2597.กิตติคุณพระครูนิวาสธรรมขันธ์(หลวงพ่อเดิม) 2

กิตติคุณพระครูนิวาสธรรมขันธ์(หลวงพ่อเดิม) 2

เพราะปกติแล้วออกพรรษาท่านจะไปช่วยวัดที่ขาดแคลน สร้างถาวรวัตถุเสมอต้นปี พ.ศ. ๒๔๘๑ข้าพเจ้าจึงมีโอกาสเข้าไปกราบแทบเท้าของท่านที่วัดต่อหน้าเทพเจ้าแห่งเมืองสี่แคว
ข้าพเจ้า และหลวงพ่อจันทร์เดินทางด้วยเกวียนของชาวบ้านจากเนินมะกอกลัดทุ่งเข้าท้ายบ้านหนองโพ มุ่งไปที่วัดหนองโพ เวลานั้นมีอุโบสถศาลาการเปรียญ และหมู่กุฏิไม่กี่หลัง กุฏิของหลวงพ่อใช้ปลูกเป็นคล้ายศาลามีเสื่อลำแพนกั้นเอาไว้กันลมกันฝุ่น ส่วนกุฏิใหม่นั้น ชาวบ้านยังช่วยกันสร้างอยู่โดยอ้างเหตุผลกับหลวงพ่อว่า จะรื้อกุฏิเดิมของหลวงพ่อไปเป็นศาลาปลงศพของชาวบ้านนั่นแหละหลวงพ่อจึงยอมตกลง

ข้าพเจ้าก้มลงกราบแทบเท้าของหลวงพ่อก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นพนมมือหว่างอก หลวงพ่อจันทร์ได้เอ่ยแนะนำว่า ศิษย์ของกระผมเองชื่อนายประดิษฐ์ ลิ้มประยูร ได้ทราบถึงพระกิตติคุณของหลวงพ่อ จึงมามอบตัวเป็นศิษย์เขามีอาชีพเป็นคนรถไฟ และเป็นนักมวยด้วยหลวงพ่อเดิมมองหน้าข้าพเจ้านิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของท่านคมกล้าฉายแววแห่งความเด็ดเดี่ยว แล้วท่านก็เอ่ยขึ้นว่า “เธอเป็นคนรถไฟ และเป็นนักมวยคงจะเชื่อมั่นในคุณพระศรีรัตนตรัยมากซีนะ”

ข้าพเจ้าตอบว่า “ชายชาตรีย่อมมีจิตเคารพในพระพุทธศาสนา และคุณบิดามารดาครูอุปัชฌาย์” ท่านตอบว่า “เออ ดีๆตอบได้ดี เอาละเมื่อท่านจันทร์พามาก็ดีแล้วเป็นอันว่าฉันรับเธอไว้เป็นศิษย์ก็แล้วกัน”
(คำว่า “ดี” นี้ต่อมาข้าพเจ้าจึงได้ยินจากปากท่านว่าโบราณท่านว่า ให้พูดว่าดี แล้วอะไรๆ ก็ดีอย่าพูดว่า “แย่ มันก็ไม่ดี”)

ข้าพเจ้ากราบลาหลวงพ่อเดิมมาในวันนั้นเองเพราะมีงานทำค้างอยู่ที่กรุงเทพฯ และตั้งใจว่าถ้ามีโอกาส จะมานมัสการท่านอีกข้าพเจ้ายังจำได้ติดตาจนทุกวันนี้ว่า หลวงพ่อมีผิวขาว รูปร่างสูงโปร่งแบบคนโบราณเดินไปทางใดก็ตัวตรง นั่งก็ตัวตรง หลวงพ่อไม่ฉันหมากฟันของท่านจึงขาวเป็นระเบียบเวลาท่านแย้มยิ้มเป็นสง่า และประทับใจ

ปกติหลวงพ่อจะไม่ค่อยยิ้มการครองผ้าของหลวงพ่อ ต่อหน้าแขกนั้นเรียบร้อย และสำรวมกิริยาได้อย่างน่าเลื่อมใสดังนั้นหากว่าท่านไปอ่านพบที่ใดเขียนว่าท่านฉันหมากละก็คนเขียนไม่เคยพบหลวงพ่อเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้แล้วสัญญลักษณ์ของวัดหนองโพอีกอย่างหนึ่งก็คือช้างช้างของหลวงพ่อถูกตกปลอกเอาไว้ที่โคนต้นโพธิ์ หลังพระอุโบสถเพื่อเอาไว้ใช้ชักลากไม้มีหลายเชือก เท่าที่ข้าพเจ้าจำได้ก็มีอีปทุมตัวหนึ่งละช้างตัวนี้เชื่องมากกว่าตัวอื่น

ถวายตัวเป็นศิษย์
ข้าพเจ้าได้พยายามไปมาหาสู่นมัสการหลวงพ่ออยู่เรื่อยๆทั้งๆที่รถไฟก็ยังไม่หยุดที่สถานีหนองโพ ลำบากเพียงใดข้าพเจ้าก็ไม่หวั่นทุกครั้งที่ไปข้าพเจ้าก็จะนำของไปถวายหลวงพ่ออยู่เสมอมิได้ขาดแต่ก็น่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่งว่า ของถวายนั้นหลวงพ่อไม่ค่อยจะได้ฉันเพราะพอมีคนมาขอหลวงพ่อก็ให้ปันไป

แม้แต่นมข้นหวานกระป๋องที่ถวายหลวงพ่อก็เอาไปชงแจกพระ และเณรตลอดจนศิษย์วัดที่ช่วยทำงานกันทั่วหน้าถวายเท่าไหร่ท่านก็แจกหมด ฉันเพียงพอฉลองศรัทธาเท่านั้นนับว่าเป็นวัตรปฏิบัติอย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าประทับใจมิรู้ลืมหลวงพ่อคือพระผู้ให้โดยแท้จริง พระที่ใกล้ชิดท่านมากที่สุดเวลานั้นคือพระอธิการน้อย เตชะปุญโญ ปัจจุบันข้าพเจ้าได้ข่าวว่าครองวัดแทนหลวงพ่อตั้งแต่ข้าพเจ้าได้มาปักหลักอยู่ที่เชียงใหม่นี้ ก็ไม่ได้พบกับท่านอีกเลย

วันหนึ่งข้าพเจ้าได้เข้าไปกราบนมัสการท่านในตอนค่ำหลังจากที่ท่านได้ว่างจากแขกแล้วตอนกลางวัน ข้าพเจ้าไม่ค่อยได้สนทนากับท่านเพราะแขกมาหาท่านมากหน้าหลายตาไม่มีได้หยุด ที่มากที่สุดก็คือการรดน้ำมนต์เด็กวัดที่มีหน้าที่ตักน้ำมาใส่ตุ่มน้ำมนต์ของหลวงพ่อ ไม่ค่อยอยากจะเข้าเวรเพราะถ้าถึงเวรใครก็เวรจริงๆ คือตักกันบ่าแทบหลุดไปเลยทีเดียว
ข้าพเจ้าคลานเข้าไปหาท่าน ก้มลงกราบพร้อมทั้งเรียนท่านว่า “กระผมอยากจะได้พระคาถาเอาไว้ป้องกันตัวสักบทสองบท


หลวงพ่อเดิม

แล้วแต่หลวงพ่อจะเมตตา” หลวงพ่อท่านยิ้มเล็กน้อยตอบว่า
“เธอมาอยู่ใกล้ชิดฉันนานพอสมควรแล้วนี่ อยากได้อะไรก็เอาฉันจะให้แต่ให้รับคำของฉันเสียก่อนนะ เธอรับได้ไหม”

ข้าพเจ้าไม่ลังเลเพราะตัดสินใจแล้วว่า คำขอของหลวงพ่อต้องดีแน่ จึงตกลงท่านจึงเริ่มต้น
๑. ต้องยึดมั่นใน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และพระพุทธศาสนา จนตลอดชีวิต
๒. จงเคารพในบิดา มารดา และครูบาอาจารย์เป็นที่ตั้งอย่าลบหลู่ดูถูกให้ระคายเคือง
๓.เมื่อได้พระคาถาไปแล้วก็ให้ถือว่าเป็นของที่หลวงพ่อมอบให้เปล่าไปมิได้เรียกค่าตอบแทน เมื่อหลวงพ่อมอบให้เปล่าก็จงมอบให้กับผู้อื่นเปล่าๆอย่าได้เรียกร้องอามิส หรือลาภสักการะอันใด จากผู้นั้นเป็นอันขาด

๔.เมื่อจะมอบคาถาให้ผู้ใดก็จงให้เขานำดอกไม้ ธูปเทียน ไปสักการะพระศรีรัตนตรัยปฏิญานตนตามข้อที่หนึ่ง และระลึกถึงหลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง หลวงพ่อเทศก์วัดสระทะเล หลวงพ่อแก้ว วัดอินทาราม หลวงพ่อขำ วัดเขาแก้วและหลวงพ่อเดิมเป็นที่ตั้ง อย่าได้ลบหลู่ด้วยการตั้งตัวเป็นอาจารย์แทนหลวงพ่อไม่ว่าหลวงพ่อจะล่วงลับ หรือยังอยู่ก็ตามเพราะจะเกิดความเสื่อมถอนในพระคาถาที่เคยเป็น

๕.อย่าด่าบิดามารดาผู้อื่นเป็นอันขาดพระคาถาจะไม่ขลังทำให้เกิดอันตรายเพราะปากของตัวเองในระยะนั้น
๖.อย่าเป็นชู้ผิดลูกเมียของผู้อื่นเป็นเด็ดขาด นอกจากจะไม่เกิดความก้าวหน้าแล้วหากยังขืนใช้พระคาถาอยู่ก็จะตายโหงอย่างน่าสยดสยอง

๗. คาถาเครื่องลางของขลังของหลวงพ่อ ห้ามมิให้ใช้ในทางปล้นสดมภ์หรือก่อความเดือดร้อนให้กับผู้สุจริต และไม่ให้ล่วงชีวิตผู้อื่น ไม่ว่ากรณีใดจงทำเพื่อป้องกันตัวให้หลายจำเท่านั้น เพราะเป็นบาปอันมหันต์
ข้าพเจ้ารับคำอย่างเต็มใจ หลวงพ่อจึงผลัดให้ถึงวันพฤหัสบดีให้หาดอกไม้ธูปเทียนมาให้ท่าน ข้าพเจ้าลากลับด้วยหัวใจอันพองโตบัดนี้ข้าพเจ้าจะได้เรียนพระคาถาจากหลวงพ่อเดิมในคราวนี้เอง …

เมื่อถึงวันพฤหัสบดีข้าพเจ้าจึงเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อพร้อมดอกไม้ธูปเทียนหลวงพ่อรับดอกไม้ธูปเทียนแล้วจึงครองผ้าเข้าที่ หันหน้าเข้าหาที่บูชาของท่านนำดอกไม้วางถวายไว้ในแจกัน หลวงพ่อหันมากราบลงไปแทบที่บูชาด้วยอาการอันเคารพครั้นแล้วท่านก็หันมาหา
ข้าพเจ้าพร้อมทั้งเรียกให้เข้ามาใกล้ๆท่านเอามือของท่านประคองศีรษะของข้าพเจ้าเข้าไปใกล้ๆท่านภาวนาเป่าลมพรวดๆลงมาบนหัวของข้าพเจ้าสามครั้ง จนเย็นวาบ ท่านเงยหน้าขึ้นข้าพเจ้าถอยห่างออกมาพอสมควร


หลวงพ่อเดิม

หลวงพ่อจึงบอกว่า
“วิชาการทั้งหลายที่หลวงพ่อได้ร่ำเรียนมานั้นเป็นทานหลวงพ่อได้มาเปล่าๆเพียงดอกไม้ธูปเทียนบูชาพระคุณเท่าที่เธอได้นำมา ดังนั้นดอกไม้และเครื่องบูชาจึงยกถวายครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อเมื่อเธอได้วิชาหรือคาถาต่างๆจากหลวงพ่อไปแล้ว จงมอบให้ผู้อื่นเปล่าๆตามแต่จะเห็นสมควรเพียงให้เขาหาดอกไม้ธูปเทียนเพื่อระลึกบูชาถึงครูบาอาจารย์เท่านั้น

อย่าได้ตั้งตัวเป็นอาจารย์ ครอบหรือเรียกร้องอามิส ลาภผล เงินทอง จากเขาเป็นอันขาดเพราะเป็นการลบหลู่ดูถูกครูบาอาจารย์ ไม่เจริญแก่ตัวเองคาถาที่มีอยู่ในตัวจะเสื่อมถอย ความดีทั้งหลายมิใช่ตัวเราดีหากแต่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาจึงมอบให้ อย่าได้ตั้งตัวเป็นอาจารย์ทับรอยเป็นอันขาดคนดีเขาไม่ทำกัน”

หลวงพ่อสิ้นคำลง ข้าพเจ้ารอฟังคำของท่านต่อไปแสงตะเกียงลานส่องวอมแวม วูบวาบ ทุกอย่างเงียบสงบหลวงพ่อให้ข้าพเจ้าเอากระดาษดินสอที่เตรียมไปขึ้นมาจดคาถาจากปากของท่านที่พูดบอกให้ หลวงพ่อพูดเสียงไม่ค่อยดังนักหากแต่ว่ามีกังวานและแฝงไว้ด้วยอำนาจ ท่านบอกว่า คาถาบทแรกคือการอัญเชิญ พระคาถาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าตัวก่อนจะเล่าเรียนคาถาต่อไปเป็นการป้องกันเสนียดจัญไรจากมารร้าย

เพราะว่าพญามารนั้นไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติณ ที่ใด หรือใครจะบวชเรียน ใครจะเขียนอ่านพระคาถาไหน พญามารจะไปเบียนเสมอๆทำให้ท้อถอย ทำให้หลงลืม ทำให้เหนื่อยหน่าย จึงต้องกำหราบมารเสียแต่ต้นท่านบอกให้ข้าพเจ้าจดดังนี้

พระคาถาอาราธนา ปวงเทพเทวา ครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้เข้ามาอยู่ในตัว จะเล่าเรียนพระคาถาหรือท่องบ่นตำราต่างๆ ใช้ภาวนาก่อนจะเกิดความแม่นยำ และไม่หลงลืม

ตั้งนะโมสามจบ…
สาธุข้าพเจ้าขอนอบน้อมนมัสการ พระพุทธคุณนัง พระธรรมคุณนัง พระสังฆคุณนังพระศรีรัตนตรัย แก้วสามประการ พระพุทธชินสีห์ พระพุทธชินราช พระธาตุจุฬามณีพระสีสรรเพชร พระธรรมเจ้าทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ก็จบข้าพเจ้าขออาราธนาเข้ามาอยู่ในดวงจิตในหทัยของข้าพเจ้าข้าพเจ้าจะกระทำการสิ่งใดขอให้ประสิทธิ ขอเดชเดชะ คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ปวงเทพเทวา จงเป็นที่พึ่งแก่ข้าพเจ้าในกาลบัดนี้เถิด ครั้นข้าพเจ้าจดหมดแล้วจึงอ่านทวนให้ท่านฟัง มีตอนใดที่ข้าพเจ้าจดผิดท่านจะแก้ให้จดใหม่จนถูกต้องท่านได้ย้ำตอนท้ายอีกว่า ทุกครั้งที่จะเรียนวิชา หรือจะท่องคาถาให้ระลึกถึงหลวงพ่อแก้ว วัดอินทาราม หลวงพ่อเทศวัดสระทะเล หลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลืองหลวงพ่อขำ วัดเขาแก้ว หลวงพ่อเดิม คือองค์ท่านไว้เสมอๆ จะเป็นการดีแก่ตัวเองในคืนวันนั้น ข้าพเจ้าได้คาถาหัวใจ ๑๐๘ อีกอย่างหนึ่ง ที่หลวงพ่อบอกให้จดก็คือนะอะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะมะอะอุ พุทธะสังมิ จิเจรุนิจิปิเสคิ อิกะวิติ อุอากะสะ นะชาลีติ ทุสะนิมะ ทุสะมะนิ ประสิทธิสวาหะ

คาถานี้ใช้ได้สารพัด อาทิเช่น ภาวนาทุกวันจะเกิดเป็นกำแพงป้องกันอันตราย
คาถานี้ ใช้อาราธนาทำน้ำมนต์ค้าขาย พรมของที่วางขาย พรมกำจัดเสนียดจัญไรในบ้านหรือรดเวลาใจคอไม่สบาย

คาถานี้ กันภูติผีปีศาจทั้งหลายได้อย่างชะงัดผีเข้าเจ้าสิงภาวนาให้มั่น จับตัวคนที่ถูกสิงผีจะออกไปจากร่างทำน้ำมนต์รดขับออกไปได้
คาถานี้ใช้ภาวนาก่อนออกเดินทางไปไหนมาไหนก็จะเกิดความสิริมงคลนานับประการ
คาถานี้โบราณท่านว่าใช้ได้อีกมากแล้วแต่จะปรารถนา ท่านใช้คำว่าฝอยท่วมหลังช้างนั่นแล

สิงห์ หลวงพ่อเดิม

ดึกโขอยู่กว่าข้าพเจ้าจะจดคาถาและซักไซ้รายละเอียดจากหลวงพ่อ เมื่อข้าพเจ้านมัสการลาจากท่านนั้นท่านยังคงนั่งของท่านอยู่อย่างนั้นเมื่อข้าพเจ้าหันหลังกลับไปมองก็ยังเห็นแสงตะเกียงลานส่องลอดออกมาตามรูฝาลำแพนและเงาวูบวาบของหลวงพ่อในห้องอย่างชัดตาข้าพเจ้ากลับเข้าทำงานในหน้าที่ต่อไปตามปกติ

รอเวลาว่างที่จะมานมัสการหลวงพ่ออีกเพราะจิตใจระลึกถึงแต่หลวงพ่อทุกลมหายใจ หากท่านได้มีโอกาสดีแบบเดียวกับข้าพเจ้าได้ใกล้ชิดหลวงพ่อแล้ว ท่านจะรู้สึกถึงความผูกพันที่ข้าพเจ้ากล่าวมานี้ว่าไม่เกินความจริงเลย

กระนั้นก็ตามรถไฟก็มิได้หยุดที่สถานีหนองโพอยู่ดีนั่นแหละทั้งๆที่หลวงพ่อก็เป็นศูนย์รวมผู้คนมากโขอยู่ วันหนึ่งเพื่อน พขร.ของข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องประหลาดที่ตัวเขาประสบมานั่นก็คือเขากำลังใช้ฝีจักรเต็มที่ วิ่งผ่านเข้าเขตบ้านหนองโพ เมื่อหัวรถจักรพุ่งผ่านสถานีไปเครื่องก็มีอันดับไปเฉยๆ ไม่มีปี่มีขลุ่ย รถทั้งขบวนจอดสนิทเขาพยายามแก้ไขสาเหตุการที่เครื่องดับ ก็ไม่มีวี่แววว่าจะติดได้เขาชะโงกออกมานอกหน้าต่างรถ พลันสังเกตเห็นว่ามีพระภิกษุอายุพรรษามากรูปร่างสูงสง่าเดินมาพร้อมกับฆราวาส

มุ่งมาที่รถไฟเขามองดูด้วยความสนใจเพราะไม่เคยเห็น ท่านก้าวขึ้นบนตู้การ์ดมีพนักงานต้อนรับยกมือไหว้ บางคนก็กราบลงไปแทบเท้าของท่าน เขาคิดในใจว่าน่ากลัวจะเป็นพระที่มีวิชาสูง พอท่านก้าวขึ้นตู้การ์ดลับองค์ไปเท่านั้นเองเหมือนว่ามีอะไรมาดลใจ เขาลองเครื่องดูอีกที คราวนี้ติดสะดวกรถแล่นไปจนถึงสถานีชุมแสงท่านจึงลง


มีดหมอปากกาหลวงพ่อเดิม

ข้าพเจ้าบอกกับพ.ข.ร.ผู้นั้นว่านั่นแหละหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นายโดนลองวิชาเอาแล้วละมังไม่แต่เท่านั้นยังมีรถไฟอีกหลายขบวนที่โดนเช่นนี้จนเล่าลือในที่สุดลูกศิษย์หลวงพ่อที่เป็นข้าราชการกรมรถไฟระดับสูงจึงได้ดำเนินการให้มีการหยุดรถธรรมดาที่สถานีหนองโพตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. ๒๔๘๑ เป็นต้นมา

โดยรถจะหยุดวันละสองขบวน ไปเที่ยวหนึ่ง กลับเที่ยวหนึ่งเป็นที่ยินดีปรีดาของบรรดาลูกศิษย์ลูกหา และชาวบ้านเพราะต่อไปนี้การมานมัสการหลวงพ่อไม่ต้องลงที่เนินมะกอกแล้วย้อนกลับมาอีกให้เสียเวลา
ขอบคุณที่มา บอร์ดพลังจิต
แอพเกจิ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: