3748.เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 7 หงายไพ่ เชียร รถถัง (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 7 หงายไพ่ เชียร รถถัง (เขียนโดย สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

นับเป็นความการุณพอสมควรของสาวแหม่มกับซูซี่ที่ยังทิ้งเสื้อกางเกงปราศจากทรัพย์ไว้ให้คนละชุด เพื่อนำสร้อยทองคำ ของ เก๊าตี๋ในคอที่ ๒ สาวไม่กล้าปลดจากคอเขาระหว่างหลับไปขายต่อมือต่อตีนที่สัตหีบ ล่วงบ่ายจัด หลังเอาสร้อยคอทองคำไปเปลี่ยนเป็นเงินสดเรียบร้อย เรา ๒ คนมุ่งเข้าร้านอาหารบำรุง กระเพาะตามสัญญาณเตือนมาแต่ ๑๐ โมงเช้า

พักใหญ่พออิ่มหนำสำราญ กุมารจีนม้าเก็งเอ๋าขอความความเห็นหนทางไป

“เราควรตามหาแดงกับพี่เชียรให้พบดีไหม”

“ก็ได้” ผมตามน้ำ

“เฮ้ย…” เก๊าตี๋อุทานกะทันหัน

ผมรู้สึกผิดหูน้ำเสียงเพื่อน จึงมองตามสายตาเขา พบ ๒ กุมารไทย เริง สวนมะลิ กับ พล ตรอกทวาย อดีตสมุนเก่าของ เก๊า ม้าเก็ง อย่างไม่คาดว่าจะบังเอิญขนาดนี้ เก๊าตี๋เลยถือโอกาสเชิญ ๒ ชาวยุทธ์วัยคะนองร่างเตี้ยล่ำ ผู้ตั้งใจเข้ามาบริโภคอาหารอยู่แล้วร่วมโต๊ะ

เมื่อความตั้งใจไปหามิตร เผอิญพบมิตรเก่าเช่นนี้จึงนั่งเป็นเพื่อนคุยรอระหว่าง ๒ ดาวดังย่านแม้นศรีกินอาหาร

“นาย ๒ คนมากันวันนี้หรือ” ผมป้อนคำถามไม่เจาะจง

“มาตั้งแต่วันที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวพวกเราที่กรุงเกษมนั่นแหละ” พลตอบ

“แล้วตอนนี้ทำอะไรกัน”

“ลอยชาย..สุดแต่พี่เชียน เห็นว่ากำลังวิ่งเต้นผู้ใหญ่เปิดกิจการอีหนูคาเฟ่”

คำบอก พล ตรอกทวาย ทำให้ผมกับเก๊าตี๋มองหน้ากัน ตีหน้าเหลอ ก่อนยิ้มพึงใจกับมหาโชคที่บันดาลมิให้เราตะลอนตามหาตัว เชียร รถถัง กับ แดง ไบเล่ย์ เหมือนคนตาบอด สำหรับเก๊าตี๋อาการเริงร่าทางสีหน้า และกิริยาเตือนให้ผมอ่านใจเพื่อนตามปกติ โดยเอาคำบอกของดาราตรอกทวายวิเคราะห์ดูเส้นทางของเขา แน่นอน เก๊าตี๋ คิดปักหลักที่นี่

เสร็จกิจเรื่องอาหารและชำระเงิน กุมารจีนม้าเก็งเอ๋าชักชวนให้ไปหาอดีตนายตำรวจรถถังยศชั้นประทวนยุคท่านรองฯ ผาด ตุงคะสมิต โดยแท็กซี่ป้ายดำมุ่งเข้าบ้านฉางชนบทระดับตำบลอันใกล้เป็นกิ่งอำเภอจากดอลล่าร์อเมริกัน

ขาตีรถกลับเที่ยวนี้ต่างหุบปากนั่งเงียบ ผมนั่งมองภูมิภาพริมทางขณะรถผ่านนับแต่กิโลสิบ ปากทางแสมสาร อู่ตะเภา ยามตะวันรอนเพื่อพักก้อนเนื้อในกะโหลก กลับกำหนดใจไม่ได้ นั่นคงเนื่องด้วยพาหนะ ที่ผมกำลังทะยานลิ่วไปหาคน ผู้มีพฤติกรรมร้อนราวไฟถึง ๒ คน

สำหรับวัยคะนอง แดง ไบเล่ย์ นั้น ผมได้ปูปูมของเขาไปแล้ว แต่กับ หมู่เชียร รถถัง หรือ เชียร หยิกเจ้าของพิกัด ๑๓๐ ปอนด์ ผิวเหลือง เส้นผมบนหัวหยิกหยอยยังไม่ได้กล่าวถึง เพราะเป็นชาวยุทธ์รุ่นอาวุโสมีสี เรื่องราวที่ ปรากฏต่อสายตาชาวยุทธ์ทั่วไปจึงไม่ปรากฏ ทว่าหากมุดกำแพงวังปารุสฯ อดีตที่ตั้งกองบังคับการยานยนต์ หุ้มเกราะของท่านรองฯ ผาดเข้าไป ก็พอรู้ว่าหัวหน้าหมู่เชียนไม่ค่อยมีเวลาขับรถถังของตำรวจเท่าใดนัก ส่วนใหญ่ เจ้านาย จะมอบงานเฉพาะกิจเบาๆ ให้คุมคาราวานฝิ่นเข้ากรุงเทพฯ และจัดส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศหัวหมู่เชียนจึงเฟื่องในยุคอัศวินครองเมือง

ถึงคราวท่านอธิบดีเผ่าสิ้นอำนาจวาสนา หัวหมู่เชียรต้องหลุดจากวงจร #ม้าเหล็ก เพราะทระนงไม่ต้องการเปลี่ยนสี เปลี่ยนเหล่าไปใช้สีเขียว (โอนยานยนต์ตำรวจทุกคันเข้า ทบ) ดังนั้น วันนี้หมู่เชียน รถถัง จึงเป็นเหยี่ยว หนีเงื้อมมือคณะปฏิวัติคู่อาฆาตเจ้านายตนมาถึงชายฝั่งทะเลตะวันออกดุจเดียวกับพวกเรา

อย่างไรก็ตาม สัญชาติเหยี่ยวนั้นบินสูง ด้วยสามารถมองเห็นเหยื่อได้ทั้งใกล้และไกล หากพวกเราคบค้าด้วย มันก็ต้องคอยสังเกตว่า เหยื่อ ในสายตาเหยี่ยวเป็นพวกเราหรือว่าผู้อื่น?

บ้านฉาง พาหนะของพวกเราหยุดสนิทหน้าตลาดเก่า ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างอาคารพาณิชย์สองฝั่งถนนรวมไปถึงศูนย์การค้า เมื่อพากันลงจากรถไปรับรังสีสนธยา พล ตรอกทวายบอกขณะทำหน้าที่มัคคุเทศก์

“ถ้าพี่เชียรเปิดคาเฟ่ค้าอีหนูได้ รับรองว่ารับเละ”

“ที่ว่าจะเปิดไม่ได้เพราะอะไร ตำรวจเขาไม่เล่นด้วยหรือยังไง” เก๊าตี๋สนใจ

“ตำรวจน่ะ เขาเล่นด้วยแน่ แต่มันอยู่ที่ว่า เราจะเปิดได้กี่วัน โดยไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น” พลขยายความ

“ก็แสดงว่านักเลงเยอะ”

“พวกตังเกว่ะ ไอ้พวกนี้ทหารเรือยังไม่อยากยุ่ง มันยกกันมาเป็นร้อย” เริง สวนมะลิตอบแทนเพื่อน

“อย่างนี้ต้องมีคนคุ้มกะลาหัวอยู่” ผมแอะบ้าง

“เห็นพี่เชียรบอกว่าเป็นพวกเด็กๆ ของเสี่ยกังเจ้าของโรงแรมชื่อดังในระยอง…ไม่เฉพาะกับไอ้พวกกระเบนธง เท่านั้นนะ ยังมีไอ้พวก “สิงห์ ป่าซุง” ของหลงจู๊เกียงกับพวกคนงานไร่อ้อยของเสี่ยโยชน์อีก”

เก๊าตี๋ถามบ้าง “รู้อย่างนี้แล้วพี่เชียรยังกล้าหาทุนมาเปิด”

“พี่เชียรรู้จักกับเจ้าพ่อเมืองชล”

“ใครวะ”

“หลงจู๊เกียง”

“ใหญ่จริงหรือ”

“ก็คงเท่ากับเกชา หรือลุงดวง ลพบุรีนั่นแหละ”

ได้รับทราบความยิ่งยงของหลงจู๊เกียงที่ยังไม่ได้เห็นหน้าจากปากดาวดัง สวนมะลิแค่นั้น พวกก็พาไปหยุดที่หน้าประตูบ้านไม้สองชั้นขนาดกลาง มีรั้วรอบขอบชิดกลางซอยฝั่งตรงข้ามโรงภาพยนตร์บ้านฉาง จากนั้น พลกดออดสัญญาณไฟฟ้าตรงเสาประตู

“บ้านน่าอยู่ว่ะ ไม่มั่ว” เก๊าตี๋ว่า

ผมต่อให้ในใจ “นอกจากบ้านน่าอยู่แล้ว ยังน่าไว้ใจด้วย”

ครู่เดียว บุคคลที่เรามุ่งมาหาไม่ปรากฏ กลับมีสาวพอสวยดัดผมสั้นยังกับพวกทอมบอยออกมาเปิดประตูให้ พลแนะนำเก๊าตี๋กับผมให้เธอรู้จักตามธรรมเนียมโดยไม่มีรายละเอียดความสลักสำคัญของเธอภายในบ้านหลังนั้น

“พี่เชียรกับแดงคงนอนหลับ” พลคาดการณ์พอได้ยิน

ไม่มีใครออกความเห็นต่างเดินตามสาวทอมบอยซึ่งนำหน้าลิ่วไปเปิดประตูห้องรอ พอผ่านร่างพ้นประตูเข้าไป เชียร รถถัง พาร่างพิกัดเฟเธอร์เวตพร้อม แดง ไบเล่ย์ เปิดประตูห้องด้านในอีกห้องหนึ่งออกมาทักทาย ชวนเชิญให้นั่ง และดื่มน้ำเย็นที่สาวทอมบอยนำมาเสิร์ฟ

“น้อง ๒ คนมาถึงนี่ตั้งแต่เมื่อไร รุ่นใหญ่ถามขึ้นก่อน”

“วันนี้เองครับ บังเอิญเจอเริงกับพลที่สัตหีบเขาจึงพามาที่นี่” กุมารจีนไม่บอกความจริงทั้งหมด

“ดีแล้วที่พวกเรามารวมกันที่นี่”

“ได้ข่าวว่าพี่เชียรจะค้า “เด็ก” ที่นี่หรือครับ” เก็าตี๋ถามถึงเรื่องใคร่รู้

เหยี่ยววังปารุสฯ หยุดความสดชื่นทางสีหน้าบอกเสียงฉุน

“พี่จะเปิดวันนี้ก็เปิดได้ ถ้ามีเด็กพอ…นี่ต้องรอล่องเด็กจากนครสวรรค์อีกเป็นอาทิตย์”

ผมเบนสายตาไปยังวัยคะนองไบเล่ย์ที่นั่งสงบคำมาตลอดชวนคุยขึ้น

“แดงร่วมหุ้นกับพี่เชียรหรือ”

“เปล่าหรอกเพื่อน มาอาศัยพี่เชียรชั่วคราวบางทีอาจไปโคราชหรืออุดรฯ ที่นี่คนดุ”

“เราว่าไม่ดุเกินคนหรอก” พลค้าน

พลัน..เราทั้ง ๖ ถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อเกิดเสียงคล้ายถ้วยจานถูกขว้างใส่ประตูขณะที่หมู่เชียรกับแดงโผล่ออกมา และตามด้วยเสียงใสๆ สำเนียงชาวเหนือผรุสวาทลั่นห้อง เก๊าตี๋กับผมหันไปทางรุ่นใหญ่ อดีตตำรวจรถถังวังปารุสฯ ส่ายหัวไปมาอย่างหมดอาลัยระคนหงุดหงิดผมร้อนใจใคร่รู้เหตุให้กระจ่างถึงเจ้าของเสียงภายในห้องดังกล่าว หลุดปากก่อนใคร

“พี่เชียรขังเด็กไว้”

“ใช่ เด็กสดๆ ซิงๆ ๓ คน นายทุนลงทุนให้พี่เหยียบแสนซื้อมาจากเหนือให้ผู้ใหญ่กับเจ้าพ่อที่นี่ พอถึงเวลาเสือกไม่ยอมไป พี่ต้องขอนัดเวลาเลื่อน”

คำตอบแกกระจ่างใจพอแล้ว จึงไม่ตามเรื่องแต่สาวทอมบอยเดินหน้าบูดเข้ามาหาแก หมู่เชียรบอกห้วนๆ

“อย่าเพิ่งไปทำอะไรมัน เอาไว้ให้ย้ายขึ้นชั้นบนก่อน”

“ค่ะ” ทอมบอยสาวรับคำ

“เออ..กบ เดี๋ยวจัดห้องชั้นบนให้เก๊าตี๋กับเปี๊ยกด้วยนะ”

“ค่ะ”

ตกลงเย็นวันนี้ ผมได้รวงรังพำนักร่วมห้องเดียวกับกุมารจีนม้าเก็งเอ๋า เพราะทั้งบ้านทุกห้องมีผู้อาศัยอยู่ครบ

ค่ำแล้ววงสุราของพวกเรา ๖ ชีวิตชายกับอีก ๑ หญิง สาวทอมบอยได้ปูเสื่อนั่งดื่มกินบนลานหญ้าหน้าบ้าน ทัศนาชีวิตกลางคืนที่น่ามองและชวนคิดให้ผู้คนชายหญิงไม่เบื่อ เพราะนับแต่ตั้งวงสุราผมมีอาหารตาจากโฉมงามแต่งตัวเจ็บ ๆ ทยอยเดินออกจากซอยเป็นกลุ่ม ๆ ให้ตัดสินว่านางใดเหมาะสเป๊กใจ

และเมื่อผ่านตาไป ภาพของพวกเธอในอ้อมกอดอเมริกันขาว-ดำร่างยักษ์ บนรถสองแถวโดยสารเมื่อคืนกลับผุดขึ้นแทนที่เสมอ ดังนั้น สมองกำลังนี้จึงครุ่นแต่คิดมากกว่าสนใจฟังหมู่เชียรกับกุมารจีนฝันเฟื่อง
กับงานขุดทองจากกระเป๋านักรบขาว-ดำ

๒ ทุ่มเศษ แดงกับผมขอตัวจากรุ่นใหญ่ออกไปเตร่ชมสภาพบ้านฉาง แล้วต่อรถสองแถวเข้าตัวเมืองระยองสู่สำนักนางโลมข้าง ๆ โรงภาพยนตร์เทพบันเทิงหารสคาวธรรมชาติผู้ชายก่อนคืนสู่เหย้า

เฉียด ๕ ทุ่ม แดงชวนผมแวะซื้ออาหารคาว-หวานติดมือกลับบ้าน และพอกลับเข้าบ้านในเวลาต่อมาทั้งบ้านเหลือสาวทอมบอยชื่อ ” กบ ” รับหน้าอยู่นางเดียว เมื่อสอบถามได้ความว่าทั้ง ๔ คนเดินทางไปพบ หลงจู๊เกียงเจ้าพ่อชลบุรี แดงจึงส่งถุงบรรจุอาหารให้

“กบเอาข้าวผัดไปให้ ๓ คนในห้องนั่นกินหน่อยสิ ป่านนี้คงหิวแย่”

สาวทอมบอยหดมือกลับ มองหน้าเรา ๒ คน บอกอย่างเกรงใจ

“พี่เชียรสั่งไม่ให้กินอะไรทั้งนั้นค่ะ แกต้องการลงโทษ”

“แม้แต่น้ำ”

“ค่ะ แกห้ามทุกอย่าง”

คำบอกของสาวคุมเด็กเด็กจุดดีกรีความร้อนขึ้นในทรวงผม แต่สู้งำไว้ฟังความเห็นเจ้าของทรัพย์ค่าอาหาร ที่หิ้วมาจากระยอง ซึ่งวัยคะนองไบเล่ย์ก็ว่าไปได้เจ็บ

“กบไม่กินน้ำเหมือนพวกนั้นได้ไหม”

กบไม่ต่อคำ ทำท่าผละหนี แดงสำทับเสียงเหี้ยม

“ขอกุญแจห้องผม”

สิ้นคำเขา สาวเจ้าผละเดินหนี วิบตา แดงกระโจนพรวดไปคว้าคอเสื้อสาวทอมบอย กระชากกลับเต็มแรง

“โอ๊ย” กบร้อง หน้าแหงน มือกาง นัยน์ตาเหลือกลาน

แดงชะโงกหน้าเข้าหา ถลึงตาใส่ตะคอกบอกอารมณ์หงุดหงิด

“เอากุญแจมา”

“โธ่..พี่แดง” หญิงสาวครวญ

“อยากเจ็บตัวหรือ”

กิตติศัพท์แดง ไบเล่ย์ กบสาวคงพอได้ยินชาวยุทธ์กล่าวขวัญว่าโหดถ้าไม่ได้ดั่งใจ เธอจึงล้วงกุญแจส่งให้ บอกเสียงพร่า

“พี่เชียรย้ายขึ้นไปชั้นบนแล้วค่ะ”

ได้กุญแจแล้ว วัยคะนองถือถุงอาหารของฝากที่ตั้งใจนำมาให้ ๓ สาวเดินขึ้นบันไดทันที ผมเองไม่ได้คิดหน้าคิดหลังเรื่องภายหน้า คิดแต่จะไปดูสภาพการกักขัง ๓ สาวที่รุ่นใหญ่หมายนำความบริสุทธ์ของเธอไป สังเวยผู้หลักผู้ใหญ่กับคนดังของจังหวัดเพื่อเปิดดงอนาจารรับนักรบต่างแดนเท่านั้น จึงตามดาวดังขึ้นไปติดๆ

ถึงหน้าห้องที่ล็อกกุญแจอยู่ด้านนอก ซึ่งอยู่ขวามือสุด เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นดังแว่วเข้าหู แดงรีบไชกุญแจเปิดประตูถ่างออกกว้าง สัมผัสที่ได้รับทางจมูกทำให้ผมรีบยกมือขึ้นอุดจมูกตามสัญชาติญาณ

” ใครเอา ขี้ มาไว้ในห้องหรือยังไงวะ ” แดงพึม ทำจมูกฟุตฟิต

ผมกวาดสายตามองรอบห้องฉับไว เมื่อเห็นสภาพภายในห้องชัดตา กลับขยับตัวไม่ได้แล้ว แดงเองพลอย เซ่อที่เห็น ๓ สาวถูกโซ่ล่ามข้อมือ ยืนโยงไว้กับขื่อตามมุมห้องชนิดเปลือยอาภรณ์ทุกชิ้น กระนั้นยังเป็นภาพ ธรรมดาสำหรับเราแต่ที่มันทรงเดชสะกดให้จังงังก็เพราะทั้งร่างเปลือยของ ๓ สาวถูกชโลมอุจจาระตั้งแต่ เส้นผมจรดตีนนั้นต่างหาก

๒๐ ปีที่ประพฤติตนนอกลู่ในลู่ พานพบเรื่องราวในยุทธจักรประหลาดพิสดารมาก็หลาย ยอมรับว่าไม่เคย เห็นพฤติกรรมทารุณจิตใจมนุษย์ถึงขั้นนี้ จึงขอความเห็นเพื่อน

“แดง นายคิดยังไง”

วัยคะนองหันขวับไปทางด้านหลัง ผมเหวี่ยงสายตาตาม บริเวณหน้าประตูปรากฏสาวทอมบอยสาวยืนหน้ามุ่ย มองเรา ๒ คนอยู่ ทันใด แดงปราดเข้าหา กบสาวร้องลั่น

“โอ๊ย…อะไรพี่”

แดงดั่งลืมน้ำใจและเมตตาที่เคยมีแก่สุภาพสตรีทั่วไปสิ้นเชิง มือตีนประดาจึงเข่นลงร่างทอมบอยสาวคุมเด็กรุนแรง จนสลบคาประตู ต่อมาเขาจัดการให้อิสระ ๓ สาวและไล่เข้าห้องน้ำ ผมไปพยุงแม่กบเข้าไปนอนในห้องพร้อมปิดกุญแจขังไว้ กันวุ่นกว่าที่กำลังวุ่นอยู่ เมื่อกลับลงชั้นล่าง แดงบ่นพึม

“เราลืมตัวว่ะ มันฉุน ไอ้ห่าผู้หญิงเหมือนกันไม่รักกัน”

“เรื่องนั้นจบเหอะ “ผมว่า” ต่อไปนายจะเอายังไงกับผู้หญิงนั่น หมู่เชียรด่าแหลกแน่”

“เราจะพูดกับพวกเธอดีๆ ไหนๆ พ่อ แม่ก็เต็มใจขาย กับทั้งรับเงินเขาไปแล้ว อย่าดื้อดึงเลย”

“พูดแค่นี้เหรอ” ผมข้องจิต

“ถามเธอตรงๆ ว่าจะยอมเปิดบริสุทธิ์กับผู้ใหญ่หรือจะยอมให้แมงดามันลงแขก”

คำบอกเพื่อนถูกต้องสำหรับวงการนี้ เพราะเด็กสาวบางคนที่ถูกหลอกมา หรือพ่อแม่ขายให้นั้น บางนางเป็นสาวพรหมจรรย์ การที่จะให้เธอรับแขก ( นอนกับชาย ) ที่ไม่ใช่คนรัก ใครจะยอมง่ายๆ บางรายถูกแมงดา ซ้อมสะบักสะบอมก็ยังไม่ยอมทอดกายเหล่าพ่อเล้าแม่เล้า ( เหี้ยม ) จึงใช้ไม้ตายสุดท้ายสั่งให้แมงดาในซ่องลงแขก….

เขียนโดย สุริยัน ศักดิ์ไธสง
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: