2518.ยันต์เก้ายอด หลวงปู่หน่ายที่ได้เห็นคาตาว่า”เหนียวแบบสุดๆ”

อภินิหารหลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง

…พร เพื่อนรุ่นน้องของผู้เขียน เล่าเรื่องอภินิหารหลวงปู่หน่ายที่ได้เห็นคาตาว่า”เหนียวแบบสุดๆ” ให้ฟัง ดังนี้…

…เมื่อปี๒๕๒๘ “อ้น”กับ”อ๋อย”(จำชื่อ-นามสกุลจริงไม่ได้ อายุประมาณ๒๐-๒๑ปี)จากซอยเสนานิคม๒ อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร(ปัจจุบันเป็นแขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร) พากันไป”สักยันต์เก้ายอด”กับ”หลวงปู่หน่าย ที่วัดบ้านแจ้ง” อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งคู่เชื่อมั่นในพุทธคุณของ”หลวงปู่หน่าย”เป็นอย่างมาก เพราะเคยเห็นคาตาว่า”ผู้ที่มีอักขระเลขยันต์ของท่านบนผืนหนัง จะเหนียวกันทุกคน”

…หลังจากสักยันต์เสร็จสรรพก็กลับบ้านในกรุงเทพฯทันที…

…ตกตอนหัวค่ำ”ศิษย์หลวงปู่หน่าย”ซึ่งต่อไปนี้ผู้เขียนขอเรียกว่า”เด็กซอย๒” “เด็กซอย๒”ทั้งสองได้ชวนเด็กรุ่นน้องแถวบ้านชื่อ”พร”(อายุ๑๕ปี-คนเล่าเรื่อง) ให้ไปกินเหล้าด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง”ย่านสะพานควาย”

…พอเมากันได้ที่ทั้งสองก็คุยกันเสียงดังแข่งกับเสียงดนตรี และเมื่อดนตรีมีจังหวะเร่งเร้าทั้งคู่จึงเกิดอาการเมามันส์ ดีดตัวดึ๋งขึ้นมาแล้วก็ดิ้นกันหัวฟัดหัวเหวี่ยง โดย”ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น” หรือที่บางคนเรียกว่า”ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น” ส่วน”พร”เด็กรุ่นน้องได้แต่นั่งดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้ลุกขึ้นเต้นแต่อย่างใด

…และแล้วการคุยอย่างเสียงดังและเต้นแบบ”ชักดิ้นชักงอ”ของทั้งคู่ก็เกิดไปเข้าตา”ขาใหญ่”ประจำถิ่นพร้อมพวกหลายคนที่นั่งกินเหล้าหลีสาวเสริฟอยู่ที่โต๊ะข้างๆเข้า “ขาใหญ่”จึงด่าทอเด็กรุ่นลูกเพื่อ”โชว์พาว”ให้สาวเห็น โดยคิดว่า”เด็กคงหงอไม่กล้าหือ เพราะฝ่ายตนโตกว่าและมีกันอยู่ตั้งหลายคน แต่ขาใหญ่คิดผิด!

…”เด็กซอย๒”ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จึงสวนกลับไปว่า”เรื่องใครเรื่องมัน” นั่นทำให้ขาใหญ่รับไม่ได้ หาว่าเด็กรุ่นลูก”ปีนเกลียว กล้าหักหน้ามันต่อหน้าคนอื่นโดยเฉพาะสาวๆ” มันจึงพยักหน้าแทนการ”สังการ” พวกลิ่วล้อนักเลงขี้หมา๕-๖คนจึงกระโจนเข้าใส่”เด็กซอย๒”ทันที

…พวกนั้นมีทั้งมีด(มีดพกแบบเสือซ่อนเล็บ และมีดพกแบบพับ) มีทั้งไม้(ไม้หน้าสามข้างทาง เพราะอยู่ใกล้สถานที่ก่อสร้าง)และมีทั้งเก้าอี้ไม้ที่พวกมันนั่ง

…พวกนักเลงเจ้าถิ่นมีคนมากกว่า ทั้งยังใช้เครื่องทุนแรงทั้งตีทั้งแทง

….”เด็กซอย๒ศิษย์หลวงปู่หน่ายหันหลังชนกันแล้วปักหลักต่อสู้ไม่มีถอย คนหนึ่งใช้เข็มขัดหัวใหญ่ยี่ห้อลีวายฟัดออกไป ส่วนอีกคนก็ใช้แม้ไม้มวยไทยเข้าต่อกร” ทำให้พวกนักเลงหมาหมู่เจ็บกันไปไม่ใช่น้อย และทั้งคู่ก็ไม่ทำให้”เสียชื่อถิ่น”หรือ”เสียถึงพระอาจารย์ผู้ชำนาญเวทย์แห่งท้องทุ่งบางปะหัน”

…แต่แล้วก็ฝืนกลไกลธรรมชาติไปไม่ได้ เพราะ”น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟฉันใด เด็กซอย๒ศิษย์หลวงปู่หน่ายย่อมสู้ไม่ได้ฉันนั้น”…

…กลับมาที่”พร”เด็กซอย๒รุ่นน้อง “พร”กินแต่”กับแกล้ม”และ”น้ำอัดลม”จึงมีสติเต็มเปี่ยม เมื่อเห็นว่า”รุ่นพี่ถูกรุมกินโต๊ะ หากช้ากว่านี้อาจถึงตายได้” จึงวิ่งพรวดออกมาจากร้าน แล้วมุ่งหน้าไปยังโรงพักบางซื่อเพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

…เมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ พวกนักเลงเจ้าถิ่นต่างก็พากันวิ่งหนีหางจุกตูดไปคนละทิศคนละทาง ฝ่ายตำรวจก็ไม่ได้วิ่งตามแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะรู้ว่า”เป็นคนกลุ่มไหน” “พร”จึงพาตำรวจเข้าไปดูรุ่นพี่ทั้งสองที่นอนเสื้อแสงขาดวิ่น สิ้นสภาพคาร้าน(ภายในร้านมีสภาพพังยับเยิน)

…ทั้งคนในร้าน ทั้งแขกเหรื่อโต๊ะอื่น รวมถึง”พร”เด็กรุ่นน้อง ต่างก็คิดว่า”คนทั้งคู่คงตายแล้ว” ตำรวจจึงเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วก็เห็นว่า”ทั้งคู่ยังหายใจอยู่” จากนั้นก็ค่อยๆรู้สึกตัว แล้วจ้องตำรวจกับเด็กรุ่นน้องอย่างงงๆ

…เมื่อทั้งคู่มีสติดีแล้ว ก็ทำการตรวจสอบตามร่างกายโดยทำกันตรงนั้นเลย ปรากฏว่า”ไม่มีบาดแผลใดๆ มากหน่อยก็เป็นรอยขีดที่เกิดจากของมีคน สั้นบ้างยาวบ้าง ส่วนบางแห่งก็เป็นจุดช้ำๆไม่มีรอยขีด(รอยนี้น่าจะเกิดจากการใช้มีดแทงแบบตรงๆ) โดยแต่ละคนมีไม่ต่ำกว่าสิบรอย

…ร้อยเวรปราบปราม(๒๐)โรงพักบางซื่อถามพรว่า”ทั้งสองคนนี้มีอะไรดี” พรว่า”ทั้งคู่สักยันต์เก้ายอดมาจากหลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง” ตำรวจอุทานเบาๆคำว่า”มิน่าเล่า”

…และ”พร”ได้ขอให้ตำรวจช่วยขับรถกระบะ(๒๐)พารุ่นพี่ทั้งสองมาส่งที่บ้านในซอยเสนานิคม๒ ตำรวจว่า”ได้ เห็นแก่หลวงปู่หน่ายนะ”…น้าเอก

เพจที่มา วิถีไสยศาสตร์ชาตไทย.

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: