2508.หลวงปู่คือพระศรีอริยเมตไตรย

หลวงปู่คือพระศรีอริยเมตไตรย

เรื่องของหลวงปู่ดู่นั้นในสายศิษย์ทั้งหลายย่อมเชื่อกันว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ และเป็นพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีมาเต็มที่แล้ว มีหนทางเดียวคือบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเพียงอย่างเดียวในอนาคตกาลไม่แปรผันเป็นอื่น

เขาเรียกกันว่าพระนิยตโพธิสัตว์หรือโพธิสัตว์ผู้เทึ่ยงแท้ถ้าท่านเพิ่งมารู้จักหลวงปู่ดู่อาจสงสัยว่าหลวงปู่ดู่คือใครกัน ในสายศิษย์จะทราบกันดีว่า หลวงปู่ดู่คือภาคหนึ่งของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด


หลวงปู่ดู่-วัดสะแก

ครูบาอาจารย์ในอยุธยารุ่นเก่าๆก็เรียกหลวงปู่ดู่ท่านว่าหลวงปู่ทวด และมีหลายท่านที่ได้นิมิตว่าหลวงปู่ดู่กับหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมาในร่างเดียวกัน ทั้งศิษย์ที่วัดซึ่งเป็นฆราวาสหรือแม้แต่พระอาจารย์ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ วัดสุทธาราม ธนบุรี ก็ได้นิมิตเช่นนี้เหมือนกัน

เวลามาในนิมิตนั้นทุกคนจะเห็นหรือสัมผัสเรื่องที่คล้ายๆกันคือ ท่านจะมาในรูปของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดแล้วหน้าของท่านจะเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าของหลวงปู่ดู่ หรือเห็นในนิมิตว่าในองค์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมีหลวงปู่ดู่อยู่ภายใน ในองค์หลวงปู่ดู่มีหลวงปู่ทวดอยู่ภายใน สลับไปมาแบบนี้

ภาพนิมิตแบบนี้เกิดขึ้นกับผู้พิเศษบางคนที่ท่านต้องการมาสื่อสารเป็นพิเศษ แต่ก็ทำให้เชื่อได้ว่าท่านทั้งสองเป็นบุคคลคนเดียวกันส่วนที่ว่าหลวงปู่ดู่เป็นพระศรีอริยเมตไตรยนั้น ก็เพราะเป็นที่รู้กันว่าหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดนั้นท่านเป็นพระศรีอาริย์มาบำเพ็ญบารมี

ดังนั้นเมื่อหลวงปู่ดู่เป็นภาคหนึ่งของหลวงปู่ทวดก็เท่ากับว่าหลวงปู่ดู่เป็นภาคหนึ่งของพระศรีอริยเมตไตรย หรือจะบอกว่าเป็นองค์พระศรีอาริย์ลงมาเกิดเพื่อสร้างสมบารมีก็ไม่ผิดนักดังนั้นจึงเป็นความรู้ที่พอสรุปได้ว่าพระศรีอาริย์หรือพระศรีอริยเมตไตรย หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดและหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ทั้งหมดเป็นบุคคลคนเดียวกัน


หลวงปู่ดู่-วัดสะแก-หลวงปู่บุดดา

นอกจากนี้หากย้อนไปชาติกำเนิดของพระศรีอาริย์นั้น ในอดีตครั้งสมัยพระพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงดำรงพระชนม์อยู่พระองค์ก็เคยมาเกิดเป็นพระอชิตภิกขุมาแล้ว ได้รับการพยากรณ์ต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธองค์ว่าจะสำเร็จเป็นพระพุทธองค์องค์ที่ ๕ ในกัปป์นี้นามว่าศรีอริยเมตไตรย

นอกจากนี้ยังมีความเชื่อท่านยังเคยลงมาเกิดเป็นพระภิกษุรูปหนึ่งที่วัดไลย จ.ลพบุรีความรู้ในเรื่องการบำเพ็ญบารมีของพระศรีอาริย์นั้นเราพอทราบได้ว่าพระองค์บำเพ็ญบารมีชนิด ๑๖ อสงไขยแสนมหากัป ซึ่งเรียกกันว่าการบำเพ็ญแบบวิริยาธิกะ อันเป็นแบบที่ใช้เวลานานที่สุด

แต่ก็สร้างสมบารมีวิเศษสุดด้วยเช่นกันดังนั้นองค์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ จึงนับว่าเป็นพระที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่มีบารมีมาก การกราบหลวงปู่ดู่จึงเท่ากับได้กราบทั้งพระพุทธเจ้าในศาสนานี้และพระพุทธเจ้าในศาสนาหน้า จึงเป็นกุศลสูงยิ่ง


หลวงปู่ทวด

มีบางท่านอาจน้อยเนื้อต่ำใจว่าไม่ทันสังขารหลวงปู่ดู่ เรื่องนี้ก็อย่าได้น้อยใจเสียใจ เพราะแม้ว่าท่านละสังขารไปแล้ว แต่เราได้กราบภาพท่าน รูปเหมือนรูปสมมุติของท่าน ก็ได้กุศลเท่ากัน เพราะกุศลนั้นเกิดกับใจที่มีจิตน้อมศรัทธากราบไหว้ในท่าน และประกอบกับองค์ท่านย่อมเป็นทิพย์ไม่ได้สูญหายเป็นอากาศธาตุ

ดังนั้นเมื่อจิตน้อมเคารพบูชาท่าน ด้วยอำนาจทิพยญาณของท่านย่อมรู้และอนุโมทนารับทราบในวาระจิตของเรานั่นเอง”ความเกี่ยวเนื่องระหว่าง หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด และพระศรีอริยเมตไตรย”สาเหตุที่บอกว่าเกี่ยวเนื่องได้เต็มปาก

เนื่องจากได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่หลวงปู่ดู่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ทวดที่คนหลายคนได้ยินจากปากของหลวงปู่ดู่เอง อาทิ “พวกแกเดินข้ามไปข้ามมา จะข้ามหัวหลวงพ่อทวดแล้วยังไม่รู้อีกหรือ” “พวกแกนะรู้มั้ยว่าช้างยังรู้เลยว่าหลวงพ่อทวดคือใคร” “มีคนบอกว่าข้าจะสำเร็จระหว่างต้นไม้สองต้น” “เรื่องข้าบางทีมันพูดไป ดีไม่ดี เขาจะไม่เชื่อ จะพากันปรามาสเป็นบาปกรรมกันได้ อย่าพูดไป”

หลวงปู่บุดดา ถาวโร พระอรหันต์แห่งวัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.สิงห์บุรี มาหาหลวงปู่ดู่แล้วบอกว่า “ที่คุณตั้งใจนะสำเร็จแน่ ต่อไปคุณจะได้เป็นพระพุทธเจ้า” หลวงพ่อเกษม บอกว่า
“หลวงปู่ดู่เป็นพระใจเพชร”

พ่อท่านจำเนียร เจ้าสำนักต้นเลียบ ที่ฝังรกหลวงพ่อทวดที่ล่วงลับ เคยได้สัมผัสภาพและรูปเหมือนหลวงปู่ดู่ ท่านกล่าวว่า “หลวงพ่อองค์นี้ต่อไปท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระศรีอริยเมตไตร” พ่อท่านนอง วัดทรายขาว ศิษย์ผู้น้องอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ท่านกล่าวถึงหลวงพ่อดู่เมื่อมีคนเอารูปให้ท่านพิจารณาว่า “พระองค์นี้เก่งสามารถอัญเชิญหลวงพ่อทวดให้อยู่กับท่านตลอดเวลาได้”


หลวงพ่อนอง-วัดทรายขาว

หลวงปู่ดู่ท่านเคยกล่าวกับศิษย์ใกล้ชิดว่า “พวกแกน่ะโชคดี ทำบุญกับข้าได้สองศาสนา” หลวงปู่ดู่ท่านเคยถามศิษย์ใกล้ชิดว่า ” แกรู้ไหมว่ามีคนบอกว่าหลวงพ่อทวดไปหลอกเขา โดยหลอกให้เห็นตัวเป็นหลวงพ่อทวดหัวเป็นข้า และตัวเป็นข้าแต่หัวเป็นหลวงพ่อทวด แกว่าอย่างไร”

หลวงปู่ดู่ท่านเองมีลักษณะการห่มจีวร วัตรปฏิบัติคล้ายหลวงพ่อทวด รวมทั้งการสร้างวัตถุมงคลที่คนทั่วไปมักจะเรียกว่า ทวดดู่ ที่มีพุทธคุณดุจพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ เลยทีเดียว

หลายครั้งจนถึงปัจจุบันที่มีผู้ถ่ายภาพหลวงปู่ดู่ ปรากฏเป็นฉัพพรรณรังสี ซึ่งมีบุคคลอย่างเดียวที่ปรากฏได้คือพระโพธิสัตว์เจ้าที่บารมีสูงมากๆ หรือ พระพุทธเจ้า เท่านั้นเอง

หลวงปู่ดู่ท่านเองบอกว่า ท่านไม่ได้หวังเป็นนายสิบ ท่านเองหวังเป็นนายร้อย ท่านบอกว่า “คนอย่างข้าต้องหักยอดฉัตรจึงสมใจ นั่นบ่งถึงความปราถนาพระโพธิญาณของท่าน” หลวงปู่ดู่เป็นพระที่ดี ไม่เคยอวดตัวว่าท่านเป็นใคร ยกเว้นกับศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้นเองที่ท่านเปิดเผยแย้มให้ทราบ เกศาและอัฐิธาตุท่านเป็นพระธาตุ แสดงถึงจิตอันบริสุทธิ์ของท่าน


หลวงปู่ดู่วัดสะแก

และท่านเองยังบอกว่า “ข้าภาวนาตลอดตั้งแต่ตื่นเช้าถึงเข้านอน และข้าอธิษฐานให้พวกแกตลอดเวลา เอ็งคิดถึงข้าข้าก็คิดถึงแก แกไม่คิดถึงข้าข้าก็คิดถึงแก”

ที่มา หนังสืออัศจรรย์สมาธิพระโพธิสัตว์ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

แอพเกจิ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: