2582.จ่อยิง4นัด นายทุนเงินกู้หนังเหนียว

จ่อยิง4นัด นายทุนเงินกู้หนังเหนียว

( 30 พ.ย.) พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เกตุขาว สวญ.สภ.บ้านในหูต อ.หลังสวน จ.ชุมพร รับแจ้งมีเหตุยิงกันตาย ภายในศาลาที่พักผู้โดยสาร หน้าสำนักงานขนส่ง สาขาหลังสวน จ.ชุมพร รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน ที่เกิดเหตุในศาลาพบศพนายไมตรี คำมูล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 6 ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร หรือฉายา “ตรีปากทรง” นอนเสียชีวิตในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้า กางเกงยีนขายาว กลางหน้าอกเสื้อถูกกระสุนปืนขาดเป็นรู 4 รู แต่กระสุนปืนไม่ระคายผิวแค่แดงเป็นจ้ำ ๆ เท่านั้น


หลวงปู่ทวดปี-2497

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายมีอาชีพปล่อยเงินกู้ จัดเป็นผู้กว้างขวางคนหนึ่งในพะโต๊ะ อีกทั้งยังเป็นเซียนพระเครื่องอีกด้วย ก่อนเกิดเหตุนายไมตรีได้มาทำใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่ง ระหว่างนั้นมีโทรศัพท์เข้ามา สักพักนายไมตรีเดินไปที่ศาลาพักผู้โดยสาร หน้าสำนักขนส่ง ต่อมามีคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์อายุราว 30-35 ปี ไว้ผมยาวเดินมาพูดคุยตกลงกับนายไมตรี แต่ทั้งคู่เหมือนจะมีปากเสียงทะเลาะกัน

จากนั้นคนร้ายได้ชักปืนที่เอวออกมายิงนายไมตรี 4 นัดซ้อน แต่กระสุนไม่ได้ระคายผิว เพียงแค่ทำให้นายไมตรีมีอาการจุกตัวงอเท่านั้นเมื่อคนร้ายเห็นว่านายไมตรีหนังเหนียว เลยตะโกนขึ้นว่า “หนังเหนียวนักหรือมึง” ก่อนจะเดินเข้ามากระชากสร้อยคอสแตนเลส ที่ผู้ตายสวมพระเครื่องชื่อดังไว้ 3 องค์ จนสร้อยขาดร่วงตกลงที่พื้น

จากนั้นคนร้ายไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกปืนจ่อศีรษะก่อนลั่นไกอีก 2 นัด คราวนี้ร่างของนายไมตรีล้มหงายหลังขาดใจตายคาที่ จากนั้นคนร้ายวิ่งไปขึ้นรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบทะเบียนขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางตกตะลึงของประชาชนที่ขับรถผ่านไปมา เบื้องต้นคาดว่าปมเลือดครั้งนี้น่ามาจากหักธุรกิจเงินกู้ หรือไม่ก็ฆ่าล้างหนี้ กับแก้แค้นส่วนตัว และเรื่องชู้สาว

ซึ่งจะสืบสวนสาเหตุที่แท้จริงต่อไป สำหรับพระเครื่องในคอของนายไมตรี 3 องค์นั้น ผู้สื่อข่าวรายงายว่า มีหลวงพ่อทวด 1 องค์รุ่น 05 และเหรียญกรมหลวงชุมพรรุ่นรุ่นล็อแม็ก 1 องค์ เหรียญกรมหลวงชุมพรปากน้ำชุมพรอีก 1 องค์ด้วย

“นิมิต” จากหนังสือ..ประวัติหลวงปู่ทวด…

จึงก่อเกิดพระเครื่องหลวงปู่ทวด “คืนหนึ่งในปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๗ เวลาใกล้รุ่ง ข้าพเจ้าฝันว่าได้พบกับท่าน ณ ที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดช้างให้เท่าใดนัก ท่านได้มอบยาชนิดหนึ่งให้ข้าพเจ้ากินแล้วสวดมงคลรัดศีรษะให้อีก แสดงวาท่านได้รับข้าพเจ้าไว้เป็นศิษย์เพื่อจะให้ข้าพเจ้าได้รับใช้งานของท่านในโอกาสต่อไปเป็นการสนองคุณพระอาจารย์ เสร็จแล้วท่านเดินจากข้าพเจ้าไปทางทิศที่ตั้งของวัดช้างให้”

หากจะกล่าวถึงประวัติการสร้างพระเครื่องสมเด็จหลวงปู่ทวดฯ คงไม่มีใครที่จะให้ข้อมูลได้ครบถ้วนสมบูรณ์เท่ากับคนที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์มากที่สุดคนหนึ่ง นั่นคือ “นายอนันต์ คณานุรักษ์”นายอนันต์ คณานุรักษ์ ได้บันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์การสร้างพระเครื่องสมเด็จหลวงพ่อทวดฯ ที่ปรากฎองค์ของท่านขึ้นมาในยุคนี้ได้ด้วยประโยคที่อรรถาธิบายความฝันข้างต้นหลังจากผ่านค่ำคืนอันแปลกประหลาดนั้นไปแล้ว

รุ่งเช้านายอนันต์จึงคิดว่าสถูปศักดิ์สิทธิ์หน้าวัดช้างให้นี้คงจะเป็นสถูปซึ่งได้บรรจุอัฐิของหลวงปู่ทวด หรือสมเด็จพะโคะเมื่อสมัยหลายร้อยปีมาแล้วเป็นแน่ จึงปราถนาจะไปที่วัดช้างให้เพื่อสืบถามดู แต่ในระยะนั้นกลับมีธุระกิจจำเป็นบางประการไม่สามารถจะไปได้ตามความตั้งใจในโอกาสต่อมาเมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๗ ตรงกับวันพฤหัสบดีขึ้น 1 ค่ำ เดือน ๓

เมื่อมีได้โอกาส นายอนันต์จึงได้เดินทางไปยังวัดช้างให้เมื่อได้ทำความเคารพถท่านอาจารย์ทิม ธมฺมธโร เจ้าอาวาสวัดช้างให้แล้ว ก็ได้สนทนาปราศรัยต่อกันนายอนันต์บันทึกไว้ว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ข้าพเจ้าได้มาเยี่ยมวัดช้างให้และได้รู้จักท่านอาจารย์ฯ เจ้าอาวาสวัดช้างให้ ในการสนทนากันตอนหนึ่ง

ข้าพเจ้าได้เรียนถามท่านอาจารย์ว่า “โบสถ์ที่สร้างค้างอยู่นั้นท่านไม่คิดจะสร้างพระเครื่องไว้แจกจ่ายแก่ผู้สละทรัพย์โมทนาสร้างโบสถ์บ้างหรือ”ท่านอาจารย์ตอบว่า “เคยคิดมา 2 ปีแล้วแต่ไม่สำเร็จ”ข้าเจ้าจึงรับว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าขอรับจัดสร้างขึ้นถวาย”

ท่านก็ยินดีที่ข้าพเจ้าจัดทำให้ ข้าพเจ้าได้เรียนขอให้ท่านอาจารย์เลือกแบบพระ”ท่านจะเอาปางไหนตามใจท่านชอบ แต่ข้าพเจ้าขอเพียงเลือกสีของพระคือสีดินแดง”ทันใดนั้นข้าพเจ้าก็เกิดรู้สึกขนพองสยองเกล้าขึ้นมา ทุกคนในที่นั้นได้เห็นเป็นประจักษ์ ข้าพเจ้าจึงพูดต่อไปว่า”ปรากฏการณ์เช่นนี้ที่มีต่อตัวข้าพเจ้าก็เห็นจะเป็นเพราะหลวงพ่อทวด ท่านมีความปิติยินดีที่พวกเราคิดจะสร้างพระเครื่องครั้งนี้ แต่เอาเถอะขอให้ท่านอาจารย์ฯ เลือกแบบพระก็แล้วกัน

ลูกแก้วหลวงปู่ทวด

“ทันใดนั้นข้าพเจ้าก็เกิดขนพองสยองเกล้าอย่างแรงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และได้เห็นพระเครื่องลอยเด่นอยู่ตรงหน้าเป็นรูปพระภิกษุชรานั่งขัดสมาธิอยู่บนดอกบัวมีสีพระองค์ดำปรากฏการณ์อันมหัศจรรย์ครั้งนี้โดยหลวงพ่อทวดฯ บันดาลให้ข้าพเจ้าได้เห็นเป็นมโนภาพอย่างชัดเจนยิ่งนัก ข้าพเจ้าจึงดูนาฬิกาที่ข้อมือ ขณะนั้นเวลา ๑๓.๒๕ น.

ข้าพเจ้าจึงได้เรียนให้ท่านอาจารย์ทราบว่า “ตามนิมิตโดยอำนาจของหลวงพ่อทวดครั้งนี้ เนื่องจากท่านแนะนำให้สร้างพระเครื่องนี้แทนองค์ของท่านเอง จำเป็นที่เราจะต้องปฏิบัติตาม และขอให้ท่านอาจารย์เป็นสื่อการติดต่อกับวิญญาณของท่านในพิธีการที่จะสร้างพระเครื่องทุกๆ ระยะโดยใกล้ชิดด้วย”

ต่อมาเมื่อผู้เขียนให้ช่างแกะขี้ผึ้งเหลืองทำแบบพระเครื่อง เสร็จแล้วเก็บไว้ 3 คืน รุ่งเช้าแบบขี้ผึ้งแปรสภาพ คือในองค์พระซึ่งมีสบงจีวรคลุมยังเป็นสีเหลืองตามเดิม แต่ผิวเนื้อที่อยู่นอกสบงจีวร เช่น ศอถึงพักตร์ ลำแขนถึงนิ้วมอง หน้าแข้งถึงปลายเท้า เกิดเป็นสีดำอย่างเอาหมึกทา

ปรากฎการณ์อัศจรรย์นี้ท่านพระครูฯ นั่งสมาธิถามท่านว่า “ใครทำให้แบบแปรสภาพเช่นนั้น”ท่านตอบว่า “สมเด็จเจ้าพะโคะเอง”แล้วท่านอาจารย์ฯ ถามถึงความฝันของผู้เขียนที่ว่าพบสมเด็จเจ้าฯ ทำพิธีสวมมงคลให้ว่า”ใครเป็นผู้ทำให้ และทำให้เขาทำไม”ท่านตอบว่า “สมเด็จฯ ทำให้เพราะเขาเป็นคนดีและชอบทางนี้ เราจะใช้เขาให้ช่วยงานใหญ่”(หมายถึงงานสร้างโบสถ์)เมื่อมีข่าวว่าวัดช้างให้จะสร้างพระเครื่องขึ้น พี่น้องชาวพุทธในแถบนั้นต่างคนต่างสนใจเป็นจำนวนมาก ได้บุกป่าขึ้นเขาชักชวนกันไปหาว่านนานาชนิดมาถวายแก่ท่านอาจารย์เป็นจำนวนมาก

ทางวัดก็ได้เตรียมการรอวันจะทำพิธีอยู่อย่างพร้อมเพรียงและได้ปฏิบัติ ตามหลวงพ่อทวดฯ แนะนำผ่านท่านอาจารย์ทุกประการนายฮวด ผู้ใหญ่บ้านเหมือน ในตำบลลำพยา ได้มาหาข้าพเจ้า พร้อมด้วยนายชาติ สิมสิริ กำนัน เมื่อเขาทราบว่าข้าพเจ้ากำลังหาดินดำเพื่อสร้างพระเครื่อง นายฮวดขอรับอาสาจะขุดและขนเอาดินว่านสีดำซึ่งมีอยู่ ณ เชิงเขาแห่งหนึ่งไปส่งให้ถึงวัดโดยไม่คิดค่ารถค่าแรงแต่ประการใด…

ดินว่านนี้เป็นสีดำตามธรรมชาติ อยู่เป็นทางซึ่งจะเข้าใต้ภูเขา ชาวบ้านแถวนั้นเรียกกันว่า กากยายักษ์ หมายถึง กากยายักษ์ในเรื่องรามเกียรติ์ ชาวบ้านเอาดินดำนี้มาตากแห้งหรืองย่างไฟกินแก้โรคผอมเหลืองหรือโรคโลหิตจาง เขาว่าดีนัก จึงเป็นที่หวงแหน ของชาวบ้านแถวนั้น

ตามที่ผู้เขียนได้จัดการสร้างพระเครื่องหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดครั้งนี้ เพราะผู้เขียนฝันว่า สมเด็จเจ้าพะโคะมาทำพิธีสวมมงคลให้ ผู้เขียนปราถนาจะตอบแทนคุณสมเด็จฯท่าน แต่ไม่รู้ว่าท่านสถิตอยู่ที่ไหน จึงเรียนถามท่านเจ้าคุณเทพญาณโมลี วัดตานีนรสโมสร ท่านเจ้าคุณกรุณาบอกว่าท่านไม่ได้ไปตามข่าวลือ

ลูกแก้วหลวงปู่ทวด

อัฐิของสมเด็จท่านอยู่ในเขื่อนหรือสถูปหน้าวัดช้างให้ ผู้เขียนจึงสร้างพระเครื่องเป็นรูปพระภิกษุชราต่างองค์สมเด็จท่านตามนิมิต ณ วัดช้างให้ ซึ่งปรากฎทราบกันมาดีแล้วผู้เขียนปรารภกับท่านพระครูวิสัยโสภณว่า “พระเครื่องนี้จะให้ชื่อว่าพ่อท่านทวดตามความนิยมเรียกของคนถิ่นนั้น”แต่ท่านพระครูฯ นั่งสมาธิถามท่าน “ท่านว่าไม่เอา”ถามต่อไปว่า”จะให้ชื่อว่าสมเด็จเจ้าพะโคะหรือ”ท่านว่า “ชื่อนี้ให้เขาเรียกกันทางโน้น” (หมายถึงภูมิลำเนาเดิมหรือวัดพะโคะ)”ถ้ากระนั้นจะชื่ออย่างไร”วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของท่านบอกว่า “ให้ชื่อ “หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด”จึงให้ชื่อพระเครื่องแต่วันนั้นมา

ที่มา​ ศิษย์​มีครู

แอพเกจิ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: