3719. คดปลวกพ่ายตอนจบ (อ.ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

คดปลวกพ่ายตอนจบ
หลังจากที่คุณชายเทพพงษ์เเละไพฑูรย์ได้ประลองดาบคู่กันกับไพฑูรย์เเละไพฑูรย์ได้ชนะไปจึงทำให้คุณชายเทพพงษ์อับอายอย่างมากจนต้องขอท้าประลองอีกครั้ง สองอาทิตย์ต่อมา จดหมายท้าประลองจากคุณชายเทพพงษ์ก็มีมาถึงไพฑูรย์ ในจดหมายมีใจความว่า

คุณชายวรรณวิน(ชื่อของไพฑูรย์)การประลองคราวนี้ ผมขอท้าคุณชายวรรณวินประลองด้วยพลองยาว อันเป็นอาวุธที่อยู่ในชุดอาวุธโบราณที่เรียกกันว่าไม้พลอง กระบองสั้น ดั้ง โล่ เขน ผมถนัดกระบองยาวเพราะมันสนุกเร้าใจ และทำให้บาดเจ็บได้รวดเร็ว ผมหวังว่าคุณชายวรรณวินคงไม่ขี้ขลาดที่จะไม่รับคำท้าของผม หรือขอเปลี่ยนอาวุธเสียก่อน เพราะนั้นจะทำให้คุณต้องไปหาซิ่นมานุ่งแทนกางเกง
ลงชื่อเทพพงษ์

เมื่อไพฑูรย์ได้รับจดหมายท้าแล้วรู้สึกเป็นกังวล เพราะวิชาที่ได้เล่าเรียนมามีเเต่ดาบเดี่ยวดาบสองมือ ดาบตั้ง กับวิชากระบี่กระบอง แต่พลองไม่ได้เรียนมา ไพฑูรย์จึงไปหาอาจารย์ตั้งที่สำนักทันที
”กระผมมีเรื่องมาปรึกษาอาจารย์ ผมถูกท้าให้ประลองกับคู่ต่อสู้ด้วยพลองยาว แต่ผมไม่เคยเรียนมาก่อน กระผมจะใช้อาวุธใดต่อสู้กับพลองยาวได้ครับ”

อาจารย์ตั้งหัวเราะหึๆ ด้วยความสุขุม ท่านบอกกับไพฑูรย์ว่า
”ถ้าทายไม่ผิด คงเป็นคุณชายเทพพงษ์เป็นแน่ เพราะวิชาพลองยาวของสำนักราชนันท์นั้น หาคนเก่งฝีมือเทียบคุณชายเทพพงษ์ได้ยาก”

”จะให้ผมทำอย่างไร เพราะถ้าผมแพ้ ผมต้องกราบเท้าคุณชายเทพพงษ์พร้อมกับเรียกเขาว่าอาจารย์ ซึ่งมันเสียเกียรตินักสู้อย่างยิ่ง แล้วก็ เอ้อ…”

”ไม่ต้องพูดหรอกไพฑูรย์ ฉันไม่ยอมให้ศิษย์ที่ฉันฝึกสอนวิชาให้ต้องไปกราบเท้าคู้ต่อสู้ที่มันไม่มีน้ำใจเป็นนักกีฬาอย่างนั้นเเน่”

”แสดงว่าอาจารย์จะสอนวิชาพลองยาวให้กระผม”

”เปล่า เพราะไม่มีเวลาสอน ถึงจะสอนให้ก็ไม่ทัน พลองยาวต้องเรียนขั้นต้นประมาณ 6เดือน จึงจะเรียนเพลงกระบองต่อ คนที่หัวดีใช้เวลาหนึ่งปี หากหัวไม่ดีก็ปีครึ่ง หรือถึงสองปีทีเดียว”

”แล้วกระผมจะทำอย่างไรดีเล่าครับอาจารย์”
”คุณชายวรรณวินอย่าตกอกตกใจไปเลย ฉันจะสอนวิชากระบองสั้นให้ คุณชายจงมีจดหมายตอบกลับไปขอเลื่อนการประลองออกไปสักหนึ่งเดือน แล้วฉันจะสอนวิชากระบองสั้นให้ เพราะอันวิชาไม้พลองต้องใช้กระบองสั้นมาต้าน และพลิกเอาชนะต่อไป”

หลังจากที่ได้รับจดหมายของไพฑูรย์ คุณชายเทพพงษ์ก็ตอบตกลงให้เวลา 1เดือน โดยพูดกับเพื่อนสนิทว่า”ไอ้คุณชายกาฝากนั้นจะฝึกดาบเพื่อมาสู้กับกระบองยาว มันคิดผิดแล้ว”

ไพฑูรย์เล่าเหตุการณ์ตอนฝึกกระบองสั้นไว้ว่า
วิชากระบองสั้นคู่เป็นวิชาแบบจีน พลิกเเพลงมาจากเพลงกระบี่คู่ เเต่ใช้พลองสั้นแทน การฝึกนั้นอาจารย์ตั้งให้ใช้กระบองสั้นที่เป็นเหล็กหนักท่อนละ 5กิโลฯ สองข้างก็ 10 กิโลฯ โดยฝึกให้รำเพลงกระบองก่อนหนึ่งอาทิตย์

ไม้กระบองสั้นเหล็กทำให้เเขนล้า แต่อาจารย์ตั้งบอกว่าให้อดทน เพราะนั้นเป็นมาตรฐานของการฝึกถ้าผ่านกระบองหนัก 5กิโลฯ ไปได้หนึ่งอาทิตย์ ขั้นตอนต่อไปก็ไม่หนักหนาสาหัสแล้ว เพียงอาทิตย์เดียวที่ฝึก ไพฑูรย์สามารถร่ายรำกระบองสั้นได้อย่างเเคล่วคล่องจากน้ำหนัก 10กิโลฯ ทำได้เหมือนกระบองไม้

พออาทิตย์ที่สอง อาจารย์ตั้งเอากล่องไม้ภายในใส่กระบองสั้นที่ทำด้วยเเก่นไม้เเดงขัดมันอย่างดีมาให้ใช้เเทนกระบองสั้นเหล็ก
”กระบองยววใช้ประโยชน์ได้ 4อย่างคือ ตอกใช้เเทงตรงๆ ตีใช้ฟาดจากบนลงล่าง ตีจากด้านข้างสองข้าง พันคือใช้ปลายทำลยการใช้อาวุธของคู่ต่อสู้ กวาดคือการกวาดด้านล่างเพื่อตีข้อเท้า ข้อเข่าให้คู่ต่อสู้ล้มตีซ้ำด้วยพลอง”

กระบองสั้นคือพลองยาวเเต่ตัดให้มีขนาดสั้น เพื่อทำลายพลองยาว กระบองสั้นใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างคือ ปัดป้ายลดการคุกคามของกระบองยาว ตีโต้คลุกวงในผ่านปลายกระบองเข้าไปในระยะประชิด ข้างหนึ่งรุกข้างหนึ่งปิด ส่วนการใช้เพลงกระบองสั้นเพื่อพิชิตพลองยาว จะสอนให้เมื่อสำเร็จท่ามาตรฐานทุกท่าแล้ว

ไพฑูรย์เคยใช้กระบองสั้นที่เป็นเหล็กมีน้ำหนักมาก พอมาใช้กระบองสั้นที่เป็นไม้ ก็รู้สึกว่าเบาโหวงเหวง ฝึกเปลี่ยนท่ารับ ท่ารุก ท่าถอย เเละท่าไม้ตายต่างๆ จนเมื่ออาทิตย์สุดท้ายมาถึง อาจารย์ตั้งจึงสอนไม้ตายทำลายพลองยาว อาจารย์ตั้งอธิบายว่า
”เพลงนี้เรียกว่าเหยีบดินขึ้นถึงฟ้า ฆ่าศัตรู อันพลองยาวนั้นถือว่าเป็นอาวุธยาวได้เปรียบ”คู่ต่อสู้ที่จะต้องฝ่าความยาวของกระบองเข้ามาในระยะประชิด อันเป็นการง่ายที่พลอยยาวตีจนคู่ต่อสู้บาดเจ็บหรือตายก่อนเข้ามา ผู้ใช้เพลงนี้จะต้องล่อหลอกให้พลองยาวเเทง หรือตอกเข้ามาจนจะถึงตัว จึงกระโดดเหยียบปลายพลองคู่ต่อสู้

”เมื่อเจ้าของพลองเห็นว่าคู่ต่อสู้เหยียบปลายพลอง ก็คิดว่าจะกดปลายพลองเพื่อไต่เข้ามาจะงัดปลายพลองขึ้นเพื่อให้คนเหยียบพลิกตกลงไป ให้คุณชายวรรณวินสปริงตัวขึ้นตามเเรงงัดเเล้วม้วนตัวลงมา ใช้กระบองสั้นในมือขวาตีลงกลางกระหม่อมคู่ต่อสู้ พอเข่าทรุดก็ใช้กระบองในมือซ้ายตีเข้าที่นกกระจอกกินน้ำ
(ปลางคาง) เเค่นี้ก็สลบเหมือด”

อาจารย์ตั้งใช้พลองยาวตีตะลุยไพฑูรย์จนถึงท่าตอก ไพฑูรย์กระโดดเหยียบปลายทวน อาจารย์ตั้งงัดปลายทวนขึ้นเต็มที่ไพฑูรย์สปริงตัวขึ้นไปในอากาศแล้วตีลังกาหกตัวเองลงตีกระบองสั้นอาจารย์กระโดดหลบออกไปพ้นทั้งเพลงที่ตีกระหม่อมเเละนกกระจอกกินน้ำไปได้

”นี่เพราะฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญจึงสามารถหลบกระบองสั้นของคุณชายได้ แต่คุณชายเทพพงษ์ไม่รู้มาก่อน ย่อมไม่มีทางหลบหลีกได้แน่ เพียงแต่ฉันอยากจะขออะไรจากคุณชายสักอย่างหนึ่งว่า ให้ตีเพียงหลาบจำ อย่าเอาให้ถึงตาย เพราะมันเป็นอาญาแผ่นดิน” กระผมรับปากอาจารย์ครับว่าผมจะให้เพียงหลาบจำเท่านั้น

วันประลองมาถึง ทุกคนมาพร้อมหน้ากัน โดยมีอาจารย์พละคนเดิมเป็นกรรมการตัดสินในการประลองครั้งนี้เช่นเดิม คราวนี้ไม่มีคำประกาศว่าเป็นเพียงการประลองกัน อันหมายถึงระหว่างการต่อสู้
หากมีใครตายก็จะไม่เอาความกันกลายๆนั้นเอง

การประลองเริ่มขึ้นคุณชายเทพพงษ์เป็นฝ่ายเปิดฉากเข้าใส่ทันที รุกไล่แบบไม่ยอมออมมือไพฑูรย์ใช้กระบองสั้นที่เป็นไม้เพียงแต่ใช้เเรงตีเท่ากับกระบองเหล็กตั้งรับเเละป่ายปัดได้ทุกเพลงสร้างความเคียดเเค้นให้กับคุณชายเทพพงษ์เป็นอันมาก จึงโหมรุกและพลิกเเพลงการรุกสมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลองยาว หลายครั้งที่ไพฑูรย์ถึงกับถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อกระบองสั้นถูกตีโต้อย่างรุนเเรง

เพื่อให้คุณชายเทพพงษ์ใช้เพลงตอกเพื่อยุติการต่อสู้ จึงเเสดงหน้าตาล้อหลอกคุณชายเทพพงษ์เพื่อให้เกิดโทสะ ก่อนเอ๋ยวาจายั่วอารมณ์ ”เพลงพลองมีเเค่นี้เองหรือคุณชาย ขอที่ให้มันดูน่ากลัวกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ”
ได้ผล… คุณชายเทพพงษ์ตะโกนสวนทันที ”ไอ้คุณชายกำมะลอ มึงคอยรับให้ดีก็แล้วกัน พลองยาวในมือของ คุณชายเทพพงษ์เปลี่ยนเเปลงไปเรื่อยๆ จนกระทั้งไพฑูรย์รู้สึกว่าดึงมือ เเละเเล้วในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง พลองยาวถูกตีกวาดแล้วยกขึ้นทำทีเป็นจะตีตัดเข้าที่สีข้างแต่กลับเป็นตอก คือเเทงตรงเข้ามา”

ไพฑูรย์กระโดดขึ้นเหยียบปลายพองทันที เป็นดังที่อาจารย์ตั้งบอกไว้จริงๆ คุณชายเทพพงษ์งัดพลองยาวขึ้นเต็มเเรงเพื่อให้ไพฑูรย์หล่นแล้วตีซ้ำ ไพฑูรย์สปริงตัวขึ้นโดยอาศัยเเรงงัดของคุณชายเทพพงษ์ ลอยตัวขึ้นตีลังกาหกกลับลงมา

เห็นดังนั้น คุณชายเทพพงษ์พยายามกลับตัวช้าไป กระบองสั้นในมือขาวของไพฑูรย์ตีลงไปกลางกระหม่อมของคุณชายเทพพงษ์เสียงดังสนั้น เเม้จะยั้งมือแต่ก็ทำให้คุณชายเทพพงษ์เข่าทรุดชักตาตั้ง นอนชักกระตุกอยู่กับพื้น ไพฑูรย์วางกระบองสั้นลงเดินออกจากลานประลองไป ปล่อยให้ครูพละกับพรรคพวกพาร่างของคุณชายเทพพงษ์ไปส่งโรงพยาบาล

ไพฑูรย์เล่าว่า คุณชายเทพพงษ์เพียงเเต่เกร็งเท่านั้น กะโหลกศีรษะไม่เป็นอะไรเหมือนไม่ได้ถูกตีถ้าเป็นคนอื่นละก็อย่างน้อยต้องสักเอาเลือดคั้งจากรอยที่ถูกตีออก ทั้งนี้เพราะคุณชายเทพพงษ์มีเครื่องรางที่เรียกว่า ”คดปลวก” เป็นธาตุกายสิทธิ์ลักษณะคล้ายก้อนเเร่ เกิดขึ้นในใจกลางจอมปลวกใหญ่ แต่ไม่ทุกจอม เชื่อกันว่าเกิดจากพลังอำนาจของนางพญาปลวกบันดาล

คดปลวกนี้มีอานุภาพทางมหาอุดเเละคงกระพัน สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ถูกตีหนักแค่ไหนก็ผ่อนแรงกระเเทกลงไป
หลังจากการประลองที่สองผ่านพ้นไปคุณชายเทพพงษ์ ก็ได้ส่งจดหมายมาขอนัดพบอีกเมื่อไพฑูรย์ไปตามนัด คุณชายเทพพงษ์ได้ขอเป็นเพื่อนจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันเเละกันต่อไป

ไพฑูรย์ไม่ขัดเพราะการมีมิตรเพิ่มย่อมดีกว่ามีศัตรูเพิ่ม เมื่อคุณชายวรรณวินกับคุณชายเทพพงษ์ประสานมือกัน ย่อมทำให้เกิดบรรดานักเลงนักเรียนที่คิดจะเป็นใหญ่ไม่กล้าตอเเย ความสงบก็เกิดขึ้นในที่สุด ไม่มีการก่อเรื่องกันอีก

หลังจากที่จบการศึกษาแล้วทั้งสองก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ เมื่อครั้งที่ไพฑูรย์ติดคุก คุณชายเทพพงษ์ก็ให้บ่าวนำอาหารมาเยี่ยมในฐานะเพื่อนสนิทเสมอ นี่คือเรื่องของคดปลวกที่ไพฑูรย์ได้ประสบมาด้วยตัวเอง

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ซีวิตของสิงโตหินเป็นซีวิตที่ลำเค็ญ เป็นทางสายเปลี่ยวที่มีแต่ความมืด ยากจะเดินออกมาหาเเสงสว่างได้ง่ายๆจึงขอเตือนผู้อ่าน โดยเฉพาะที่เป็นหนุ่มเลือดร้อนว่าอย่าได้เลือกทางเดินแบบสิงโตหินเลย เพราะมันเป็นเส้นทางแห่งอาชญากรที่ต้องจมอยู่ในวังวนแห่งคุกตะราง

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: