เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 34 (ชลอ เกิดเทศ)

“นายๆ นายๆ เจอแล้ว…..”

ชลอ และนักข่าวช่างภาพจากสำนักพิมพ์หัวสี ที่มาจากส่วนกลางหลายฉบับ พากันหันขวับ ก่อนเดินไปตามเสียงตะโกนของพันตำรวจโทสำเริง ที่ยืนอยู่กับลูกน้อง และตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการตรวจสอบบริเวณหลุมถ่านเก่าหลุมหนึ่ง

ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของพันตำรวจเอกชลอ และบรรดากระจอกข่าวหัวเห็ด เป็นหัวกะโหลก เศษกระดูกส่วนซี่โครง และหัวเข็มขัดโลหะของนักศึกษาวิทยาลัยครูแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่

ชลอ สั่งให้พยายามรวบรวมเศษกระดูกส่วนอื่น ๆที่อาจจะพบอีกในหลุมถ่านมรณะไว้เป็นหลักฐาน เพื่อสืบหาเจ้าของหัวกะโหลกนี้เป็นใครในภายหลัง

แต่เชื่อว่าเหยื่อเคราะห์ร้ายรายนี้ น่าจะเป็นนักศึกษาสาวที่ไม่ถูกหลอก ก็ถูกฉุดคร่ามาจากที่ใดที่หนึ่ง

ส่วนบรรดาชาวบ้านที่ทราบข่าวพบหัวกะโหลกมนุษย์ ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่

ทุกคนเชื่อว่าหัวกะโหลก และเศษกระดูกซี่โครงที่พบน่าจะเป็น 1 ในเหยื่อหลายสิบคนที่ถูกหลอกเข้ามาข่มขืนในฟาร์มนรกแห่งนี้ และไม่พ้นถูกฆ่าทิ้งหั่นศพแยกชิ้นส่วนเผาทิ้งเหมือนข่าวที่เคยได้ยินมา

เพราะเคยมีชาวบ้านบางคนที่เข้าป่าไปหาหน่อไม้ พบแขนผู้หญิงถูกเผาไม่หมดโผล่ออกมาจากหลุมถ่านหลุมนี้ แต่ไม่มีใครทำอะไรได้มาก เพราะมีสายตาถมึงทึงเอาเรื่องของบรรดาแขกปาทานลูกน้องนายสมชาย ยืนมองจ้องอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

แต่เมื่อฟ้าเปิดในวันนี้ บรรดาชาวบ้านที่เริ่มมีความมั่นใจกับเจ้าหน้าที่รัฐ เริ่มเปิดปากพูดให้ตำรวจบางคนที่แยกย้ายหาข่าวอยู่ใกล้ ๆหลุมถ่านว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นอย่างละเอียด รับรองจะต้องพบซากศพผู้เคราะห์ร้ายไม่ต่ำกว่า 10 ศพ แน่นอน

ขณะที่ช่างภาพ พากันหาเหลี่ยมหามุมรุมบันทึกภาพจ้าละหวั่น เพื่อที่จะส่งต้นสำนัก เสนอข่าวตอกย้ำความหฤโหดของลูกชายเจ้าพ่อไบคานที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้

เช่นเดียวกับบรรดากระจอกข่าวก็หันมาสัมภาษณ์พันตำรวจเอกชลอ ตามหน้าที่เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการเก็บรวบรวมหลักฐานที่พบเรียบร้อยแล้ว นายตำรวจหนุ่มหันมากล่าวเอาใจกับบรรดานักข่าวที่มาจากส่วนกลาง และท้องถิ่น ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมานานว่า

“กระดูกที่พบ หากได้ไม่ครบก็ยังไม่สามารถที่จะถ่ายภาพเชิงซ้อนว่าเป็นใคร แต่จากหัวกะโหลก พร้อมกระดูกชิ้นอื่น ๆที่เชื่อว่า น่าจะเป็นซี่โครง อีกไม่กี่ชิ้นนั้น เชื่อว่าผู้เคราะห์ร้ายอาจจะถูกบั่นเป็นท่อนๆ นำไปฝังแยกที่่อื่นๆเพื่ออำพรางคดี เรื่องนี้เคยได้ยินข่าวในทางการสืบสวนมาบ้าง แต่เรายังไม่สามารถที่จะแคะคุ้ยหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีได้…”

ชายหนุ่มหัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรีกล่าวอีกประเด็นที่ทำให้บรรดากระจอกข่าวต้องรีบใช้ปากกาจด บางคนมีเทปก็ใช้เทปอัดยื่นพรวดเข้าไปแทบจะถูกปากนายตำรวจหนุ่มผู้นี้

“ในชั้นนี้ ตำรวจยังสืบทราบด้วยว่า เมื่อซัก 3 ปีที่ผ่านมา มีสมุนของไบคานกลุ่มหนึ่งไปหลอกคู่อริ 2 ผัวเมียจากจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นชาวไทยมุสลิม มาฆ่าฝังอยู่ในไร่แห่งนี้ แต่ยังขุดหาศพไม่พบ เพราะเหตุนี้เกิดขึ้นหลายปีแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างสอบสวนว่า ผู้ตายทั้งคู่นี้เป็นใคร

“สำหรับสมุนผู้ที่ร่วมกับนายสมชาย พงษ์สว่าง กระทำความผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับแล้วคือนายดารามิเซ็น เป็นผู้จัดการฟาร์มไบคานแห่งนี้ นายหน่อย ไม่ทราบนามสกุล นายประเวศน์ มาชะมะแอ และชายไม่ทราบชื่ออีกคนหนึ่ง ทั้งหมดอยู่ระหว่างหลบหนี”

“เอาเท่านี้ก่อนนะน้อง เดี๋ยวพี่มีภารกิจต้องทำอีกหลายอย่าง”

ชลอ บอกกับกลุ่มนักข่าวช่างภาพด้วยความสนิทมสนม ก่อนขอตัวเดินไปพูดคุยกับพันตำรวจโทสำเริง มุยคำ ลักษณะคล้ายสั่งการให้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด โดยที่กลุ่มนักข่าวก็พร้อมใจที่จะไม่ไปซักถาม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการตามหน้าที่ต่อ

และเพื่อความสะดวกในการขอสัมภาษณ์หรือขอข่าวจากนายตำรวจหนุ่มคนนี้ในโอกาสต่อไป

“สำเริง..มึงอยู่ที่นี่พร้อมกำลัง นปพ.ส่วนหนึ่ง พยายามหาซากรถบรรทุกน้ำมันให้ได้ กูจะไปตรวจค้นบ้านไอ้น้อย พี่ไอ้หยอง เผื่อจะได้อะไรเพิ่มเติม มีอะไรเร่งด่วนให้วิทยุแจ้งมา…”

“ ครับ…นาย”

พันตำรวจโทสำเริงกล่าวตอบ ขณะที่พันตำรวจเอกชลอ  ก้าวฉับๆไปขึ้นรถกระบะตราโล่ออกไปพร้อมกับพันตำรวจโทชูศักดิ์ โภชนะพันธ์ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอพัฒนานิคม พร้อมกำลังตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษอีกประมาณ10 คน วิ่งออกจากไร่ของเจ้าพ่อชัยบาดาลทันที

ซากรถบรรทุกน้ำมัน ที่ชลอพูดถึงนั้นเป็นรถบรรทุกน้ำมันขนาด 5 พันลิตร ของนายคำนวณ วรปัญญา ที่หายไปทั้งรถทั้งคนเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าถูกแก๊งโจรปล้นฆ่า

สายข่าวชลอรายงานมาว่า เป็นฝีมือของนายสมชาย พงษ์สว่าง สั่งนายซันคาน มือปืนชาวปากีสถานที่มาอาศัยใบบุญอยู่ในไร่ และคอยติดตามนายสมชายไปตามสถานที่ต่าง ๆ เป็น 1 ในแก๊งปล้นรถ และฆ่าคนขับรถเสียชีวิต

ตามข่าวของชลอ ภายหลังนายซันคาน ถูกนายสมชายผู้เป็นนายสั่งฆ่าตายตกไปตามกัน ส่วนรถขนน้ำมันถูกนำเข้ามาแยกชิ้นส่วนเป็นเศษเหล็กในคืนเดียว โดยนายสมชาย เจ้าพ่อชัยบาดาลสั่งให้ใช้รถเกรดขนาดใหญ่ขุดหลุมฝังไว้

หากเจ้าหน้าที่ตำรวจขุดเจอซากรถน้ำมัน จะเป็นหลักฐานเล่นงาน และลดอิทธิพลไบคานได้อีกคดีหนึ่ง

อีกเกือบชั่วโมงต่อมา ปรากฏร่างพันตำรวจเอกชลอ และนายตำรวจที่ติดตามมาอยู่ที่หน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสระบุรี

นายตำรวจนักบู๊คู่ปรับลูกชายเจ้าพ่อมาเฟียปากีสถาน เดินเข้าไปในห้องของพันตำรวจตรีไพโรจน์ นพวงษ์ ณ อยุธยา นายตำรวจรุ่นน้องจากรั้วสามพรานรุ่น 20 สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรแห่งนี้ ที่ชายหนุ่มวิทยุแจ้งว่าจะมาพบก่อนหน้า

สารวัตรใหญ่ไพโรจน์ที่นั่งอยู่ในห้องทำงาน ลุกขึ้นจากเก้าอี้ยกมือไหว้นายตำรวจรุ่นพี่ ทันที่เห็นเดินเข้ามาในห้อง

“ผมให้กำลังซุ่มสังเกตการณ์บ้านไอ้หลาน้อยอยู่ตลอด แต่ไม่เห็นเงาไอ้หยองเลยครับ…”

พันตำรวจตรีไพโรจน์รายงานนายตำรวจรุ่นพี่ หลังจากยกมือไหว้เรียบร้อย

“ไม่เป็นไร กูแค่อยากเข้าค้นบ้านมันเท่านั้น เพราะนอกจากจะเป็นการปราม และลดอิทธิพลของมันไปในตัว ยังจะทำให้ประชาชนเห็นจากสื่อต่าง ๆว่า ตำรวจเราทำงานจริง และรวดเร็วแค่ไหน….”

“เดี๋ยวอัดบุหรี่สักตัว แล้วเราออกไปเลย มึงสั่งตั้งขบวน มึงคันหน้า เดี๋ยวกูขับตาม แจ้งวิทยุไปยังไอ้พวกที่ให้เฝ้าสังเกตการณ์ว่า พวกเราจะเข้าไป …”

พันตำรวจเอกชลอ สั่งรวดเดียว ก่อนควักบุหรี่ซองแข็งกล่องสีทอง ยี่ห้อตองห้า หรือ สามห้า ออกมาจากกระเป๋า ก่อนควักไฟแช็กดูปองท์ เมดอินฟรานซ์ สีทอง เปิดฝาดัง “ป๊อง”จุดสูบอัดควันเข้าเต็มปอด ก่อนพ่นออกมาเป็นควันขาวทั้งปาก และจมูกสลับกัน

5 นาทีต่อมา ขบวนรถตำรวจของทั้ง 2 จังหวัดเคลื่อนตัวออกจากสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสระบุรี มุ่งหน้าไปที่บ้านของนายธงชัย พงษ์สว่าง หรือหลาน้อย พี่ชายต่างมารดาของเสี่ยหยอง ทายาทไบคาน พงษ์สว่าง ท่ามกลางความแปลกใจของชาวเมือง

ขบวนรถตำรวจวิ่งไปไม่ไกล เพราะเป้าหมายบ้านพักหลาน้อยอยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลสระบุรีนี่เอง

ชลอเดินลงจากรถก้าวฉับนำหน้าตำรวจเกือบ 20 นาย เข้าไปในบ้านของหลาน้อย

เหมือนรู้ตัวอยู่ก่อนหน้า นายธงชัย หรือหลาน้อย เจ้าของบ้าน เดินถือปืนลูกซองออกมา พร้อมลูกน้องอีก 2คน ประจันหน้ากับพันตำรวจเอกชลอที่แสดงความประสงค์ขอเข้าตรวจค้น โดยไม่สนใจว่า ชลอเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ

เห็นดังนั้น ชายหนุ่มหัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ถึงกับคำรามออกมาดังลั่น

“มึงอย่าทะลึ่งไอ้น้อย เอาปืนมาให้ลูกน้องกู ขืนทะลึ่งเดี๋ยวกูจับมึงหรอก…”

แต่แทนที่พี่ชายไอ้หยอง เพลย์บอยปาทาน จะกลัว กลับกำแหงหาญตอบกลับมา

“ทำไมผู้กำกับ … นี่บ้านผม ผมมีสิทธิป้องกันทรัพย์สินในบ้านผม ถ้าเกิดลูกน้องผู้กำกับยิงลูกน้องผมในบ้าน ผู้กำกับก็ตายด้วย..”

“บ๊ะ….มึงนี่พูดไม่รู้เรื่อง จะเอายังงั้นก็ได้”

พูดจบ ชลอขยับตัวเดินดิ่งเข้าไปหา เช่นเดียวกับตำรวจลูกน้องชลอขยับปืนเตรียมพร้อมเช่นกัน

เรื่องราวเกือบจะลุกลาม หากไม่มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านไอ้น้อย พร้องส่งเสียงปราม

“ไม่เอาน่าชลอ ใจเย็นๆ ส่วนมึงก็ไอ้น้อย จะไปต่อล้อต่อเถียงเขาทำไม มึงบริสุทธิ์ใจก็ให้เขาเข้าตรวจค้นไปสิวะ ไอ้ห่าเรื่องจะได้จบๆ….”

“อ้าว..พี่ มายังไง….”

ชลอเอ่ยทักพร้อมยกมือไหว้ชายฉกรรจ์รุ่นพี่ ซึ่งเป็นอัยการจังหวัดที่รู้จักมักคุ้นกัน

“ไอ้น้อยสิ…. มันมาขอคำปรึกษาจะช่วยน้องชายมันยังไง มันก็เคารพเราอยู่ก็เลยมานั่งคุยกับมัน ก็บอกให้มามอบตัวซะ สู้คดีกันตามขั้นตอน”

อัยการรุ่นใหญ่ ที่กลายเป็นท้าวมาลีวราชเฉพาะหน้า เอ่ยปากบอกพร้อมกันไปพูดเสียงดังใส่พี่ชายผู้ต้องหาคนสำคัญ

“เอ้าไอ้น้อย….. ถ้ามึงยังเคารพกูอยู่ ให้ชลอมันเข้าตรวจค้นบ้านสิวะ”

เท่านั้น เจ้าของบ้านเชื้อไขไบคาน ถึงยอมสงบ และให้ตรวจค้นโดยดี

ผลการตรวจค้นไม่พบอะไรผิดกฎหมาย นอกจากปืนลูกซองยาวที่นายธงชัยถือ และส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจ ยังพบปืนขนาด 11 มม.อยู่ในห้องนอนของนายธงชัยอีก 1 กระบอก แต่ทั้ง 2 กระบอกมีทะเบียนถูกต้อง ส่วนสิ่งอื่นๆที่ผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจลูกน้องชลอ ตรวจค้นไม่พบ

“ก็แค่นี้ …ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลยนี่หว่า ไอ้น้อย”

ชลอกระแทกเสียงใส่เจ้าของบ้านที่ทำนักเลงกล้าถือปืนมาขวางการตรวจค้นของเขา

“ก็ผมกลัวผู้กำกับจะทำอะไรลูกน้องผมนี่”

“เออ..ถ้ามึงไม่ผิด กูไม่ทำอะไรมึงกับลูกน้องหรอก”

“แต่เอาล่ะ….วันนี้มึงรอดตัวไป เจอน้องมึง บอกให้มามอบตัวซะด้วย”

ชลอสำทับอีกครั้ง ก่อนถอนกำลังตำรวจทั้งหมดออกจากบ้านหลาน้อย จอมอิทธิพล แต่ความเหี้ยมโหดยังแพ้ผู้น้องที่ต้องระเห็จหนีกฎหมายอยู่อีกหลายเท่า

“เฮีย…ไปไหนต่อ”

สารวัตรใหญ่เมืองสระบุรี ถามนายตำรวจรุ่นพี่จากรั้วสามพราน  ขณะยืนอัดบุหรี่กันอยู่หน้าบ้าน

“กูว่าจะเข้าค้นวัดป่าสัก กุฏิอาจารย์ไฮ้ อาจารย์ไอ้หยองกับไอ้น้อย เห็นว่าอยู่ใกล้ๆ

“เอายังงั้นเลยหรือเฮีย”

“เออ..ลูกน้องกูมันบอก ไม่กี่วันที่ผ่านมา อาจารย์ไฮ้ บุกไปพบกับชาวบ้านที่หนองเต่า พูดจาเกลี้ยกล่อมผิดวิสัยพระ ให้ชาวบ้านเลิกชุมนุนต่อต้านไบคาน”

แต่ชาวบ้านบอกทนเจ็บมานานแล้ว  ต้องสู้ให้ถึงที่สุด เท่านั้นนอตพระไฮ้หลุด ด่าชาวบ้านซะสาดเสียเทเสีย ถึงกับหลุดปาก

“ถ้าอยากจะรบกัน เดี๋ยวเอาทหารม้า ทหารป่าหวายมารบใหั”

“กูเลยอยากจะเจอหน้าพระรูปนี้หน่อย”

กราบขออนุญาต : ชลอ เกิดเทศ
ที่มา : Cops-magazine
โดย : กิตติพงศ์ นโรปการณ์

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: