3741. ตำนานนักสืบ จ๊อด กองปราบ

#ตำนานนักสืบ ▪️จ๊อด กองปราบ▪️

“เรื่องของผม ถ้าสร้างเป็นหนัง หรือเขียนเป็นนิยายคงสนุก”

ในวงการนักสืบมือปราบเมืองไทยยุค 20 ปีที่ผ่านมา หากใครได้ทำงานในพื้นที่ภาคกลางตอนล่างไปถึงภาคเหนือตอนบนไม่รู้จัก “จ๊อด กองปราบ” ถือว่าไม่ใช่ตำรวจประเภทนักบู๊ล้างผลาญ ไม่ใช่นักเลงระดับหัวแถว ไม่ใช่ผู้กว้างขวางระดับเจ้าพ่อ

เขาเป็นตำนานตำรวจมือปราบพันธุ์ดุชั้นประทวนที่สร้างผลงานให้หน่วยไว้มากมาย กระทั่งถูกมองภาพกลายเป็นผู้มีอิทธิพลหัวหน้าใหญ่แก๊งโจรสารพัดรูปแบบในเวลาต่อมา

ร.ต.ต.กฤตสัณห์ จันทร์กระจ่าง เกิดที่เมืองอ่างทอง พ่อแม่ยากจน ต้องดิ้นรนตั้งแต่วัยเด็ก อายุแค่ 8 ขวบไปเป็นเด็กวัดแปดแก้ว ตำบลหัวสะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ อ่างทอง ไปเล่นดนตรี เป็นกองเชียร์รำวง รับจ้างล้างจานตามงานวัดเพื่อเอาเงินมาเรียนหนังสือ พออายุ 14 ปี ตระเวนชกมวยหาเงินในชื่อ “แดงพันธุ์ ลูกเจ้าพระยา” นานอยู่หลายปีจนต้องเลิก เพราะข้อเท้าแพง เมื่อไม่มีอะไรทำ ประกอบกับใกล้วัยเกณฑ์ทหาร จ๊อดเลยตัดสินใจสมัครเข้าเป็นตำรวจ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2507 โรงเรียนตำรวจนครบาลรุ่น 34 รุ่นเดียวกับพล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย พล.ต.อ.กฤษณะ ผลอนันต์ และพล.ต.ต.ปราโมช ปทุมวงศ์

ลงบรรจุแผนกอาวุธและอุปกรณ์พิเศษ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 ก่อนขึ้นชั้นเป็นหน่วยสวาท ทำหน้าที่สไนเปอร์ หรือมือสังหาร ที่มี พล.ต.อ.เสริม จารุรัตน์ เป็นหัวหน้าทีม นั่นคือจุดเริ่มต้นของตำนาน “จ๊อด กองปราบ” นายดาบตำรวจผู้กว้างขวางคนดัง

“เรื่องของผม ถ้าสร้างเป็นหนัง หรือเขียนเป็นนิยายคงสนุก” ดาบจ๊อดที่ปัจจุบันเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดได้เลื่อนยศเป็น ร.ต.ต.กลายเป็นหมวด แต่ใคร ๆ ก็ยังคงเรียกดาบจ๊อดติดปากถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตตำรวจมือปราบ “ผมเป็นสายตรวจ 191 ตอนนั้นออกทำงานบ่อยมาก ถ้ามี 191 ทำวิสามัญฆาตกรรม เขารู้เลยว่าใครทำ เลือกปราบปรามเด็ดขาด พวกแก๊งลักพระ ลักรถเยอะมาก ขับรถออกตรวจจนนายเห็นความรู้ความสามารถ เห็นแววความเป็นนักสืบเลยดึงไปช่วยแผนกสืบสวนพิเศษ”

เขาจำได้แม่นว่า เมื่อปี 2513 หลังจากบรรจุเป็นตำรวจเพียงปีเดียวได้ตามล่าจับตายย้ง แซ่ฉั่ว ฉายาขุนโจร ม้าขาว ที่ตรอกสะพานเหลือง ปีถัดมาส่งโจรลักพระวัดประดู่ แถวเจริญกรุงไปเกิดใหม่ ก่อนเข้าไปอยู่ในทีมจับตายเสืออบ ขยันกิจ มือปืนชื่อก้องที่ยิงพ.ต.อ.นรินทร์ วิทยาวุฑฒิกุล หัวหน้าสำนักงาน พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น สมัยเป็นรองอธิบดีกรมตำรวจ

ดาบจ๊อดบอกว่า วันนั้นยังอยู่หน่วยสวาท พล.ต.ท.ธนู หอมหวล เป็นรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลใต้ ไม่มีอาวุธปืนยาวเลยประสานให้ร่วมเดินทางติดตามไปจับกุมเสืออบ ในไร่อ้อยอำเภอแกลง จังหวัดระยอง หลังจากพล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์พ.ต.อ.ทรงพร สารพานิช ยังเป็นผู้หมวดใหม่สังกัดสืบสวนใต้เสี่ยงปลอมตัวไปหาข่าว กระทั่งทราบแหล่งกบดานแน่ชัด ทีมตำรวจนครบาลไปถึงกระท่อมตอนเช้ามืด เห็นเสืออบเดินอยู่หน้าบ้าน มันรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติแล้วขยับปืนตามสัญชาตญาณของเสือร้าย พล.ต.ต.สุนทร มีนะโตรี และ ด.ต.เชื้อ รอดบำรุง ตอนนั้นเป็นตำรวจสืบสวนใต้ตัดสินใจยิงด้วยปืนพก ส่วนจ๊อดตามยิงด้วยปืนเอสเคสวนตามเข้าไปจนเสืออบตายคาที่

ต่อมา ดาบจ๊อดย้ายไปเป็นชุดเฉพาะกิจกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ที่เวลานั้นคุมพื้นที่จังหวัดภาคเหนือทั้งหมดตามคำสั่งของ พล.ต.ต.นิยม กาญจนวัฒน์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เพราะเห็นฝีไม้ลายมือความบ้าระห่ำใจถึงของเขา ก่อนย้ายมาทำงานที่กองปราบปรามตามเป็นมือให้ พ.ต.ท.ประสพโชค พร้อมมูล นายเวร พล.ต.ท.นิยม กาญจนวัฒน์ ที่ย้ายไปสารวัตรแผนก 3 กองกำกับการ 3 กองปราบปราม

“แค่ไม่กี่เดือน คนก็ได้ยินชื่อจ๊อด กองปราบ และนึกว่าอยู่มานาน แต่ไม่ใช่ เพราะที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบอาจทำงานคนละแบบกับนครบาล เลยดูแตกต่าง สู้กันไม่ได้ ทำไปเรื่อย ดังมาก ใครมาเป็นผู้การ ผู้กำกับ สารวัตร ต้องรู้จักผมทุกคน ผมมีงานก็จะไปทำ ไม่ต้องมีนายไป ผมเป็นหัวหน้าชุด เป็นชั้นประทวน ยศแค่นายดาบนำทีม ทำเสร็จให้นายรอแถลงข่าวอย่างเดียว”

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2531 ดาบจ๊อดเกือบต้องจบชีวิต เพราะไปช่วยคุ้มกัน “เสี่ยแหย” สมชาย ฤกษ์วรารักษ์ เจ้าพ่อคนดังเมืองอ่างทองที่เขานับถือเป็นพี่น้อง ระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง “เสี่ยแหยเดินลงมาจากบันไดศาลอำเภอวิเศษชัยชาญ อ่างทอง บังเอิญแกหยุดหันไปรอเมีย ผมเลยยืนบัง เพราะมีข่าวว่ามือปืนจะตามยิง ไม่คิดว่ามันจะวางระเบิดไว้ในตระกร้าจักรยานที่จอดอยู่ด้านหน้า เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ลูกน้องตายคาที่ 3 ศพ เสี่ยแหยรอดตายปาฏิหาริย์เพราะผมบังไว้ สะเก็ดระเบิดทะลุไปเม็ดเดียวโดนขาแก แต่ผมไฟลุกท่วมตัว ผมไหม้เกรียม พอถึงโรงพยาบาล ปรากฏว่าโดนสะเก็ดไป 200 กว่าเม็ด ทั้งหน้า และหลัง เสื้อ กางเกงยีนส์ทะลุหมด ดีที่ไม่เข้าเนื้อ อยู่ได้ 3 วันเริ่มออกอาการถ่ายเป็นเลือด ตามตัวมีจุดเขียวไปหมด ช้ำใน แต่ก็รอดมาได้”

ส่วนเสี่ยแหยรอดตายจากวันนั้นได้ปีเดียวก็ไปพบจุดจบที่หน้าศาลจังหวัดนครราชสีมา ในลักษณะเดิมด้วยการวางระเบิดเคโมไว้กับจักรยาน แต่เพิ่มดินระเบิดมากกว่า เป็นวันที่ 19 กรกฎาคม 2532 วันเดียวกับที่วิเศษชัยชาญ ขนาดตัวเสี่ยแหยระวังทุกฝีก้าว มีคนคุ้มกันนับสิบยังพลาดท่า เหตุการณ์ครั้งนั้น มีผู้เสียชีวิตทันที 13 ศพนอนเกลื่อนบันไดทางขึ้นศาล เป็นข่าวดังครึกโครม โชคดีที่ดาบจ๊อด ไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย

ดาบตำรวจคนดังมีโอกาสทำงานเคียงข้างนายตำรวจมือปราบหลายคน สมัยอยู่กองปราบปราม อาทิ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย เพื่อนรักร่วมรุ่นนักเรียนพลที่ย้ายไปเป็นรองผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา พล.ต.ต.อังกูร อาทรไผท พล.ต.ต.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย หรือแม้กระทั่ง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ พิชิตคดีสำคัญมากมาย อาทิ คดีจับลูกสาวนักธุรกิจที่ดินเรียกค่าไถ่ 5 ล้านบาท คดีอุ้มฆ่าสมจิตร เรืองกาญจนเศรษฐ น้องคนสุดท้องของตระกูลตั้งฮั้ว วิสามัญฆาตกรรมจ่าแดง ทหารนอกราชการหัวโจกแก๊งขโมยรถ รวมถึงจับกุม “เสี่ยแดง” บุญเรือน จันทร์เพ็ญ หลานชายแท้ ๆ ของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่จ้างมือปืนยิง “เสี่ยนาย”นพ ภูมิศักดิ์ชัย เพราะขัดผลประโยชน์กองมหาศาลในวัดบ้านไร่

“ทำคดีเยอะมาก ประทับใจทุกคดี สืบด้วยตัวเอง มันท้าทาย ทำจนเป็นปกติ ประสบการณ์ผมเยอะ ตั้งแต่กรุงเทพฯ ยันเชียงใหม่ ผมจะชำนาญมากสมัยนั้น รู้หมด มีสายเยอะ แต่ทำไปทำมาเริ่มเข้าตัว สายโดนฆ่า ผมถูกมองเป็นผู้มีอิทธิพล เป็นหัวหน้าโจร มีคดีฆ่าตำรวจ 191 ฆ่าตำรวจทางหลวง ก็หาว่าผม หาว่าฝีมือลูกน้องไอ้จ๊อด นายหลายคนเรียกผมไปคุย ผมบอกได้เลยว่า ถ้าผมมีส่วนรู้เห็น ใช้ จ้างวาน ไม่ต้องเลี้ยง ตำรวจมันฆ่าตำรวจใช้ไม่ได้ พอสืบแล้วไม่ใช่ผม ไม่เห็นมีใครมาแก้ให้เลย ผมเสียหายเยอะนะ หนังสือพิมพ์ลงข่าวโครม ๆ” ดาบจ๊อดตัดพ้อถึงเรื่องราวในอดีต

ทำไมถึงมองกันแบบนั้น เขาบอกว่า “ในเขตพื้นที่นี้ อะไรเกิดขึ้นผมต้องรู้ มองผมว่าจังหวัดอื่นมึงยังรู้ ทำไมอ่างทองไม่รู้ ผมบอกตายแล้ว ผมไม่ใช่พหูสูตจะได้รู้หมดทุกเรื่อง พอไม่รู้ก็ว่ามีส่วนร่วม ถ้าผมมีส่วนร่วม ไม่ต้องเลี้ยง ก่อนหน้านั้น สารวัตรสืบเมืองอ่างทองถูกยิง นายเสรี เตมียเวส เป็นผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ป๊อก วัง มือปืน ผมไม่รู้จัก ถามว่ามันรู้จักผมมั้ย มันรู้จักอยู่แล้ว ไปไหนมันก็อ้างจ๊อด กองปราบ ผมยังไม่รู้จักมันเลย พอสารวัตรถูกยิง นายเสรีเรียกผมไปพบ กำชับต้องไปคนเดียว ห้ามเอานายตำรวจไป ผมยังคิดในใจ แบบนี้เขาจะอุ้มเราหรือเปล่าว่ะ ทำไปทำมาจะโดนอุ้มซะเอง”

“เมื่อไปถึง ท่านเสรีทักเลยว่า นี่เหรอว่ะ จ๊อด กองปราบ ตัวจริงเสียงจริง ลื้อมันเป็นนักเลง ไอ้ห่า ลูกน้องลื้อมาฆ่าลูกน้องอั๊ว ผมถามใครล่ะท่าน นายเสรีบอก พ.ต.ท.ธรรมนูญ กัลป์ยาวิสุทธิ์ ผมอ๋อ ที่อ่างทองใช่มั้ย ท่านเสรีบอกเออ ไอ้ป๊อก วัง ยิงลูกน้องอั๊ว ผมบอก เอาเลยครับเจ้านาย ด่าผมให้เต็ม ๆ เลย พูดไปเลยผมจะฟัง แล้วเดี๋ยวท่านพูดจบ ผมจะพูดบ้าง ท่านก็ด่า ผมบอกเจ้านาย ถ้าผมมีส่วนรู้เห็น รู้จักกับป๊อก วัง ไม่ต้องเลี้ยง ไอ้คนที่ฆ่าตำรวจแล้วผมยังปกป้อง ถือว่าผมมันเลวที่สุด ท่านเสรีหยุดฟังแล้วบอกจริงเหรอ ผมยืนยันว่า ไม่รู้จักมัน แต่มันรู้จักผม มันเข้าไปอยู่ที่ไหน ผมเช็กหมด ท่านเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ยังตั้งรางวัลผม 3 แสน เอาตัวมันมาให้ได้ ผมอยากได้ แต่ตามไม่ได้ ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลย”

“ผมไม่ได้ทำ ไม่กลัวอยู่แล้ว ตอนแรกนายหลายคนก็ไม่เชื่อ ถ้ามีคดีเกิดอ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี อยุธยา ไอ้จ๊อดต้องรู้ แต่พูดจริง ๆ สมัยก่อนก็รู้เยอะนะ ไม่ถึง 3 ชั่วโมงมีคนโทรมาบอกแล้วว่า ไอ้นี่ยิงคนโน้น ไอ้นั่นยิงคนนี้ แต่ที่ไม่รู้ก็มี คดีฆ่านายดาบทางหลวง ผมก็พยายามทำเต็มที่ ไป ๆ มา ๆ เข้าตัว ผมทำกับผู้กำกับบอล พ.ต.อ.นิตินันท์ เพชรบรม ติดต่อกันตลอด บังเอิญแกเคยเป็นสารวัตรทางหลวง นายบางคนมองไปต่าง ๆ นานา หาว่า ต้องหักหลังกันแน่ ไอ้บอลต้องใช้ไอ้จ๊อดทำ เพราะมันติดต่อกันถี่ ใครเป็นลูกน้องที่เกเรของผมก็ถูกอุ้มไปฆ่า ไปเผา ผมก็รู้ แต่มันไม่ใช่ ผมเละเลย ไม่มีใครแก้ให้ผม ผู้ใหญ่บางคนยังบอกหน้าตาเฉย ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็จางไปเอง” นายดาบคนดังอ่างทองระบายความรู้สึก

มรสุมชีวิตของเขายังไม่จบแค่นี้ เมื่อปี 2537 ดาบจ๊อดหันไปเป็นหัวคะแนนช่วย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอ่างทอง ขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจและอาศัยความสนิทสนมกับผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติย้ายเขาไปอยู่สถานีตำรวจภูธรอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส สุดเขตแดนใต้ภายใน 24 ชั่วโมงด้วยข้อหา ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ฝักใฝ่การเมือง วางตัวไม่เป็นกลาง แต่แค่ปีเดียวเขาก็ย้ายกลับมาทำงานที่กองปราบเหมือนเดิม ก่อนถูกเด้งอีกระลอกไปอยู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ในปี 2543 ด้วยข้อกล่าวหาเก่า

ทำเอาเขาเบื่อชีวิตตำรวจเลยตัดสินใจลาออกและปรับยศเป็น ร.ต.ต.เตรียมลงเล่นการเมืองท้องถิ่นที่บ้านเกิดด้วยดีกรีความรู้ระดับปริญญาตรี นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต และปริญญาโท รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง “ถ้าคนไม่รู้จักจะมองว่าผมเป็นผู้มีอิทธิพล เวลาระดมปราบปรามผู้มีอิทธิพล ตำรวจก็มาค้นบ้านผม มาทุกครั้ง แต่ก็ไม่เจออะไรผิดกฎหมาย ผมว่า มันเป็นภาพลักลักษณ์ในจินตนาการที่ไม่เคยสัมผัสตัวจริงจึงไม่รู้”

“ผมถูกมองเป็นหัวหน้าโจร ถามว่า ถ้าเป็นจริงมันหนีไม่รอดหรอก อ่างทองยุคนั้นเป็นต้นกำเนิดของแก๊งลักรถ ยอมรับว่า ไอ้พจน์ ไอ้เด ไอ้จุ้ยเคยเป็นลูกน้องผม แต่ผมไม่ปกป้อง หลายคนตายเพราะตัวมันเอง ที่เหลืออย่างไอ้พจน์ กับไอ้เด ก็ติดคุกหมดแล้ว พวกมีพฤติกรรมเป็นมือปืน ผมจะพยายามบอกให้เลิก ย้ำว่า ถ้ามึงไม่เลิก เดี๋ยวเขาก็ยิงมึงตาย ยิ่งตอนนี้จะบอกว่า มึงไม่ต้องมายุ่งกับกูเลย รถหาย ใครฆ่ากันไม่ต้องมาถาม พวกนั้นมันตายหมดแล้ว หรือไม่ก็ติดคุก มันเป็นดาบสองคม เป็นตำรวจ มันเป็นหน้าที่ แต่ขนาดมีหน้าที่ มันยังว่าเราเป็นหัวหน้าแก๊ง”

“จับแก๊งขโมยจระเข้ จับจนมีรางวัลเยอะ คนอื่นไม่มีความสามารถ ถามว่าทำไมพี่จ๊อดจับได้แต่แก๊งลักจระเข้ ลักที่ไหนก็จับได้หมด ก็หาว่า ผมเป็นหัวหน้าแก๊ง ถ้าเขามาพูดคำนี้ คุณเชื่อมั้ย มันจินตนาการไปเลย ถามว่า จับไอ้พวกแก๊งลักจระเข้ได้ผู้ต้องหามั้ย มองตรงนี้ก่อน มันได้ทุกราย ถ้าผมร่วมกับมัน มันต้องบอกว่า เฮ้ยพี่จ๊อดให้ผมไปลักแล้วมาจับผมเหรอ ทำไมไม่มองตรงนี้ ไอ้คนที่พูด มันพูดไม่หมด ถ้าพูดหมด มันจะหายสงสัย” เจ้าตัวว่า

เขาอธิบายว่า มีสายโยงใยเยอะ เวลาไปที่เกิดเหตุจะสืบสวนหาข่าวว่า คนร้ายใช้รถอะไร สูบบุหรี่ยี่ห้อะไร มียาทัมใจหรือไม่ ถ้าคนร้ายติดยาทัมใจจะรู้เลยว่าแก๊งนครสวรรค์ ประสบการณ์ช่วยได้เยอะ แต่ตำรวจส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจ พอมีคดีลักจระเข้ต้องเน้นเลยว่า มันซุ่มตรงไหน เดินให้รอบบ่อ พยายามหาข่าว ต้องมีคนเห็นบ้างว่า ใช้รถอะไร รถสีดำ จังหวัดตัวหนังสือยาว ๆ เลขจำได้หรือไม่ จำได้แต่เลข 88 ท้าย ก็เช็กไล่ ไม่นานก็เจอต้องสงสัยเป็นนิสสัน กำแพงเพชร สีดำ ทะเบียน XX88

“รู้ชัดเจนขนาดนี้ ผมไม่ต้องรอสืบสวนออกหมาย ผมชอบทำงานแบบเฉียบขาดรวดเร็ว ถ้าอยู่บ้านก็เข้าไปเลย หิ้วขึ้นรถ มันบอกพี่จ๊อดจะเอามันไปไหน ผมบอกไปนั่งคุยกันหน่อย เดี๋ยวส่งกลับ พอขึ้นรถมาปุ๊บก็จับผูกตา แกล้งบอกกับลูกน้องว่า ถัง 200 ลิตรมึงเตรียมไว้เรียบร้อยหรือยัง น้ำมันเตรียมหรือยัง ลูกน้องตอบเรียบร้อยแล้วครับ โอเค เดี๋ยวโยนลงถังแม่งเลยไอ้สัตว์ ผมขู่มันว่า รถมึง ทะเบียน กำแพงเพชร สีดำ มึงไปลักจระเข้ที่ไหนมา ตอนแรกมันปฏิเสธ ผมตวาดว่า คนอื่นกูเอาไปแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่รู้ทะเบียนรถมึงหรอก ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไร รับรอด ไม่รับลงถัง 200 ลิตร นี่คือนโยบายผม เท่านั้นแหละ ครับพี่ บอกพี่ ไม่ติดคุกนะ ผมรับปากว่า ไม่ติด มึงเอาจระเข้มาคืนก็จบ มันก็พาไปเอาจระเข้พอเจอของกลาง ผมก็บอกไอ้เหี้ย มึงไปลักของเขา ให้กูปล่อยมึงอีกเหรอ ผมทำงานได้ทั้งตัวคน ได้ทั้งจระเข้ ไม่ต้องซ้อมหรอก”

ภาพพจน์ผู้มีอิทธิพลของดาบจ๊อด กองปราบ สะสมในความรู้สึกของคนที่ไม่มีโอกาสสัมผัสตัวตนที่แท้จริงมานาน เคยมีรองผู้การจังหวัดอ่างทองเป็นลูกศิษย์เก่า ที่ดาบจ๊อดฝึกงานให้ตอนเป็นตำรวจใหม่อยู่ 191 มาค้นบ้าน แต่ทักทายอย่างดี “สวัสดีครับพี่ พี่จำผมได้มั้ย ผมบอกจำได้ 191 เก่า เขาบอกผมทำตามหน้าที่ ไม่มีใครกล้ามา ผมต้องมาเอง มี ร.ต.อ.ติดตามมาด้วย สภาพบ้านผมหาว่า เป็นผู้มีอิทธิพลคงแปลก เพราะค้นแต่ละครั้งเจอแค่สองคนผัวเมียอยู่ในทาวน์เฮาส์เล็ก ๆ ไม่มีมือปืนคุ้มกัน ไม่มีของผิดกฎหมาย คนที่รู้จักผมถึงรู้ว่าไม่เหมือนที่เขาพูดกัน”

“รองผู้การคนนั้นเข้ามานั่งคุยเสียมากกว่า แล้วถามผมว่า พี่รู้มั้ยเรื่องยิงสารวัตรปราบปรามอำเภออุทัย อยุธยา ผมบอกไม่รู้เลยว่ะ ไอ้ตำรวจร้อยเอกรีบแทรกมาว่า ไม่รู้ หรือไม่อยากบอก เท่านั้นแหละ ผมชี้หน้าเลย บอกนายอย่าพูดอย่างนี้นะ หัวโขนนะทุกวันนี้ รองผู้การเรียกผม พี่ทุกคำ ไอ้นี่คงมองผมเป็นผู้มีอิทธิพล กูร้อยตำรวจเอก มึงแค่นายดาบ มันไม่ใช่นะ พันเอกเคารพเรา ให้เกียรติเรา เรียกอาจารย์ เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้แล้วมาแสดงอำนาจ รู้จักแค่ชื่อ เพิ่งจบมา มองไม่ดี กร้าวร้าว ขนาดระดับผู้บัญชาการ ถ้าผมไม่ผิด ผมยังเถียงเลย พูดแล้วไม่เคยหลบตาด้วย ตำรวจลูกผู้ชาย มีอะไรต้องพูดกัน ไม่ใช่ตัวเป็นชายใจเป็นหญิง” เขาระบายความรู้สึก

บั้นปลายชีวิต ดาบจ๊อดถอดหัวโขนใช้ชีวิตสบาย ๆ ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่บ้านเกิด และเตรียมลงสมัครเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเล็ก ๆ ละแวกนั้นแก้เหงาด้วยความที่อยากช่วยเหลือชาวบ้าน เขายืนยันว่าวางมือในยุทธจักรหมดแล้ว ต่อไปนี้มีอะไรไม่ต้องมาถาม “ผมไม่ยุ่งเลย ไปไหนไหว้คนอย่างเดียว อาจมีคนมาคุยให้ฟัง แต่รับฟังเฉย ๆ ไม่รับรู้ดีกว่า ผมเป็นบุคคลสาธารณะ เป็นนักการเมือง ไม่มีหน้าที่สืบสวนจับกุมการกระทำความผิด จ๊อด กองปราบกลายเป็นตำนานไปแล้ว อายุมากแล้วต้องวิ่งหาความสบาย ไม่ใช่วิ่งหาความลำบาก ถ้าทำแล้วได้ผลประโยชน์ อยู่สบายเราก็ทำ ให้รางวัลชีวิตในช่วงบั้นปลาย”

กฤตสัณห์ จันทร์กระจ่าง !!!
โดย : น สิยา
ที่มา : Cops-magazine
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: