3746.เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 5 เจมส์ ดีนรำลึก (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 5 เจมส์ ดีนรำลึก (เขียนโดย สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

ถึงจะมีคณะทหารกระทำปฏิวัติขึ้นมาบริหารแผ่นดิน จนส่งผลให้ผู้เยี่ยมยอกในยุทธจักรเร้นกายไปจากบางกอกด้วยข้อหาประพฤติตนเป็นบุคคลอันธพาลทั่วหน้าแล้ว สังคมนอกวิทยาลัยของผมกับเพื่อน ๆ วัยคะนองกลับสดใส เพราะมีวิวัฒนาการใหม่ ๆ จากเมืองนอกมาป้อนจนเปรม

นับแต่แฟชั่น ตั้งแต่รองเท้าผ้าใบสีขาว-สีแดง (สีแดงฟอกจนสีออกชมพู) ตลอดไปถึงรองเท้าหุ้มข้อหนังกลับ หรือ ฮาล์ฟ ฝีมือ “ไอ้แก้ว” (ห้างแก้วฟ้าบางลำพูปัจจุบัน) จากรองเท้าต่อมาถึงกางเกงซึ่งมีนิยมอยู่ ๒ ทรง คือ ทรงอเมริกัน สไตล์ขากระบอก ทรงนี้มีผลให้กางเกงมีจีบด้านหน้าสมัยนิยมของคุณลุงตกขอบไปจนบัดนี้ยังไม่มี นักออกแบบกางเกงวัยรุ่นชายออกแบบกางเกงมีจีบผุดออกมาสักราย

อีกทรงหนึ่งเรียก ทรงฮ่องกง เอวเล็ก สะโพกโตพอง ขาเล็ก ๆ สไตล์นี้ต้องใช้ผ้าเสริมกระเป๋าหลายชิ้น ส่วนผ้าที่ชมชอบ นำมาตัดกางเกง มีผ้าเสิรตแฟนซีโมโซโต้ และผ้าซาติน เป็นผ้ามันวับ สำหรับเสื้อ บังเอิญภาพยนตร์ บลู ฮาวาย กับ จีไอ บลู ของเอลวิสกำลังฮิตติดบอร์ด จึงคลั่งเสื้อฮาวายลายเจ็บ ๆ กันขนาดหนัก (เวลาสวมใส่พับแขนข้างละ ๒ ที-เจ็บ)แม้จะแพงแสนแพง โดยเฉพาะบัตเบอร์มานั้น กระสันหาใส่อวดสาวเหลือเกิน

ด้านเฟอร์นิเจอร์ติดกายมีเชือกร่มสีดำติดเหรียญดาราภาพยนตร์ขวัญใจวัยรุ่น #เจมส์_ดีน ใช้ห้อยคอแทนพระคุณเจ้าทุกองค์ สุดท้าย ด้านอาวุธอันเคยพกพาสนับมือ มีดพก เหล็กขูดชารฟต์และหลาว ขณะนี้เหล่าวัยคะนองเริ่มขวนขวาย หาปืนแทนใบเหล็กเนื้อดีด้วยเหตุผล ตามรอยรุ่นใหญ่ และตามสมัยนิยม

วันหนึ่งราวๆ ๖ โมงเย็น ขณะเล่นสนุ้กเกอร์อยู่กับพรรคพวกที่โต๊ะบิลเลียดบำเพ็ญบุญฝั่งตรงข้ามศาลาเฉลิมกรุง เอ๊ด หลังวัง ได้รับรายงานจากเด็กของตนว่ามีชาวยุทธ์วัยคะนองไปตั้งหลักเตรียมประกาศตัวในงานที่พวกเรา “งด” ที่จะไปเพราะเบื่อมีเรื่องมากผิดสังเกต

เรียกว่าถนนนักบู๊วัยคะนองทุกสายมุ่งยังโรงภาพยนตร์กรุงเกษม เพื่อร่วมฉลองวันรำลึก เจมส์ ดีน พร้อมฉายภาพยนตร์ ประกอบและที่เรียกร้องความสนใจได้มากเป็นพิเศษ เพราะมีวงดนตรีขวัญใจวัยรุ่น #วาทินี มากระหน่ำร็อกร้อนๆ ล่อกี๋โก๋เข้าอีก คงได้ขี่คอกันดินแน่ๆ

รู้ทั้งรู้ว่ารูปการณ์ต้องเป็นเช่นนั้น พอเอ๊ดชวนไปดูเหตุการณ์ที่นั่น ผมกลับไม่ขัดคอเพื่อน ทั้งยังจัดแจงวางคิวจ่ายค่าเกม แล้วตามไปทัศนางานบันเทิงทันที

ฟ้าเก็บแดดใกล้หมดไปจากฟ้า เมื่อผมกับเอ๊ดไปถึงจุดหมาย ความคิดที่คาดการณ์ว่าสภาพบริเวณด้านหน้าโรงภาพยนตร์ กรุงเกษมต้องแน่นขนัดด้วยเหล่าวัยรุ่นชายหญิงนั้น ขณะที่เห็นด้วยตามันมากเกินกว่าที่ผมคาดไว้อีก ผู้คนล้นออกไปยืนออริมคลองผดุงเกษมฝั่งตรงข้ามโรงภาพยนตร์ยาวเป็นตับ

เรา ๒ คนมองคนแล้วหันมามองหน้ากันเป็นเชิงถามว่าจะเอาอย่างไร จะลุยเข้าไปในโรงหนังหรือจะดูเหตุการณ์ภายนอก ครู่หนึ่งเอ๊ดบอกสั้นๆ

“หาทางเข้าไปดีกว่า เราอยากดูวาทินีเล่นจังหวะร็อกให้เจ็บลึก ๆ ซะที”

คำบอกเพื่อนชาวรั้วชมพู-ฟ้า ทำให้ผมย้อนถามอยู่ในใจ

“นายคิดจะดูดนตรี หรือดูคนตีกันแน่วะ”

จากนั้นเราสองต่างอัดตัวไหลไปตามคลื่นคนทีละก้าวท่ามกลางความร้อนอบอ้าวจนไปถึงประตูที่ทางโรงภาพยนตร์ เปิดกว้างให้แฟน ๆ เพลงที่ไม่สามารถเข้าไปทนอัดอยู่ในโรงภาพยนตร์ได้มีโอกาสยืนชะเง้อคอมองหัวนักดนตรีบ้าง เรา ๒ คนหยุดหอบ เป่าลมออกปากคลายร้อน ทั่วร่างโชกเหงื่อ ต่อมาจึงยืนเขย่งขามองข้ามหัวคนข้างหน้าไปยังบริเวณฟลอร์ดิ้น ซึ่งใช้ระบบเล่นไฟแสงสีวูบวับพลอยให้เห็นโฉมหน้าโก๋กี๋กลางฟลอร์นับร้อยเพิ่มเป็นพันๆ โฉมหลอนตา

“เข้าประตูไปข้างในกันเถอะ เปี๊ยก” เอ๊ดชวน

ผมไม่กล่าวกระไร อาศัยลูกตามหลังให้เพื่อนเป็นหัวหอกนำผ่านประตู เข้าไปเจอความร้อนอบอ้าวยิ่งกว่าข้างนอกเสียอีก มีคราวหนึ่งระหว่างที่เราเบียดเสียดตัวเองเข้าไป เอ๊ดได้ใช้ปืนตบปากวัยรุ่นเลือดกลบปากไป ๑ ราย เพียงคำถามไม่กี่ ประโยค

“มึงจะมุดไปไหนของมึงกันวะ”

พอได้ตบปากเด็กแสบด้วยด้ามปืนแล้ว แทนที่เอ๊ดจะเก็บปืนเข้าที่ กลับใช้อำนาจของมันชี้ขอทางวัยคะนองอื่นๆ เข้าไปจนใกล้ฟลอร์โดยไม่แคร์สายตาใคร บัดนี้ เสียงกึกก้องอึกทึกจากนักร้องนักดนตรีรวมไปถึงเสียงลูกคู่หางเครื่องดังอื้ออึง บรรดาเท้าไฟสุดสวิงเรียกเหงื่อได้ ชุ่มโชกเสื้อผ้าทั้งหญิง-ชาย

“มันแห่กันมาทุกบางเลยว่ะ” ดาวดังวังบูรพาตะโกนบอกข้างหู

ผมไม่ออกความเห็น กวาดสายตาสำรวจสภาพแฟนหนังและแฟนเพลงที่กำลังดำเนินสะท้านไปถึงเหง้าหูอย่างละเอียด ความคึกคักบริเวณกลางฟลอร์ดิ้น ตอนนี้หมดสิทธิขยับตีนออกสเต็ป ได้เปลี่ยนเป็นยืนส่ายเอวดีดนิ้วแล้วทำขากระตุก ไปตามจังหวะ เสียงปรบมือวิ้ดว้าดกระตู้วู้ระคนเสียงเป่าปากของประดากี๋ ปลุกเลือดลมโก๋หลายบางในเมืองหลวง นั่งตูดไม่ติดเบาะเก้าอี้ เพราะมองนักดิ้นไม่ชัดตา พวกจึงลุกขึ้นจากเบาะเหาะขึ้นนั่งบนที่วางแขนทำเอวอ่อน คออ่อนสะบัดหัวให้ผมปรกหน้า ลืมพรรคพวกที่นั่งคอยาวอยู่ข้างหลังเสียสนิท

บนเวที กลางแสงไฟสว่าง บัดนี้ปรากฏวัยคะนอง ๒๐ คนขึ้นไปกระตุกขาโยกเอวกันแล้ว แม้เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมวง กับเจ้าหน้าที่โรงภาพยนตร์จะขอร้องให้ลงไปจนเกิดจับกลุ่มฮือฮาสำแดงปฏิกิริยาไม่พอใจส่วนพวกที่ยกก้นขึ้นไปนั่งบนที่วางแขนแทนที่จะนั่งบนเบาะก็ถูกถุงน้ำแข็ง รองเท้าแตะ และสิ่งของประดามี จากพวกที่ถูกบังตาขว้างปาเข้าใส่โกลาหล

“ถอยไปยืนติดผนังใกล้ประตูข้างนั่นดีกว่า”

เอ๊กชักชวนด้วยรู้ทางลม เราจึงขยับถอยหลังไปยังประตูด้านข้างขวามือ ดนตรีจบเพลงที่กำลังเล่นครู่หนึ่ง โฆษกบนเวที ขอร้องให้แฟนๆ เพลงยุติความวุ่นวายเพื่อรับฟังเพลงสุดท้ายของวงที่เตรียมเสนอเพลงมันหยดของ เอลวิส เพรสลีย์ คอยท่าอยู่ ผลลัพธ์…เกิดเสียงฮือฮาสำแดงความไม่พอใจเช่นเดิม ผมกับเอ๊ดซึ่งไปยืนอัดผู้คนใกล้ประตูออกด้านข้าง หันกลับไปดูพฤติกรรมวัยคะนองคัดค้านคำประกาศโฆษก แต่นักดนตรีเดินเบสเสียงกระหึ่มสวนกระแสคัดค้านเสียก่อน

“พวกประตูน้ำขึ้นไปคุยกับนักดนตรีแล้ว”

ผมเห็นอีกน่ะแหละ ต่อมายังเห็นวัยคะนองย่านโรงเลี้ยงเด็ก สี่แยกแม้นศรี ยี่ห้อ เริง สวนมะลิ กับ พล ตรอกทวาย นำกลุ่มวัยคะนองอีก ๗ – ๘ คนตามขึ้นไปบนเวที ถึงตรงนี้แฟนเพลงเริ่มรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จึงขอให้พนักงานรักษาทวาร รีบเปิดทวารเสีย พวกกลับไม่ยอมท่าเดียว

อึดใจ เอ๊ดแทรกร่างปราดไปที่ประตูหมายถอดกลอนประตูเอง ผมระวังหลังให้เพื่อนตามฟอร์ม #อมิตตาพุทธ กลอนประตูถูกกุญแจดอกใหญ่คล้องทับอีกชั้น ผมหันกลับไปยังพนักงานโรงภาพยนตร์นายเดิมบอกห้วน ๆ

“ขอลูกกุญแจด้วยครับ”

พวกตีหน้าชอบกล มิหนำซ้ำขยับเดินหนี ผมฉุนขาด แต่ช้ากว่าดาวดังรั้วชมพู-ฟ้า ที่โผนเข้ากระชากคอเสื้อมันให้หัน มาเจอะปากกระบอกปืนสั้นในมือพร้อมตะคอก

“เอาลูกกุญแจมา”

คราวนี้พนักงานหนุ่มไม่ขัดข้องยึกยัก จัดการล้วงมือเข้าไปยังกระเป๋าหลัง เสียงดนตรีเงียบกริบกะทันหันอีกคราว ผมเฉียงตามองในจังหวะเดียวกับทางโรงปิดไฟสีและเปิดไฟฟ้าประจำโรงสว่างราวกลางวัน จู่ๆ ประทัดไม่ทราบว่ากี่ตับถูกจุดโยนขุ้นไปบนเวทีที่นักบู๊ ๒ แก๊งกำลังโต้เถียงกันแตกปะทุสนั่นไปทั้งเวที ส่งผลให้ นักบู๊ถึงกับกระโจนลงจากเวทีไล่ตะลุยสาวกำปั้นใส่กลุ่มวัยคะนองกลางฟลอร์ทันควัน ผมหันกลับไปมองเพื่อนเพราะไม่เห็นเปิดประตูเสียที ที่ไหนได้ เพื่อนกับพนักงานหนุ่มกำลังง่วนลองลูกกุญแจทั้งพวงอยู่

ภายในโรงภาพยนตร์ขณะนี้ชาวยุทธ์วัยคะนองหาญเข้าราวีกันจนแยกไม่ออกว่าสำนักใดกับสำนักใด เก้าอี้นั่งหลายแถว ทานตีนกับแรงคนแตกตื่นไม่ไหว ถูกเหยียบถูกชนหักล้มระเนน เฉพาะที่ที่ผมกับเพื่อนออกันอยู่มีสภาพยัดทะนาน กันแล้ว แต่กุญแจล็อกกลอนประตูยังหาลูกตัวจริงไม่พบอยู่ดี

“ไอ้สัตว์เอ๊ย…” เอ๊ดโวยตัวเองที่สียบลูกกุญแจผิดรูเพราะรีบร้อน

ส่วนผมร้อนไม่น้อยกว่เพื่อน เนื่องจากเสียงกริ๊ดกร้าดวิ้ดว้ายเช่นนี้เคยทำร้ายให้เจ็บลึกจนถึงบัดนี้ จึงลุ้นช่วยเพื่อนทางใจ ส่วนดวงตาเก็บภาพวีรเวรที่ไม่ผิดกับตัวเองของเหล่าดาวรุ่งพรุ่งนี้ไว้ตามสันดาน

พลันประตูถูกเปิดผางจากน้ำมือเพื่อน ร่างเรา ๒ คนแทบไม่ได้ออกแรงเคลื่อนไหว กระแสคนผลักดันออกประตูจนหัวทิ่ม ไปคนละทาง ซึ่งก็มาเจอกันตรงริมวิถีที่มีรถเก๋งจอดเรียงรายเป็นตับ พอปักหลักได้หันไปทัศนาบริวเณประตูที่หลุดออกมา เอ๊ดบอกเร็วปรื๋อ “เฮ้ย…ผู้หญิงนั่นล้ม”

ผมหันขวับมองตามสายตาเพื่อนเห็นกี๋นางหนึ่งถลาล้มและกำลังลนลานลุก แต่ถูกเพื่อนสาวที่ไหลทะลักตามมาชนล้มทับ ต่อเลยเสียหลักล้มครืนกันทั้งกลุ่ม เอ๊ดหันไปคว้ารั้วเหล็กของตำรวจจราจรลากไปขวางทางเดินลดความรุนแรงจากคลื่นคน ฉับไวและช่วยคุณสาวๆ ลุกขึ้นตั้งหลักหนีภัยได้ทัน

ตรงซอกถนนข้างโรงภาพยนตร์ที่เรา ๒ คน ปักหลักชมเรื่องราว บัดนี้ชาวยุทธ์ที่พะบู๊ติดพันมาจากในโรงภาพยนตร์ โผนออกจับคู่และรวมกลุ่มราวีกันด้วยมีด ไม้ ท่อนเหล็กและแป๊ปน้ำวุ่นไปทั้งถนน

“ไปเหอะวะ เดี๋ยวตำรวจมา” เอ๊ดบอก

ผมเห็นด้วย อีกทั้งพลอยเข้าใจเรื่องที่เพื่อนบอกในตอนแรกว่า คืนนี้ที่นี่จะมีการประกาศตัวนักบู๊วัยระเริงขึ้นทำเนียบ ดาวดังจากหลายบางแล้ว จริงแล้วเพราะในสนามนักบู๊ขณะนี้ มีหลายคนคล้ายหุ้มใจด้วยหนังเสือ หนังมังกร เช่น #ตี๋น้อย, #ใจผ่า, #โอกุ่ยซัง, ตี๋ ปังตอ, แดง เอราวัณ, ดิน เจริญผล, (น้องชายมาน เจริญผล), หมู เจตน์, นิด กุหลาบ, หมู พรานนก และแขก โต้รุ่ง หัวหอกรุ่นเยาว์สำนักประตูน้ำของ เฮียยอด

เมื่อพากันเดินหลบหลีกความวุ่นวายไปถึงถนนริมคลองผดุงกรุงเกษมก็ถูก “๔ คิงส์” สก็อต สน. พลับพลาไชย ประกบพร้อมสั่งให้เดินข้ามถนน ช่วงนั้นผมสบตาเพื่อนเตือนให้จัดการกับปืนที่พกอยู่เสีย และพอได้จังหวะวิ่งข้ามถนน เอ๊ดถือโอกาสดึงปืนใส่กระบะรถบรรทุกเล็กที่วิ่งผ่านหน้าได้รอดตัวอย่างหวุดหวิด

บนวิถีชายคลองผดุงกรุงเกษมตรงข้ามโรงภาพยนตร์กรุงเกษมเบื้องหน้าผม บริเวณป้ายรถเมล์มีเจ้าหน้าตำรวจในเครื่องแบบ นอกเครื่องแบบเตร่อยู่เพียบ เรา ๒ คนถูกนำตัวไปยังศาลาที่พักผู้โดยสารรถเมล์พบนายตำรวจระดับสารวัตรพร้อมคำรายงาน

“๒ คนนี่ผมเจอขณะชุลมุนครับ”
“ค้นตัวหรือยัง” สารวัตรถาม ตาจ้องหน้าเราเขม็ง

๑ ใน ๔ คิงส์ ขยับค้นตัวต่อหน้านายแทนตอบ ละเอียดยิบยันตีน ไม่พบสิ่งของผิดกฏหมาย จึงสั่งให้นั่งรอบนที่นั่ง ภายในศาลาโดยมิได้ชี้แจงอะไรอีก….

เขียนโดย สุริยัน ศักดิ์ไธสง
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: