2576.อดีตพระฤๅษีวาสุเทพ

อดีตพระฤๅษีวาสุเทพ

วัดพระบาทห้วยต้ม(ข้าวต้ม) อ.ลี้ จ.ลำพูน ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่รู้ใจคน ถอดกายได้ โดยมีผู้ถ่ายรูปเดี่ยวของท่าน แต่ปรากฏว่ารูปถ่ายที่ออกมา กลายเป็น 2 องค์ คือองค์หนึ่งนั่ง อีกองค์หนึ่งยืน ท่านออกธุดงค์ตั้งแต่ยังหนุ่ม

รูปอภิญญาถอดกาย

ครูบาศรีวิชัย ซึ่งเป็นอาจารย์องค์แรกของท่าน เคยทำนายตอนที่ท่านยังเป็นเณรว่า ท่านจะเป็นผู้มาสร้างวัดพระพุทธบาทห้วยต้มแห่งนี้ นอกจากนั้นท่านยังเป็นลูกศิษย์ของครูบาพรหมจักร(พระอุปัชฌาย์ของท่าน)และครูบาอภิชัย ขาวปี ที่มรณะแล้วร่างไม่เน่าเปื่อยอีกด้วย

ครูบาศรีวิชัย

ท่านยังได้เรียนวิชาทางจิต จากตำราเก่าสมัยอยุธยาที่พระเก่งๆ ในสมัยโบราณนำมาซ่อนไว้ในถ้ำ เพื่อไม่ให้ตกไปอยู่ในมือพวกพม่า โดยเทวดามาบอกที่ซ่อนคัมภีร์นี้ เมื่อท่านฝึกสำเร็จแล้ว ท่านจึงนำเข้าไปเก็บรักษาไว้ในเจดีย์ที่วัด ท่านฉันเจและชอบฉันลูกเกาลัด

ที่แปลกก็คือ ท่านชอบไปเข้าฝันคนทั่วไป เช่นเคยไปเข้าฝันบอกตัวยาแก้โรคกระเพาะให้ คนตายแล้วฟื้นเล่าว่า ได้ไปพบครูบาศรีวิชัย ท่านบอกให้มากราบครูบาวงศ์ เพราะท่านเป็นพระอริยะ และเทวดาที่วัดพระบาทห้วยต้มบอกวัดนี้ จะเป็น 1 ใน 3 วัด ที่จะอยู่ได้จนครบ 5,000 ปี

ที่วัด ยังมีรอยพระพุทธบาท ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงมาประทับรอยไว้ เมื่อคราวที่เสด็จมาที่วัดแห่งนี้ ในครั้งนั้น นายพรานได้ทำข้าวต้มเนื้อกวาง ถวายแก่พระพุทธเจ้า แต่พระองค์ทรงฉันเฉพาะแต่ข้าวต้มเท่านั้น ไม่ทรงฉันเนื้อกวางที่ถวาย

ครูบาชัยวงศ์-ครูบาอภิชัย ขาวปี สังขารไม่เน่าเปื่อย

ทั้งนี้เพราะทรงทราบว่า กวางตัวนั้นเป็นหน่อเนื้อพุทธางกูร ซึ่งต่อมาก็คือครูบาชัยวงศ์นั่นเอง และเนื้อกวางนั้น ต่อมาได้กลายเป็นหิน ปัจจุบันก็ยังเก็บรักษาไว้ อยู่ที่วัดพระบาทห้วยต้ม

ท่านครูบาวิจิตร มนูญโญ แห่งวัดกุเตอร์โกล ต.สามหมื่น อ.แม่ระมาด จ.ตาก ได้เล่าให้ฟังว่า เคยขึ้นเขาไปกับท่านครูบาชัยวงศ์ เพื่อไปกราบพระพุทธบาท “วังตวง” อำเภอแม่พริก ได้เห็นท่านครูบาชัยวงศ์ ได้เอาเท้าของท่านเหยียบลงบนก้อนหินที่บนเขานั้น แล้วก็บอกให้ท่านคอยดูนะ เมื่อท่านยกเท้าขึ้น ก็ได้ปรากฏรอยเท้า บนก้อนหินนั้นจริงๆ


ครูบาชัยวงศ์ สังขารไม่เน่าเปื่อย

ท่านคือ พระฤๅษีวาสุเทพ…ในอดีตชาติ

คุณวันทนา พัวพันธ์สกุล เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อปลายปี ๒๕๔๑ เธอได้รับมอบหมายจากทางเทศบาลเมืองลำพูน ให้เป็นผู้วาดภาพเชิงเสมือนจริง ของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งหริภุญชัย ขนาดเท่าองค์จริง เนื่องในวโรกาสที่นครศรีหริภุญชัย ก้าวสู่ศตวรรษที่ ๑๔

เธอจึงเข้ากราบขอความเมตตาจาก หลวงปู่ครูบาชัยวงศ์ เพื่อขอคำแนะนำ เริ่มตั้งแต่เขียนแบบเค้าพระพักตร์ คิ้ว ปาก คาง จมูก แม้กระทั่งสี ผิวพรรณ สัดส่วน ลักษณะสีหน้าท่าทางและความสูง ขณะที่พูดถึงความสูงของพระนางฯ หลวงปู่บอกว่า สูง ๓ ศอกเดี้ยม ซึ่งเท่ากับ ๑๖๙ เซนติเมตร เธออดสงสัยไม่ได้ จึงพลั้งปากถามหลวงปู่ ว่า

“ครูบาเจ้า ทราบได้อย่างไรว่าสูง ๑๖๙ เซนติเมตร”

หลวงปู่ตอบว่า “เจ้าแม่มาบอกเอง”


ครูบาชัยวงศ์

พองานผ่านไปได้ระดับหนึ่ง หลวงปู่ท่านยังได้เมตตาไปตรวจงานถึงที่บ้าน ด้วยความที่เธอยังไม่หมดความสงสัย เพราะเคยได้ยินได้ฟังมานานแล้วว่า หลวงปู่ในอดีตเคยมีความเกี่ยวข้องกับพระนางจามเทวี แต่ก็ไม่กล้าถามตรงๆ เมื่อสบโอกาสเธอจึงกราบขอสุมา เรียนถามหลวงปู่ว่า

“หลวงปู่ครูบาเจ้า คือ ฤาษีวาสุเทพ หรือ สุเทวฤาษีใช่ก่อเจ้า”

หลวงปู่มองหน้า แล้วตอบสั้นๆ ว่า “ฮื่อ”

เธอจึงหายสงสัยว่า ทำไมหลวงปู่ จึงมีพระรอดสมัยพระนางจามเทวี อยู่ในคำหมาก ไว้แจกลูกหลานจนเป็นที่อัศจรรย์นัก

พระรอด…ในกล่องนม

เรื่องพระรอดชานหมาก มีเรื่องที่ศิษย์จำนวนมากของหลวงพ่อ ประสบกันมามากมาย เพียงแต่ต่างวาระโอกาสกันเท่านั้น

เมื่อปี ๒๕๓๕ ครั้งนั้นหลวงพ่อเดินทางไปกราบสังเวชนียสถาน ในขณะที่พวกเรากำลังเดินทางโดยรถโดยสาร ผู้ช่วยทัวร์บริษัทสยามอินทรชัยการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผู้นำทัวร์ ได้ถวายนมกล่องแด่หลวงพ่อ ท่านรับไปฉันจนเกือบหมด แล้วจึงคืนกล่องนมให้คุณสุปรีดา

ตอนแรกคุณสุปรีดาคิดในใจว่า อยากจะเก็บไว้ให้ลูก เมื่อกลับถึงเมืองไทย แต่เมื่อคิดดูอีกทีอีกหลายวันเหลือเกินกว่าจะได้กลับ จึงเปลี่ยนใจขอดื่มเสียเอง

ขณะกำลังยกกล่องนม เธอได้ยินเสียงดัง เหมือนมีของบางอย่างกลิ้งไปมาอยู่ในกล่อง ด้วยความอยากรู้ว่า มีอะไรอยู่ข้างใน เธอจึงใช้มีดผ่ากล่องนม จึงได้พบพระรอดองค์เล็กๆ ๑ องค์ อยู่ในนั้น

การเดินทางไปอินเดียเที่ยวนี้ ไม่เพียงแต่คุณสุปรีดาเท่านั้น ที่โชคดีได้พระรอด ยังมีอีกหลายคนในคณะที่ได้พระรอด โดยการที่หลวงพ่อยื่นคำหมากที่เคี้ยวออกจากปาก ส่งให้ศิษย์บางคนที่ยังไม่เคยได้ หรือผู้ที่ยังไม่เชื่อ หากมีวาสนาก็มักจะได้พระรอด เป็นที่อัศจรรย์เสมอ ตลอดการเดินทางในครั้งนั้น มีผู้ได้รับพระรอดจากหลวงพ่อคนละองค์ เป็นจำนวนถึง ๑๕ คน ด้วยกัน


ครูบาชัยวงศ์-ครูบาบุญชุ่ม

ชานหมาก…กลายเป็นพระรอด

ประมาณปี ๒๕๓๘ ขณะที่หลวงพ่อ เข้ารับการตรวจสุขภาพและรักษาตัว อยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ต้องนอนพักที่ศิริราช เพื่อรอผลการตรวจ

วันนั้น มีลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งทราบข่าว และได้เข้าไปเยี่ยม หลังจากกราบนมัสการหลวงพ่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ทุกคนจะกลับ ต่างก็เห็นหลวงพ่อกำลังหยิบชานหมากแห้งๆ มาไว้ในมือเพื่อที่จะแจก ทุกคนที่ไปกราบท่านในวันนั้น ต่างก็ดีใจที่จะได้รับแจกชานหมาก

ในขณะที่ท่านกำลังส่งให้ถึงมือแต่ละคนนั้น ยังเป็นเพียงชานหมากธรรมดาเท่านั้น พอตกถึงมือแต่ละคนแล้ว ชานหมากนั้นกลับกลายเป็นพระรอด เรื่องนี้เป็นเรื่องอจินไตย ใครอยากทราบว่าเป็นจริงอย่างไร ไปขอดูของจริงได้ที่ คุณสุรชัย วีระมโนกุล ซึ่งเป็นบุคคลหนึ่ง ที่ได้พระรอดดังกล่าวมาไว้ในครอบครอง


ครูบาชัยวงศ์

เกศากลายเป็นพระธาตุ(โดย สุวรรณา)

ศิษย์เก่าแก่ของหลวงพ่อท่านหนึ่ง ซึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ ครั้งหนึ่งได้นิมนต์ หลวงพ่อครูบาชัยวงศ์มาพักที่บ้าน ระหว่างที่เดินทางมาบ้านของเธอ หลวงพ่อได้เมตตามอบหลอดแก้วเล็กๆ ซึ่งบรรจุเส้นเกศาของท่านไว้ มาให้บูชาติดตัว เมื่อเธอได้รับหลอดแก้วบรรจุเส้นเกศาของหลวงพ่อ ก็ได้เก็บไว้เฉยๆ ประมาณ ๔-๕ ปี จึงได้เอาหลอดแก้วนั้นไปเลี่ยมทอง เพื่อใช้ห้อยคอติดตัวเป็นประจำ

วันหนึ่งได้มีคนรู้จักและสนิทกันมาทักทาย และได้ขอดูหลอดแก้วที่ได้มานั้น เมื่อได้พิจารณาดูสักครู่ ก็ได้ถามว่า หลอดแก้วนี้ บรรจุทับทิมเอาไว้ด้วยหรือ เธอรู้สึกแปลกใจที่ถูกถามเช่นนั้น ได้ตอบไปว่าไม่ได้ใส่อะไรเพิ่มเข้าไปเลย ตั้งแต่ได้มา คงมีแต่เส้นเกศาของหลวงพ่อ สีเทาขาวบรรจุอยู่เต็มภายในนั้นอย่างเดียว คงยืนกรานเช่นนั้น

แต่ทว่า เพื่อนคนนั้น ได้ท้วงว่าก็เห็นอยู่นี่ไง จึงได้หยิบมาพิจารณาดูอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วก็ต้องแปลกใจและดีใจเป็นอย่างมาก ที่ได้เห็นว่าภายในหลอดแก้วนั้น นอกจากจะมีเส้นเกศาของหลวงพ่อ แล้วยังมีเม็ดทับทิมเล็กๆ อยู่ภายในนั้นด้วย ต่างคิดว่าคงเป็นเพราะบุญฤทธิ์และความเมตตาของหลวงพ่อเป็นแน่ เส้นเกศาของท่าน จึงได้กลายเป็นพระธาตุสีทับทิม เหมือนปาฏิหาริย์

ต่อมาอีกระยะหนึ่ง เส้นเกศาที่เหลือของท่านก็ได้เริ่มกลายเป็นเส้นสีทองไปบ้างแล้วอย่างเห็นได้ชัด โอ้หลวงพ่อท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ศิษย์ท่านนั้น เล่าด้วยความปีติใจ


ครูบาชัยวงศ์ สังขารไม่เน่าเปื่อย

พระธาตุเสด็จ ในสำลี(โดย อุบาสิกา จิตสมา)

เจ้าของพระธาตุ เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าเธอได้มีโอกาสเดินทางไปทำธุระกับหลวงปู่ ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระหว่างทางที่หยุดเติมน้ำมัน หลวงปู่ควักเอาสำลีเปล่าๆ ออกมาเช็ดขี้ตา เช็ดเสร็จแล้วท่านก็ส่งให้เธอ จากนั้นเธอก็ได้เก็บติดตัวมาโดยตลอด เพราะปกติเป็นคนชอบกลัวผี จึงเอาสำลีที่ได้พับเก็บไว้ในผ้ายันต์มาตลอด เป็นเวลานับ ๑๐ ปี

หลังจากหลวงปู่มรณภาพ ได้มีสารวัตรคนหนึ่งซึ่งเคยได้ยินมาว่า เธอมีผ้ายันต์ของหลวงปู่ จึงอยากจะเห็น และได้ขอเธอดู เมื่อเธอเปิดให้ดู ก็พบว่ามีพระธาตุจำนวน ๖ องค์ อยู่ในสำลี ซึ่งเธอเก็บไว้ในผ้ายันต์ เธอจึงแปลกใจว่า พระธาตุที่ไหนมาอยู่ในสำลีของเธอ ทั้งๆที่ตอนแรกที่หลวงปู่ให้มา เป็นเพียงแค่สำลีเปล่าๆ ที่ใช้เช็ดขี้ตาของหลวงปู่ ด้วยบุญบารมีของหลวงปู่แท้ๆ แม้แต่ขี้ตา ก็ยังกลายเป็นพระธาตุขึ้นมาได้ และยังมีพระธาตุอื่นๆ เสด็จมารวมอยู่ด้วย

หลวงปู่คือ ท่านวังหน้าวิเศษชัยชาญ ในอดีต

สมัยก่อน หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา เวลาหลวงปู่จะเข้ากรุงเทพฯ ท่านมักจะแวะที่บ้านอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ท่านหนึ่ง ทั้งขาไป และขากลับ มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงปู่ได้แวะไปที่บ้านอาจารย์ท่านนั้นอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่อยู่เป็นการส่วนตัว หลวงปู่ได้ปรารภกับอาจารย์ท่านนั้นว่า หลวงปู่จำเขาได้ เพราะว่าเคยเป็นพ่อลูกกันมาหลายชาติแล้วและเขาก็ได้ติดตามหลวงปู่ มาโดยตลอด


วังหน้าวิชัยชาญ ภาพลายมือครูบาชัยวงศ์

ในขณะที่หลวงปู่พูด ท่านก็ได้หยิบกระดาษมาวาดรูปบุคคลสำคัญท่านหนึ่งในอดีต ซึ่งเป็นเชื้อสายราชวงศ์ของกษัตริย์ไทย ท่านวาดเสร็จก็ยื่นให้อาจารย์ท่านนั้นดู แล้วถามว่า

หลวงปู่ ถามว่า “รู้จักไหมว่าใคร”

อาจารย์ท่านนั้น “ไม่ทราบครับครูบา”

หลวงปู่ตอบว่า “หลวงปู่ในอดีต”

อาจารย์ท่านนั้นถามว่า “ใครครับครูบา”

หลวงปู่ตอบสั้นๆ ว่า “วังหน้าวิชัยชาญ”

เนื้อหาบางส่วนจาก : หนังสือพระชัยวงศานุสสติ ครูบาชัยวงศาพัฒนา คือ อดีตพระฤๅษีวาสุเทพ

โดย…ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์(อู๋)

แอพเกจิ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: