดำที่ห้องโถงชั้นล่างเดิมกับแดง สัญญานโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมุมห้องระรัวลั่น ผมซึ่งนังอยู่ใกล้กว่าเพื่อนยกกระบอกหูโทรศัพท์ขึ้นกรองคำ

“อพาร์ตเมนต์กิโลสิบครับ”
“ใครพูดนะ” ต้นสายถาม เสียงคุ้นหู
“เปี๊ยกครับ”
“เราเก๊าตี๋นะ ขณะนี้อยู่หน้าสนามบิน จะเข้าเที่ยวบาร์ของผู้ใหญ่เต๊กและจะรออยู่ที่นี่ มาด่วนนะเพื่อน”
“ตกลง” ผมรับปาก

ละจากสิ่อสารทางสายไปบอกกับแดงที่กุมารจีนบอกแล้วเราสองก็พากันอแกไปเรียกพลกับเริง ขับเก๋งสีดำที่ผู่ใหญ่เต๊กมอบไว้ให้ใช้สู่ฐานบินอู่ตะเภาทันที พักหนึ่งพาหนะของเราโดยดาราดังสวนมะลิทำหน้าที่โชเฟอร์ก็ทะยานฝ่าม่านกลางคืนอันพลุกพล่านยวดยานต่างๆ เข้าเขตสนามบินรอบนอกที่มีผู้คนชายหญิงทั้งไทยและเทศวุ่นวายยิ่งกว่ารถบนผิวการจราจรเสียอีก เฉพาะสองฝั่งถนนที่รถผ่านมีพ่อค้าแม่ขายตั้งสินค้าสารพันบริการลูกค้าที่เดินไปมาขวักไขว่ รถสองแถวทุกคันที่เคลื่อนออกจากคิว ไม่ว่าส่นไหน ล้วนมีชายหญิงไทย-อเมริกันอัดอยู่เพียบ

“เก๊าตี๋บอกจะคอยตรงไหน เปี๊ยก” โชเฟอร์ถามจากหน้ารถ
“หน้าแคมป์ คงเป็นที่ลานจอดรถ” ผมว่า

สิ้นคำ เริงให้สัญญาณไฟเลี้ยวขวาข้ามเลนเพื่อเข้าไปยังลานจอดรถกว้างขวางด้านหน้าฐานบิน แต่พลนั่งอยู่เบาะหน้าคู่กับโชเฟอร์ร้องบอก

“เฮ้ย รถบีเอ็มของผู้ใหญ่จอดอยู่ฝั่งนี้”

เริงหยุดรถกาแลนต์ฉับพลัน ๘ ดวงตาจี้มองไปที่เก๋งบีเอ็มสีแดงตัดดำใหม่เอี่ยมที่จอดอยํ่ริมทางอันเป็นคิวรถสองแถวเล็ก

“ไปจอดที่ท้ายรถแกเถอะ เริง” แดงบอก

โชเฟอร์ปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวามือไปเปิดฝั่งซ้ายขอกลับเข้าเลนอยู่อึดใจจึงเครื่องรถเข้าจอดปิดท้ายเก๋งมังกรเมืองใต้นุ่มนวล

“นั่งยังไง พวกเรานั่งอยู่นั่น”

เริงบอกพร้อมชี้มือไปยังบริเวณโต๊ะของนายท่ารถสองแถว พบ ๔ ดาราดังกับผู้ใหญ่เต๊กกำลังนั่งพาทีอยู่กับชายวัย ๔๐ ปี รูปทรงเตี้ยล่ำ แต่งกายภูมิฐาน ผิวเหลือง ศีรษะเถิกนายหนึ่งก็ขอตัวจากเพื่อนแวบไปซื้อบุหรี่ พอกลับมาและยังเข้าไม่ถึงกลุ่มมังกรเมืองใต้แผดเสียงสนั่นจึงเบรกตัวเองกับที่

“จำไว้นะ ถ้าพรุ่งนี้ไม่ได้ตัวคน เจอกันแน่”

พลัน…หางตาผมเฉี่ยวไปพบอาการพิรุธของหนุ่มใหญ่สวมแจ๊กเก็ตยืนพิงบานประตูร้านอาหาร ซ้ายมือห่างจากโต๊ะยาวที่พรรคพวกผมนั่งอยู่ เลยทำยืนพ่นบุหรี่ลอบสังเกตอีกครั้งที่หนุ่มฉกรรจ์ขยับร่าง ๒ ดวงตาผมจับพบอาวุธปืนติดอยู่ในมือมันพร้อมเสียงง้างนกปืนดังกริ๊กวิบตา ร่างที่ยืนสงบเมื่อครู่พลันผงาดและชาร์จเข้าหากลุ่มเพื่อนทันควันสถานะเช่นนั้นผมร้องบอกเพื่อนไม่ได้ เพราะเป้าปืนจะเบนมาหาทันที จึงตัดสินใจสืบตีนซ้ายออกฉับไว พร้อมเตะขวารวบสองตีนนักฆ่าเต็มแรงแข้งต่อแข้งประสานกันดังพล็อก!

ผมรู้สึกปวดแปลบบริเวณท่อนขาเซแซดๆ เสียศูนย์จากแรงปะทะ ส่วนมือปืนถลาคะมำไปข้างหน้าเพราะแรงเพลงเตะ รีบผลุดลุกขึ้นประทับปืนป่ายศูนย์มาที่ผมทันที เมื่อตกอยู่ในภาวะเช่นนี้ผมสั่งใจตนดึดผางออกซ้ายฉับไว ทันใดเสียงปืนแผดสนั่น ๒ นัดซ้อน ผมสะดุ้งสุดตัวเจ็บแปลบบริเวณใต้ชายโครงทรุดฮวบทันควัน กระนั้นยังสามารถครองสติจับตาอยู่ที่ร่างมือปืนซึ่งถูกปืนสั้นในมือเพื่อนไม่ต่ำกว่า ๕ กระบอกจี้ประกบเข้ากลางกบาลพร้อมสั่งเสียงแน่น

“ทิ้งปืนเสีย”

นักฆ่าปฏิบัติตามโดยดี ผู้ใหญ่เต๊กกับพลเข้ามาประคองผม ขณะที่ประสาทหูชักอื้อ เจ็บและจุกแน่นในอกทับทวี

“ไป…ไอ้สัตว์” เสียงปุ๊ตะคอกมือปืน

บัดดล เสียงปืนแผดสนั่นอีกครั้ง หนุ่มฉกรรจ์หรือมือปืนล้มลงดิ้นพราดร้องโอดครวญระคนเสียงแตกตื่นของไทยมุงที่คิดว่าอุบัติยกที่ ๒ อีก ผมกัดฟันถามพล ตรอกทวาย เพราะเห็นคนถูกยิง แต่ไม่เห็นตัวคนยิง

“ใครยิงมัน”
“ปุ๊ยิงขามัน..แล้วนายล่ะ ถูกที่ไหน” เพื่อนย้อน
“ท้องน้อย” กลั้นใจบอก มือขวากดทาบปิดรูแผลบริเวณท้องน้อย คงเลือดในกายไว้

ไม่นาน ผู้ใหญ่เต๊กกับเพื่อนเฮโลมาช่วยกันหามผมขึ้นเก๋งบีเอ็มคันงามโดยไม่อนาทรเลือดจะเบื้อนเบาะนั่ง ก่อนปิดประตูรถ #ดำ_เอสโซ่ก้มลงบอกใกล้หูที่ใกล้เสื่อมประสิทธิภาพทุกขณะ

“ขอบใจเพื่อนที่เสี่ยงป้องกันทุกคนได้ทันเหตุ”

เท่านั้นก็ซึ่งครับที่เพื่อนรู้ในสิ่งที่ผมตัดสินใจทำ? ผมหมดสติเพราะอำนาจยาสลบจากแพทย์โรงพยาบาลเมืองระยอง ก่อนผ่าตัดเอ่หัวกระสุนปืนออกจากช่องท้องเป็นเวลานานกี่มากน้อยไม่อาจทราบได้แต่พอลืมตาชายจีวรสีเหลืองภิกษุอยู่ใกล้ตาก็ถึงกับร้อนผ่าวทั่วกาย

“หลวงพ่อ”
“อาการเป็นยังไงบ้าง” น้ำคำท่านดั่งโอสถ
“ดีขึ้นครับ” ผมตอบ ตามองสหายทุกนามที่กระจายอยู่ทั่วห้อง
“แล้วเอ็งเป็นโจทก์หรือจำเลยล่ะ”

อีกครั้งที่ผมฉวัดสายตากลับไปมองเพื่อน แดงตอบท่านแทนนอบน้อม

“เปี้ยกเป็นโจทก์ครับ”

คำตอบเพื่อนดลให้พระคุณเจ้าหัวเราะเบาๆ ส่วนผมยิ้มหรือหัวเราะไม่ออกกับความภาคภูมิใจที่ได้เป็นโจทก์เอาผิดกับคนครั้งแรกในชีวิต จากนั้นหลวงพ่อได้อยู่คุยกับพวกเราอีกประมาณครึ่งชั่วโมงจึงบอกลา พร้อมอวยชัยให้พรทุกคนทั่วหน้า

“เปี้ยกไม่ต้องเป็นห่วงหลวงพ่อนะ ผู้ใหญ่เต๊กสั่งคนขับรถส่งถึงวัดเหมือนเช่นที่ไปรับท่านมาแล้ว” เก๋าตี๋บอกให้คลายกังวล
“ขอบใจ” ผมว่า

เก๋าตี๋ขยับลากเก้าอี้เข้ามานั่งชิดเตียง ผมนอนมองอิริยาบถ ๗ ดาราดังด้วยสงสัยท่าที อึดใจดาวดังม้าเก็งเอ๋าเปิดปากเสียงเข้ม

“พวกเราพบคนที่ยิงหมู่เชียรแล้วนะป่วยอยู่ในโรงพยาบาลนี่เอง ตอนนี้สารภาพกับตำรวจสิ้นไส้ มันชื่อเสือรุณ มือปืนจากบ้านแกลง ระยอง”
“แล้วจะเอายังไง” ผมซัก เพราะคลางแคลงท่าทีสหาย

กุมารจีนไม่ตอบ ซ้ำทุกคนยังพลอยสงบ อึดใจอี้ตัดปัญหาบอกแทนน้องชาย

“ตอนดึกคืนนี้ พวกเราจะ ‘เก็บ’ มันบนโรงพยาบาลนี่แหละ”

และแล้ว คำบอกจากปากเก๋าตี๋ต่อหน้าเพื่อนๆ ได้ถูกขยายให้รับรู้ว่า มือปืนที่ยิงผมหรือเสือรุณนี่เป็นคนคนเดียวกับที่ประกบรถยิงหมู่เชียร โดยรับจ้างเสี่ยเหวียนเจ้าของคิวรถสองแถวหน้าสนามบินคู่ปรับผู้ใหญ่เต๊กเป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนครั้งนี้รับเงินเสี่ยเหวียน ๑๐๐,๐๐๐ บาท มายิงผู้ใหญ่เต๊กแต่ผมขัดขวางไว้ทันดังนั้น คืนนี้จึงเหมาะกับการที่จะล้างหนี้ชีวิตให้อดีตเหยี่ยววังปารุสก์ผู้วายชนม์ เนื่องเพราะงานนี้หากดำเนินตามแผนพวกเรา ฝ่ายตำรวจจะเพ่งเล็งว่าเสี่ยเหวียน ๑ ในเจ้าพ่อสองแถวฆ่าปิดปากมือปืนของตนและอาจถูกจับกุมทันที

คำชี้แจงเหี้ยมหาญของเก๋าตี๋ ผมนอนรับฟังอย่างปกติ และไม่กล่าวกระไรกระทั่งเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลนำอาหารอ่อนมื้อเย็นมาเทียบ ตามด้วยพวาบาลสาวเฝ้าไข้อีกนาง ทั้ง ๗ เพื่อนจึงถอยออกจากห้อง

“ขอโทษครับ ผมไม่รู้สึกตัวมากี่วันแล้วนี่ครับ” ถามเรื่องที่ข้องใจกับพยายาลสาว
“ประมาณ ๒๐ ชั่วโมงค่ะ”
“มีคนมาเฝ้าผมด้วยหรือครับ นอกจากคุณ”
“ก็เพื่อนๆ ของคุณที่ออกไปเมื่อครู่นี้แหละค่ะ”
“แล้วคนที่ถูกปืนที่ขาล่ะครับ”
“อยู่ชั้นล่างค่ะ”

ต่อมาราว ๒ ทุ่ม พยาบาลสาวได้ฉีดยาบริเวณกล้ามเนื้อให้เข็มเดียว ผมก็หลับสนิท มารู้สึกตัวอีกครั้ง เหลือบตาไปยังโต๊ะเก้าอี้ของพยาบาลสาวท้ายห้องเพราะปวดปัสสาวะ พบเธอฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะก็เกรงใจไม่กล้าเรียกขานจึงค่อยๆ ขยับตัวชะโงกไปมองนาฬิกาข้อมือบนหลังตู้ข้างเตียง ท่ามกลางความสงัดกลางแสงนีออนยามดึก

พลัน…เสียงปืนแผดสะท้านไปทั้งตึกผู้ป่วย ผมเผลอตัวยกมือขึ้นลูบคลำแผลปืนบริเวณหน้าท้องที่ยังไม่ทันตัดไหม พยาบาลสาวผวาตื่นขึ้นเพราะเสียงปืนปลุกลุกลนทิ้งผมเปิดประตูออกไปชมเหตุด่วนจี๋ไล่ๆ กันเสียงประตูเปิดดังเอี๊ยด ผมหันขวับไปทัศนา แดงเดินยิ้มเผล่เข้ามากระชิบ

“ปุ๊กับดำประเดิมงานใหม่แล้วว่ะ”

เสือเอย…หากรู้สวรรค์มีให้รอด ขอจงสู่สัมปรายภพชาติเถิด สำหรับพวกเราที่ยังอยู่ก็คงต้องต่อสู้หักหาญกันไป ตราบที่ตนและมวลชนสารทิศยังชูความหิวโซกลางความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน เช่นวันนี้

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: