3708. ข้าวต้มมัดตอนจบ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ข้าวต้มมัดตอนจบ

เมื่อ เจ้าลออ หรือที่พวกของไพฑูรย์มักอุปโลกน์ให้เป็น ม.ล. ลออ เพราะหมอนี่กิริยาท่าทางการพูดจา ดูน่าเชื่อถือ เลยเรียกกันว่า ม.ล.ลออ มาเยี่ยมไพฑูรย์ คราวนี้หม่อมหลวงกำมะลอเป็นคนกำหนดเเผนการหนี

”เปียนายแอบเอาดินน้ำมันกดรูกุญเเจห้องขังของแกหนึ่งชิ้นกับที่ตรวนหนึ่งชิ้นลักลอบเอามาให้ฉัน ฉันจะเอาไปทำกุญแจให้แก ไขไปสู่อิสรภาพส่วนวิธีการจะนำกุญแจเข้าไปในคุกเราจะคิดดูอีกที”

ไพฑูรย์ใช้เงินที่พรรคพวกแอบส่งมาให้หาซื้อดินน้ำมันมาจนได้ หลังจากกดรูกุญแจเเล้วนำมาห่อเเขวนไว้กับพวกอัณฑะรอให้เจ้าลออมารับดินน้ำมันไป ไพฑูรย์ถามหม่อมหลวงกำมะลอเพื่อความแน่ใจว่าต้นแบบจากดินน้ำมันจะทำกุญแจผีได้หรือ

หม่อมหลวงกำมะลอให้ความมั่นใจว่า ช่างกุญแจรายนี้ชำนาญเกี่ยวกับรูปแบบกุญแจ รู้หมดว่ามีกุญแจกี่ชนิด ใช้ระบบอะไร สถานที่ราชการที่เชฟเก่าเปิดไม่ได้ ไม่มีรหัส ช่างกุญแจรายนี้ก็เปิดได้จนคนเรียกเขาติดปากว่า ”กุญแจเทวดา”

เมื่อไพฑูรย์มาเบิกความที่ศาล หม่อมหลวงกำมะลอก็รับเอาดินน้ำมันมาจากไพฑูรย์ไม่ยากเพราะเงินเข้าที่ไหนก็ง่ายทั้งนั้น หม่อมหลวงกำมะลอรู้จักผู้คุมขังใต้ถุนศาลอาญา รอว่าไพฑูรย์มาศาลวันใดก็จะให้ผู้คุมขอเปลี่ยนเวรกับคนที่ทำหน้าที่ในวันนั้น เงินจำนวนมากโขทำให้ดินน้ำมันจากพวงอัณฑะของไพฑูรย์สามารถออกจากกรงขังใต้ถุนศาลอาญาไปยังช่างกุญเเจได้อย่างสะดวก

”กุญแจแบบนี้มันเป็นกุญแจสมัยพระเจ้าถังไท่จง ไม่มีใครเขาใช้กันเเล้ว กุญแจพวกนี้ทำง่ายไม่ลึกลับซับซ้อน ได้รูปดินน้ำมันมา อั๊วก็ทำกุญแจให้ได้ แต่เงินต้องได้พร้อมกุญแจนะ”

หลังจากส่งแม่แบบกุญแจแล้วหม่อมหลวงกำมะลอก็ซื้อใบเลื่อยตัดเหล็กแล้วตัดออกเป็นท่อนสั้นๆ เตรียมเอาไว้ เมื่อถึงกำหนดไพฑูรย์จะมาศาล หม่อมหลวงกำมะลอก็ว่าจ้าง ยายเป้า วัดใหม่อมตรสฯ ที่ทำข้าวต้มมัดได้เหนียวอร่อย ทำข้าวต้มมัด 70มัด โดยมัดสำคัญหม่อมหลวงกำมะลอให้ยัดกุญแจกับใบเลื่อยเข้าไปกับกล้วยแล้วห่อข้าวเหนียวทับ มัดด้วยตอก มัดสามเปลาะ ให้ผิดกับมัดอื่นๆ เพื่อเป็นจุดสังเกต

เมื่อวันมาศาล หม่อมหลวงกำมะลอรอจนไพฑูรย์กับนักโทษที่ถูกเบิกตัวมาขึ้นศาลถูกนำลงจากศาลมารอขึ้นรถกลับ เอาข้าวต้มมัดมาแจกให้กับนักโทษคนละสองมัด ไพฑูรย์ได้สามมัด มัดหนึ่งมัดด้วยตอกสามเปลาะ

พอรถขนส่งนักโทษเข้ามาในเรือนจำเมื่อถูกตรวจค้นก็พบว่านักโทษแต่ละคนต่างมีข้าวต้มมัดผู้ตรวจสอบจึงพูดว่า

”รวยกันนัก กลับคุกก็จะได้แดกข้าวเเล้ว ยังตะกละตะกลามซื้อข้าวต้มมัดมาสำรองอีก” ว่าแล้วก็ดึงข้าวต้มจากนักโทษไปคนละมัด

เสียงหัวหน้าเวรร้องเอะอะ ”เฮ้ย…ทำอะไรกันวะพวกมึงนี่ ตอนเย็นพวกมันไม่ได้แดกข้าวเย็นกันคืนมันไป”

เป็นโชคของไพฑูรย์หรือเปล่าที่การยื้อข้าวต้มมัดสิ้นสุดลง เปล่าหรอกแต่เพราะไพฑูรย์ภาวนาคาถาพญาเต่าเรือนที่ว่า

”นา สัง สิ โม ภะคะวา นาโถ มะปิดปาก อะปิดใจ อุละลายสูญ”

เป็นคาถาที่ทำให้ศัตรูหลงลืมหรือจังงังเวลาคับขันเช่นการตรวจค้นและยึดข้าวต้มมัด ที่ทำให้หัวหน้าเวรเกิดฉุกใจร้องเอะอะ เพราะหากข้าวต้มมัดที่ไพฑูรย์ถือมาถูกดึงออกไปด้วย ความอาจจะเเตกเพราะตอกที่มัดมีสามเปลาะแตกต่างจากมัดอื่นๆ ต้องถูกตรวจดูข้างใน คราวนี้แหละโทษหนักเข้าไปอีก ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะข้าวต้มมันที่มีกุญเเจกับใบเลื่อยผ่านเข้าไปได้ ต่อไปก็รอเวลาเเละโอกาสเท่านั้น

กินข้าวต้มมัดแล้วดึงกุญแจออกมาสองดอก ใบเลื่อยสองใบ ใบเลื่อย ซ่อนไม่ยาก เพราะรอยร้าวของผนังที่เป็นร่อง ไพฑูรย์ขูดจนลึกเเละกว้างพอจะซ่อนใบเลื่อยไว้ได้ ส่วนกุญแจนั้นได้คว้านรูแตกระหว่างพื้นกับผนังห้องด้วยหางช้อนที่แอบขโมยมาจากโรงเลี้ยงแล้วซ่อนกุญแจไว้ จากนั้นเอาช้อนไปคืนที่โรงเลี้ยง จากนี้ไปไพฑูรย์จะต้องคิดแผนแหกคุกเอาเอง โดยนัดเเนะกับผองเพื่อนร่วมเเก๊งที่จะมารับยังจุดนัดพบที่จะวางแผนกันต่อไป

ตอนนี้ได้เครื่องมือพร้อมเเล้ว รอเเต่ว่าจะใช้เมื่อใดเท่านั้น การแหกคุกคราวนี้ถ้าสำเร็จ เมียรักที่ชักพาให้เข้าคุกจะต้องตายด้วยน้ำมือของไพฑูรย์ เพราะใครก็ตามที่หักหลังเขา จะต้องตายสถานเดียว

การพิจารณาคดีของไพฑูรย์ยืดเยื้อเพราะอัยการฟ้องหลายคดี แต่ละคดีมีพยานเข้านำสืบหลายปากด้วยกัน ไพฑูรย์จึงต้องถูกเบิกตัวจากบางขวางเป็นระยะๆ เพื่อไปขึ้นศาล

การจะแหกคุกบางขวางนั้น ทางเรือนจำได้เตรียมการป้องกันไว้เเล้ว เพราะไพฑูรย์หนีมาหลายครั้งจึงถูกจับตาเป็นพิเศษ สิงโตหินตัวนี้นักโทษทุกแดนให้ความเกรงใจ ไม่ใช่เพราะเป็นขาใหญ่แต่เพราะวางตัวเป็นกลาง เป็นที่ปรึกษาด้านกฏหมายให้นักโทษทุกคน ไม่เกรงกลัวใคร เพราะถือว่าตนมีของดี

ไพฑูรย์วางแผนไว้ในสมอง แผนแรกคือใช้กุญแจตรวน ไขกุญแจประตูห้องคุมขัง จากนั้นก็ลัดเลาะออกไปทางประตูแดน ปีนขึ้นไปบนป้อมยาม ต่อสู้กับยามเพื่อกระโดดลงไปสู่พื้นดิน แผนที่สอง หากกุญแจใช้ไม่ได้ จะใช้เลื่อย เลื่อยตรวนให้ขาด เลื่อยซี่กรงหน้าต่างด้านหลังเพื่อลอดออกไปหย่อนตัวลงที่พื้น แล้วหาทางขึ้นไปที่ป้อมยาม

ไพฑูรย์ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกจุดไหน เพราะจุดที่ไพฑูรย์เคยแหกคุกครั้งก่อนมียามเดินเท้าพร้อมปืนกลมือกับปืนพกเฝ้าอยู่ด้านนอกกำเเพงคุก หากกระโดดลงไปก็มีหวังตายสถานเดียว จึงต้องรอเวลาไปก่อน

คดีสุดท้าย ศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตอีกหนึ่งคดี รวมเป็นสองคดี ถ้าพูดแบบติดตลกคือเอาตัวเข้าหลักประหารยิงด้วย
แบล็กมันน์ให้ตาย ปลดลงจากหลักประหาร เอาศพมาวางเเล้วนำกลับไปเข้าประหารใหม่ ยิงด้วยแบล็คมันน์อีกครั้ง จึงนำศพมาใส่โรงรอการลดชั้นนักโทษจากเลวมากเป็นนักโทษชั้นดี นั้นเเหละญาติจึงจะมารับศพไปบำเพ็ญกุศลได้

กุญแจที่ทำมา ไพฑูรย์แอบเอามาทดลองไข ปรากฏว่ากุญแจตรวนไขได้ แต่กุญแจประตูห้องไขไม่ได้ เป็นอันว่าแผนที่จะไขกุญแจตรวนแล้วไขกุญแจประตูห้องคุมขังออกไปไม่ได้ผล ทางเลือกไม่มีแล้วต้องใช้แผนที่สอง คือไขกุญแจตรวน ใช้ใบเลื่อยเลื่อยลูกกรงหน้าต่างด้านหลังแล้วปีนออกไปสู่อิสรภาพที่ปรารถนา

ออกไปได้แล้วจะเเหกคุกตรงไหนดี เพราะทางเรือนจำระมัดระวังเต็มพิกัด ไพฑูรย์ถูกเรียกมาทำงานที่ตึกบัญชาการ จึงพบหนทางหนีที่โบราณเรียกว่า ”ที่ที่ปลอดภัยที่สุด คือที่ที่อันตรายที่สุด”

ตึกบัญชาการถือว่าเป็นที่ที่ใครๆ ก็คิดว่าอันตรายที่สุด เพราะเป็นหัวใจของคุกบางขวาง เป็นที่ทำการของ ผบ.เรือนจำ บนดาดฟ้ามีไฟสปอตไลท์ มีปืนกล มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจตราความเคลื่อนไหวของนักโทษ มีกล้องส่องทางไกลสมรรถนะสูงคอยสอดส่องตามมุมมืดที่สปอตไลท์ส่องไม่ถึง

ด้านหน้าตึกบัญชาการมียามเฝ้าสองคน มีปืนลูกซองคนละกระบอก ที่เอวมีปืนพกลุกโม่คนละกระบอก ตั้งแต่ชั้นเเรกถึงดาดฟ้าไม่มีการวางกำลังเอาไว้ ซึ่งหลังจากที่ไพฑูรย์แหกคุกจากตึกบัญชาการ ก็มีการปรับระบบป้องกันภัยใหม่ ด้านล่างมียามถือปืนกล 4คน บนชั้นต่างๆ มียามถือปืนลูกซองอีกชั้นละ 2คน

ที่ใกล้ตึกบัญชาการไม่มีป้อมยามเพราะทางการถือว่านั้นคือป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่มีนักโทษคนไหนกล้าแหกคุกตรงนี้ แต่ป้อมยามแรกถัดจากตึกบัญชาการอยู่ไกลพอสมควร นี่คือจุดอ่อนที่ไพฑูรย์มองเห็น

รอเพียงคดีสุดท้ายที่ศาลจะมีคำพิพากษา หลังจากนั้นก็ไม่ต้องเดินทางจากบางขวางมาขึ้นศาลอีก เป็นช่วงเวลาที่จะวางแผนแหกคุก ไพฑูรย์กะเวลาการเดินทางจากแดนที่ตัวเองถูกจองจำมายังตึกบัญชาการ เทียบกับเวลาที่จะเดินบ้างวิ่งบ้างหลบหลีกสายตายามบนตึก จะได้จู่โจมเข้าเล่นงานยามและขึ้นไปชั้นบนเพื่อกระโดดหนีออกไปนอกคุก หากทำแบบนี้ได้ พรรคพวกจะนำรถมาจอดรอซุ่มไว้ตรงหัวโค้งที่จะออกไปวัดทินกรนิมิตไม่ให้เป็นเป้าสายตา

สิ่งที่ยังขาดคืออาวุธในการต่อสู้กับยาม เพราะอาวุธในคุกหายาก แต่ด้วยความมีน้ำใจของสิงโตหิน ทำให้นักโทษในโรงเหล็กทำมีดปลายแหลมมีด้ามในตัว ในมีดแคบกว้างกว่าเหล็กแหลมนิดหน่อย ปลายคล้ายเหล็กแหลมให้เหตุที่ต้องออกแบบมีดแบบนั้นก็เพื่อเมื่อเวลาแทงเข้าไปเเล้วปากแผลจะเปิด เลือดกจะไหลเพียงด้านใน จนท่วมปอดท่วมหัวใจ ผู้ที่ถูกแทงเลือดจะตกใน เจ็บปวดไร้ทางต่อสู้และช็อกหมดสติจนถึงตายได้มีดมาเเล้วก็ฝังดินซ่อนไว้ไม่ไหลจากเรือนขังนัก

การเลื่อยซี่กรงหน้าต่าง โซ่ตรวนต้องเลื่อยด้านใน วันละนิดละหน่อยไม่ให้ผิดสังเกต ผงตะไบที่เกิดจากการเลื่อยเอามาทาตัวหรือกวาดโปรยลงไปบนหัว แล้วค่อยอาบน้ำและเอาน้ำราดหัวเพื่อให้ผงตะไบหลุดออกไป

แผลจากการเลื่อยซี่กรงหน้าต่างลงไปเรื่อยๆ ไพฑูรย์มีประสบการณ์อยู่เเล้วจึงไม่มีข้อผิดสังเกต วันศุกร์ทุกอย่างก็พร้อม เที่ยงคืนโบราณว่ายามปลอด เป็นรอยต่อระหว่างวันนี้กับพรุ่ง ใช้กุญแจผีที่ซ่อนไว้ไขกุญแจตรวน ใช้มือโยกซี่กรงที่ตัดจนเกือบขาด ไม่นานก็หลุดออกมา หน้าต่างทำไว้เล็กกว่าจะกระเสือกกระสนออกไปได้ก็ถูกความคมของซี่กรงที่ถูกเลื่อยตัดเกี่ยวกระชากจนเลือดโซม

ทิ้งตัวลงมาที่พื้นแบบทิ้งย่อ คลานมาด้านหลังตึกที่จำขัง กะเวลาที่ไฟฉายบนป้อมจะฉายกราดผ่านไปแล้วกลับมาจนเเน่ใจ โดยนับ 1-2-3-4-5 ไปเรื่อยๆ จนที่สุดพอไฟฉายกราดผ่านไปก็คลานออกทันที เอามือขุดดินเพื่อเอามีดที่ฝังไว้ ยามบนป้อมพอใกล้เที่ยงคืนก็หลับนกเเล้ว จะคอยระวังก็เเต่เมื่อไฟฉายกราดมาเท่านั้น

คลานไปซ่อนตามแนวพุ่มไม้รายทางจนที่สุดก็เข้าใกล้ตึกบัญชาการ พ้นรัศมีการฉายกราดของไฟสปอตไลท์ ยามยืนอยู่คู่กันสองคน ต้องรอเวลาเพราะการจู่โจมยามสองคนเพียงมีดเล่มเดียวแล้วอันตรายเกินไป

ดาวโจรให้ผล หรือผีสางที่ใดมาหนุนช่วยไม่รู้ได้ ยามหนึ่งในสองคนแสดงอาการว่าปวดทุกข์หนักฝากปืนลูกซองและปืนพกไว้กับเพื่อนยามแล้วเดินไปถ่ายทุกข์ ไพฑูรย์คลานเข้าไปเหมือนเสือซุ่มคอยจู่โจมเหยื่อ พอเข้าไปได้ระยะก็ล็อคคอยามเอามีดเเทงเข้าที่หน้าอกด้านซ้ายครั้งเดียวแล้วกระชากออก พอปล่อยมือ ยามก็ล้มลงไปนอนกับพื้น

ไม่มีเวลา ไพฑูรย์จ้ำพรวดๆ ขึ้นไปบนชั้นที่เป็นห้องเปิดโล่ง ความสูงกว่ากำแพงที่ด้านนั้นไม่มีการใช้ไฟฟ้าป้องกัน สามารถกระโดดลงไปที่กำแพงได้ มันเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ถ้ากระโดดพลาดก็มีหวังคอหักตาย ยกมือขึ้นระลึกถึงคุณบิดามารดา คุณหลวงพ่อเดิม ร่ายพระเวทว่า

”คุณบิดาอยู่หน้า คุณมารดาอยู่หลัง หลวงพ่อเดิมช่วยระวัง อรหัง พุทโธ นะโม พุทธายะ”

กระโดดผลุง ใครว่าคุณบิดามารดา คุณพระเจ้าไม่คุ้มคนเลว แต่สำหรับไพฑูรย์นั้นบอกว่าเขารอดตายด้วยคุณบิดามารดา และคุณหลวงพ่อเดิมมาทุกครั้ง ท่านเชื่อเถิดว่า ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้น ยิ่งใหญ่และจริงแท้เเน่นอน

ไพฑูรย์เห็นพ่อแม่นักโทษประหารร้องไห้เหมือนเด็กๆ กอดโลงศพลูกที่ถูกประหารลูกเป็นคนที่สังคมไม่ยอมให้อยู่ร่วมแผ่นดิน แต่สำหรับพ่อแม่ก็คือลูกที่เคยป้อนน้ำป้อนข้าว เลี้ยงดูมา เป็นคนดีของพ่อแม่ นี่แหละความรักอันบริสุทธิ์ของพ่อแม่

ไพฑูรย์จึงมั่นใจในคุณบิดามารดาเป็นอย่างยิ่ง จนสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ พอทรงตัวอยู่บนกำแพงได้มั่นจึงร่ายพระเวทบทเก่าอีกครั้งแล้วกระโดดลงจากกำแพงคุก ยามสองคนที่อยู่หน้าประตูคุกด้านนอกได้ยินเสียงแต่ไม่ได้เฉลียวใจ เพราะจุดที่ไพฑูรย์กระโดดอยู่ห่างไปมากพอสมควรแล้วออกวิ่งอ้อมไปยังจุดที่นัดกันไว้

เสียงไซเรนดังก้องบอกให้รู้ว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นในคุก แต่ไพฑูรย์วิ่งมาถึงรถที่พรรคพวกจอดซุ่มไว้ขึ้นไปด้านหลังเจ้าอำไพ (อินเดียนเเดง) ทำหน้าที่ขับรถ หม่อมหลวงกำมะลอกับสมุนนั้งขนาบคุ้มกันกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไพฑูรย์ก็ลอยนวลไปแล้ว ข้าวต้มมัด แผลงฤทธิ์ทำให้ไพฑูรย์แหกคุกได้อีกครั้งหนึ่ง

กบดานในรังโจรไม่ออกไปไหนหนึ่งอาทิตย์เต็ม ห้ามพรรคพวกเคลื่อนไหวเพราะสันติบาลหูตาราวสัปปะรด ไพฑูรย์โทรศัพท์ไปที่กอง บ.ก.หนังสือพิมพ์ ดังที่ได้รับการพาดหัวข่าว

งานต่อไปคือติดตามหาเมียรักที่ต้องตามตำรา ช้างสาร งูเห่า ข้าเก่า เมียรัก เพื่อจะได้ส่งไปลงนรกในฐานะที่ทำดีด้วยแล้วกลับตอบเเทนด้วยการร่วมมือกับพี่ชายที่เป็นสันติบาลลากคอตนเข้าคุก แต่การแกะรอยนั้นคงทำไม่ได้ในวันสองวันที่ต้องการ แต่ไพฑูรย์บอกว่าหากไม่ตายเสียก่อนต้องตามล้างตามเช็ดให้ถึงที่สุด

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ชีวิตตอนที่เกิดเหตุการณ์นี้กับเขา ไพฑูรย์บอกว่าเหมือนกับอาชญากรตัวกลั่นของอเมริกาที่มีฉายาว่า ”ดริลลิงเยอะร์ ไอ้เสือปืนกล” ที่ปล้นธนาคารตามเมืองต่างๆ จนมีค่าหัวสูงแต่ไม่มีสันติบาล หรือเอฟบีไอเข้าใกล้ได้เลย ตอนที่พบจุดจบไปได้โสเภณีเป็นเมีย เอฟบีไอเสนอเงินค่าลวงอ้ายเสือปืนกลมาติดกับ กับเงินค่าหัวของไอ้เสือปืนกลต่างหาก

อีตัวนัดแนะกับตำรวจว่าจะพาอ้ายเสือปืนกลไปดูหนัง ตอนออกมาจะคล้องเเขนข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งจะถือผ้าเช็ดหน้าสีแดง ถ้าทิ้งผ้าเช็ดหน้าลงละก็นั้นเเหละอ้ายเสือปืนกล เอฟบีไอไปซุ่มคอยสัญญาณ พออีตัวทิ้งผ้าก็เข้าชาร์จทันที อีตัวผละหนีไม่ให้ถูกจับเป็นตัวประกัน ไอ้เสือปืนกลชักปืนออกมายิงสู้ ถูกยิงด้วยอาวุธนานาชนิดจนวิ่งมานอนตายกลางถนน

อีตัวได้เงินก้อนก็หลบหนีการตามล่าของสมุนไอ้เสือปืนกลไปอยู่ต่างรัฐ พ้นความตายไปได้แก๊งดริลลิงเยอะร์ถูกกวาดล้างจนหมด แต่แก๊งไพฑูรย์ยังอาละวาดต่อไปอีก หนีคราวนี้ลำบากเพราะสันติบาลแจกรูปไปทั่วประเทศ แต่ชาติเสือก็คือเสือ มักย้อนรอยเสมอ พอเรื่องเงียบก็ปล้นมันในกรุงเลย ปล้นพวกเศรษฐีที่เป็นคนเลวเอาเงินมาแจกคนจน ส่วนหนึ่งก็เอามาใช้จ่าย

พระกล้ากลางสมรรับหน้าที่ตามล่า แต่ไพฑูรย์ก็หลบหลีกรอดมาได้ตลอดเวลา ร้านทองในเยาราชแก๊งเสือไพฑูรย์ไม่แตะ เพราะรำลึกพระคุณชาวไทยเชื้อสายจีนโดยเฉพาะแม่ดอกเหมยที่รัก ที่ให้ที่คุ้มหัวเมื่อหลบเข้าไปซ่อนตัว ได้คลุกคลีกับบรรดาหัวหน้าอั้งยี่ และบรรดาพ่อค้าในย่านเยาวราช จึงเว้นให้

ในตอนนี้ขอมอบพระคาถาเกี่ยวกับมหาอุดหยุดปืน ท่านว่าภาวนาให้ใช้ปลายเท้าที่สวมหรือไม่สวมรองเท้ากดลงไปที่ดิน เเล้วหุบปากเอาปลายลิ้นดุนเพดานกดไว้ ภาวนาคาถามหาอุดไว้ในใจตลอดเวลาจะไม่ได้ยินเสียงปืนดังสักนัดเดียว โปรดสังเกตว่าไม่มีตั้งนะโม เพราะใช้เวลาคับขันเท่านั้น
ใช้ภาวนาบทใดบทหนึ่งในสามบทนี้

◎คาถามหาอุดหยุดปืน◎

อะมะนิทัสสะนะ อัปปะติอุดอัดยัดจุก

อะมะนิทัสสะนะ อัปปะติคา

อะมะนิทัสสะนะ อัปปะติเเตก

ภาวนาให้ใจมั่นอย่าไปกลัวอย่าไปสั่น พลังจิตของเราเท่านั้นที่ช่วยเราเวลาคับขันได้

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: