2562.เฮียอู๋ ศิษย์หลวงปู่ดู่-หลวงปู่สังวาลย์ ฆราวาสผู้กระดูกกลายเป็นพระธาตุ

จากผู้ไม่ยอมกราบพระ กลายมาเป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ดู่

โดย พี่สิทธิ์

นายอู๋ หรือ เฮียอู๋ เป็นชื่อของหนึ่งในโยมอุปัฏฐากของ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เฮียอู๋เป็นคนอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้มีบุคลิกภาพเปิดเผย จริงใจ ตรงไปตรงมา พูดเสียงดังฟังชัด มักมีเรื่องต่างๆ มาเล่าให้หมู่คณะฟังอย่างสนุกสนาน

เดิมทีเดียวนั้น เฮียอู๋เป็นผู้มีทิฏฐิมานะค่อนข้างรุนแรง มีอคติกับพระสงฆ์องค์เจ้า เหตุที่มากราบนมัสการหลวงปู่ดู่ได้ก็เพราะ ไม่อาจทนต่อการคะยั้นคะยอของญาติที่ต้องการให้เฮียอู๋มาถวายสังฆทานกับหลวงปู่


หลวงปู่ดู่ วัดสะแก

เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้บุพการีที่จากไปโดยที่เฮียอู่เองจะพยายามพูดเลี่ยงว่าเสียเวลา(ทำมาหากิน) เมื่อเฮียอู๋มาถึงวัดแล้ว ก็ยังไม่ยอมกราบหลวงปู่ พอญาติพูดชวนให้กราบหลวงปู่เฮียอู๋ก็ตอบว่า “ผมเคารพแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ผมไม่เคารพพระสงฆ์” ซึ่งก็ไม่ทราบได้ว่า เฮียอู๋จะเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีอะไรในอดีตที่ผ่านมา จึงมีภาพที่ไม่ดีของพระสงฆ์จึงพูดแบบเหมารวมเช่นนั้น

เฮียอู๋นับว่าโชคดีอย่างมหาศาลที่ไม่ได้ตายไปพร้อมกับมิจฉาทิฏฐิเช่นนั้น ด้วยความเมตตาและปัญญาของหลวงปู่ในที่สุด มิช้านานเฮียอู๋ก็มีจิตใจที่อ่อนโยนลง ค่อย ๆ บังเกิดเกิดศรัทธา และยอมลงใจให้กับหลวงปู่ชนิดเต็มร้อยหลวงปู่เคยพูดไว้ประโยคหนึ่งซึ่งทำให้เฮียอู๋และภรรยาไม่เคยลืมเลือน คือประโยคที่ว่า”ตาอู๋ ถ้าข้าไม่ตายซะก่อน ข้าจะเอาแกให้ดีให้ได้”

เฮียอู๋คอยดูแลรับใช้อุปัฏฐากหลวงปู่ด้วยความเคารพนบนอบ และให้ความยำเกรงในองค์หลวงปู่ กล่าวคือเมื่อท่านให้ความเมตตา เฮียอู๋ก็ไม่เคยแสดงอาการที่เรียกว่า “ลามปาม” ครูอาจารย์ รวมทั้งไม่เคยวางตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหลวงปู่แต่อย่างใด จึงสมเป็นแบบอย่างโยมอุปัฏฐากที่ดีอีกท่านหนึ่ง

เฮียอู๋คนนี้เองที่นำเรื่องที่ไม่เคยมีใครทราบมาเล่าให้ข้าพเจ้าฟัง ขณะที่เล่าไป น้ำตาแกก็ไหลออกมาด้วย แกเล่าให้ฟังว่า’จะหาใครที่จะขี้เกรงใจเท่าหลวงปู่เราเป็นไม่มี’ครั้งหนึ่งท่านอาพาธ แค่ท่านจะขอให้แกไปซื้อยาจากร้านค้าใกล้ ๆ วัด มาให้ท่าน ท่านยังต้องคอยให้เฮียอู๋เสร็จธุระ แล้วเอ่ยปากขอร้องแกอย่างเกรงใจเป็นที่สุด โถ ครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพรักอย่างสูง กับเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ทำไมท่านต้องเกรงใจผมด้วย(เฮียอู๋นึกในใจ)

แต่เรื่องที่สะเทือนใจเฮียอู๋มากที่สุด ก็คือการที่ได้พบความจริงตอนขอโอกาสทายาถวายท่านที่บริเวณก้น เพราะเฮียอู๋เพิ่งได้มาเห็นว่าที่ก้นของหลวงปู่เต็มไปด้วยแผลหรือฝี ที่มีร่องรอยการอักเสบและแตกซ้ำๆ เพราะความที่ท่านต้องนั่งรับแขกทุกวี่ทุกวันบนไม้กระดานแข็ง ๆ เป็นเวลานับสิบ ๆ ปี


หลวงปู่ดู่-วัดสะแก

เฮียอู๋ทายาไปก็อดที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้เฮียอู๋ได้ทำหน้าที่รับใช้หลวงปู่อยู่หลายปี โดยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเสียส่วนมาก มิได้แสดงอาการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของครูบาอาจารย์ หรือเป็นนายหน้าแต่อย่างใดเลย อีกทั้งยังระมัดระวังทรัพย์สินของสงฆ์เป็นที่สุด

เฮียอู๋ยังได้เล่าให้ฟังว่า หลวงปู่เป็นผู้ที่มัธยัสถ์มาก ในช่วงบ่าย ๆ ที่ญาติโยมกลับไปหมดแล้ว หลวงปู่จะเดินไปหยิบหนังยางที่ตกหล่นบนพื้นเอามาแขวนรวมไว้ที่ตะปู เพราะท่านเห็นว่ายังใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งลูกศิษย์ที่มาหยิบเอาไปใช้ก็มักไม่รู้ว่า ใครเป็นผู้หยิบมารวมไว้ให้ได้ใช้กัน

เฮียอู๋เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า”คุณรู้ไหม หลวงปู่รักเอ็นดูพวกคุณขนาดไหน เวลาคณะของพวกคุณจะเดินทางมาสนทนาธรรม หรือ พักค้างปฏิบัติธรรมที่วัด หลวงปู่จะทราบล่วงหน้า และสั่งให้ผมเก็บผลไม้ไว้ให้พวกคุณรับประทาน เพราะกลัวพวกคุณจะหิว รวมทั้งให้จัดหามุ้งรอท่าไว้ให้”

เฮียอู๋ไม่เพียงทำหน้าที่โยมอุปัฏฐากที่ดีเยี่ยมเท่านั้น เฮียอู๋ยังทำหน้าที่ศิษย์ที่ดีเยี่ยมไม่แพ้กันแม้หลวงปู่จะจากไปแล้ว เฮียอู๋ก็ยังคงมาดูแลที่กุฏิหลวงปู่อยู่เสมอๆ สลับกับการไปช่วยงาน หลวงปู่สังวาลย์ วัดป่าสามัคคีธรรม จ.สุพรรณบุรี

ไม่ว่าจะทำหน้าที่ขับรถพาพระไปบิณฑบาตทุกเช้า แล้วก็ซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟอร์นิเจอร์เก่าที่มีคนมาถวายให้วัด เฮียอู๋แสดงอาการแพ้ยูรีเทนให้เห็นก็ตอนทำหน้าที่นี้ (ซึ่งอาจเป็นปัจจัยอันหนึ่งที่เร่งอาการมะเร็งของเฮียอู๋)

ตอนรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งนั้น เฮียอู๋ก็เร่งการปฏิบัติ และหากมีโอกาสก็จะไปพบหลวงปู่สังวาลย์ ซึ่งท่านจะเมตตาเป่าไล่ตั้งแต่หน้าอกและท้องของเฮียอู๋ หลวงปู่สังวาลย์ท่านเมตตาเฮียอู๋มากๆ เฮียอู๋ก็เคยกล่าวกับภรรยาว่า ได้อาศัยน้ำมนต์หลวงปู่ดู่กับการเป่าของหลวงปู่สังวาลย์ทำให้ไม่เจ็บปวดทรมานมาก


หลวงปู่สังวาลย์-วัดป่าสามัคคีธรรม

และก็ปรากฏเป็นจริงเช่นนั้น เพราะเฮียอู๋ไม่เคยต้องรับการฉีดมอร์ฟีนเลยกระทั่งเสียชีวิตเฮียอู๋ได้รับการกล่าวขานจากทั้งแพทย์และพยาบาล ในช่วงที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในอยุธยา เพราะจากภาพ X-ray นั้น สภาพอวัยวะภายในของเฮียอู๋ แย่มากๆ

ลิ้นหัวใจก็เปิด แผลฉีกขาดในช่องท้องก็เต็มไปหมด แพทย์และพยาบาลก็ไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไรว่า ทำไม่เฮียอู๋จึงยังมีชีวิตรอดและสามารถพูดคุยกับพวกเขาได้

เฮียอู๋บอกกับแพทย์พยาบาลที่นั้นว่า “ผมจะไม่ตายที่นี่หรอก ผมเตรียมที่ที่ผมจะตายไว้แล้ว” ใน ๒-๓ วัน สุดท้าย แกบอกคนที่มาเยี่ยมว่า แกขอบใจ แต่ขอเวลาแกปฏิบัติเพื่อเตรียมจิตจะเป็นประโยชน์ที่สุดกับแก ภรรยาของเฮียอู๋เล่าให้ฟังว่า เฮียอู๋พอใจที่แกสามารถปฏิบัติยกจิตขึ้นเหนือเวทนาได้

สุดท้ายเฮียอู๋ได้เดินทางไปละสังขารที่วัดป่าสามัคคีธรรม ด้วยการจากไปที่เป็นแบบอย่างของนักปฏิบัติธรรม คือ องอาจกล้าหาญ และมีสติสมบูรณ์ ไม่มีอาการทุรนทุรายใดๆเลย ลมหายใจของเฮียอู๋ค่อยๆ สงบลงๆ กระทั่งหมดลมหายใจ

หลวงปู่สังวาลย์ ท่านพยากรณ์ตั้งแต่ยังไม่เผาเฮียอู๋ว่า “เมื่อเผาแล้ว กระดูกจะเป็นพระธาตุ” ซึ่งเรื่องพระธาตุนี้ หลวงปู่ดู่เคยบอกว่าตั้งแต่โสดาบันกระดูกก็สามารถแปรเปลี่ยนเป็นพระธาตุได้แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ภายหลังการฌาปนกิจศพเฮียอู๋ปรากฏว่ากระดูกของเฮียอู๋มีสีสันที่เด่นคือ สีออกอมเขียวพระสงฆ์ลูกศิษย์ของหลวงปู่สังวาลย์ก็คว้ามับเอาไปจำนวนหนึ่ง

อัฐิที่เหลือนั้น หลวงปู่สังวาลย์ท่านให้สร้างเจดีย์บรรจุที่หน้าพระอุโบสถวัดป่าสามัคคีธรรม คู่กันกับอัฐิของนายเจริญ มัคคทายกของวัดที่อัฐิเป็นพระธาตุเช่นกัน

พี่ดาผู้ภรรยาเล่าว่า ภายหลังเฮียอู๋จากไปไม่นาน หลวงปู่สังวาลย์ ก็มรณภาพ แต่เธอได้ฝันเห็นหลวงปู่สังวายล์อยู่คราวหนึ่ง ในฝันนั้น เธอเรียนถามหลวงปู่ถึงคติที่ไปของสามีเธอ เพราะเธอยังไม่เข้าใจเรื่องอัฐิธาตุนักหลวงปู่ตอบว่า “เขาไม่มาเกิดแล้ว เขาจะมาเกิดอีกทีก็พร้อมกับพระพุทธเจ้าองค์ข้างหน้าโน้น” เธอถามว่า “หมายถึง พระศรีอริยเมตไตรย หรือเจ้าคะ” หลวงปู่ตอบว่า “อือ”

เรื่องราวของเฮียอู๋นับว่าเป็นแบบอย่างของนักปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง ผู้เตรียมตัวเผชิญต่อพญามัจจุราชอย่างอาจหาญ สมเป็นศิษย์ของหลวงปู่ดู่ หลวงปู่สังวาลย์ และสมเป็นศิษย์พระตถาคตเจ้าโดยแท้

ที่มา​ พลังจิต

แอพเกจิ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: