3745. เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 4 ฟ้าหมอง ผีเสื้อเศร้า (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 4 ฟ้าหมอง ผีเสื้อเศร้า (เขียนโดย สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

สนธยาแล้ว บัดนี้ บนอัฒจันทร์สนามศุภชลาศัยอึงคะนึงไปด้วยเสียงกลอง ฉาบ ฉิ่ง ระคนเสียงร้องเพลงกีฬาประจำวิทยาลัยดังสับสนกลางสนามศุภฯ ผู้ตัดสินเป่านกหวีดเรียกนักเตะทั้งสองวิทยาลัยไปพบกันที่จุดตั้ง ต่อมามีการโยนเหรียญเลือกทิศและเปิดเกม

อุเทนฯ ซึ่งเป็นฝ่ายเปิดเกมเปิดฉากการรุก โดยผ่านลูกออกขวาส่งให้ปีก เมื่อปีกขวาจับลูกได้ก็เลี้ยงเดี่ยวหลบกองกลางกองหลังรุกเร็วขึ้นจนคนศูนย์หน้าออฟไซด์ ผู้ตัดสินเป่านกหวีดหยุดการแข่งขัน

เทคนิคฯ ตั้งลูกเตะที่จุดโทษส่งยาวข้ามแดน ศูนย์หน้าสับตีนตามลูกราวทอร์นาโดขนาดมินิ ขณะที่เกมกลางสนามศุภฯกำลังเพิ่มรสความตื่นเต้นบนอัฒจันทร์สนามศุภฯ ก็มิได้น้อนหน้า ชาวอาชีวิะหลากแขนงที่ลุ้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่โบกธงทิวฉวัดเฉวียนไปมา มโหระทึกที่แต่ละวิทยาลัยขนใส่รถมาเริ่มก่อเสียงครึกครื้นแทนเมื่อครู่ที่เงียบไป

ค่ำลงบริเวณแท่นที่ประทับในหลวง ห่างจากพวกผม ๒๐ เมตร ขณะนี้ปรากฏเสียงกริ๊ดกร๊าดดังไม่ได้ศัพท์ กลุ่มนักศึกษาหญิง จากรั้วพาณิชย์น่ะเอง แม่คุณไม่ได้ส่งเสียงอย่างเดียว ยังจับมือกันร้องเพลงมาร์ชกราวกีฬาของเจ้าพระยา ธรรมศักดิ์มนตรีดังสนั่นกลบทุกสรรพเสียงบนอัฒจันทร์สิ้น มีบางอนงค์ถึงขนาดจับคู่โชว์ร็อกร้อนๆ สะใจโก๋ยิ่งนัก มันก็น่ามองอยู่ ถ้าเป็นทรามวัยอย่างพวกเธอ

แต่ได้มองเธอเริงร่าไม่ทันเบื่อตา ปรากฏเสียงกลองยาวดึงตึงๆ แผกไปจากพวกจนต้องหันไปดู พบว่าเป็นพรรคพวกชาวเฟือง จึงหันไปทางรองหัวหน้าใหญ่อดุลย์ ศรีโสธร เพื่อให้เขาทำการอย่างใดเสียไม่เช่นนั้นความสนุกของพวกกลองยาวอาจราบเป็นหน้ากลอง

อดุลย์เองได้เห็นเหตุการณ์กับตาจึงขอตัว พร้อมกับดนัยลงไปกำกับการแสดงด้วยตนเอง ส่วนผมไม่สันทัดงานประสานใจเหมือนเพื่อน เลยขอเป็นฝ่ายเอาใจช่วยไปพลางก่อน พอ ๒ หัวหน้าทีมปทุมวันผละจากบรรดากลุ่มกลองยาวเห็นสาวๆ ดิ้นกันสุดสวิง พวกลุกขึ้นเดินกระทุ้งกลอนแอ่นเข้าหา พร้อมตะเบ็งเสียง

“มาละวะ…มาละเหวย” เข้าหาสาวพาณิชย์ที่กำลังดิ๊ดด๊าดเหมือนไม่ยั่นลูกเขยกลองยาว

“รำเข้าไปป้อเฉยๆ น่ะไม่เท่าไหร่หรอก อย่าเสือกลุยเข้าไปปล้ำเขาเท่านั้น” ปุ๊ ระเบิดขวดกล่าวลอยๆ

แดง ไบเล่ย์ , ดำ เอสโซ่ , แหลมสิงห์ , บังมาน , บังมัด เจริญผล และผมไม่ออกความเห็น แต่ละสายตาจากสนามฟุตบอลมาดู ขบวนกลองยาวที่ยอดนักชก อดุลย์ ศรีโสธร กับสารวัตรกริช กำจร (ในภาพยนตร์) ตรึงหัวขบวนนักศึกษาที่กำลังรำกลองยาวเข้าหาสาวพัลวัน

“มันทำท่าว่าจะปล้ำสาวมากกว่าเข้าไปโค้งขอดิ้น” ดำว่าบ้าง
“เฮ้ย นั่นอีกขบวนแล้ว” บังมัดบอก

ผมเหวี่ยงสายตาไปยังกลุ่มนักศึกษาที่บังมัดบอกถึงกับร้อนฉ่า ที่เห็นเฟืองพระนครเหนืออีกขบวนหนึ่งประยุกต์กลองสองหน้าตีเป็นจังหวะกลองยาวพลางถือธงกีฬาโบกไปโบกมาครู่เดียว ก็เคลื่อนขบวนเข้าหาสาวพาณิชย์ราว ๆ ๑,๐๐๐ นางกลางอัฒจันทร์
เช่นกัน ซึ่งเท่ากับว่าบรรดาสาว ๆ ถูก ๒ ทัพกระหนาบ

“เราว่าไม่ได้เรื่องแล้ว ถ้าปล่อยให้ขบวนกลองยาวประจันหน้ากัน” ผมกล่าวเจตนาขอความเห็นเพื่อน ๆ ทุกคน
“หยั่งงั้น แยกกันลงไปห้าม” แดงบอกสั้น ๆ

ช้าไป…พวกเรา ๗ คนไม่ทันขยับตัว เหตุชุลมุนเกิดขึ้นฉับพลัน นักศึกษาชายหญิงบริเวณด้านหน้าฮือกันหนีเหตุที่ผมไม่เห็น ไล่ ๆ กัน เสียงหวีดร้องของทรามวัยดังลั่นไปทั้งอัฒจันทร์

เรา ๗ คนวิ่งสวนผู้คนเข้าหาเหตุทันที ในท่ามกลางความชุลมุน สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาและกล้ากล่าว ณ ที่นี้คือ พฤติกรรมทรามของเพื่อน ” เพศชาย ” ชาวอาชีวะทุกสาขาฮือเข้ากระทำอนาจารสาว ดังที่ดาวระเบิดพูดเมื่อครู่จริงๆ บรรดาสาว ๆ วิ่งล้มลุกคลุกคลานหนีมือมาร จ้าละหวั่น ปากก็ร้องวิ๊ดว๊ายบางอนงค์เสื้อขาดกระจุย วิ่งหนีหน้าตื่น

ขบวนกลองยาวของปทุมวันกับพระนครเหนือหยุดมโหระทึกยืนจังงัง ผมไม่ได้คาดการณ์ว่าเรื่องที่จะเกิดเช่นนี้ พลอยยืนเซ่อไปด้วย

“ช่วยผู้หญิงไว้เหอะ พวกเรา” ดำ เอสโซ่บอก กราดตามองเพื่อนทุกคน

ดาวดังไบเล่ย์ ผงกหัวเห็นงาม และยังเสนอให้ใช้ธงกีฬาที่ถูกทิ้งอยู่กลางอัฒจันทร์นั่น “ตีกัน” นักฉวยโอกาสวัยคะนองด้วย เมื่อมติ เพื่อนออกมาเช่นนี้ เรา ๗ คนโดดเข้าคว้าธงกีฬาที่มือธงไม่ยอมเอาไปด้วย ขณะหนีภัยออกสำแดงเดชในบัดนั้น

คลื่นวัยคะนองนับพันเจอเสาธงยาวพอ ๆ กับไม้คานรวม ๗ อัน กระหน่ำตีเหมือนคนบ้า ก่อให้เกิดอาการรวนเรในหมู่วัยคะนอง ที่กำลังไล่ทำอนาจารกระโจนหนีไปคนละทิศละทาง ผมเองไม่มีเวลาเหลียวไปมองดูเพื่อนร่วมวิทยาลัยที่อาศัยลูกมั่วเข้าตะลุมบอนกัน
แต่ก็ห่วง จิตใจขณะต่อสู้จึงสำแดงด้อยกว่าเพื่อนทุกคนคือใช้ธงตีคนนับร้อย แต่ธงไม่หัก ยังคงสภาพเดิม

จากการร่วมแสดงรวมใจของพวกเรา ศึกครั้งนี้เราสยบได้ด้วยเวลาสั้น ๆ และสามารถกันสาว ๆ อาชีวะให้ลงจากอัฒจันทร์อย่าง ปลอดภัยด้วย ทว่าเรื่องไม่ยุติง่าย ๆ เพราะตลอดแนวถนนโดยรอบสนามกีฬา ( ชั้นใน ) มีชาวเฟืองกำลังไล่ชกไล่ตีกันให้พล่าน

“ล่อกันอีกแล้ว” แดงบอกพร้อมกับส่ายหัวไปมา ขณะหยุดดูพฤติกรรม

สำหรับผม ความตั้งใจที่จะระงับศึกนักศึกษาผสมกับความอับอายเพื่อนที่ไม่สามารถกู้สถานะของสถาบันนักศึกษาให้พ้นจาก
หายนะได้ บอกกับเพื่อนขณะฟ้ามืดไม่ยาวความนัก

“พวกนายออกไปกันก่อน ขอบใจมากที่ช่วยเหลืออย่างดี ส่วนเราคงไปไหนไม่ได้จนกว่าจะรู้ผล”

ลับร่างเพื่อน ผมเดินไปใช้เสาธงในมือตีกับต้นสนข้างกำแพงจนหักกลาง แล้วใช้มันเป็นเครื่องทุ่นแรงตะลุยตีไม่เลือกเฟืองกันแล้ว เก่งอยู่ได้พักเดียวก็ถูกตำรวจปราบจลาจลนับร้อยคนต้อนไปจนมุมร่วมกับเพื่อนนักศึกษารวม ๖๙ คน ทุกคนล้วนมาจากพระนครเหนือ และปทุมวันทั้งสิ้น ระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองอำนวยการชั่วคราว เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่จากกรมอาชีวศึกษาระดับบริหาร ท่านยกโขยงกันมาสอบปากคำจนปวดหัว

ราว ๆ ทุ่มครึ่ง ๖๙ ชาวเฟืองถูกส่งตัวไปให้ น.ปทุมวัน แต่หาที่คุมขังเหมาะไม่ได้ ด้วยยังเป็นนักศึกษาจึงถูกให้ยืนนั่งกันอยู่กลางลาน หน้าโรงพัก โดยมีวงล้อมคอมมานโดยืนกระชับกระบองไฟฟ้าข่มขวัญอยู่

พักใหญ่ หลายหลายกลุ่มเริ่มคิดถึงสภาพที่กำลังเป็นอยู่ และพูดถึงสิทธิการศึกษายังสถาบันเก่าด้วยอาการหวั่นใจลักษณะต่าง ๆ กันยิ่งพวกนายตำรวจมาพูดว่า ท่านหัวหน้าคณะปฏิวัติ พล.อ. สฤษดิ์ ธนะรัชต์ จะมาดูโฉมหน้าพวกเราด้วย บางคนถึงพูดปลงอนาคตเชิงประชด

“ออกก็ออกวะ ไม่จบช่างยนต์ก็ยังขโมยรถยนต์ได้”

สองทุ่มตรง ผมชักรู้สึกหิวข้าวหิวน้ำและโหยไปทุกอย่างทั้งกายใจ ที่สุดก็คิดไปถึงอนาคตตนเหมือนเพื่อนชาวเฟืองเช่นกัน แม้จะสงบใจ ตัดใจปล่อยตามเรื่องตามดวงก็ตาม แสดงว่าใจเบ้าหลอมหลักสูตรนอกวิทยาลัยของผมยังไม่เกร่ง ยังขาดธาตุอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง ที่กำลังคอยสืบทอดจากผู้ใหญ่อีกเยอะ

จึงไม่พร้อมเป็นศิลารับภาวะที่กำลังเป็นอยู่ ดังนั้น ขณะนั่งอยู่กลางวงล้อมคอมมานโด จิตใจจึงไม่สงบพอ เดินส่ายอยู่ในวงล้อมแคบๆ หาข่าวจากเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา ต่อมาได้มีช่างภาพหนังสือพิมพ์เข้ามาถ่ายภาพชาวเฟืองจำนวน ๖๙ เฟือง ทุกคนหลบหน้าหนีกล้องช่างภาพพัลวัน

ช่วงนี้ร้อนในทรวงของชาวเฟืองหายราวปลิดทิ้งเมื่อเก๋งของท่าน ผอ.หรือ อาจารย์ใหญ่สิทธิผล พลาชีวิน ผ่านตาพวกเราไปจอดตรงบันได สน.ปทุมวันแล้วหายขึ้นไปบนสถานี ผมชักมองเห็นความหวังรำไร เมื่อ “พ่อ” ของชาวเราตามมาถึงที่นี่แทนส่งตัวแทน

นักบู๊พระนครเหนือกับปทุมวันเริ่มหันมาพูดคุยกันทำนองสงสารอาจารย์ สิทธิผลที่ต้องมาพลอยมัวหมองจากพฤติกรรมศิษย์ท่านทั้ง ๒ วิทยาลัยอย่างสำนึกได้พักใหญ่ ท่านอาจารย์ได้ลงจากสถานีตำรวจเข้าไปเจรจาความกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่บริเวณลานจอดรถ ครู่เดียว จึงเข้ามาบอกศิษย์ ๖๙ นาย ก่อนสั่งให้แยกย้ายกันกลับบ้านชัดเจน

“พรุ่งนี้ ๙ นาฬิกา ให้ทุกคนไปพร้อมกันที่หอประชุมปทุมวัน อันนี้รวมพระนครเหนือด้วย”

แล้วคืนนั้นตลอดคืน ผมนอนไม่หลับเอาเลย ปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นจนไม่กล้าสู้หน้าหลวงพ่อ และพอฟ้าสางวันใหม่หลวงพ่อออกบิณฑบาต ผมก็ตามหลังท่านไปวิทยาลัยตั้งแต่ภารโรงวิทยาลัยยังไม่ทันเปิดประตูใหญ่ จึงแวบเข้าร้านกาแฟ ” นายชำ ” นั่งอ่านข่าวหนังสือพิมพ์เสนอ วีรเวรเหล่าชาวเฟืองเป็นข่าวใหญ่ด้วยข้อหาก่อจลาจล ซึ่งท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ม.ล. ปิ่น มาลากุล ได้ขานรับกับท่านหัวหน้าคณะปฏิวัติว่าจะจัดการกับบรรดานักศึกษาที่ก่อจลาจลขึ้นเด็ดขาด เพื่อมิให้เยี่ยงแก่นักศึกษาอื่น ๆ

อ่านรายงานข่าวจบ ผมพยายมนั่งสงบใจ ตรองถึงทางเดินเพื่อนพ้องแต่ละคนในหมู่ชาวยุทธ์ที่มีอดีตจากวิทยาลัยดัง ๆ แล้วกระเด็นจาก วิทยาลัยทีละยี่ห้อ เพื่อชั่งใจตนเองอยู่ จนเวลาล่วงไปถึง ๘ นาฬิกา จึงเปลี่ยนเป็นออกไปเดินเตร่ที่หน้าตลาดเจริญผล กลับรู้สึกเงียบเหงา บรรดา นักศึกษาชุดน้ำเงินที่เคยกระจายกันนั่งดื่มกินอาหารตามร้านค้ามีบางตา พวกที่เคยเดินส่ายไป – มาเป็นกลุ่ม แถว ๆ หน้าตลาด หายหัวจ๋อย

ยามเช้าอันเคยสดใส เหมือนสาวรุ่นที่กำลังเปล่งนวลบริเวณหน้าตลาดที่เคยมีผีเสื้อจากรั้ว คอนแวนต์ และย่านจุฬาฯ เริงระบำขณะคอยรถเมล์ ทว่าเช้านี้ ฟ้าหมอง ผีเสื้อเศร้า ” ไอ้แก้ว ” ลิงในกรงตัวแสบประจำสวนสัตว์ของวิทยาลัยนั่งแกะเล็บตีนคลายเหงา ไม่สนใจแม้แต่ผมที่อาจารย์สอนยูโดเคยชม

“เธอกับ ไอ้แก้ว นี่ประหลาด…ถูกคอกันได้”

ก่อน ๙ โมงเช้าเล็กน้อย ๖๙ เฟือง ไปรวมพร้อมกันที่ห้องประชุมท่ามกลางนักศึกษารุ่นน้องมุงดูโฉมกันรอบห้อง บรรดาอาจารย์ชายหญิงแต่ละท่านเดินมาพูดคุยซักถามสาเหตุเพื่อประมวลหาเหตุจากนักศึกษาทุกคน

๐๙.๓๐ น. อาจารย์สิทธิผลปรากฏตัวขึ้น เสียงปรบมือต้อนรับจากพวกเราผสมกับนักศึกษาที่มาคอยเป็นกำลังใจดังกราวใหญ่ ท่าน ผอ. ขึ้นประจำแท่นที่ประชุมบนเวที ยกมือให้นักศึกษาอยู่ในความสงบ อึดใจจึงกรอกคำเข้าไมค์ทักทายเป็นกันเองดุจเคย

“สวัสดีนักศึกษาทุกคน”

จากนั้น ท่านได้กล่าวถึงพฤติกรรมเลวของพวกเรา และชี้ให้เห็นคุณเห็นโทษที่ตามมาแล้วท่านสรุป

“เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น อาจารย์พร้อมกับอาจารย์ฝ่ายปกครองอีกหลายท่านได้เข้าพบท่านอธิบดีกรมอาชีวศึกษาและได้เข้าพบ ท่านรัฐมนตรีแต่เมื่อคืนนี้แล้ว ที่ประชุมได้ลงความเห็นให้นักศึกษาที่ถูกจับกุมตัวสละสิทธิ์การศึกษา เพื่อเปิดโอกาสให้ได้ศึกษาต่อยัง วิทยาลัยอื่นตามประสงค์”

อาจารย์สิทธิผลกล่าวได้แค่นั้นคล้ายท่านไม่อาจกล่าวอะไรได้มากกว่านี้ ครู่เดียว ท่านกลับกล่าวเสียงดังกังวาน

“สำหรับอาจารย์ ขณะนี้คงมีนามบัตรจำนวน ๖๙ ใบนี่แหละแจกให้กับทุกคน หากจะนำไปประกอบอาชีพสุจริตหรือศึกษาต่อก็ตามใจ”

จบคำท่าน บรรดานักศึกษานั่งเงียบกริบ ไม่มีใครสักคนปรบมือแก่ท่านผอ. แม้แต่อาจารย์นับ ๑๐ ท่านที่ยืนใกล้เคียง และในห้องประชุม บรรยากาศขณะที่อาจารย์สิทธิผลเดินลงมาหาพวกเรา ” เฟืองเลว ” ทุกตัวแลเศร้าซึม คนแล้วคนเล่า ไม่ว่าปทุมวันหรือพระนครเหนือที่รับนามบัตรจากท่าน ล้วนพนมมือไหว้ไม่ผิดบุตรคารวะบิดา สีหน้าเศร้า นัยน์ตาแดงก่ำ จนครบ หลังนามบัตร เขียนด้วยลายมือหวัดแกมบรรจง

“ถึงเอนจิเนียร์ทุกรุ่น บุคคลนี้เป็นศิษย์รุ่นน้อง หากมีทางเดินสุจริตเหมาะกับตัวเขาโปรดพิจารณาด้วย…สิทธิผล พลาชีวิน” และตอนให้นามบัตรท่านยังกำชับอีกว่า” ที่ใดมีปล่องควัน เครื่องยนต์ใดนาโม เธอไปที่นั่นเถอะถ้าจะทำงาน ” รายการแจกนามบัตรท่าน ผอ.เสร็จ อาจารย์ฝ่ายปกครองได้ยกถาดดอกไม้ธูปเทียนมาแจกบุคคลที่จะเป็นอดีตนักศึกษารั้วเฟือง เข้ากราบไหว้อำลาพระวิษณุเทพ พระบิดาแห่งช่าง

“แด่องค์พระวิษณุ ลูกอกตัญญูทำลายเกียรติภูมิของพระองค์ ทำลายชื่อเสียงสถาบันโดยส่วนรวมอย่างสิ้นคิด บัดนี้ ได้สำนึกในกรรมที่ก่อ จึงขอเอาดอกไม้และเทียนธูปแทนกายใจขอขมาต่อพระองค์และพร้อมรับโทษทัณฑ์โดยดุษณี”

ดวงอาทิตย์สาดแสงจ้า ควันธูปเทียนบนกระถางเบื้องหน้าองค์พระวิษณุกระจายควันสีเทาลอยคลุ้งโต้แรงลมแทบคลุมองค์ที่สถิต บนแท่นที่ประทับ อดีตชาวเฟืองค่อย ๆ ทยอยกันเดินออกจากวิทยาลัย ผมหันกลับไปมองพรรคพวกที่มาออกันแสดงความเสียใจเชิง ล่ำลาอีกครั้ง

แชมป์มงกุฏเพชร อดุลย์ ศรีโสธร พร้อมชาวยุทธ์สืบลูโบกมือกันสลอน ผมบดกรามตัวเองแน่นตึบ สะบัดหน้ากลับ ก้าวออกจาก อาณาจักรปทุมวันทันควัน

เขียนโดย สุริยัน ศักดิ์ไธสง
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: