3748. มีดหมอหลวงพ่อเดิมปะทะหุ่นพยนต์หลวงพ่อขำแห่งวัดเนินกุ่ม (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

มีดหมอหลวงพ่อเดิมปะทะหุ่นพยนต์หลวงพ่อขำแห่งวัดเนินกุ่ม(ตอนใหม่)

เมืองสองแควหรือเมืองพิษณุโลกเป็นอีกเมืองหนึ่งที่อาจารย์ไพฑูรย์ท่านมักจะหนีไปกบดานเพราะมีบรรดาญาติตระกูลพันธุ์เชื้องามอยู่หลายบ้านด้วยกันแต่ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปพัก

พอมีข่าวว่าเสือไพฑูรย์แหกคุกออกมาพวกกองปราบก็ได้ส่งกำลังไปคอยจับตามองตามบ้านญาติของไพฑูรย์จนเหล่าญาติของอาจารย์แทบอยู่กันไม่เป็นสุข

หากอาจารย์ไพฑูรย์เข้าไปแวะพักนั้นก็เท่ากับอาจารย์นำความเดือดร้อนไปให้เหล่าญาติพี่น้องจึงไปซ่อนตัวอยู่กับนายทหารพระธรรมนูญที่เป็นสหายกันอยู่ที่ท่าวัดเนินกุ่ม ที่วัดเนินกุ่มนี้เมื่อถึงหน้าน้ำหลากนั้นน้ำจะหลากเหมือนกับติดเกาะแต่น่าแปลกที่แม้น้ำจะท่วมสูงโดยรอบๆวัดแต่รอบโบสถ์กลับแห้งสิ้นไม่มีน้ำเข้าถึงทั้งนี้ก็เพราะหลวงพ่อขำท่านได้ใช้วิชาที่ท่านเชี่ยวชาญวิชานี้มีชื่อเรียกว่าวิชา’’กุมภกัณฑ์ทดน้ำ’’และวิชานี้แหละที่ได้สกัดน้ำเอาไว้แต่น่าเสียดายที่ท่านไม่ได้ถ่ายทอดวิชาให้ใครภายที่ท่านมรณภาพแล้วน้ำก็ท่วมสูงเหมือนเดิมตอนที่อาจารย์ไพฑูรย์หนีไปกบดานตอนนั้นเป็นช่วงที่ภาคเหนือน้ำไหลหลาก

ปีนั้นน้ำไหลหลากมากโดยเฉพาะน้ำที่ไหลมาจะมีสีแดงชาวบ้านเรียกกันว่า’’น้ำแดง’’ปริมาณน้ำจะมากเป็นพิเศษได้ไหลเชี่ยวทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าอาจารย์ไพฑูรย์ท่านได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนเกลอโดยได้นำท่านไปไว้ซ่อนที่ป่าอันเป็นที่ดอนกลางน้ำ

ป่านี้หน้าแล้งจะกลายเป็นป่าทึบพวกชาวบ้านนิยมไปล่าสัตว์และหาของป่ากันแต่เมื่อถึงหน้าน้ำหลากพวกสัตว์ป่าจะพากันมาอยู่รวมกันแออัดอยู่ที่ดอนแห่งนี้

เหล่าบรรดาพรานล่าสัตว์จะไม่มีใครที่กล้าเข้าไปล่าเพราะหลวงพ่อขำท่านได้เสกหุ่นพยนต์เอาไว้ให้ปกป้องบรรดาเหล่าสัตว์ที่หนีตายจากภัยน้ำหลาก

หุ่นพยนต์คือหุ่นที่ทำจากฟางนำมามัดให้เป็นรูปร่างเหมือนคนหลวงพ่อขำท่านใช้ผงถ่านเขียนหน้าตาให้เป็นยักษ์เอาผ้าแดงมาทำเป็นเสื้อผ้าแล้วปลุกเสกแล้วเอาไปฝังไว้ที่สี่ทิศของป่าอันเป็นที่ดอนที่เหล่าสัตว์ป่ามักหนีภัยหน้าน้ำหลากมาอาศัยอยู่

คนที่นำให้อาจารย์ไพฑูรย์ไปซ่อนตัวอยู่ที่นั้นก็ไม่ได้บอกท่านเรื่องนี้เพียงแต่บอกว่าเวลากลางวันอย่าก่อกองไฟหรือทำให้เกิดควันจะเป็นการบอกตำแหน่งของตัวเองให้ชาวบ้านรู้หาพวกฟืนแห้งจริงๆมาเตรียมไว้สำหรับก่อไฟผิงตอนกลางคืนเพื่อป้องกันความหนาว

ที่นั้นมีกระท่อมอยู่หนึ่งหลังพร้อมผ้าห่มหมอนมุ้งคบอาหารจะมีผู้นำมาส่งให้สามมื้อน้ำไม่ต้องเป็นห่วงเพราะมีตุ่มสำหรับเก็บน้ำฝนอยู่ด้วยมีน้ำฝนจืดสนิทให้ดื่มแก้กระหาย

เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วให้วางจานไว้เมื่อมีผู้มาส่งอาหารในมื้อถัดไปจะมาเก็บไปล้าง อาจารย์เล่าว่าอยู่มาได้จนถึงคืนที่เจ็ดก็เจอดีเข้าให้ เวลาประมาณตีสามเกือบจะตีสี่ ก็สะดุ้งตื่นการสะดุ้งตื่นแบบนี้เป็นเพราะอาจารย์ท่านได้ใช้พระคาถาเสกหมอนเอาไว้

บทพระคาถาว่าดังนี้

‘’ฆะเตสิก ฆะเตสิก กิงกะระนัง ฆะเตสิก อะหังปิตตัง ชานามิ ชานามิ’’

ให้ท่องพระคาถาเสกให้ครบสามจบแล้วใช้มือตบลงไปบนหมอนหรืออะไรก็ได้ที่ท่านใช้หนุนศรีษะเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาจะมีเหตุที่ทำให้สะดุ้งทันท่วงที

เมื่ออาจารย์ท่านสดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วจึงนั่งฟังเสียงความเคลื่อนไหวโดยรอบที่พักของท่านทันใดนั้นก็แว่วเสียงฝีเท้าเดินคล้ายกระทืบดินดัง ตึก ตึก ตึก เดินตรงเข้ามาทางกระท่อมที่อาจารย์ไพฑูรย์ท่านพักอยู่ ท่าไม่ดีแน่อาจารย์เอามือคลำปืนพกประจำกายว่าอยู่ติดตัวหรือไม่เมื่อพร้อมก็ค่อยๆย่องออกจากกระท่อมไปซ่อนตัวคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวที่กระท่อมที่พัก

ปรากฏร่างของคนโบราณสูงใหญ่ผิวดำสูงกว่าคนทั่วไปประมาณหนึ่งเท่าตัว เดินถือกระบอกยักษ์เข้าตรงเข้ามาที่กระท่อม มาเดินวนไปวนมาคล้ายสำรวจหาคนที่พักอยู่ในกระท่อม

สักพักก็หันหน้ามาทางที่อาจารย์ไพฑูรย์ท่านซ่อนตัวอยู่ ทำจมูกฟุตฟิต ฟุตฟิต สาวเท้าเดินเข้ามาหาอาจารย์

ขณะนั้นอาจารย์ท่านคิดในใจว่ากลัวอะไรวะมีดหมอหลวงพ่อเดิมก็มี(หากเป็นคนอื่นที่ขวัญอ่อนคงเผ่นป่าราบไปแล้ว)อาจารย์ท่านชักมีดหมอออกจากฝักเดินออกไปเผชิญหน้าเอาปลายมีดหมอขีดตรงพื้นดินเป็นเส้นครึ่งวงกลมไว้ด้านหน้า

คนโบราณดังกล่าวเริ่มเข้ามาจนใกล้เส้นที่ขีดไว้ก้าวเท้าจะข้ามแต่กลับหงายหลังตึงฝุ่นกระจายเหมือนโดนถีบอย่างแรง

ลุกขึ้นมาแล้วเดินเข้ามาก็หงายหลังไปอีกประมาณสามครั้ง และครั้งที่สี่เมื่อจะตรงเข้ามาหาอีกนั้นอาจารย์ไพฑูรย์ท่านจึงไม่รีรอ เงื้อมือแทงมีดหมอออกไปข้างหน้าพร้อมกับร่ายพระคาถากำกับว่า

‘’อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ ภะ พุ สะ ปุ โล สุ วิ สัง อะ ภัค คะ ภัคคา วิจุณนัง วิจุณนังมาเมนะผุสสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฐาหิ’’

คนโบราณเมื่อถูกอาจารย์แทงด้วยมีดหมอหลวงพ่อเดิมก็ร้องเสียงประหลาดล้มลงกับพื้นแล้วหายไป อาจารย์ท่านยังไม่แน่ใจจึงนอนหลังเส้นที่ท่านขีดเอาไว้

รุ่งเช้าจึงได้เข้าไปดูตรงที่คนโบราณล้มลงก็พบว่าเป็นหุ่นฟางที่อยู่ในสภาพเก่าวางอยู่จึงเก็บเอาไปไว้ในกระท่อม

ตอนสายๆคุณตาทองผู้ให้ที่หลบซ่อนแก่อาจารย์ก็มาส่งอาหารด้วยตัวเอง อาจารย์รับประทานอาหารเสร็จแล้วจึงได้นำเอาหุ่นฟางมาให้คุณตาทองดู

เมื่อคุณตาทองได้เห็นเข้าก็ถามว่า

‘’ไปได้มาจากไหนกันพวกชาวบ้านหากันจนตาจะแตกได้แค่สามตัวส่วนตัวสุดหายังไงก็หาไม่เจอ’’

อาจารย์จึงบอกกับคุณตาทองว่า

‘’ได้ที่ลานดินหน้ากระท่อมเมื่อคืนผมเห็นคนโบราณท่าทางไม่น่าไว้วางใจจึงแทงด้วยมีดหมอหลวงพ่อเดิมหงายเก๋งไป พอตกเช้าจึงได้เข้าไปดูก็เห็นหุ่นฟางเก่าๆนี่แหละครับ’’

คุณตาทองบอกว่า

‘’เป็นหุ่นพยนต์เสกของหลวงพ่อขำสมัยก่อนท่านได้เสกไว้เพื่อป้องกันสัตว์ป่าแต่หลังจากที่ท่านมรณภาพแล้วก็ไม่มีใครคอยกำกับมันพวกมันจึงได้ออกหลอกหลอนชาวบ้านพวกชาวบ้านจึงได้ช่วยกันขุดขึ้นมาได้เพียงสามตัวส่วนอีกตัวหายังไงก็ไม่เจอคราวนี้แหละจะได้เอาเข้าเมรุเผาให้หมดเรื่องไป’’

อาจารย์ไพฑูรย์ท่านว่าเรื่องอาถรรพ์เร้นลับแบบนี้หากว่าได้เจอกับตัวเองเข้าละก็คงจะเชื่ออย่างพิลึก สมัยโบราณนั้นวิชาอาคมเรื่องแบบนี้มิได้มีแต่ในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนเท่านั้นแต่มีในชีวิตจริงด้วยสุดแต่ว่าใครจะพบเจอเท่านั้น

(ฝากไว้จากใจแอดมินเรื่องเล่าตำนานต่างๆที่คนโบราณท่านเล่าสืบกันมาส่วนใหญ่ล้วนมาจากเรื่องจริงทั้งสิ้นไม่มีใครแต่งเรื่องโกหกเล่ากันมาเป็นร้อยเป็นพันเรื่องแน่ถ้าไม่มีจริงตำนานเสด็จเตี่ยฯ เสือไทฯ ขุนพันธุ์ฯ เสือไพฑูรย์ เรื่องเล่าเกี่ยวกับอภิญญาเกจิย์อาจารย์ต่างๆ ตำนานเครื่องรางทั้งหลายคงไม่มีใครบันทึกบอกเล่าเรื่องราวสืบทอดมาให้ลูกหลานได้รับฟังเป็นแน่ ใครจะเชื่อก็เชื่อ ใครไม่เชื่อก็ขออย่าลบหลู่ หากคิดจะลบหลู่ก็อย่าได้เข้ามาศึกษาเรื่องแบบนี้เลย นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว)

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
อ้างอิงจากหนังสือนิตสารแปลก ปีที่38ฉบับที่1857

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: