3749.เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 8 ตุลาการเถื่อน (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 8 ตุลาการเถื่อน (เขียนโดย สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

ครึ่งคืนล่วง ใต้หลังคาฟ้าสะพรั่งดาวมีจันทร์แรมเรืองแสง บัดนี้บนเสื่อที่ตั้งเหล้าเมื่อตอนหัวค่ำในรวงรังเชียร รถถัง เปลี่ยนเป็นวงข้าวของฝากดาวดังไบเล่ย์ติดมือจากระยองมาให้ ๓ สาวรุ่นบำรุงกระเพาะด้วย ลักษณะที่เขากับผมต้องเบือนหน้าหนีไปมองดาวบนฟ้าเพราะสมเพชสภาพเธอเหลือเกิน

หลายครั้งที่นั่งถามใจตนว่า ไม่คิดจะช่วยเหลือพวกเธอให้พ้นขุมนรกบ้างหรือไร? ทั้งๆ ที่เมื่อ ๒ – ๓ ปีก่อน ยังกล้าพาพวกบุกฉุด #เด็ก ในซ่องป้าหยิบสี่แยกคอกวัวด้วยบำเหน็จอาหารกับเหล้าโต๊ะเดียวมาแล้ว มาคราวนี้ได้เห็นเหตุทารุณจิตใจเต็มตา ได้เห็นสัตว์โลกเพศแม่กินอาหารยังกับหมู กลับทำใจหิมะ ดั่งเข้าถึงสัญชาตญาณหมู่คณะ

ไม่นานการเดินทางระยะสั้นของข้าว แต่ยาวขวบปีสำหรับชาวนาที่เราปล่อยให้ ๓ สาวจัดการช่วยตัวเองเสร็จกิจ แดงต่อเวลาพวกเธอย่อยอาหารสืบไปอีกพักหนึ่ง จึงเริ่มเปิดปากกล่อมเด็กตามลีลาตน

“ผม ได้เปลี่ยนสภาพพวกคุณแล้วนะ ต่อไปเป็นหน้าที่ตัวคุณเองว่าควรทำอย่างไรถึงจะอยู่เพื่อเอาตัวรอดได้ และสุขสบายพอสมควร สำหรับผมกับเพื่อนช่วยพวกคุณได้เท่าที่เห็นนี้ เกินกว่านี้ผมทำไม่ได้ มันเป็นหนทางหากินของพวกเขา ที่สำคัญผมเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างผู้อาศัย พูดง่ายๆ ก็คือ ผมหนีร้อนมาหาที่เย็น ๆ อยู่ ซึ่งเจ้าของบ้านเขาได้ต้อนรับขับสู้อย่างดี ผมจึงไม่ควรทำอะไรให้มากกว่าที่มันเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น ทางที่ดีผมขอให้พวกคุณเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดเถอะ และเมื่อถึงคราวจะต้องเสีย อย่ารอให้เขาสั่งให้พวกแมงดามันโทรม เพราะเมื่อถึงขั้นนั้นผู้หญิงจะ “เจ็บ” ที่สุดในชีวิตไม่ใช่หรือ?”

สิ้นคำเพื่อน ผมลอบถอนหายใจโล่งอก ๓ สาวนั่งสงบคำ ก้มหน้านิ่งเช่นเคย

“ทั้งหมดที่พูดนั่น ผมไม่ได้แนะนำให้เลือกทางผิด ผมหมายถึงว่า คนเราเมื่อถลำเข้าไปได้ มันควรที่จะหาทางออกได้ พวกคุณไม่ใช่ผู้ร้าย ยังมีโอกาสกับเวลาเพียงพอครับ ดังนั้น ต่อไปหลังจากนี้ เมื่อคุณ ๓ คนกลับไปนอนก็ใช้เวลาตัดสินใจเอาว่าระหว่าง #เต็มใจ กับถูก ข่มขืนกาย ใจ ดู…เอาล่ะนี่ดึกมากแล้ว พวกคุณไปพักผ่อนเถอะ”

สิ้นคำเขา ๓ สาวไหวกาย และจัดการลำเลียงภาชนะใส่อาหารเข้าครัวทำความสะอาด ส่วนเรา ๒ คน นั่งอัดบุหรี่ชมดาว ฆ่าเวลาต่อไปอีกพักหนึ่ง แดงชวนขึ้นไปดูอาการทอมบอยที่ตน #ยำ เสียสลบ จึงละจากลานสนามหน้าบ้านกลับขึ้นชั้นบนของตัวบ้าน

ถึงหน้าห้องลงทัณฑ์ ๓ สาว แดงผลักประตูที่ไม่ได้ใส่กลอนหรือล็อกภายในเปิดเข้าไป ๓ นางบาปสาวถึงกับ ลุกพรวดจากท่านอนขึ้นนั่ง เบิ่งตามอง เพื่อนทำไม่ใส่ใจอาการนั่น แต่ให้ความสนใจสาวทอมบอยที่ยังนอนสลบไม่ได้สติอยู่ครู่เดียว สั่งความสั้น ๆ

“ช่วยพยาบาลด้วยนะ”

จบคำ เราถอยออกจากห้อง แดงดึงประตูห้องเตรียมปิด เสียงใสกังวานจากในห้องดังขึ้น

“พี่ใส่กุญแจเลยก็ได้ค่ะ พวกหนูไม่ไปไหนอีกแล้ว”

วาจาประโยคนั้น แลบริสุทธิ์ ไม่น่ามีอะไรเคลือบแคลง ด้วยเพราะเธอจำเจกับสภาพคุมขังจนเคยชิน กระนั้น แดงกับผมซึ่งมีบางสิ่งในชีวิตละม้ายกันถึงกับอึ้งก่อนดึงประตูปิดโดยไม่ล็อกกุญแจตามที่เธอบอกหมดเรื่องผู้หญิง เรา ๒ คนกลับลงไปชั้นล่างนั่งคุยกันถึงเรื่อง เชียร รถถัง กับกุมารจีน #ม้าเก็งเอ๋า ทำท่า “ฮั้ว” กันเปิดกิจการอีหนูคาเฟ่ ว่าจะรุ่งหรือร่วง ซึ่งเพื่อนก็แจกแจงว่าอาจ “รุ่ง” และ “ร่วง” ได้ทันทีที่ฐานกับทีมงานไม่แข็งจริง

อย่างไรระดับมือคุ้มกันคาราวานฝิ่น เช่น เชียร รถถังได้สร้างศรัทธาแก่เราพอสมควร เฉียดตี ๓ อดีตหัวหมู่ตำรวจรถถังพร้อมเก๊าตี๋ , เริงและพลกลับถึงบ้านด้วยแท็กซี่ป้ายดำ เราออกไปเปิดประตูรับ รุ่นใหญ่บอกสุ้มเสียงเสพ เมรัยมาไม่น้อย

“ขอบใจมากน้อง”

เมื่อกลับเข้าบ้านยังไม่ทันหย่อนก้นนั่ง ปรากฏสาวทอมบอยลงมายืนโงกเงกอยู่ตรงเชิงบันได ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าปูดโปน ริมฝีปาก บวมเป่งเกือบปลิ้น

“มันอะไรกันวะ อีกบ” หัวหมู่คนดังถามขณะพิศโฉม

กบสาวเห็นเจ้าบ้านชัดตา ปล่อยเสียงโฮลั่นบ้าน พร้อมใช้มือปิดหน้าตัวเองร่ำไห้ตลอดเวลา ผมกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ รุ่นใหญ่ เบนสายตามาทางเรา แดงเปิดปากเล่าเรื่องทุกอย่างไม่อำพรางอย่างองอาจ กระทั่งถึงบทสรุปต่อหน้าสหาย

“เรื่องทั้งหมดผมขอรับผิดโดยตลอดครับ”

รุ่นใหญ่ปรายนัยน์ตาเหยี่ยวผ่านผมไปยังร่างสาวทอมบอย เก๊าตี๋, เริง, พล ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้รับแขกคล้ายบรรจงกลางรัตติกาลอึมครึม ต่อการอ่านใจคู่กรณี หมู่เชียรเดินไปหาสาวทอมบอยที่กำลังคร่ำครวญ ตะคอกเสียงดัง

“มึงจะบ้ารึ?”

ราวประกาศิตพระกาฬ กบสาวหยุดสะอึกสะอื้น ยืนเกาะราวบันไดก้มหน้าเงียบกริบ อึดใจคำพิพากษาหล่นผาง

“พรุ่งนี้เช้า มึงไปจากที่นี่เสีย…ไป”

บรรยากาศอึมครึมเปลี่ยนในฉับพลัน อย่างน้อยผมและแดงได้หันมาสบตากันเชิงนิยมคำตัดสินนั่น ส่วนโจทก์สาวที่กลายเป็นจำเลย โดยอัตโนมัติลงบันไดหลบไปยังห้องพักของเธอเซื่องซึม พอภายในห้องรับแขกชั้นล่างมีเฉพาะพวกเรา เรื่องราวที่หมู่เชียรออกไปดำเนินการกับ ๓ เพื่อนวันนี้ถูกนำมาบอกเล่าและปรึกษาขอความเห็นกันทั่วหน้า

สำหรับผมได้ทำนายเหตุการณ์ไว้แต่ต้นแล้วว่าหมู่เชียรกับเก๊าตี๋จะต้องฮั้ว กันเปิดคาเฟ่ค้ากามขึ้นที่นี่ ซึ่งก็เป็นความจริง บัดนี้ หัวหมู่คนดัง บอกว่าได้เดินเรื่อง ขอไฟเขียว ตามขั้นตอนเรียบร้อย แต่ขาดเงินที่จะขยายหรือก่อสร้างสถานบริการกับค่าอุปกรณ์โต๊ะเก้าอี้ ไม่น้อยกว่า ๗๐,๐๐๐ – ๘๐,๐๐๐ ซึ่งพวกเราจะไปเอาที่ไหนกัน

ส่วนนายทุนของหมู่เชียร หรือเสี่ยงเลี้ยงจากท่าเรือเพได้เปิดโควต้าเงินสดไว้แค่ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งแกก็เอาเงินไปคว้าสาวรุ่น ๓ นาง นั่นจนเกลี้ยงคลัง ดังนั้น ใกล้รุ่งคืนนี้ทั้งกบาลของพวกเราจึงครุ่นหาช่องที่จะได้เงินจำนวนดังกล่าวในการนี้ทุกท่า จวบเสียงไก่บ้านขันรับวันใหม่แจ้วๆ รุ่นใหญ่ค่อยกล่าวขึ้นลอยๆ

“มีทางเดียวที่จะได้เงินทันการณ์”

พล ตรอกทวาย ซักทันที “ทางไหนพี่”

“ปล้น”

อมิตตาพุทธ เหล่าดาวดังวัยคะนองทุกนามเบื้องหน้าหุบปากสนิท ผมเองก็ไม่ต่างอวตารเป็นพระเตมีย์ใบ้ อันนี้ต้องแจงกันแล้ว สำหรับคำบอกที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาจากพวกเรา

ประการแรก พวกเรา ๕ คน อันมีแดง, เก๊าตี๋, พล, เริง และผมนั้นความจริงแล้วนับแต่เที่ยว (ซ่าส์) มาไม่เคยงานอาชญากรรม ที่เรียกว่า ปล้น ดังที่รุ่นใหญ่บอก แม้พฤติกรรมบางอย่างบางครั้งเข้าข่ายชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์ เช่น นำพวกเที่ยว #ตบ เฟอร์นิเจอร์ประดับประเภท แว่นเรย์แบนด์ เลส (ชั้นดี) สร้อยคอทองคำ แหวนรุ่น แหวนทองจากวัยรุ่นทั่วไป

พฤติกรรมดังกล่าว พวกเราล้วนก่อขึ้นด้วยความภาคภูมิมากกว่าหวั่นเกรง เพราะใจขณะนั้นไม่ได้หวังอยากได้ทรัพย์เป็นสื่อ แต่เกิดเพราะตาไม่ต้องกับตีน หรือศรศิลป์ไม่กินกันตามประสาวัย เมื่อเป็นเช่นนี้ วัยกับใจจึงบัญชาให้ใช้วิธีหักหาญเอา ใครแข็งแรงกว่าคือผูชนะ

“เรามีทางเลือกนี้เท่านั้นนะ เมื่อตกลงใจเราทุกคนก็เป็นหุ้นส่วนกัน” รุ่นใหญ่ย้ำประโยคเดิม

เก๊าตี๋เปิดไต๋ตัวเองก่อนใคร “พี่เชียรจะปล้นใคร ปล้นที่ไหน”

“พี่ต้องออก ร่อน ดูก่อน” ตอยเสียงขรึมลงปรายตามองผมกับดาวดังไบเล่ย์ ถามตรงๆ “แดงกับเปี๊ยกจะร่วมมือกับพี่หรือเปล่า” แดงตอบเหมือนเตรียมไว้แล้ว “ผมจะร่วมมือเพียงครั้งเดียวนะครับ”

ตกมาถึงผมเป็นผู้ตอบบ้าง ใครจะกล้าบ่ายเบี่ยง จึงประสานใจไปกับเพื่อนประกาศตนเป็นหนุ่มเลือดสุพรรณ ตามฟอร์ม วันต่อมาและคืนต่อไป เรา ๕ คน ซุกชีวิตอยู่ยังบ้านพักเดิมอย่างสุขสบายทั้งกิน-นอน-เที่ยว แล้วตระเวนหาที่ซ้อมปืนประจำตัว ที่หมู่เชียรจักสรรมาให้

ช่วงรองาน ไม่มีใครพูดถึง #งาน ที่จะทำเพราะไม่ต้องการเผยธาตุแท้ตน ส่วน ๓ สาวรุ่นถูกหมู่เชียรส่งไปสังเวยผู้ใหญ่ระดับจังหวัดและเจ้าพ่อเรียบร้อย จนบัดนี้ผมยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย ช่างเถอะ เราพบกันแค่ผ่าน

วันหนึ่งราวๆ เที่ยงเศษ ผมคิดถึงหลวงพ่อที่จากมาโดยมิได้ล่ำลา จึงนั่งเขียนจดหมายไปนมัสการท่านให้คลายกังวล พอลงมือไปได้พักเดียว แดงเริ่มทำตาม ซึ่งผมเดาว่าเขาคงเขียนให้คลายกังวล ซึ่งผมเดาว่าเขาคง เขียนไปถึงมารดา แต่เพื่อนกลับเขียนเสร็จด้วยเวลา ๒-๓ นาที จึงชะโงกหน้าไปอ่าน แดงเลยแฉข้อความนั่น

“แม่ครับ…ตอนนี้ผมสุขสบายดี ขอรับรองว่าผมจะกลับไปบวชให้แม่แน่ครับ…แดง”

อ่านจบ ผมยิ้มให้เขาอย่างเข้าถึงความรู้สึกนั่น ล่วงถึงบ่ายจัด หัวหมู่เชียรกับเก๊าตี๋กลับเข้าบ้านพร้อมเรียกประชุมพวกเราเป็นการด่วน เมื่อพร้อมหน้ากันที่ห้องรับแขกหัวหน้า ทีมเฉพาะกิจลำดับความได้ยินชัดเจน

“เสี่ยเลี้ยงมีงานสำคัญให้พวกเราทำง่ายกว่าปล้น หากทำสำเร็จ เจ็ดหมื่นจ่ายทันที”

เรา ๕ คน ยกเว้นเก๊าตี๋ที่ไปกับหัวหมู่เชียร ถามเกือบพร้อมกัน

“งานอะไรครับ”

“ยิงคน”

คำตอบของหมู่เชียรสะกดทุกคนนิ่งงันเป็นคำรบสอง เก๊าตี๋ทำหน้าที่ชี้แจงต่อ

“คนที่พวกเราจะไปยิงเป็นพวกลักลอบค้าของเถื่อน ไม่มีความสลักสำคัญอะไร ถ้ามันตายไปตำรวจเขาอาจขอบคุณพวกเราด้วยซ้ำ”

ถ้อยคำสนับสนุนงานนี้แบบสุดตัวของกุมารจีนปลุกเลือดลมผมเต้นยิบ อย่างน้อยคำตอบที่พวกเราจะตอบหาใช่คำตอบตามบทละคร ทว่ามันเป็นเรื่องจริง ชีวิตคนจริงๆ ที่มีราคา ๗๐,๐๐๐ บาท และที่สำคัญแดง (เฉพาะกับแดง ไบเล่ย์ งานฆ่าเมื่ออายุ ๑๓ ขวบ
ไม่ ใช่เจตนา) พล, เริง, ผมหรือเก๊าตี๋ล้วนไม่ใช่นักฆ่า เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่มีจิตวิปริตกลุ่มหนึ่งกลางสังคมนี้ ซึ่งน้ำมือนั้นแม้เปื้อนเลือดมาแล้วก็เป็นเลือดการต่อสู้ในหมู่ชาวยุทธ์

เมื่อมาปะงานนี้ ต่างจึงไม่วายพรั่นกับบทบาทใหม่ อย่างไรแดงคล้ายตัดสินใจเร็วกว่าใคร ถามไม่เจาะจง

“ใครจะเป็นคนยิงครับ”

“เก๊าตี๋คิดว่าใครเหมาะ ลงมือ ๒ คนพร้อมกันนะ” เชียรผ่านลูกตามเชิง

กุมารจีนสะบัดหน้าไปยังดาวดังไบเล่ย์บอกดั่งกระซิบ

“เราจะลงมือกับนายนะเพื่อน”

“ตกลง”

สิ้นเสียงดาวดัง หมู่เชียรกำหนดตัวบุคคลก่อนวางแผนต่อ

“ให้พลกับเปี๊ยกคุ้มกันหลังให้ ๒ คนนั่นด้วย เริงทำหน้าที่ขับรถ ส่วนพี่จะกำกับแดงกับเก๊าก่อนลงมือ…มาดูนี่ พวกเรา”

ที่สุดแผนผังบริเวณปากทางเข้าสถานบันเทิงนิวแลนด์ถูกกางต่อหน้าพวกเรา พร้อมคำอรรถยุทธ์การล่าชีวิตคนครั้งแรกจนกระจ่างก็สรุป

“เดี๋ยวเราจะออกไปดูสถานที่จริงกันเลย ใครมีอะไรไม่เข้าใจขอให้ซักถาม”

“เราจะลงมือกันเมื่อไหร่พี่” เริงผู้รับตำแหน่งตีนผีใจร้อน

“๓ ทุ่มครึ่งคืนนี้”

คำตอบชัดเจนโสตเพื่อนทุกนามซึ่งส่งผลให้ยุติคำถาม แดงกับเก๊าตี๋ลุกขึ้นสัมผัสมือกัน ผมหันไปยิ้มกับดาราดังตรอกทวายเชิง บอกให้รู้ว่าเพื่อนกับผมก็ได้รับตำแหน่งสำคัญไม่น้อยกว่าทุกคน เพราะต้องสัมพันธ์กันทุกวินาที นับแต่ระเบิดกระสุนสังหารเหยื่อ ต่อมาราวครึ่งชั่วโมง รถเก๋งพาหนะที่จะใช้ในงานนี้ถูกส่งมาจากเสี่ยเลี้ยงเจ้าของเงิน ซึ่งหัวหน้าทีมหรือเชียร รถถัง ออกไปเปิดตัว พาทีกับโซเฟอร์ที่นำรถมาให้ที่หน้าบ้าน ไม่นานได้กลับเข้ามาบอก

“เสี่ยเลี้ยงสั่งห้ามยิงคนขับรถเด็ดขาด มัน “สาย” ของเขาให้ระวังด้วย”

” ราไม่ยิงมัน แล้วมันล่ะ…” เริง สวนมะลิ ข้องจิต

“พี่รับรองเอง”

คราวนี้ไม่มีใครขัดข้อง ซึ่งอาจเป็นด้วยไม่มีประสบการณ์ สำหรับผมรู้สึกขัดข้องทางความคิด แต่ไม่แอะ กระทั่งอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ ชักชวนออกร่อนสำรวจทิศทางยุทธการล่าสังหารยังปากทางสถานบันเทิงนิวแลนด์ในเวลาต่อมา

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: