2508.ปาฏิหาริย์พระผงของขวัญ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ

ปาฏิหาริย์พระผงของขวัญ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ

เล่าโดย นางเชิญศรี ทองสมบัติ กรรมการสมาคมคณะศิษย์ฯ ประธานกฐินวัดปากน้ำฯ ตลอดชีพ

“ด้วยบารมีหลวงพ่อวัดปากน้ำ”

มีเหตุการณ์ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตเกิดขึ้นกับครอบครัวของดิฉัน กล่าวคือ

ลูกชายคนเดียวของดิฉันได้ขับรถออกไปจากบ้านโดยบอกกับดิฉันว่าจะไปว่ายน้ำและเล่นเทนนิสกับเพื่อนๆ วันนั้นเป็นวันวาเลนไทน์ คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปีนี้ในเวลา 6 โมงเย็น ขณะที่ดิฉันกับสามีกำลังชมโทรทัศน์กันอยู่ ก็มีโทรศัพท์ทางไกลเสียงผู้หญิงบอกว่าโทรมาจากศรีราชาเพื่อแจ้งว่า

ลูกชายดิฉันเกิดอุบัติเหตุขณะขับรถกลับกรุงเทพ เพราะมีรถบรรทุกตัดหน้ากระชั้นชิด ลูกตกใจหักหลบรถเลยเสียหลักแล่นข้ามไปอีกเลนที่มีรถสวนมาทางเดียว เลยชนกับรถเก๋งของฝรั่งที่กำลังไปพัทยา ลูกชายดิฉันสลบอยู่ในรถ มีคนบาดเจ็บมากอยู่ 2 คน และเจ็บเล็กน้อยอีก 4 คน เวลานี้ลูกอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จศรีราชา

ขอให้ทางบ้านรีบไปด่วน และนอกจากนี้รถเสียหายมาก ไปหยุดที่ข้างทางและตำรวจทางหลวงมาพบพอดี สามีและดิฉันตกใจมากทำอะไรกันไม่ถูก และไม่คิดว่าลูกชายจะขับรถไปต่างจังหวัด

สามีดิฉันรีบขับรถออกไปทันที ส่วนดิฉันยังมีอาการช็อคอยู่ก็มีโทรศัพท์จากตำรวจทางหลวงบอกอีกว่า รถเกิดอุบัติเหตุและบอกชื่อคนขับซึ่งเป็นลูกชายดิฉัน และในรถมีนามบัตรชื่อสามีและเบอร์โทรศัพท์ไว้เขาก็เลยรีบบอกมา ดิฉันก็เลยแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นว่าเป็นลูกชายของดิฉันแน่ๆ

เนื่องจากคุณพี่ตรีธา เนียมขำ ได้เคยบอกไว้ว่าถ้าเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรก็ตามให้นึกถึงหลวงพ่อก่อน ดิฉันรีบขึ้นไปที่ห้องพระ จุดธูปอธิษฐานกราบบอกเรื่องท่านและขอบารมีท่านอย่าให้ลูกชายตายหรือพิการเลย

ขอให้บุญกุศลที่เราได้ทำมาจงช่วยด้วยเถิด และดิฉันนั่งสมาธิอยู่สักครู่

ระหว่างนั้นก็มีโทรศัพท์จากเพื่อนของลูกและพ่อแม่ของเด็กที่ไปโทรมาถามกันตลอดเวลา และดิฉันก็ได้โทรไปถามที่โรงพยาบาลสมเด็จศรีราชา เขาบอกว่าลูกชายฟื้นแล้วแต่ยังจำอะไรไม่ได้ และคิ้วแตกเลือดไหลกำลังเย็บแผลอยู่ มีกระดูกแก้มขวาแตก แก้มขวายุบไปด้วย

ก่อนที่สามีดิฉันจะไป ดิฉันบอกให้เรียกรถพยาบาลแบบเปิดหวอที่ศูนย์พัทยาให้รีบเอาลูกมาเข้าที่โรงพยาบาลพร้อมมิตรที่กรุงเทพด่วน และดิฉันได้โทรไปพูดกับแพทย์และพยาบาลไว้ก่อน

แต่ว่ากว่าลูกจะมาถึงโรงพยาบาลก็เกือบห้าทุ่มแล้ว แพทย์ได้รับไปเอกซเรย์สมองด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ และติดต่อนายแพทย์ผ่าตัดและนายแพทย์ทางสมองที่เก่งที่สุดของโรงพยาบาลศิริราชมาที่โรงพยาบาลพร้อมมิตร 2 ท่าน

ตาข้างขวาของลูกมีเลือดอยู่ในลูกตา บวมและอักเสบไปทั้งหน้า ปากก็อ้าไม่ได้ แต่ฟันไม่หักเลยสักซี่เดียว ต้องให้อาหารและน้ำเกลืออยู่หลายวัน

เย็นวันรุ่งขึ้นแพทย์ก็มาผ่าตัดให้โดยใช้เวลาหลายชั่วโมง เพราะต้องผ่าตัดแบบตกแต่งที่คิ้วและกระดูกโหนกแก้มที่แตก เพราะอยู่ใกล้ตามาก แพทย์เลยต้องใช้เวลานาน

ระหว่างที่ลูกไปเข้าห้องผ่าตัด ดิฉันก็นั่งสมาธิอยู่ในห้องลูกที่โรงพยาบาล ขอบารมีหลวงพ่อและโทรศัพท์ไปบอกคุณพี่ตรีธา เนียมขำ ให้ขอบารมีหลวงพ่อให้ด้วย และคุณพี่ก็ได้กรุณาทำให้ตั้งแต่วันเกิดเรื่องจนกระทั่งผ่านมาอีกเป็นเดือน คุณพี่บอกว่าเพราะร่างกายข้างในของลูกยังไม่ดีนัก

ที่ดิฉันใจชื้นขึ้นเพราะเห็น “พระของขวัญ” ของหลวงพ่อ ที่ห้อยคอลูกอยู่ไม่ได้ขาดหรือหายไปยังคงติดตัวลูกอยู่ตลอดเวลา จนเมื่อลูกพ้นอันตรายแล้วเพื่อนๆลูกได้เล่าให้ฟังว่า

ลูกสลบติดอยู่ที่ประตูรถและประตูเกือบจะเปิดออกแต่ยังไม่เปิด ถ้าเปิดและรถกระเด็นไปแล้ว ดิฉันไม่กล้าคิดและในรถก็ไม่มีใครกระเด็นไปนอกรถเลย มีที่เป็นมากรองจากลูกก็แค่แก้มแตกเป็นแผลมานอนอยู่ที่โรงพยาบาลพร้อมมิตร 2 วัน นอกนั้นก็เพียงฟกช้ำเท่านั้น

คนขับรถบรรทุกที่ตัดหน้าก็รีบหนีไป จดเลขทะเบียนกันไม่ทัน ส่วนรถที่ลูกข้ามไปอีกเลนไปปะทะกับเขาก็เป็นฝรั่ง เขาก็เดินกะเผลกออกมาจากรถเห็นเด็กสลบอยู่และคนอื่นก็เป็นเด็กทั้งนั้น ก็เลยไม่เอาเรื่องรีบเรียกแท็กซี่ไปพัทยาเลย

ส่วนลูกหลังจากผ่าตัดแล้วก็อาการดีขึ้นเรื่อยๆ ทีแรกคิดว่าต้องนอนในโรงพยาบาลอย่างน้อยสองอาทิตย์ แต่ปรากฏว่า 5 วันแพทย์ก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ โดยให้กลับไปตัดไหม และเช็คทุกๆอย่างอีกสองครั้ง

แพทย์ก็บอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยเหมือนเดิมทุกประการ ในขณะที่ลูกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น พระเดชพระคุณเจ้าคุณธรรมธีรราชมหามุนีเจ้าอาวาสวัดปากน้ำและคุณพี่ตรีธา ได้กรุณาไปเยี่ยมและให้กำลังใจ ทำให้ดิฉันและครอบครัวรู้สึกปลาบปลื้มปิติยินดีอย่างยิ่งในความกรุณาของท่านทั้งสอง

สามีดิฉันได้เล่าให้ฟังว่า เขาเห็นสภาพรถซึ่งใช้ยังไม่ถึงปีแล้วใจหายหมดเพราะเบาะที่นั่งข้างหน้าและหลังยุบมารวมกัน รถพังหมดซ่อมเกือบไม่ได้ ข้างในรถต้องเปลี่ยนอะไหล่หมดทั้งคัน ไม่น่าเชื่อว่ารอดกันมาได้อย่างไร

ทำให้ดิฉันนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อที่ลูกศิษย์อัดเทปไว้และดิฉันได้ฟังบ่อยๆว่า “พระของขวัญที่ท่านได้ทำไว้แจกนี้เป็นของเป็น ไม่ใช่ของตาย แค่องค์เดียวเท่านั้นเวลามีอันตรายขนาดทหารยังคุ้มครองได้ทั้งกองทัพ”

ลูกดิฉันมีพระของขวัญของท่านห้อยคออยู่องค์เดียวตลอดเวลา ท่านก็เลยคุ้มครองลูกและเพื่อนๆในรถทุกคนตลอดไปถึงรถของดิฉันที่เสียหายยับเยินต้องจอดทิ้งไว้ข้างทางทั้งคืนและเขาลากไปจอดไว้ที่สถานีตำรวจหนองมนอีกสามวัน โดยของในรถมีทั้งร่ม แว่นตา รองเท้า และอื่นๆ แม้กระทั่งสายสร้อยทองของเพื่อนลูกตกอยู่ในรถตั้งหลายวัน สามีดิฉันเอามาจากรถได้หมดโดยไม่มีอะไรหายสักอย่างเดียว

หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้วทำให้ดิฉันนึกขึ้นได้ว่า เมื่อต้นปี พ.ศ. 2524 คุณพี่ตรีธา เนียมขำ ได้เรียกดิฉันไปบอกว่า “ให้สร้างพระประธานให้ลูกนะ จะได้อายุยืนอยู่กับเราไปนานๆเรายิ่งมีลูกเพียงคนเดียว”

เมื่อดิฉันได้ฟังก็ไม่ซักถามอะไรคุณพี่ บอกให้คุณพี่จัดการให้ดิฉันด้วย และได้สร้างพระพุทธชินราชเรือนแก้วอย่างสวยงาม สร้างเสร็จและฉลองพระกับทำพิธีเบิกเนตร เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2524 สลักชื่อ นามสกุลของลูกชาย และในเดือนกรกฎาคมในปีนั้นคุณพี่ตรีธาได้จัดส่งไปประดิษฐานที่ “ซันโตสวิหาร เมืองจิตตกอง ประเทศบังกลาเทศ”

ด้วยบารมีหลวงพ่อ และบุญคุณที่ดิฉันและสามีได้มีจิตยึดมั่นในพระพุทธศาสนาอันสูงส่ง ซึ่งเป็นหลักธรรมคุ้มครองโลกให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุข เวลานี้ลูกชายดิฉันได้ไปนั่งสมาธิกับดิฉันและสามีทุกอาทิตย์ และยึดมั่นในหลวงพ่อฯ ซึ่งแกได้ประสบความคุ้มครองมากับตัวเองดีกว่าดิฉันบอกเสียอีก ซึ่งทำให้ดิฉันดีใจมากที่สุดยิ่งกว่าได้สิ่งใดเราสามคนพ่อแม่ลูกจะยึดมั่นในบารมีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและหลวงพ่อตลอดชีวิตและทุกภพทุกชาติตราบเข้าสู่นิพพาน

ที่มา​ คาถาครูพักลักจำ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: