2614.วิชาทำพัดโบก หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่

วิชาทำพัดโบก หลวงปู่ทิม อิสริโก หรือ พระครูภาวนาภิรัต ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดละหารไร่เป็นยอดพระคณาจารย์ที่มีพลังจิตแก่กล้ารูปหนึ่งของภาคตะวันออก

ก่อนหน้านั้นหลวงพ่อทิมก็เคยเดินทางไปหา หลวงพ่อกราด วัดชากกอไผ่ ซึ่งอยู่ในตำบลห้วงหิน ทางไปในยุคนั้นลำบากมากแต่ท่านก็บุกบั่นไปให้ได้ เพราะท่านต้องการไปศึกษา วิชาทำพัดโบก

ซึ่งท่านเคยเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของวิชานี้เมื่อคราวที่ท่านเป็นทหาร คือเพื่อนของท่านชื่อ พลทหารโทน มีบ้านอยู่ที่ตำบลห้วงหิน ได้ไปเที่ยวงานวัดแห่งหนึ่งกับท่าน พลทหารโทนมีนิสัยสนุก คึกคะนอง เห็นผู้หญิงที่มาในงานก็อดเกี้ยวพาราสีไม่ได้ ทำความหมั่นไส้ให้กับสาวน้อยที่ชื่อ ลำเจียก จึงโดนสาวน้อยลำเจียกด่าเอาเสียๆ หายๆ จนทำให้พลทหารโทนโกรธเคืองมาก ถึงกับกลับไปที่ค่ายกองทหารล้วงเอาของสำคัญที่ได้รับมาจากพ่อของตนเอง และชวนหลวงพ่อทิมไปด้วย (ซึ่งตอนนั้นหลวงพ่อทิมยังเป็นทหารอยู่เช่นกัน)

ยันต์พัดโบกหรือยันต์โบกสาว

เมื่อไปถึงงานเห็นสาวน้อยลำเจียกกำลังนั่งคุยกับชายหนุ่มในงาน พลทหารโทนจึงหยิบผ้ายันต์ออกมาพร้อมทั้งอาราธนารำลึกถึงครูบาอาจารย์ กลั้นใจภาวนาคาถาเมื่อเสร็จแล้วจึงโบกไปที่สาวลำเจียกทันที สักพักหนึ่งความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ไม่ว่าพลทหารโทนจะเดินไปที่ใดสาวน้อยลำเจียกก็จะเดินติดตามพลทหารโทนไปทุกแห่งโดยไม่ให้คลาดสายตาเลย และเมื่อพลทหารโทนพ้นเกณฑ์แล้วสาวลำเจียกก็ติดตามไปอยู่กินด้วย

หลวงพ่อทิม ตอนนั้นยังเป็นทหารอยู่มีความสนใจเป็นพิเศษอยากจะไปศึกษาวิชานี้ จึงถามพลทหารโทนว่า ผ้ายันต์พัดโบกนี้เป็นของอาจารย์ไหน ทำไมถึงแน่มาก พลทหารโทนจึงบอกว่าเป็นของหลวงพ่อกราด วัดชากกอไผ่ ท่านเป็นพระที่ร้อนวิชา ชอบสูบกัญชาเป็นชีวิตจิตใจ ใครจะไปเรียนวิชาอะไรกับท่าน ต้องมีกัญชาเป็นค่ายกครู

เมื่อหลวงพ่อทิมคิดได้ดังนั้น ท่านจึงเดินทางไปหาหลวงพ่อกราดทันที เมื่อเห็นหน้าหลวงพ่อทิม หลวงพ่อกราดก็ชี้หน้าแล้วโวยวาย “ไม่มีวิชาอะไรโว้ย ไปให้พ้น ใครๆ หาว่าเป็นพระบ้ากัญชา ไปออกไปให้พ้น อย่ามากวน”

แต่หลวงพ่อทิมท่านมีความอดทนเป็นเลิศ ท่านเดินไปหาหลวงพ่อกราดก้มลงกราบหลวงพ่อกราด 3 ครั้ง ไม่สนใจว่าหลวงพ่อกราดจะรับไหว้ท่านหรือไม่ ท่านเดินเข้าไปปฏิบัติรับใช้ตั้งน้ำชาต้มน้ำร้อนเทกระโถนให้หลวงพ่อกราด จนหลวงพ่อกราดใจอ่อน ถามหลวงพ่อทิมว่า มาทำไม

ยันต์พัดโบกหรือยันต์โบกสาว

หลวงพ่อทิมจึงบอกว่า อยากมาเรียนวิชาอาคมจากท่าน หลวงพ่อกราดจึงถามว่า รู้ค่าธรรมเนียมยกครูหรือเปล่า ว่าต้องใช้อะไรบ้าง หลวงพ่อทิมก็เอากัญชาที่เตรียมมาถวายพร้อมกับเงินค่าครู 6 บาท เมื่อหลวงพ่อกราดรับไว้เรียบร้อยแล้วท่านจึงเอากัญชามาสูบแล้วถามหลวงพ่อทิมว่า อยากเรียนวิชาอะไร หลวงพ่อทิมก็ตอบว่า อยากเรียน วิชาทำพัดโบกหลวงพ่อกราดได้ยินดังนั้น ถึงกับนั่งนิ่งเงียบไปและพูดด้วยเสียงเรียบๆ ว่า “เอ็งรู้ได้อย่างไงว่าข้ามีวิชาพัดโบก อย่าเรียนเลย วิชานี้มันจะมีภัยสำหรับผู้หญิงมาก ถ้าข้าถ่ายทอดให้กับคนที่ไม่มีสัจจะ เอ็งเอาวิชาอย่างอื่นสิ”

หลวงพ่อทิมก็ยืนยันว่าอยากได้วิชาพัดโบกและพูดกับหลวงพ่อกราดว่า ท่านได้ยกครูถูกต้องตามธรรมเนียมแล้ว ฉะนั้นหลวงพ่อจะต้องสอนวิชานี้ หลวงพ่อกราดเมื่อถูกยืนยันดังนั้น ท่านจึงยอมถ่ายทอดวิชาพัดโบกให้ วิชาพัดโบกเป็นวิชาเมตตามหานิยมชั้นสูงมาก ผู้ที่จะเรียนวิชานี้ให้ขลังต้องมีความพยายามเป็นอย่างสูง เพราะกว่าจะเรียนวิชานี้ให้สำเร็จได้ต้องทำจิตใจให้นิ่งเป็นสมาธิมากจะวอกแวกไม่ได้และต้องหาวัสดุอาถรรพ์เหล่านี้ให้ได้ครบ


หลวงปู่ทิม-วัดละหารไร่

ได้แก่ ไม้ไก่กุก, ไม้แยงแย้, ขมิ้นขาว, ไพลดำ ฯลฯ เมื่อได้วัสดุอาถรรพ์เหล่านี้มาแล้ว จึงนำมาบดให้ละเอียดและปลุกเสกตามกรรมวิธีที่ได้เล่าเรียนมา แล้วจึงนำมาผสมกับหมึกที่ใช้ลงผ้า พอได้ฤกษ์งามยามดีจึงนำมาลงบนผ้ายันต์พัดโบก เมื่อลงเสร็จแล้วก็ต้องนำไปปลุกเสกในโบสถ์ด้วยคาถาพัดโบก (ซึ่งผมจะยอมเปิดเผยให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้ คาถาหลวงปู่ทิมตามที่ผมได้เล่าเรียนมาจากท่าน ขอให้ท่านผู้อ่านถ้าเชื่อถือก็ให้จดเก็บรักษาไว้)

คาถาปลุกเสกผ้ายันต์พัดโบกก่อนอื่นต้องตั้งเครื่องบูชาครูให้ครบ เมื่อครบแล้วให้พยายามรวมจิตให้มั่น รำลึกถึงครูบาอาจารย์เสร็จแล้วจึงตั้งจิตให้นิ่ง จิตนั้นให้นึกถึงผ้ายันต์พัดโบกพร้อมทั้งบริกรรมคาถากำกับไปด้วยว่า

“นะโมพุทธายะ อิติปิโสภะคะวา อิติปาระเมตตาตึงสา อิติสัพพะมาคะตา คนทั้งหลายรัก หลงยุมาคะตา อิติโพธิมะนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม พิศวาสหลงใหล พิสมัยแนบเนื้อ ใจจิตคิดคะนึงวิญญา นะเมตตา โมกรุณา พุทเป็นที่รัก ธาให้เห็นประจักษ์ ยะให้ยินดี ยะละลวยหันตะวา ธาเมามัว พุทพาตัวมาหา โมมาสมสู่ นะรักอยู่จนวันตาย โอม จิตติๆ หญิงชาย เห็นหน้าจงงงงวย จงใจรักอ่อน ละมัยมาหา สูรู้ว่า มา ฤฤา ลึกฤา เอหิพรหมมาจิตตังมาด้วยพระวินัย ยันเถตังถิตัง กะระณียัง เมจจังจิตติ ขันติ มะอิตถีโยอะปุริสา สมณพรหมณา เมตตาจะมหาราชา สัพพะเสน่หาจะปูชิโต สัพพะสุกขังมหาลาภัง ราชาโกธังวินาสสันติ สัพพะโกธังวินาสสันติ ปิโยเทวะมนุสสานัง ปิโยพรหมมานะ มุตตะโม จิตติมาหา เอหิพันธะ ปิยังมะมะ”

องตั้งจิตบริกรรมจนผ้ายันต์นี้เคลื่อนไหวหรือพัดสะพือไปมาจึงจะสำเร็จ แต่ถ้าไม่เคลื่อนไหวก็แสดงว่าผู้เสกยังมีจิตใจที่วอกแวก ไม่รวมจิตให้เป็นสมาธิผ้ายันต์นี้จึงไม่มีอานุภาพดังกล่าว ยามปกติธรรมดาแล้วถ้าปลุกเสกโดยไม่มีวัสดุอาถรรพ์ผสมผ้ายันต์นี้จะใช้เป็นเมตตามหานิยม ติดอยู่ที่บ้านจะขายของดีเป็นที่รักแก่คนทั้งหลาย

แต่ถ้ามีวัสดุอาถรรพ์ดังกล่าวผสมอยู่ก็จะใช้ดีทางผู้หญิงอย่างเดียว พัดไปทางทิศไหนที่มีสตรีที่เราหมายปอง สตรีนั้นเมื่อถูกต้องพัดโบก ขณะกำลังไถนาอยู่ถึงกับทิ้งคันไถตามชายที่มีพัดโบกไปทันที แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อได้เขาเป็นภรรยาแล้วต้องเลี้ยงดูเขา ห้ามทิ้งขว้างอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นจะเกิดโทษภายหลัง

หลวงพ่อทิมเล่าเรียนและศึกษาวิชาอาคมอยู่กับหลวงพ่อกราดถึง 2 ปี จนเชี่ยวชาญในวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงพ่อกราดเป็นพิเศษ บางครั้งท่านจะเห็นหลวงพ่อกราดแสดงฤทธิ์ให้เห็นอย่างจะจะหลายครั้ง


หลวงปู่ทิม-วัดละหารไร่

มีอยู่ครั้งหนึ่งชาวบ้านแถบนั้นได้นำเอาตะกั่วถ้ำชามามอบให้หลวงพ่อกราดเพื่อลงตะกรุดโทน จะได้นำไปติดตัวตอนเป็นทหาร หลวงพ่อกราดก็บอกว่า อีก 7 วันมาเอา เมื่อครบ 7 วันชายผู้นั้นก็ไปหาหลวงพ่อกราดเพื่อรับตะกรุดโทน ขณะนั้นหลวงพ่อกราดนั่งอยู่บนกุฏิพอเห็นชายผู้นั้นท่านจึงเอ่ยว่า

ไอ้ทิดตะกรุดของเอ็งตกอยู่ข้างล่าง ลงไปหยิบให้ทีสิ พอชายผู้นั้นหยิบขึ้นมาแล้ว หลวงพ่อกราดก็ใช้ฉมวกสำหรับแทงปลาอันแหลมคม พุ่งอย่างแรงไปที่กลางหลังของชายที่กำลังถือตะกรุดอยู่ เสียงดังสนั่น ชายผู้นั้นถึงกับล้มทั้งยืนหน้าซีดไม่มีสีเลือด นั่งอยู่กับพื้นพูดอะไรไม่ออก หลวงพ่อกราดจึงตะโกนไปว่า อะไรว่า อยากได้ของดียังใจเสาะอีก เดี๋ยวเอาของคืนเสียเลย

ที่มา​ จดหมายเหตุพระเกจิ

แอพเกจิ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: