เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 37 (ชลอ เกิดเทศ)

ขณะที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ไม่น้อยหน้า ขุดคุ้ยเอาเรื่องการสังหารหมู่5 ศพ เมียน้อยของไบคาน โดยฝีมือเสี่ยหยอง เป็นประเด็นนำเสนอ

ปมข่าวที่นักข่าวหัวเขียวขุดคุ้ยสาเหตุ อ้างว่ามาจากนางเหลี่ยม แม่เสี่ยหยอง เมียไทยหมายเลข 1 ไบคาน ส่งซิกบอกลูกชายว่า ไบคานลุ่มหลงสาวไทยคนนี้มาก

นางสมบูรณ์ น้องสาวนางบัวตอง จิววิรันต์ เมียน้อยไบคาน ให้สัมภาษณ์นักข่าวหัวเห็ดไทยรัฐว่า พี่สาวเธอถูกยิงเสียชีวิตพร้อมนายเพิ่ม-นางคำผิว พ่อกับแม่ น.ส.ยุพา และนายพัฒน์ น้องสาว และน้องชาย

เหตุฆ่าล้างโคตรครั้งนี้เกิดขึ้นที่โรงสีของไบคาน เขตตำบลดาวเรือง อำเภอเมืองสระบุรี เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พุทธศักราช 2514

มีผู้รอดตายเพียงคนเดียว เป็นลูกชายนางบัวตองที่เกิดกับไบคาน ชื่อเด็กชายอิสมาอิล ไบคาน วัย 2 เดือน นอนหลับอยู่ในเปล แต่ก็บาดเจ็บ

ตามข่าวว่าอีก เด็กน้อยเชื้อสายไบคานศักดิ์เป็นน้องชายเสี่ยหยองคนนี้ ถูกนางเหลี่ยม แม่เสี่ยหยองขอชีวิตไว้ ก่อนส่งเด็กชายกำพร้าแม่หนีตายกลับไปอยู่กับญาติไบคานที่ประเทศปากีสถาน

ข่าวที่นำเสนอยังระบุถึงแผนสังหารของนายสมชาย เพลย์บอยจอมโหดวางแผนจัดทำสถานที่ซ้อมยิงปืนในบริเวณโรงสีของไบคาน ใกล้ที่พักนางบัวตอง ที่มีพ่อแม่ น้องสาว น้องชาย รวมถึงทายาทไบคานตัวน้อยพักอาศัย

ลูกชายจอมแสบ ทำทีเป็นซ้อมยิงปืนทั้งวี่ทั้งวัน จุดประสงค์ให้คนแถวนั้นชาชินกับเสียงปืนอยู่เป็นแรมเดือน

กระทั่งถึงวันสิ้นปี เสียงปืนที่ดังระงมในโรงสีไบคาน ชาวบ้านย่านนั้นนึกว่า ลูกชายไบคานพาสมุนซ้อมยิงปืนอีกเหมือนเคย หรือไม่ก็ยิงฉลองงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่า

กว่าจะรู้ว่าเกิดเหตุโศกนาฎกรรมหมู่กับครอบครัวตระกูลจิววิรันต์ก็ล่วงเข้าปีใหม่

นอกจากคดีโหดเหี้ยมสะเทือนขวัญที่สื่อสิ่งพิมพ์หลายสำนัก เสนอให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมของทายาทมาเฟียต่างชาติแล้ว

แต่ละสำนักยังพร้อมใจเสนอข่าวที่แสดงให้เห็นถึงสายสนกลในระหว่าง ไบคาน กับข้าราชการในเครื่องแบบ ไม่ว่าทหาร ตำรวจ หรือนักการเมืองด้วย

ทุกฉบับลงข่าวไปในทางเดียวกันว่า เสี่ยหยอง  หลบซ่อนอยู่กับนายทหารยศพันเอก ทายาทนายทหารนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่คับประเทศเมื่อหลายปีก่อน

บางฉบับระบุชื่อเสียงเรียงนามแบบโต้งๆจนเจ้าตัวที่ถูกพาดพิงต้องออกมาปฏิเสธข่าวเกื้อกูลลูกชายมาเฟียอย่างจ้าละหวั่น

หลังมียศมีตำแหน่งใหญ่โตขึ้น พันตำรวจเอกชลอ ไม่มีเวลาอ่านหนังสือพิมพ์เหมือนเมื่อก่อนมากนัก เพราะมีหลากเรื่องหลายภารกิจที่รุมเร้ารัดตัวไปตามเนื้องานในหน้าที่ และงานทางสังคม โดยเฉพาะการเป็นผู้จัดการทีมชาติไทยชุดบี

แต่ในเรื่องของความเหี้ยมโหดที่นายสมชาย หรือเสี่ยหยอง ไปพัวพันกับเหตุฆ่าล้างโคตร 5 ศพ เมียน้อยผู้เป็นพ่อ ที่เป็นข่าวดังในหน้าหนังสือพิมพ์ขณะนี้ เขาไม่จำเป็นต้องอ่าน เพราะถือเป็นเนื้องานที่รู้ และต้องทำโดยหน้าที่อยู่แล้ว

อีกทั้งเรื่องโหดที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบ10 ปีที่แล้ว ชลอรู้คร่าวๆมาก่อนหน้า ตั้งแต่สมัยยังเป็นผู้กองเมืองอยู่ที่พระนครศรีอยุธยา

ตามข่าวที่ได้ยินในตอนนั้น ก็เหมือนกับที่ข่าวในหนังสือพิมพ์ลงในตอนนี้ คือไบคานให้ความรักกับเมียน้อยคนไทยผู้นี้มาก ถึงขั้นมีทายาทด้วยกัน

ทำให้นายสมชายระแวงถึงขั้นคิดแค้น เพราะหากทิ้งไว้ นอกจากจะต้องมีส่วนแบ่งในมรดกแล้ว ยังทำร้ายจิตใจนางเหลี่ยมผู้เป็นแม่ ในฐานะภรรยาหลวงด้วย

ชลอจำได้ว่า คราวนั้นเพลย์บอยจอมโหด คู่ปรับตัวสำคัญของเขาในขณะนี้  ต้องไปมอบตัวกับพลตำรวจโทจำรัส มังคลารัตน์  ผู้บัญชาการตำรวจภูรภาค 1 ถึงที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

แต่ด้วยอิทธิพลผู้เป็นพ่อ อัยการสั่งไม่ฟ้องเพราะขาดหลักฐาน

อีกทั้งพยานสำคัญคือ นางสาววันเพ็ญ และนางสาวทองพูน ที่บาดเจ็บ และอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นกลับคำให้การ

ชายหนุ่มมาทราบทีหลังว่า สำหรับนางสาวทองพูน ต่อมาถูกพี่ชายฆ่าตาย เพราะโมโหที่กลับคำให้การไปเข้าข้างลูกชายไบคาน ทั้งที่ๆพ่อแม่พี่น้องถูกเข่นฆ่าเยี่ยงผักปลา

จนกระทั่งชลอ เติบโตในตำแหน่งหน้าที่ ก้าวมาเป็นผู้กำกับหัวหน้าตำรวจจังหวัดลพบุรี รู้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากพันตำรวจตรีสำเริง มุยคำ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอชัยบาดาลว่า ก่อนจะเกิดเหตุฆ่าหมู่ตระกูลจิววิรันต์ มีการจ้างวานมือปืนคนไทยอีกกลุ่มไปดำเนินการ แต่มือปืนคนไทยกลุ่มนี้ไม่ใจไม้ไส้ระกำถึงขนาดนั้น

พันตำรวจตรีสำเริงเล่าถึงปูมหลังก่อนเป็นข่าวดังทั่วประเทศ ว่า หลังจากย้ายมาเป็นรองสารวัตรยศร้อยตำรวจโท อยู่ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอชัยบาดาล นายตำรวจหนุ่มคนเมืองหล่มสัก เพชรบูรณ์ พอได้ยินกิตติศัพท์ไบคานและลูกชายอยู่บ้าง

นายตำรวจเด็กๆ อย่างสำเริงยอมรับว่า บารมีไบคาน นั้นเรียกได้ว่า เป็นก็อดฟาเธอร์ จริงๆ

ยิ่งตำรวจเด็กๆ ยศน้อยๆแทบไม่มีใครไปกล้าตอแยกับมาเฟียใหญ่ และลูกชายจอมซ่าอย่าง เสี่ยน้อย และเสี่ยหยอง

มีแต่พยายามหาทางเข้าไปพินอบพิเทาเพื่อหวังความเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่เป็นแถว อันเนื่องมาจากผู้หลักผู้ใหญ่จากหลายวงการ ทั้งในจังหวัด และจากกรุงเทพฯไปนั่งกินข้าวที่บ้านไบคานกันทั้งนั้น   แต่ส่วนตัวเขาชอบที่จะอยู่เงียบๆ ไม่อยากจะไปวุ่นวายเหมือนคนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ในความคิดของพันตำรวจตรีสำเริง ยังให้ความเห็นกับผู้บังคับบัญชาหนุ่มรุ่นพี่ว่า จริงๆแล้ว ไบคานไม่ได้ชั่วร้ายอะไรมากมาย แต่ที่ชื่อเสียงกลับมาพังพินาศ เป็นเพราะลูกชาย 2 คน คือ หลาน้อย และหลาหยอง ที่ใช้บารมีพ่อในทางที่ผิด

พันตำรวจตรีสำเริง ยังเล่าให้ชลอฟังว่า ในช่วงเขามียศร้อยตำรวจโท เมื่อ10 ปีที่แล้วลูกชายไบคานจอมแสบทั้ง 2 คนพยายามสร้างอิทธิพลต่างๆขึ้นมาในพื้นที่ มีลูกน้องติดสอยห้อยตามเยอะ

รวมไปทั้ง นายเทียม สดับจิตร และนายหล่ำ เปิกเพิก 2 แกนนำชาวบ้านตำบลชัยนารายณ์ที่รวมกำลังกันต่อต้านเสี่ยหยอง และเสี่ยน้อย อยู่ในขณะนี้

แท้จริงแล้ว ก่อนหน้าทั้งคู่ก็เป็นมือปืนในสังกัดเสี่ยหยองด้วย

สถานการณ์ในตอนนั้น หลังจากเสี่ยหยองเข้ามากว้านซื้อที่ดินทำฟาร์มในพื้นที่อำเภอชัยบาดาล มีชาวไทยบางคนลอบเข้าไปขโมยวัวขโมยควายจากฟาร์มของลูกชายไบคาน รวมทั้งลอบตัดไม้ในฟาร์มไปเผาเป็นฟืนเป็นถ่านอยู่เนืองๆ

การตอบโต้จากเสี่ยหยอง และเสี่ยน้อย คือการชำระแค้นคนไทยหัวขโมยเหล่านี้ หากจับกุมได้ จะเป็นไปอย่างเหี้ยมโหด และโหดเหี้ยม

การลงโทษแต่ละครั้งล้วนสร้างความสยดสยองกับกลุ่มลิ่วล้อของเสี่ยหยอง โดยเฉพาะลูกน้องมือปืนที่เป็นคนไทยอย่างนายเทียม ที่มีศักดิ์เป็นผู้ใหญ่บ้าน ต้องมาเห็นลูกบ้าน ถูกลูกชายมาเฟียต่างชาติลงทัณฑ์ถึงขั้นชดใช้ด้วยชีวิต

ไม่ว่าจะเป็นการตัดแขน ยิงทิ้งหรือฝังทั้งเป็น

สุดท้ายนายเทียมก็เริ่มปลีกตัวออกมา เพราะไม่อยากสังหารคนไทยด้วยกันเอง  และไม่อยากทนอยู่กับคนใจคอโหดเหี้ยมของ 2 พี่น้องต่างแม่ลูกชายไบคาน

ด้วยไม่รู้ว่าจะถูก 2 พี่น้องเชื้อสายปากีฯลอบฆ่าเอาวันไหน เพราะความซาดิสต์ของเสี่ยหยอง จนในที่สุด นายเทียมถูกเสี่ยหยองส่งสมุนมาดักยิง เพราะโมโหที่ไม่ยอมไปยิงนางบัวตอง สาวไทยที่ผู้เป็นพ่อหลงใหลคนนี้ แต่หลังจากกรมตำรวจ โดยพลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ รองอธิบดีกรมตำรวจ มีคำสั่งให้พันตำรวจเอกชลอ ตั้งชุดกำจัดอิทธิพลไบคาน  พันตำรวจตรีสำเริง ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ไปนำตัวนายเทียม มาพบกับพันตำรวจเอกชลอที่บ้านพัก เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมบางเรื่องที่เขาไม่เคยรับรู้ หลังจากนายสมชาย และลูกน้องถูกคนร้ายลอบยิง และเป็นการหลบนักข่าวที่มีหูตาเป็นสัปปะรด

แว่บแรกที่พันตำรวจเอกชลอเห็นอดีตมือปืนของเสี่ยหยอง นายเทียมเป็นชายฉกรรจ์อายุประมาณ 40-45 ปี ท่าทางเอาเรื่องไม่น้อย

“สวัสดีครับนาย…..”

นายเทียม  ปัจจุบันเป็นแกนนำชาวบ้านตำบลชัยนารายณ์ยกมือไหว้ด้วยท่าทีที่นอบน้อม

ชลอยกมือรับไหว้ตามธรรมเนียม แต่ในใจรู้สึกลำพองจนคับอกทุกครั้ง เมื่อลูกน้อง หรือใครก็ตามที่บอกว่าอยู่ในแวดวงยุทธจักรมือปืน ต้องมาศิโรราบอยู่ใต้อาณัติเขา ชายที่สื่อหนังสือพิมพ์ทุกฉบับตั้งฉายาให้เป็นนายตำรวจมือปราบ ชายผู้มีทั้งปืน และกฎหมายอยู่ในมือ สามารถให้คุณให้โทษ

หรือแม้แต่ชี้ชะตาชีวิตว่าจะอยู่หรือตาย !!!

เป็นใครเล่าจะไม่ยิ้มย่องกับชื่อเสียงลาภยศสักการะ จนบางครั้งอุดมคติตำรวจ 9 ข้อที่เขาท่องจำขึ้นใจสมัยเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานบางข้อ เขาก็เพิกเฉยไปบ้างตามเวลา และสถานการณ์ แล้วแต่ว่าจะใช้กับใคร….

อุดมคติตำรวจ 9 ข้อที่ว่านั้นประกอบด้วย เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ กรุณาปรานีต่อประชาชน อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก  ไม่มักมากในลาภผล บำเพ็ญประโยชน์แก่ประชาชน ดำรงตนในยุติธรรม กระทำการด้วยปัญญา และรักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต

ความเป็นตำรวจกลับมาอีกครั้ง เมื่อนายเทียมเริ่มเปิดปากเล่า

“ผมรู้จักสนิทสนมกับนายสมชาย โดยการแนะนำของปลัดอำเภอผู้หนึ่ง ตอนนั้นผมยังเป็นผู้ใหญ่บ้าน  แกฝากให้คอยดูแล และอำนวยความสะดวกให้เสี่ยหยองในบางเรื่อง”

นายเทียมรื้อฟื้นเรื่องอดีตที่เคยสนิทสนมกับเสี่ยหยอง

“หลังความสัมพันธ์พัฒนา ผมทำงานให้เสี่ยหยองหลายเรื่อง แต่หลังๆ เริ่มทนไม่ไหวกับนิสัยใจคออันโหดเหี้ยมของมัน พยายามปลีกตัวออกมา กระทั่งมันเรียกให้ผมไปหาที่สระบุรี ผมรู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะดีแน่ และไม่น่าจะพ้นเรื่องที่ให้สังหารครอบครัวเมียน้อยไบคาน เพราะพอรู้เรื่องอยู่เลาๆ มันโหดเกินไป เพราะอีบัวตอง เมียน้อยไบคานมันเพิ่งคลอดลูกได้ไม่นาน ผมไม่รู้จะทำยังไง ไม่อยากทำ ฆ่าเด็ก ฆ่าผู้หญิง มันไม่ใช่นิสัย เลยเอาดาบน้อม และ จ่าชิด เพื่อนตำรวจโรงพักชัยบาดาลที่รู้จักกันไปเป็นเพื่อน”

แกนนำชาวบ้านชัยนารายณ์เล่าต่อ

“พอพบกัน นายสมชายเห็นตำรวจไปด้วย เลยไม่กล้าพูดเรื่องที่ต้องการจะพูด แต่จังหวะลากลับ นายสมชายมันกระซิบกับผมด้วยน้ำเสียงส่อความไม่พอใจเป็นอย่างมากว่า พี่ผู้ใหญ่..ไม่ต้องการจะคุยด้วยใช่ไหม ถึงเอาตำรวจมาด้วย”

“ผมตัดสินใจบอกกลับไปว่า เรื่องที่พูดไว้ไม่อยากทำหรอกเท่านั้นนายสมชายโกรธถึงขั้นชี้หน้าผม ด่าลั่น ว่าจะลงมือทำงานเองให้เสร็จ และอีกไม่กี่นานก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น”

“แล้วมึงพาพวกไปดักยิงไอ้หยองมันหรือเปล่า” คราวนี้ชลอซักเสียงเข้ม

กราบขออนุญาต : ชลอ เกิดเทศ
ที่มา : Cops-magazine
โดย : กิตติพงศ์ นโรปการณ์

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: