3723. อภินิหารว่านพระยาพิชัยดาบหัก (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

อภินิหารว่านพระยาพิชัยดาบหัก (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ไพฑูรย์เป็นชาวจังหวัดตากโดยกำเนิด เกิดที่บ้านหลังวัดดอนเเก้ว อันเป็นวัดประวัติศาสตร์ที่มีบันทึกอ้างถึงพระยาตาก เมื่อได้เป็นเจ้าเมืองตาก ว่าท่านเคยมาไหว้พระประธานในวัดดอนแก้ว แล้วออกไปอธิษฐานต่อหน้าพระเจดีย์ใหญ่ในวัดว่า หากตนเองจะได้เป็นใหญ่ในการรับราชการ ก็ขอให้ไม้ตีระฆังที่ขว้างไปยังระฆังแก้ว ซึ่งมีหูระฆังอยู่ด้านบนทำลายได้แต่ระฆัง ส่วนระฆังไม่เเตกสลาย

ไม้ที่พระยาตากขว้างออกไป หมุนคว้างไปตัดหูระฆังกระเด็น แต่ตัวระฆังไม่บุบสลาย อีกไม่กี่เดือนต่อมา ท้องตราจากกรุงศรีอยุธยาก็มีมาถึงพระยาตาก ให้เดินทางเข้าไปรับพระบรมราช โองการที่กรุงศรีอยุธยา โดยพระเจ้าเอกทัศมีพระบรมราชโองการให้ดำรงตำแหน่งพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพรช แต่เกิดศึกเสียกรุง พระยาตากจึงแหกวงล้อมพม่าไปกู้ชาติ

ที่เมืองตากนี่อีกเหมือนกัน ที่พระยาตากได้ทหารฝีมือดี ที่เก่งทั้งด้านการต่อยมวยและดาบสองมือมาไว้รับราชการ ชื่อ ”ทองดี ฟันขาว” หรือชื่อเดิมว่า”จ้อย” ที่สามารถใช้กำปั้นเลาะฟันครูมวยประจำจวนพระยาตากจนสลบคามือ

นายทองดีเป็นลูกชาวนา ตัวไม่ใหญ่ พ่อเเม่เลยตั้งชื่อว่าจ้อย ถูกส่งไปเป็นเด็กวัด ถูกรังเเกก็สู้จนสามารถล้มเด็กวัดที่ตัวโตกว่าลงได้ และช่วยเหลือพวกเด็กวัดที่ถูกข่มเหงให้ได้กินข้าวอิ่มต่อมาได้มี ลูกเจ้าเมืองอุตรดิตถ์ถูกส่งมาเรียนที่วัด เด็กวัดเก่าที่เคยเเพ้จึงเข้ายุเเหย่ลูกเจ้าเมืองให้รังเเกจ้อย เมื่อความอดทนถึงที่สุดเลยชกลูกเจ้าเมืองเข้าให้ จากนั้นก็กลัวพ่อเเม่ที่เป็นชาวบ้านจะเดือดร้อนจึงหนีออกจากวัด ซัดเซ พเนจรไปถึงบ้านท่าอิฐ ได้ครูมวยพื้นบ้านฝึกมวยให้จนมีฝีมือ

ระหว่างการเรียนมวยไทยก็ได้เรียนมวยจีนจากหัวหน้าคณะงิ้วจากเมืองจีนด้วย มีเพลงมวยเทวดาที่ใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามหัวคู่ต่อสู้แล้วลงมายืนชกด้วยแม่ไม้มวยไทย

เจ้าจ้อยเกรงว่าหากบอกชื่อจริงเจ้าเมืองอาจส่งคนมาตามจับกุมตัว จึงเปลี่ยนชื่อเป็น”ทองดี”สมัยนั้นคนนิยมกินหมากปากแดงฟันดำ แต่หนุ่มทองดีไม่ชอบ ไม่ยอมกินหมาก จึงมีฟันขาวกลายเป็นชื่อชกมวยว่า”ทองดี ฟันขาว”ล้มศิษย์กับครูมวยท่าเสาได้สองคนรวด ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดมวย ก่อนไปเรียนวิชาดาบกับครูชาว สุโขทัย ที่เรียกกันว่า”สำนักดาบพระร่วง” เลือกเอาดีทางดาบสองมือ

เมื่อเดินทางล่องจากสุโขทัยมาเมืองตากมีงานปิดทองวัดดอนเเก้ว มีชกมวยชิงรางวัล จึงเข้าชกจนถึงรอบสุดท้าย ล้มศิษย์ ครูมวยประจำสำนักพระยาตากได้ ครูมวยเกรงเสียหน้าจึงท้าชก ถูกนายทองดีชกฟันหน้าหัก สลบคาที่

ไพฑูรย์บอกว่าภูมิใจที่เป็นชาวเมืองตาก อันมีเลือดนักสู้มาเเต่โบราณ ที่จังหวัดตากนั้นเล่นว่านกันเป็นพื้น เป็นเมืองที่ปลูกว่านและใช้ว่านกันเป็นส่วนใหญ่ และพ่อของไพฑูรย์เป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านว่านมากคนหนึ่ง

ไพฑูรย์บอกว่า เมื่อมีผู้เก็บว่านมาจากในป่า จะต้องนำมาให้พ่อของตนดูว่าเป็นว่านอะไร พ่อของไพฑูรย์จะบอกชื่อเเละคุณสมบัติได้แม่นยำ ทำการเพาะปลูกแล้วแยกหัวให้ชาวบ้านเอาไปปลูกเพื่ออนุรักษ์เอาไว้

ว่านต่างๆ จะมีสรรพคุณแตกต่างกัน เช่น สรรพคุณทางคงกระพันชาตรี มหาอุด กำบังตา หายตัวเป็นเครื่องบันดาลโชคลาภ หรือมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรค

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ว่านตัวหนึ่งที่ไทยเราชอบปลูกไว้หนาเเน่นบริเวณด่านที่พม่ามักยกกองทัพบุกเข้ามา หรือให้อุปลิขิตมาสอดเเนมเพื่อก่อศึกใหญ่ เรียกกันว่า”ว่านตะรังตังช้าง”
ใบโตขนาดไม้สัก เป็นขนสีขาว ใต้ท้องใบว่านชนิดนี้จะมีพิษ เมื่อถูกเนื้อหนังเข้าจะเกิดอาการคันอย่างมาก เกาจนหนังถลอก เป็นแผลพุพองกลายเป็นแผลกลาย รักษาไม่หายจนตายอย่างทรมานแต่ไทยเราเรียนผูกแล้วเรียนเเก้ คือใช้น้ำมันว่าน 108 มาเป็นยาทารักษาแผล

นักมวยเมืองตากชกที่ไหนไม่มีได้เห็นเลือด แม้จะถูกจามด้วยศอก มีเเต่เขียวช้ำบวมโน เพราะกินว่าน เช่น ว่านสามพันตึง เฒ่าหนังเเห้ง สบู่เลือดฯลฯ

ไพฑูรย์เองเมื่อตอนเป็นเด็กซนมาก มักขโมยหัวว่านตากแห้งของพ่อมาเคี้ยวกินแล้วเอามีดมาเชือดเนื้อถือหนังให้เพื่อนๆดู จนถูกตีจนลายไปทั้งตัว พ่อบอกว่า ”เจ้าเปีย” ไม่ใช่ไม่อยากให้เอ็งเล่นว่าน แต่เอ็งยังเด็กนัก ว่านกินมากเข้ามันจะเข้าไปอยู่ในระบบต่างๆในร่างกาย เช่น ไต ตับ จะผิดปกติ เพราะว่านมันมีพิษอยู่ในตัว

ที่นับว่าสร้างชื่อเสียงให้พ่อของไพฑูรย์คือว่านที่เรียกว่า
”ว่านพระยาพิชัยดาบหัก” ซึ่งเป็นว่านที่ใช้กันมาตั้งเเต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เป็นว่านที่ขึ้นในป่าลึก ในเเดนที่เป็นแดนของเสือโคร่งชุกชุม พระยาพิชัยดาบหักก็ใช้ว่านนี้เป็นประจำ

ไพฑูรย์บอกว่าเรื่องเป็นอย่างนี้ ขณะนั้นนายทองดี ฟันขาว ออกเดินทางจากสุโขทัยเข้าไปในป่าก็พบเด็กหนุ่มกำลังถูกเสือกัด นายทองดี ฟันขาว จึงใช้มีดพกสู้กับเสือ เอามีดทะลวงปากเสือจนตาย ช่วยชีวิตเด็กหนุ่มคนนั้นไว้ได้

หนุ่มคนนั้นเล่าว่า เข้ามาเก็บว่านทางคงกระพันชาตรีที่อยู่ในเขตที่มีเสือชุกชุมเอาไปขายเพราะได้ราคาดี นอกจากนี้ยังได้มอบหัวว่านให้นายทองดี ฟันขาวไว้ใช้

นายทองดี ฟันขาวใช้วิธีกัดหัวว่านแห้งกินและออกตะเวนชกมวยหาเงินจนกระทั้งได้มาเปรียบกับครูมวยประจำจวนพระยาตาก เอาหมัดเลาะฟันหน้าครูมวยของพระยาตากจนหักไปทั้งเเถบ ว่านนั้นต่อมาได้ชื่อว่า ”ว่านพระยาพิชัยดาบหัก”

ไพฑูรย์ยังบอกอีกว่า พระเครื่องสมัยโบราณมักผสมว่านไว้ด้วยเพื่อเพิ่มอานุภาพ เช่า พระว่านจำปาศักดิ์ ที่ทหารไทยหยิบฉวยติดตัวจากนครจำปาศักดิ์ไปรบกับทหารฝรั่งเศส เมื่อปี 2483 ปรากฏความคงกระพันชาตรีเป็นที่ประจักษ์ หากเป็นไข้ป่าก็เอาต้มน้ำกินแทนยาก็ได้เช่นกัน

ว่านพระยาพิชัยดาบหักนี้ พ่อของไพฑูรย์อณุรักษ์เอาไว้ เพราะเป็นหน้าที่ของคนในตระกูลพันธุ์เชื้องามจะต้องรักษาว่านนี้เอาไว้ เมื่อพ่อของไพฑูรย์ถึงแก่กรรม ไพฑูรย์ก็ถูกขอตัวมาเป็นบุตรบุญธรรมแล้วย้ายมาอยู่ในกรุงเทพฯ ญาติของไพฑูรย์จึงรับหน้าที่ขยายพันธุ์ว่านสืบต่อไป

ไพฑูรย์ต้องโทษ ต้องหนีคดี ไม่มีเวลาจะได้ทำหน้าที่สืบการขยายพันธุ์ว่าน แต่ก็ยังคงหาว่านพระยาพิชัยดาบหักมาพกไว้ติดตัว คราวหนึ่งหนีขึ้นมาจนถึงบ้านเกิดของท่านพระยาพิชัยดาบหักที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ว่านพระยาพิชัยดาบหักหมดพอดี จึงพยายามสืบหาว่ามีผู้ใดปลูกว่านนี้ไว้บ้าง

ก็พบว่าที่วัดหนองมูล มีหลวงพ่อผัน เป็นพระลูกวัด ปลูกว่านไว้มากมาย เป็นที่รวมของว่านจากทุกแห่งในประเทศไทย ไพฑูรย์จึงเข้าไปนมัสการโดยจัดภัตตาหารไปถวาย โดยได้นมัสการเรียนถามหลวงพ่อผันว่า มีว่านพระยาพิชัยดาบหักอยู่หรือไม่ หลวงพ่อผันบอกว่ามี โดยได้มาจากตระกูลพันธุ์เชื้องาม ทำไปทำมาก็เป็นพ่อของไพฑูรย์เอง

ไพฑูรย์ไม่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นลูกเจ้าของว่าน เพราะอยู่ในระหว่างหลบหนีคดีจะเปิดเผยตัวเองกับผู้ใดไม่ได้ จึงได้แต่ขอหัวว่านจากหลวงพ่อผัน

หลวงพ่อผันก็ไม่ขัดข้อง ท่านเอาหัวว่านพระยาพิชัยดาบหักที่ฝานเป็นเเว่นๆ ตากแห้งใส่ไว้ในไถ้เล็กๆมาให้ สั้งว่าให้เคี้ยวกินไม่ต้องมาก พอรู้สึกว่า ”ลิ้นชา-หน้าเห่อ” ก็เข้าผจญอันตรายได้เลยแต่จำไว้ว่าจะต้องกินใหม่ทันทีที่ถ่ายทุกข์เบาออกไป

ไพฑูรย์ได้รับว่านมาเเล้วก็นมัสการกราบลาเพื่อหนีไปตามเส้นทางที่จะไปสู่อิสรภาพให้นานที่สุด ว่านนั้นพ่อของไพฑูรย์สอนไว้ว่า ว่านปกติมีดีในตัว แต่หากได้พระเกจิผู้มีอามคมสูงปลุกเสกแล้วฝังลงไว้ในเนื้อหนัง ก็จะทำให้ความคงกระพันเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องกินว่านต่อเนื่องหลังจากถ่ายทุกข์เบาเเล้ว

ไพฑูรย์จึงได้รับการฝังว่านกระชายดำจากหลวงพ่อเดิม เพิ่มความคงกระพันชาตรี คุณพระกล้ากลางสมรก็ได้รับการฝังว่านกระชายดำเช่นเดียวกัน ดังนั้นคราใดที่ไพฑูรย์ไม่มีรอยเท้า มีดหมอของหลวงพ่อเดิม ก็สามารถฝ่าฟันอันตรายมาได้ทุกครั้ง

แม้ว่านจะมีดีในตัวแต่ถ้ามีคาถาเสกกำกับเวลาใช้ก็จะเพิ่มอานุภาพมากขึ้น เป็นคาถาที่ใช้เสกน้ำรดต้นว่านที่สืบทอดกันมา
คาถาเสกน้ำรดว่าน และเสกว่านเพิ่มความคงกระพัน
ตั้งนโม 3 จบจากนั้นเสกด้วยคาถาว่า
”นะมะพะทะ จะภะกะสะ อิกะวิติ นะมะ นะอะ นอกอ นะกะ กอออ นออะ นะอะ กะอัง อุมิ อะมิ มะหิ สุตตัง สุนะ พุทธัง อะสุ นะอะ”

นอกจากจะเสกว่านแล้ว จะเสกข้าว เสกน้ำ เสกของกินที่กินเข้าไปก็จะทำให้เกิดความคงกระพันเป็นคาถาอาพัดของกินได้

ทุกครั้งที่ไพฑูรย์จะเข้าต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่ใช้เครื่องรางสายล่าง เช่น อีเป๋อ อิ้น ปลัดขิก ผ้าซับประจำเดือน หรือยันต์ม้าเสพนาง ที่เป็นการผูกยันต์เป็นรูปม้าเสพสังวาสกับสตรีไพฑูรย์จะกินว่านแล้วไม่ติดของดีไปด้วย ด้วยอำนาจแห่งว่านกระชายดำที่ฝังไว้ในตัว ก็สามารถเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง

ในการหนีคราวที่ได้พบกับหลวงพ่อผัน ก็ได้ปะทะกับนายล่ำ ฉายาเคราแดง ที่สักอีเป๋อไว้ที่ขาทั้งสองข้าง โคนขาสักปลัดขิก เรื่องมีอยู่ว่า ไพฑูรย์ไปหลบซ่อนตัวอยู่กับนายแสง อดีตนักโทษชาวอีก้อที่อยู่กินกับภรรยาชาวไทย ลงจากมาทำไร่ที่ลับแล
นายล่ำ เคราแดง มาข่มขู่จะยึดที่ทำกินของนายแสง นายล้ำท้าทายไพฑูรย์ให้มาต่อสู้กัน ด้วยกล่าววาจาหยามว่า

”กูเคยเจอมามาก ที่ว่าเป็นศิษย์สำนักนั้นสำนักนี้ ที่ไหนได้ เนื้อหนังยุ้ยเหมือนหยวก แทงไม่กี่สวบก็ตาย ที่แน่ๆกูเอาตายหมด สำนักของมึงที่บอกว่าเก่ง กูอยากจะลองนัก”

ไพฑูรย์จึงตอกกลับไปว่า ”กูจะสู้กับมึงตัวเปล่า ให้มึงได้เห็นว่าที่มึงคุยว่ามึงเคยล้มมามากแล้วนั้นไม่ใช่คนอย่างกู”

หลังจากนั้นจึงนัดมาประลองกัน นายล่ำมาตามนัด นุ่งผ้าหยักรั้งโชว์ลายสักอีเป๋อกับปลัดขิกในการต่อสู้ไพฑูรย์ใช้มีดประจำตัวของนายแสง ส่วนนายล่ำใช้มีดซุยแทงกันคนละทีสองที เนื้อหนังไม่เป็นแผล เพราะเหนียวด้วยกันทั้งคู่ กอดปล่ำกันในบางครั้ง แต่ก็ทำอะไรกันไม่ได้
ยืนหอบมองหน้ากันไปมา นายล่ำพูดว่า

”มึงแน่เหมือนกัน กูถึงล้มมึงไม่ลง แต่ถึงอย่างไรวันนี้ไม่มึงก็กูต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”

”มึงอย่ามาเบียดเบียนไอ้แสงเพื่อนกูเลย มันกลับตัวเป็นคนดีแล้ว มันสู้มึงไม่ได้หรอก”

”มึงเป็นใครถึงได้มาสั้งกู”

ขาดคำก็เสือกมีดเข้าหา ไพฑูรย์เห็นว่าถ้าปล่อยไว้ก็ก่อความเดือดร้อนให้กับผู้คนไม่สิ้นสุดจึงภาวนาคาถาประจุขาดว่า

”พุทธังปัจจักขามิ ธัมมังปัจจักขามิ สังฆังปัจจักขามิ อิติ อิติ อุด อัด ปัดเปิด ระเบิดด้วย นะมะพะทะ เปิด”

เสือกปลายมีดเข้าหานายล่ำ นายล่ำก็เสือกมีดเข้าหาแลกกัน
ปลายมีดของนายล่ำแทงถูกหน้าอก แทนที่จะทะลุเข้าไป กลับแฉลบออกข้าง แต่ปลายมีดของไพฑูรย์เสียบทะลุเข้าลิ้นปี่ ไพฑูรย์พลิกคมมีดคว้านด้านข้างก่อนกระชากกลับ ไส้ของนายล่ำก็ไหลออกมากอง ร่างของนายล่ำล้มลงแน่นิ่งไป

ไพฑูรย์อาบน้ำแล้วรวบรวมข้าวของออกเดินทางหนีต่อไป ไม่รอให้ตำรวจมา โดยบอกกับนายแสงว่าจะกลับมาใหม่ หากไม่ตายเสียก่อน

*****************************************************
ในตอนนี้ขอมอบพระคาถาเสกน้ำรดว่าน และเสกว่านเพิ่มความคงกระพัน ตั้งนโม 3 จบจากนั้นเสกด้วยคาถาว่า

”นะมะพะทะ จะภะกะสะ อิกะวิติ นะมะ นะอะ นอกอ นะกะ กอออ นออะ นะอะ กะอัง อุมิ อะมิ มะหิ สุตตัง สุนะ พุทธัง อะสุ นะอะ”

นอกจากจะเสกว่านเเล้ว จะเสกข้าว เสกน้ำ เสกของกินที่กินเข้าไป ก็จะทำให้เกิดความคงกระพันเป็นคาถาอาพัดของกินก็ได้

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: