เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 31 (ชลอ เกิดเทศ)

ลังจากชาวบ้านชัยนารายณ์เริ่มเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน ตำรวจ และฝ่ายปกครองของจังหวัดลพบุรี ต้องระดมกำลังส่งเข้าไปในพื้นที่เพื่อเป็นป้องกันการล้างแค้นของคนทั้ง 2 กลุ่ม อีกทั้งเร่ืองนี้กลายเป็นข่าวใหญ่โตในหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับ มีคนจับตาอ่านข่าวกันทั่วประเทศ

เมื่อกลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา การเดินเกมของฝ่ายไบคานผ่านสื่อต้องมีชั้นเชิงขึ้น

หน้าที่นี้ตกเป็นของนายธงชัย พงษ์สว่าง หรือน้อย ลูกรักมือทำงานของไบคานอีกคน นัดหมายผ่านพันตำรวจตรีชูศักดิ์ สุขประเสริฐ สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรอำเภอชัยบาดาล และร้อยเอกจุล ม่วงพันธ์ ปลัดอำเภอชัยบาดาล มาเป็นสักขีพยาน ในการเจรจากับชาวบ้าน

ณ ที่ทำการอำเภอชัยบาดาล

วันที่ 6 มิถุนายน พุทธศักราช 2523

“พี่น้องครับ… ผมให้สัญญา หลังจากนี้จะไม่ให้นายสมชาย น้องชายผม เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชาวบ้าน แต่ผมขออย่างหนึ่งเหมือนกัน คือพวกพี่น้องชาวบ้าน ห้ามบุกรุกเข้าไปตัดไม้ในเขตไร่ของตระกูลผม  ส่วนเรื่องวัวควาย ทางผมอะลุ่มอะล่วยให้เข้าไปกินน้ำได้ แต่ช่วยดูแลให้ด้วย อย่าเอามันลงไปเล่นน้ำหรืออาบน้ำ เพราะพวกผมต้องเอาน้ำไปใช้ในการบริโภค…..”

“ส่วนเรื่องการตามหาตัวมือปืนที่ยิงน้องชายผม ผมและตระกูลจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายบ้านเมือง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบจับกุมมาลงโทษ”

นั่นคือถ้อยแถลงของฝ่ายไบคาน ที่มีนายธงชัย เป็นเสมือนโฆษก กล่าวกับนายเทียน สดับจิต อดีตกำนันตำบลชัยนารายณ์ และนายหล่ำ ปิ่นเพิก กำนันคนปัจจุบัน 2 ผู้นำกระดูกเหล็ก และตัวแทนชาวบ้านจาก 6 หมู่บ้านในพื้นที่ตำบลชัยนารายณ์

การเจรจา ดูเหมือนทั้ง 2 ฝ่ายจะตกลงกันได้ ต่างฝ่ายต่างยอมรับข้อเสนอต่อหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง

เมื่อ 2 ผู้นำชาวบ้าน และแกนนำ เอาผลเจรจาไปเล่าให้ลูกบ้านทั้ง 6 หมู่บ้านฟัง โดยมีนายชวลิต วิบูลย์พันธ์ นายอำเภอชัยบาดาล และสื่อมวลชนท้องถิ่นร่วมสังเกตการณ์

ชาวบ้านบางรายพอใจ แต่อีกหลายรายไม่ค่อยเชื่อน้ำคำลูกชายไบคาน เพราะการกระทำย่ำยีชาวบ้านในอดีตของกลุ่มเจ้าพ่อปาทานยังฝังจิตฝังใจอยู่

สุดท้าย ผู้นำทั้ง 6 หมู่บ้านของตำบลชัยนารายณ์ คุยกันเองจนได้ข้อสรุป ก่อนให้ 2 ผู้นำกระดูกเหล็กชี้แจงกับฝ่ายปกครอง ตอบตกลงตามข้อเสนอของนายธงชัย

หากกฎหมายเอื้อมมือมาจัดการไม่ได้ ชาวบ้านยังถูกรังแกคุกคามอีก คราวนี้ชาวบ้านทั้ง 6 หมู่บ้าน จะรวมตัวจับปืน และอาวุธเท่าที่หาได้ ต่อกรกับอิทธิพลที่ครอบงำพวกเขากันมานานนับ10 ปี

ไม่เท่านี้  2 ผู้นำชาวบ้านตำบลชัยนารายณ์ ยังทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี และผู้บัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ หรือที่เรียกกัน “พลร่มป่าหวาย” ขอทหารเข้ามาฝึกอาวุธให้กับชาวบ้านเพื่อป้องกันตัวจากอิทธิพลมืดที่อาจจะเกิดขึ้นอีก

ขณะที่ นายชวลิตกล่าวกับนักข่าวหลายสำนักที่เฝ้าสังเกตการณ์การเจรจาของคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายในวันนั้น…

“ปมใหญ่ที่ชาวบ้านลุกฮือสู้กับอิทธิพล เป็นเพราะพวกเขาถูกข่มเหงกันมานานนับ 10 ปี  พวกเขาถูกบังคับซื้อที่ดินในราคาถูก ใครไม่ยอมก็หายสาบสูญ เป็นอย่างนี้หลายราย แต่ไม่มีใครคนไหนกล้าระบุเป็นฝีมือของกลุ่มไบคาน……”

จากปากนายอำเภอชัยบาดาล คนไทยทั้งชาติที่อ่านข่าวถึงกับตกตะลึง เมื่อเขาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว

“ยังมีคดีฆ่าคดีข่มขืน โดยปราศจากเจ้าทุกข์ เท่าที่ผมได้ยินมาบางราย เวลานายหยองมาตรวจไร่ เจอลูกสาวชาวบ้านวัยกระเตาะ อายุแค่ 14-15 ปี หากเขาชอบใจ จะสั่งให้พ่อแม่เอาตัวไป อย่างนี้ใครจะไปทนอยู่ได้ ต้องหอบลูกหอบเมียหนี ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีพยานหลักฐานที่จะทำอะไรกับเขาได้….”

“แต่ข้อพิพาทที่เกิดขึ้น ผมยืนอยู่ข้างชาวบ้านครับ….”

นายชวลิต นายอำเภอชัยบาดาล กล่าวกับผู้สื่อข่าวยืนยันเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้เคียงข้างชาวบ้านชัยนารายณ์ที่ลุกฮือต่อสู้ หลังถูกกดหัวอยู่ใต้อิทธิพลมาเฟียพลัดถิ่นมานาน

นายตำรวจหนุ่ม หัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี นั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี

เขานั่งเงียบๆอ่านรายงานที่พันตำรวจโทสำเริง มุยคำ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอชัยบาดาล รายงานถึงคดีที่เชื่อว่านายสมชาย หรือหยอง และพรรคพวกเข้าไปพัวพันเกี่ยวข้อง

รวมทั้งที่มาของปัญหา นั่นคือ ที่ดินที่นายไบคานกว้านซื้อจากชาวบ้านอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งบุกรุกป่าสงวนเข้าไปอีกนับหมื่นไร่

จนกลายเป็นปัญหาระดับชาติ เมื่อไบคาน นำที่ดินผืนดังกล่าวมาประกาศขายให้ทางการคืนในราคา 30 ล้านบาท เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ไม่มีที่ทำกิน

คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดลพบรี ที่มีนายโชดก วีรธรรม พูลสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานพิจารณาจนได้ข้อสุรป นายไบคานไม่มีสิทธิ์ครอบครองแผ่นดินผืนนี้ เพราะล้วนแล้วแต่เป็นที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ

ที่ประชุมยังมีความเห็นอีก ให้จัดสรรที่ดินผืนดังกล่าวแบ่งให้กับราษฎรที่ยังไม่มีที่ทำกินคนละไม่เกิน 20 ไร่ด้วย

แต่นายไบคานไม่ยอม ทำเรื่องขอชดเชย และสิ่งปลูกสร้างภายในที่ดินผืนนี้เป็นเงิน 40 ล้านบาท

นั่นคือปัญหาหลักที่เขาต้องทำเรื่องเสนอข้อเท็จจริงไปตามลำดับชั้นเพื่อลงมาแก้ไข

ในส่วนคดีอาชญากรรมที่นายสมชายหรือหยอง เจ้าพ่อชัยบาดาล ลูกชายมาเฟียปากีสถานที่เข้าไปมีส่วนพัวพันมีนับไม่ถ้วน และเป็นหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างเขาต้องสะสาง มีมากมายหลายเรื่อง อาทิ

การนำลูกน้องบุกปล้นบ้านนายกิ่ง ปรีชา ลูกบ้านตำบลชัยนารายณ์ คดีฉุดผู้หญิงข่มขืน ไม่น้อยกว่า 20 ราย คดียิงนายอำนาจ หรือประกอบ สิงหสกุลไกร กลางตลาดที่จังหวัดตาก

คดีนี้ชลอ จำได้ สมัยเขาเป็นผู้กำกับตำรวจภูธรจังหวัดตาก เขานำกำลังตรวจค้นโรงงานฆ่าสัตว์ จับ”บังคุด”มือปืนกำแพงเพชร ที่รับคำสั่งไอ้หยอง ข้ามถิ่นขึ้นไปฆ่าเหยื่อที่ขัดผลประโยชน์ ต้องหนีตายจากอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา แต่นายประกอบก็หนีอาญาเถื่อนจากไอ้หยองไม่พ้น

คดีฆ่านายดี เงินพัน ถูกสมุนเจ้าพ่อเอาวัวตรา BK เข้าไปกินหญ้าในที่ดินที่นายดีจับจองบริเวณป่าสงวนเชิงเขา ตำบลห้วยหิน อำเภอชัยบาดาล โดยประกาศว่า นี่เป็นที่ดินของไบคานสั่งให้ครอบครัวนายดีอพยพออกไป แต่นายดีไม่ยอม เลยถูกจับฝังทั้งเป็นไว้ทีี่ฝายกั้นน้ำหลังฟาร์มไบคาน

นอกจากนี้ ยังมีคดีฆ่านายสวง เอาไปฝังทิ้งริมทางรถไฟ ไม่เท่านั้น ขนาดพระสงฆ์องค์เจ้า ที่มาตั้งสำนักปฏิบัติธรรมอยู่หน้าฟาร์มไบคาน ยังถูกเจ้าพ่อชัยบาดาลลูกชายซ้อมยิงปืนใส่  จนพระสงฆ์องค์เจ้าทนไม่ไหว ต้องหนีออกจากพื้นที่

คดีฆ่าปิดปาก นายสุข หัวเขียง มือปืนในสังกัดของนายสมชาย บริเวณเชิงเขาโกรกฟ้า คดีปล้นฆ่าชิงรถน้ำมัน โดยเจ้าพ่อชัยบาดาล สั่งสมุนนำทั้งคนทั้งรถฝังไว้ในพื้นที่กว้างใหญ่แห่งนี้

รวมทั้งคดีที่“วันดี ศรีตรัง” อดีตนางเอกภาพยนตร์ เมียนายสมชายที่เสียชีวิตอย่างปริศนาภายในฟาร์มไบคาน

ชลอจำได้ เคยอ่านหนังสือพิมพ์ที่เสนอข่าวเบื้องหลังการหายตัวไปของนางเอกตาคมผู้นี้ช่วงหนึ่ง โดยเธอออกมาแถลงข่าวขอโทษสื่อมวลชน และแฟนภาพยนตร์

ที่หายตัวไปเพราะต้องเดินทางไปที่ประเทศปากีสถาน ทำพิธีแต่งงานกับนายสมชายหรือ หยอง หลังเธอพบรักกับเจ้าพ่อชัยบาดาล ขณะไปถ่ายทำภาพยนต์ที่ไร่ลำนารายณ์ อำเภอชัยบาดาล

ระหว่างนั่งอ่านรายงานของพันตำรวจโทสำเริง ชลอบีบมือตัวเองทั้ง 2 ข้าง จนแน่นแล้วค่อยๆคลายออก ทำซ้ำไปมาซ้ำมาหลายเที่ยว

ชายหนุ่มนั่งคิด สำหรับไอ้หยอง หลังเขามารับตำแหน่งผู้กำกับตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี จริงๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เกิดเรื่องนี้ เขาก็จ้องจับตาดูมันอยู่

ชลอหาโอกาสจะลองกำลังกับลูกชายมาเฟียต่างชาตินี้หลายครั้ง ยิ่งฝ่ายทหารไฟเขียวมาให้ด้วย เพราะเรื่องที่ไอ้หยองก่อเวรกับชาวไทยในพื้นที่ที่ชลอดูแลอยู่มันสาหัสสากรรจ์อยู่นัก

แต่ไม่สบโอกาสซะที….

จากนั้น ชลอ ร่างข้อความให้เจ้าหน้าที่หน้าห้อง วิทยุด่วนแจ้งไปยังพันตำรวจโทสำเริงที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ ระดมตำรวจเข้าคุ้มครองชาวบ้าน รวมทั้งเจ้าทุกข์ และพยานที่เข้ามาให้ปากคำ เพื่อให้ความปลอดภัย และความอบอุ่นใจ

ที่สำคัญ ให้ตั้งด่านตรวจค้นตามเส้นทางสำคัญในพื้นที่ ป้องกันคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายขนอาวุธไปล้างแค้นถล่มกันเองก่อน

สาระสำคัญในข้อความด่วนนี้คือ พันตำรวจเอกชลอ จะเดินทางไปตรวจสำนวนการสอบสวน และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้านตำบลชัยนารายณ์ในวันพรุ่งนี้

ในวันนั้นเอง ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอชัยบาดาล บรรดาผู้สื่อข่าวที่เกาะติดสถานการณ์เดือดในพื้นที่ พากันหายเหงาะ เพราะได้พบกับชาวบ้านผู้เสียหายที่ถูกอิทธิพลเจ้าพ่อชัยบาดาลรังแก และหาญกล้าเข้าแจ้งความกับตำรวจ หลังเกิดเหตุลอบยิงเจ้าพ่อ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในกฎหมายบ้านเมืองมากขึ้น

นายกิ่ง ปรีชา ชาวบ้านวัย 34 ปี พร้อมนางเจียม ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากวัย 30 ปี  คือเหยื่อไบคาน ที่หาญกล้าเข้าแจ้งความกับพันตำรวจโทสำเริง มุยคำ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอชัยบาดาล ร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรมที่ถูกนายมชาย นำสมุนเข้ารังแก  เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31พฤษภาคม พุทธศักราช 2523 ก่อนเกิดเหตุลอบยิงนายสมชายเพียง 1 วัน

นายกิ่ง และนางเจียม ร่วมกันให้การว่า นายสมชายพร้อมสมุน 7 คน บุกเข้าไปในบ้านของ 2 ผัวเมีย เลขที่ 93 หมู่ที่ 2 ตำบลชัยนารายณ์ ยึดเอาทรัพย์สินภายในบ้านไปเป็นของส่วนตัว

เหตุเพราะนายสมชายเข้าใจว่า นายกิ่งบุกเข้าไปตัดไม้ในเขตไร่ของนายสมชาย จึงสั่งให้นายก่ิงเข้าไปขับรถในไร่เป็นการใช้หนี้  แต่นายกิ่งไม่ยอม เพราะต้องเลี้ยงดูลูกเลี้ยงดูเมีย เลยถูกนายสมชายพาพวกมาคุกคามจนต้องทิ้งครอบครัวหนีไป

เจ้าพ่อชัยบาดาล ไม่ยอมลดราวาศอก ส่งลูกน้องมากระทำย่ำยีทุบข้าวของเครื่องใช้ในบ้านจนพังพินาศ และยังฉวยโอกาสนำทรัพย์สินมีค่าไปด้วย

สอดคล้องกับคำให้การของกำนันหล่ำที่เข้าร้องเรียน เหตุที่ชาวบ้านตำบลชัยนารายณ์รวมตัวจับอาวุธสู้อิทธิพลของเสี่ยหยอง เพราะนายสมชายสั่งกำนันหล่ำ ให้นำตัวนายกิ่ง ที่ถูกอาญาเถื่อนกล่าวหาไปขโมยไม้แค่ 2 ท่อน จากไร่ของนายสมชายมามอบให้ในวันที่ 1 มิถุนายน

หากไม่นำตัวมาให้จะได้เห็นดีกัน !!!!

กำนันหล่ำ พ่อบ้านรู้ดี  ขืนส่งตัวให้แล้วคงไม่พ้นยื่นลูกไก่ให้จระเข้ นายกิ่งต้องถูกทำร้ายไม่บาดเจ็บก็ตายเหมือนรายอื่นๆ

ชาวบ้านที่รู้เรื่องต่างเห็นใจพ่อบ้านกำนันหล่ำ ประกอบกับถูกกดอยู่ใต้อิทธิพลเจ้าพ่อชัยบาดาล เลยมีหัวรุนแรงบางคนวางแผนดักยิงนายสมชายในวันรุ่งขึ้น

“ว่าแต่เรา…เข้าไปตัดไม้ท่อนตามที่ถูกนายสมชายกล่าวหาหรือไม่…”

พันตำรวจโทสำเริงสอบถามนายกิ่งต่อหน้านักข่าว ตากล้อง ที่แย่งกันยิงกันคำถามและถ่ายภาพกันวุ่นวาย

“เจ้านายอย่าถามเฉพาะผม ชาวบ้านทุกคนในชัยนารายณ์ ไม่มีใครกล้าบุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่ของนายสมชายหรอกครับ  มีแต่ถูกนายสมชายพาพวกเข้ามาบุกรุก ตัวอย่างผมมีที่ดิน 10 ไร่  แต่ถูกฝูงวัว ตีตราฝรั่ง BK ที่ใคร ๆก็รู้เป็นของไบคาน เข้ามากินเสียหายไปซะ 4 ไร่ แต่ไม่มีใครกล้าโวยวายหรอกครับนาย…..”

มีแต่เสียกับเสีย……

นั่นคือ คำตอบของนายกิ่ง ตัวเปิดคดีลอบยิงเจ้าพ่อชัยบาดาลในครั้งนี้

กราบขออนุญาต : ชลอ เกิดเทศ
ที่มา : Cops-magazine
โดย : กิตติพงศ์ นโรปการณ์

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: