3715. อภินิหารหลวงพ่อเเช่มวัดตาก้องตอนจบ

อภินิหารหลวงพ่อเเช่มวัดตาก้องตอนจบ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

เมื่อไพฑูรย์ได้ไปขอเรียนวิชากับหลวงพ่อเเช่มวัดตาก้องและได้ไปอยู่กับหลวงพ่อแช่ม ท่านให้ไปพักที่กระท่อมซึ่งปลูกไว้รับรองพระ หรือผู้ที่มาเล่าเรียนวิชาอาคมกับท่าน มีมุ้ง เสื่อ และหมอนอย่างละหนึ่ง เป็นกระท่อมไม้ไผ่ขัดแตะ มีแคร่ไม้ไผ่สำหรับนอนหนึ่งแคร่ ตุ่มดินขนาดเล็กใส่น้ำดื่ม มีกระบวยทำจากกะลาหนึ่งอันสำหรับตักน้ำดื่ม

เรื่องอาหารไม่ต้องเป็นห่วง โยมอุปัฏฐากจะนำมาถวาย ท่านฉันไม่มาก ท่านไม่มีลูกศิษย์ประจำจะไปไหนก็เรียกปู่ทองมาเดินถือย่ามตามหลัง สำหรับปู่ทองนั้น อายุเพียง 50ปี แต่สักเต็มตัว หัวล้าน หน้าตาแก่เหมือนคนอายุ 70 บรรดาศิษย์หลวงพ่อแช่มจึงเรียกกันติดปากว่า ”ปู่ทอง”

ปู่ทองกับไพฑูรย์เข้ากันได้ดีเพราะเป็นพวกชอบคาถาอาคมและเล่นเครื่องรางของขลัง คุยกันถูกคอ โดยเฉพาะเมื่อถองเหล้านอกสำนักหลวงพ่อแช่ม เพราะในบริเวณสำนักของหลวงพ่อเเช่มท่านห้ามนำสุราเข้ามาดื่มเด็ดขาด มีบางคนถือเหล้าเดินเข้ามาบริเวณสำนักของท่าน พอจะดื่มก็ต้องประหลาดใจ เพราะเหล้าแม้จะมีกลิ่นเป็นเหล้า แต่พอยกดื่มกลับจืดเป็นน้ำเปล่า

ปู่ทองเล่าถึงอภินิหารหลวงพ่อแช่มที่ได้เผชิญมาด้วยตัวเองให้ไพฑูรย์ฟังว่า

วันหนึ่ง หลวงพ่อแช่มไปที่ตัวจังหวัดนครปฐม ปู่ทองก็ตามไปด้วย ท่านเดินไปที่หน้าเรือนจำจังหวัดนครปฐม บอกกับปู่ทองว่าจะเข้าไปเยี่ยมลูกศิษย์ในเรือนจำ ปู่ทองจึงบอกว่าตอนนี้เกินเวลาเยี่ยมแล้ว หลวงพ่อแช่มกลับตอบว่า ”สำหรับข้าไม่มีเวลา ข้าจะเข้าไปเยี่ยมลูกศิษย์ข้า เรื่องของความเมตตา ใครก็ห้ามไม่ได้ เอ็งไปทำธุระที่ไหนก็ได้ อีกชั่วโมงมารอข้าตรงนี้แหละ”

กล่าวจบหลวงพ่อแช่มก็ยื่นมือมารับย่ามกับร่มไปจากมือปู่ทอง จากนั้นก็เดินจากไป ครบหนึ่งชั่วโมง ปู่ทองก็มายืนคอยหลวงพ่อแช่มตามนัด หลวงพ่อส่งย่ามกับร่มคืนให้ถือ พากันเดินไปที่สถานีรถไฟ ปรากฏว่ารถไฟกำลังเคลื่อนขบวนออก โบกี้ท้ายพ้นจากชานชาลาไปแล้ว

หลวงพ่อแช่มยืนเพ่งขบวนรถไฟแล้วท่านก็พูดว่า

”หยุดรอก่อน พระจะขึ้น”

ปู่ทองบอกว่า”รถไฟมันไปแล้ว มันไม่รอหลวงพ่อหรอก” หลวงพ่อแช่มจึงบอกว่า ”รอซีน่า เจ้าทองเอ็งคอยดู” จบคำปรากฏว่าอยู่ดีๆรถไฟหยุดดื้อๆ รถไฟตอนนั้นใช้ไอน้ำต้องเอาฟืนต้มน้ำในหม้อไอน้ำปรากฏว่าอยู่ดีๆ รถไฟก็เคลื่อนที่ไปไม่ได้เหมือนถูกพลังเร้นลับดึงไว้ ขืนเร่งต่อไป หม้อน้ำระเบิดจะไปกันใหญ่

”พนักงานขับรถไฟจึงตัดสินใจถอยหลังขบวนรถเข้าจอดในชานชาลาสถานีนครปฐม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ปู่ทองบอกว่า ขนลุกตั้งเมื่อได้เห็นอำนาจอาคมของหลวงพ่อแช่มที่ทำให้รถไฟต้องถอยกลับมาที่สถานี หลวงพ่อแช่มก้าวขึ้นรถไฟ ผู้โดยสารลุกให้ท่านนั่ง คนที่จำได้ก็มาให้ท่านเป่ากระหม่อม ประมาณ 10นาที รถไฟก็เคลื่อนออกจากสถานี พอมาถึงตรวจดูก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เดินหน้า ถอยหลัง ห้ามล้อได้ตามปกติ จึงออกเดินทางใหม่”

อีกสองวันต่อมา ก็มีชายแปลกหน้าสามคนถือถาดผลไม้มาขอเข้านมัสการหลวงพ่อแช่มเมื่อหลวงพ่อครองผ้าเรียบร้อยแล้วจึงออกมาต้อนรับ พูดคุยกับคนที่เป็นหัวหน้า ส่วนอีกสองคนซึ่งเป็นคนติดตามได้เข้ามาคุยกับปู่ทองว่า

”ท่านเป็น ผบ.เรือนจำนครปฐม มานมัสการหลวงพ่อแช่มครับ”

”เป็นศิษย์หลวงพ่อแช่มเหมือนกันหรือ”

”ใช่ แต่ งานท่านยุ่งไม่ค่อยมีเวลามานมัสการหลวงพ่อ”

ปู่ทองรำลึกถึงเหตุการณ์วันที่หลวงพ่อแช่มบอกว่าจะไปเยี่ยมลูกศิษย์ในเรือนจำ ตัวเองค้านว่านอกเวลาเยี่ยม แต่ท่านว่าจะเข้าเยี่ยมด้วยเมตตาธรรม ใครจะมาทำอะไรท่านได้ ปู่ทองจึงขอให้ผู้ติดตามซึ่งเป็นผู้คุมในเรือนจำเล่าเหตุการณ์ให้ฟังโดยละเอียด ผู้คุมเล่าว่า วันนั้นจู่ๆก็มีพระถือย่ามเดินกางร่มเข้าไปในเรือนจำ ขณะนักโทษกำลังทำงานกลางแจ้ง ผู้คุมก็เเปลกใจ เพราะญาติผู้ต้องขังจะเยี่ยมได้เฉพาะที่จัดไว้ให้เยี่ยมญาติเท่านั้น หากจะเข้ามาต้องได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ และมี ผบ.หรือรอง ผบ.เรือนจำ เดินมาด้วย

นักโทษที่เป็นศิษย์หลวงพ่อแช่ม พากันทิ้งงานเข้ามากราบเท้าท่านใหญ่ ผู้คุมซึ่งเข้าเวรตอนนั้นจึงวิ่งมาดู ส่วนเพื่อนผู้คุมวิ่งไปแจ้งให้ ผบ.เรือนจำทราบ ผู้คุมจึงเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าพระภิกษุแปลกหน้า ถามด้วยความนอบน้อม

หลวงพ่อเข้ามาได้อย่างไร ที่นี่เป็นเขตหวงห้าม ถือเป็นการบุกรุกสถานที่ราชการ มีโทษตามกฏหมาย ข้าชื่อแช่ม อยู่วัดตาก้อง ข้ามาเยี่ยมพวกลูกศิษย์ข้า มาดูว่ามันลำบากไหม มันถูกทารุณหรือเปล่า ข้าเมตตามัน แต่เวลาเยี่ยมตามปกติข้ามาไม่ได้ จึงต้องมานอกเวลา

แต่ท่านเข้ามาจะทำให้พวกผมพลอยมีความผิดไปด้วย หาก ผบ.เรือนจำมาเจอเข้า ผมเดือดร้อนแน่ รวมทั้งผู้อนุญาตให้หลวงพ่อเข้ามาด้วย หากไม่ถูกตัดเงินเดือน ก็ถูกกักบริเวณ หนักสุดก็ไล่ออก ไม่มีการไล่ใครออกไม่มีใครอนุญาต หรือพาข้าเข้ามา ข้าก็เดินผ่านพวกมันเข้ามากลางวันแสกๆ ไม่ได้ป่ายปีนหรือมุดเข้ามา เดินเข้ามาเฉยๆ ไม่เห็นมีใครมาห้ามหรือทักท้วง มีเเต่เอ็งนี่แหละ

ท่าน ผบ.เรือนจำเดินเข้ามาพอดี พอเข้ามาใกล้ก็จำหลวงพ่อแช่มได้ รีบคุกเข่าแล้วก้มกราบแทบเท้าท่านทันทีแล้วบอกว่า หลวงพ่อไม่น่าเข้ามาแบบนี้ ให้เจ้าหน้าที่มาแจ้งผมก็ได้ ผมจะได้ให้เขาเรียกนักโทษมาพบหลวงพ่อเป็นกรณีพิเศษ หรือจะเข้ามาตรงนี้ ผมก็จะให้เขาพาหลวงพ่อเข้ามาได้ตลอดครับ

ก็ข้าชอบของข้าอย่างนี้ ข้านึกจะเข้ามาเยี่ยมพวกลูกศิษย์ข้าก็มา นี่ดีนะว่าพวกมันต้องอาญาหลวง ข้าช่วยอะไรมันไม่ได้ ถ้าข้าจะพาพวกมันออกไปข้างนอกบ้างก็ทำได้ แต่ก็เอาละ ต่อไปข้าจะไม่เข้ามาอย่างนี้อีก เพราะเอ็งรับคำแล้วว่าให้ข้าเยี่ยมได้ตลอดเวลา กราบขอบพระคุณหลวงพ่อเป็นที่สุด ผมจะสั้งไว้เลยว่า ผมจะอยู่หรือไม่ในเรือนจำ หากหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง มาขอเยี่ยมนักโทษ ให้จัดให้เป็นกรณีพิเศษทุกเวลา ยกเว้นยามวิกาลเท่านั้น ปู่ทองบอกว่ารู้สึกเลื่อมใส และรักหลวงพ่อแช่มมากขึ้นไปอีก เพราะเมตตาของหลวงพ่อ แม้ศิษย์จะเป็นคนขี้คุกขี้ตะรางท่านก็ยังเมตตาเสมอ

ปู่ทองเล่าอีกว่า ในงานปลุกเสกวัตถุมงคลของวัดพระปฐมเจดีย์ของท่านเจ้าคุณพระธรรมวโรดม(โชติ) เมื่อปี 2373 หลวงพ่อแช่มได้รับนิมนต์ไปนั่งปรกปลุกสเก เมื่อเสร็จพิธีแล้ว เจ้าพิธีก็นำวัตถุมงคลใส่ถาดมาถวายให้พระที่มาร่วมปลุกเสกเพื่อแจกเป็นของสมนาคุณแก่ผู้บริจาคทรัพย์บูรณะองค์พระปฐมเจดีย์ พระอาจารย์ท่านก็นั้งเเจกแบบว่าศิษย์ใครศิษย์มัน รับกับมือหลวงพ่อเองเลย

หลวงพ่อแช่มยกถาดวัตถุมงคลไปเทลงในเตาที่เขาใช้หลอมโลหะเบ้า แล้วเอามือล้วงลงไปหยิบวัตถุมงคลขึ้นมาจากถ่านที่กำลังลุกแดงแจกศิษย์ คนที่ได้รับแทนที่จะร้อนกลับบอกว่าเย็นเหมือนน้ำเเข็ง

ศิษย์องค์สุดท้ายที่เรียนวิชากับหลวงพ่อแช่ม ซึ่งบวชอยู่ที่วัดแถบบางเชือกหนังชื่อ หลวงพ่อทองเล่าให้ไพฑูรย์ฟังว่า เมื่อตอนหนุ่มเป็นศิษย์ในท่านเจ้าคุณเข็ม (พระญาณโพธิ์ เมื่อสมเด็จพระสังฆราช (แพ)จัดพิธีปลุกเสกพระกริ่ง ได้รับหน้าที่
อุปัฐากพระเกจิย์ที่มานั่งปรก มีโอกาสได้ถวายน้ำแก่หลวงพ่อแช่ม เมื่อท่านรับเเก้วน้ำไปดื่มจนหมด ได้ให้รินให้ท่านอีกแก้ว ท่านเอาใบจากที่มวนบุหรี่มาเสกแล้วหย่อนลงไปในแก้วน้ำ ใบจากกลายเป็นปลากัดสีสวย ว่ายพองเหงือกไปมา พอเห็นว่าหลวงพ่อทองดูเต็มตาแล้วท่านก็เอานิ้วจุ่มลงไปในน้ำ ปลากัดกลายเป็นใบจากตามเดิม

ครั้นเมื่อท่านจะกลับวัด หลวงพ่อทองได้อาสาตามไปส่ง ท่านบอกว่าจะตามทันหรือ กล่าวจบท่านก็ก้าวเท้าลงจากกุฏิเดินไปตามทางเดินไปยังประตูวัดสุทัศน์ฯ หลวงพ่อทองเดินตามได้สองสามก้าวหลวงพ่อแช่มก็ไปอยู่ที่ประตูวัดแล้ว พอวิ่งตามไปทัน หลวงพ่อแช่มก็หัวเราะ บอกหลวงพ่อทองว่า

“ว่าแล้วจะเดินตามทันหรือ

“หลวงพ่อนามใด อยู่วัดไหน ผมนายทองจะไปให้ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์”

“ข้าชื่อแช่ม อยู่วัดตาก้อง นครปฐม ไปที่วัดตาก้องแล้วละก็ ได้พบแน่”

เมื่อเดินทางไปหาหลวงพ่อแช่มที่สำนัก หลวงพ่อแช่มบอกว่าไปบวชวัดสุทัศน์ฯ นั่นแหละให้ท่านเข็มเป็นผู้อุปัชฌาย์ ฉันจะเป็นคู่สวดให้ บวชแล้วไปเรียนวิชากับฉันก็เเล้วกัน ไพฑูรย์ได้เรียนคาถาอาคมเพิ่มเติมจากหลวงพ่อแช่มหลายบท ซึ่งไพฑูรย์ได้บอกให้จดคาถาต่างๆไว้ดังนี้

◎คาถาเสกข้าว◎ น้ำ อาหาร หมาก พลู ให้เกิดคงกระพันกับร่างกาย ให้ว่า

อัตตะฑีโต นะโม พุทธายะ

เสกข้าว 7คำแรกที่กิน โดยเมื่อตักข้าวเข้าปากก็ภาวนาในใจ เคี้ยวแล้วกลืนลงไป ทำให้ได้ทุกวันอย่าให้ขาด จะเกิดความคงกระพันชาตรีดีนัก จะกินน้ำก็เสกเสียก่อนจะดื่ม เสก 7คาบ เสกหมาก เสกพลู 7คาบ ถ้ากินหมากก็เสกคำหมาก 7คาบ จึงเคี้ยวกิน

◎คาถาป้องกันคุณไสย◎ ให้ว่า

พุทโธ พุทธัสสะ กำจัดออกไป อย่าเข้ามาใกล้เสมามณฑล
ธัมโม ธัมมัสสะ กำจัดออกไป อย่าเข้ามาใกล้เสมามณฑล
สังโฆ สังฆัสสะ กำจัดออกไป อย่าเข้ามาใกล้เสมามณฑล
สุสุ ละละ ทาทา โสโส นะโมพุทธายะ
พุทโธพระบัง ธัมโมพระบัง สังโฆพระบัง

เมื่อล้มตัวลงนอนที่ใดก็ตาม ให้ร่ายพระเวทป้องกันคุณไสยด้วยใจมั่น กราบลงที่หมอน หรือที่พื้นดิน หรือท่อนไม้ที่หนุนศีรษะ จะป้องกันคุณไสยและภูตผัปีศาจ ตลอดจนศัตรู เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามา จะทำให้รู้ตัวตื่นมาป้องกันอันตรายได้

ไพฑูรย์ใช้ภาวนาก่อนนอน เวลาหนีการตามล่า ตำรวจมักแปลกใจว่า แม้ว่าจะวางแผนเข้าใกล้ตัวไพฑูรย์แบบไม่ให้ไหวตัว แต่ด้วยพระคาถานี้ทำให้รู้ตัว เป็นเสียงคนมาพูดข้างหูบ้าง สะดุ้งเหมือนมีใครมาจี้สีข้างบ้าง มีเหตุให้รู้ตัวและหนีได้ทันท่วงที บางครั้งหนีจนไม่มีเวลาดับไฟที่สุม เรียกว่าหากช้านิดเดียวเป็นถูกจับเเน่

ใครทำได้จะเห็นผล มีโจรมีขโมยมาถึงบ้าน ก็จะรู้ตัวก่อนจนเตรียมตัวป้องหันได้ทันท่วงที ไพฑูรย์บอกว่าแม้อยู่กับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้องเพียง 7วัน ก็รักและเคารพท่านดุจเดียวกับหลวงพ่อเดิม เพราะท่านเป็นพระที่มีศีลสังวรและมีอภินิหารมากมายจนกล้าพูดได้ว่าตายแล้วเกิดใหม่ก็หาไม่เจอ

*ใครจะเรียนก็ให้ใส่บาตรวันพฤหัสให้หลวงพ่อเเช่มวัดตาก้องเพื่อขอเรียนวิชา สาธุ

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : ท่าพระจันทร์

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: