2499.ปาฏิหาริย์ พระสมเด็จ ยุคอัศวินเผ่าครองเมือง(จากหนังสือตรียัมปวาย)

ปาฏิหาริย์ พระสมเด็จ ยุคอัศวินเผ่าครองเมือง(จากหนังสือตรียัมปวาย)

ปาฏิหาริย์ พระสมเด็จรักษาโรคปีระกาป่วงใหญ่ พ.ศ. 2416 หลังสมเด็จโตมรณภาพ 1 ปี เกิดอหิวาตกโรคระบาดในไทย ผู้คนล้มตายกันมาก สมเด็จโตได้เข้าฝันชาวบ้านบางช้างให้นำพระสมเด็จแช่น้ำทำน้ำมนต์กินรักษาโรค เมือคนกินแล้ว หายข่าวแพร่สะพัดเข้าพระกรรณ พระพุทธเจ้าหลวง จึงทรงนำพระสมเด็จที่ทรงเก็บไว้ แจกข้าราชการเป็นการใหญ่ ทำให้โรคระบาดสงบลงอย่างรวดเร็ว

อย่าขนมามากมาย ร.อ.จวง ภักดีชุมพล เล่าว่า เมื่อพ.ศ. 2487 สงครามโลกครั้งที่ 2 เขารับราชการที่เพชรบูรณ์ ได้ห้อยพระสมเด็จคล้องคอไปด้วยนอกจากนั้น ยังพกเครื่องรางอื่น ๆ ไว้เต็มเอว วันหนึ่งมีไข้หนาวสั่น นอนคลุมโปงคิดไปว่าที่เขาลือกันว่าพระสมเด็จป้องกันไข้ป่าได้ท่าจะไม่จริงเสียแล้ว

สมเด็จวัดระฆัง

พอหลับไป ก็ฝันว่ามีพระแก่รูปหนึ่งร่างกายสูงใหญ่ มาเขย่าปลุกให้ตื่นแล้วกล่าวว่า ก็เมื่อเจ้าเชื่อว่าเราจะป้องกันไข้ให้เจ้าได้แล้วทำไมเจ้าจึงขนเอาอะไรมาช่วยป้องกันอีกมากมายเล่า เมื่อตื่นขึ้นมาจึงก้มลงกราบหัวนอน กล่าวว่า ถ้าพระแก่ในฝันเป็นเจ้าพระคุณสมเด็จโตจริง ขอให้เขาหายไข้โดยจะไม่กินยาเลย แล้วจึงถอดเครื่องรางอื่นออกทั้งหมดรุ่งขึ้นอาการก็ดีขึ้น วันที่สองก็หายเป็นปลิดทิ้ง

ประสบการณ์นิรันตรายเขานิมนต์มา มีพี่น้องสองคน คนโตเป็นอันธพาล อยู่ต่างจังหวัดคนน้องทำงานอยู่กรุงเทพ ทั้งสองมีลุงเป็นเศรษฐีไม่มีลูกจึงตั้งใจจะมอบสมบัติให้หลานทั้งสอง แต่ลุงรักน้องชายมากกว่า เพราะความประพฤติดี เป็นที่อิจฉาของพี่ชาย ต่อมาเมือลุงเสียชีวิตน้องชายเดินทางไปงานศพลุงที่ต่างจังหวัดก่อนเดินทางได้มาขอยืมพระสมเด็จบางขุนพรหมของ ครูเอื้อ สุนทรสนาน ติดคอไปด้วย เพราะไม่ไว้ใจพี่ชาย

สมเด็จโต

เมื่อไปถึงเวลาค่ำ พี่ชายให้ลูกน้องดักรอฆ่าน้องชายที่ท่าน้ำหน้าวัดแต่ลูกน้องก็หลีกทางให้ขึ้นเรือแต่โดยดี เมือเสร็จงานศพรุ่งขึ้นน้องชายก็รีบกลับกรุงเทพ พี่ชายจึงวางแผนฆ่าในคราวทำบุญ 100 วัน เมื่อถึงกำหนด น้องชายก็มาที่บ้านได้อีก

พี่ชายจึงตามหาลูกน้องว่าทำไมไม่ลงมือ ลูกน้องบอกว่าไม่เห็นใครเลย มีแต่พระแก่ๆจากกรุงเทพอกว่าเจ้าภาพนิมนต์มางานบุญ 100 วันที่นี่ พี่ชายตกใจมาก คิดได้ว่าน้องชายคงมีของดีติดตัวมา จากนั้นมาน้องผู้นั้นได้พระสมเด็จมาบูชาติดตัวตลอดเพราะได้ช่วยชีวิตเขาไว้

รถยนต์มหากาฬ นายแม่น ชลานุเคราะห์ ได้เล่าว่า มีพระสมเด็จห้อยที่คออยู่ขณะเดินทางไปรับแหวนอัศวิน จาก พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์เมื้อวันที่ 1 มกราคม 2495 ในความดีความชอบครั้งกบฏแมนฮัตตัน เขาเป็นผู้สื่อข่าวที่เสียงอันตรายเข้าไปทำข่าวระหว่างที่เดินจากปากคลองตลาดจะไปขึ้นรถเมล์ขาวที่เชิงสะพานเจริญรัช (ว.ป.ร. ) ขณะอยู่บนสะพานซึ่งเป็นทางโค้งพระสมเด็จที่คอก็เลื่อนหลุดเหมือนสร้อยขาด

จึงชะงักอยู่กับที่เอามือทั้งสองกุมหน้าอกด้วยความตกใจทันใดนั้นเองก็มีรถเก๋งพุ่งแหกโค้งมาชนราวสะพานห่างจากตัวเขาเพียงก้าวเดียว เขายืนตะลึงอยู่กับที่เมือได้สติมองคนในรถ ล้มหน้าฟุบกับพวงมาลัย เลือดเต็มตัวหลังรถ เต็มไปด้วยอาเจียน แสดงว่าคนขับดื่มเหล้าฉลองปีใหม่มาเมื่อคืน

นอนบ้านสายโจร พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร ได้เล่าเรื่องของนายตำรวจผู้หนึ่งขอสงวนนามให้ฟังว่า ได้รับคำสั่งไปสืบข่าวโจรในต่างจังหวัด และได้อาราธนาพระสมเด็จไปด้วย โจรชุมนี้มีสายอยู่มากเมื่อเดินทางไปถึง ก็ขอพักที่บ้านราษฎรคนหนึ่ง โดยที่ไม่รู้ว่าบ้านหลันี้เป็นสายให้โจร เมือเจ้าของบ้านรายงานให้หัวหน้าโจรทราบ ก็รีบเดินทางมาหมายจะฆ่าตำรวจพอเปิดมุ้งดูปรากกฎว่าเป็นพระแก่ๆ นอนจำวัดอยู่ในมุ้งเปิดดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจก็เห็นเป็นพระทุกครั้ง ขุนโจรจึงไม่ฆ่าเมื่อถูกจับได้ได้เล่าเรืองปาฏิหาริย์อันนี้ให้ฟัง


พระสมเด็จ

มีดโกนหรือพระ ใครจะแน่กว่ากันนายสำเภา สิริสัมพันธ์ เล่าว่า เมื่อเขาอายุ ได้ 14 ขวบ คืนหนึ่งประมาณตีสอง ระหว่างที่นอนกับพ่ออยู่ในบ้าน มีพระแก่ๆ ห่มจีวรมานั่งด้านซ้ายมือ เคี้ยวหมากยิ้มอยู่ ปกติเขาเป็นคนกลัวผี แต่วันนี้แปลกไม่กลัวเหมือนเคย จะปลุกพ่อก็ไม่กล้าสักครู่ใหญ่ก็หายไป ขณะนั้นไม่ทราบว่าท่านเป็นใครรุ่งเช้าเล่าให้พ่อฟังท่านบอกว่าอาจจะเป็นปู่ย่าตายาย กระมังจนเมื่อท่านได้เห็นรูปของเจ้าพระคุณสมเด็จ สอนหนังสือ รัชกาลที่ 5 ก็จำได้ว่าเป็นคนเดียวกันที่เห็นคืนนั้นจึงเคารพนับถือสมเด็จโตเรื่อยมา

ตั้งแต่ได้พระสมเด็จมาก็แขวนอยู่องค์เดียว ไม่ปลี่ยนแปลง จนเกิดเหตุการณ์วันที่ 10 พฤศจิกายน 2495 ได้มีการจับกุมนักการเมืองครั้งใหญ่ 276 คน รวมทั้งตัวเขาด้วยในข้อหากบฏพวกอัศวินของกรมตำรวจ สมัย พล.ต.อ.เผ่า ทำเรืองเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่กวาดล้างคอมมิวนิสต์เพราะงบประมาณจากอเมริกา เข้ามาจำนวนมาก ข้าพเจ้าเลยถูกจับไปด้วยทั้งๆที่ ไม่รู้จักนักการเมืองเลยเพียงมีเพื่อนเป็นนักปฏิวัติเท่านั้น

อัศวินของกรมตำรวจ ชื่อ พ.ต.ท.อรรณพ พุกประยูรซึ่งความจริงก็เป็นเพื่อนเทพศิริทร์ของข้าพเจ้าพร้อมด้วย ร.ต.ท.ประชา พูนวิวัฒน์ มาเบิกตัว ข้าพเจ้าหลังจากจับมา 2 เดือน ไม่ได้ความคืนหน้าอะไรเลย ข้าพเจ้าไม่ยอมไปเพราะเป็นเวลากลางคืน และไม่สบายอยู่ด้วยอีกอย่างได้ข่าวว่ามีการนำตัวไปสอบสวน และซ้อมให้รับสารภาพหรือฆ่าทิ้งไปก็หลายคน

แต่ก็ไม่กลัวเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกันมาคงไม่ทำอะไร จึงแต่งตัวและไม่ลืมพระสมเด็จติดตัวไปด้วยเมื่อขึ้นรถของ พ.ต.ท.อรรณพ พุกประยูร เขาก็พูดขึ้นว่าต่อไปนี้ข้ากับเอ็งหมดความเป็นเพื่อนกันแล้ว มีอะไรก็ให้การไปอย่าคิดว่าจะได้รับการช่วยเหลือ ถ้าบอกความจริงและยอมเซ็นชื่อแล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย แต่ถ้าไม่ยอมก็มีเรืองกันละวันนี้

สมเด็จโต

ข้าพเจ้านิ่งพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะมาไม้นี้ ตอบได้เพียงว่าผมไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ เขาพูดว่า ปากแข็ง ดีแล้วไม่ยอมให้การ จนถึงท่าวาสุกรี มีเรือชื่อ พิชิตธุรการ เป็นเรือตรวจฝั่งของตำรวจจอดอยู่ เขาสั่งว่า เอามันไปลงเรือ แล้วก็แล่นเรือออกปากแม่น้ำเจ้าพระยาในเรือมีตำรวจอัศวินหลายคน คือ พ.ต.อ.พันศักดิ์ วิเศษภักดี พ.ต.ท.อรรณพ พุกประยูร พ.ต.ท.พุฒ บูรณสมภพ พ.ต.ท.วิชิต รัตนภานุ ร.ต.ท.ประชา พูนวิวัฒน์ และพวกตำรวจสันติบาลเล็กอำประมาณ 3 คนคอยรับใช้อยู่นอกห้องเคบิน

อัศวินอรรณพ เริ่มสอบสวน ให้ข้าพเจ้าเซ็ยชื่อในคำให้การที่พิมพ์มาแล้วและจะให้ประกันตัว กันเป็นพยาน ข้าพเจ้ารู้ดีว่าถ้าเซ็นไปจะมีคนเดือดร้อนอีกมาก เช่น น.ต.มนัส จารุภา กับพวกทหารเรือ น.อ.ต.พร่างเพชร บุณยรั้ตพันธ์ กับพวกทหารอากาศ พ.ท.สาลี่ ร.อ.พิมพ์กับพวกทหารบก

ซึ่งถูกจับรวมกันตั้งข้อหาว่าเป็นกังกับขบวนการนักศึกษาธรรมศาสตร์อีก 30 คน พร้อมด้วยท่านผู้หญิงพูนสุขกับลูกๆ และพวกอิสาณสัมพันธ์ กับนักศึกษาธรรมศาสตร์อีก 50 คนข้อหาแบ่งแยกดินแดน

นอกจากนี้ยังมี นักหนังสือพิมพ์ เช่นอารีย ริวีระ นายสละ ลิขิตกุล นายอุทร พลกุล นายกุหลาบ สายประดิษฐ์คุณเจริญ สืบแสง ในข้อหาว่าเป็นหัวหน้าแบ่งแยกดินแดนจังหวัดปักษ์ใต้พร้อมพวก อีก 30 คน เมื่อข้าพเจ้าไม่เซ็นคำให้การ พ.ต.ท. อรรณพ ก็ตบหน้าข้าพเจ้าอย่างแรงแล้วพูดว่า มึงปากแข็งดีนัก ดีแล้วอย่าอยู่เลย จะจัดการเสีย แล้วทุกคนก็ออกจากห้องเคบิน

สักครู่ เขาก็เข้ามาด้วยอาการเมามีคนโยนมีดโกนเป็นสนิมอันหนึ่งลงมา เขาพูดว่า สส.พร ก็ตายด้วยมีดโกนอันนี้ ถูกใส่กระสอบถ่วงน้ำไว้ในทะเลแถวนี้ มึงอยากตายตาม สส.พร ใช่ไหม ใคร ๆ เขาว่ามึงมีพระดีใช่ไหม แล้วเขาก็เอามีดโกนเขี่ยสร้อยพระสมเด็จที่คอ แล้วพูดต่อว่า จะได้รู้กันว่าพระจะแน่หรือมีดโกนจะน่ากว่า ถ้ามึงไม่ยอมเซ็นก็จะได้รู้กันละ

ทันใดนั้น ร.ต.ประแสร์ อุณจิตร ต้นกลเรือ พร้อมด้วยลูกเรือ 6 คนเข้ามา อ้อนวอนว่า ท่านรองผมขอเถอะครับ คนๆนี้มีบุญคุณกับพวกผมถ้าจะทำอะไร ไปทำลำอื่นเถอะครับ ในเวลานั้นเอง เกิดพายุพัดกระหน่ำเรือ พวกอัศวินทั้งหลายวิ่งเข้ามาในเรือ เมาเรืออ้วกแตก สลบไปทุกคน ผมจึงรอดมาได้

พระมงคลราชมุนี (เจ้าคุณสนธิ์ วัดสุทัศน์ ) เล่าให้ฟังว่า มีข้าราชการบำนาญคนหนึ่งเคยไปมาหาสู่ท่านเสมอ เคยได้พระสมเด็จไว้องค์หนึ่งบริเวณหน้าวัดสุทัศน์ โดยปลิวมากับลมพายุแล้วปะทะที่หน้าอกตกลงในกระเป๋าเสื้อ พอดี รักษาไว้หลายปีและอำนวยลาภผลมากอยู่ต่อมาก็หายไปจากตู้พระที่ใส่กุญแจแน่นหนา จากนั้น 7 วันก็เกิดเพลงไหม้บริเวณเสาชิงช้า เผาบ้านวอดวาย เจ้าคุณสนธิ์ ท่านเล่าต่อว่าพระกริ่งของท่านก็เช่นเดียวกัน บางองค์ก็หายจากบาตรที่ครอบไว้แล้วกลับมาอยู่ที่เดิม แต่บางองค์ก็อ่อนคุณวิเศษ ทั้งๆ ที่สร้างพร้อมกัน

ขอบคุณที่มา oknation

แอพเกจิ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: