2455.ยอดสายบู๊แห่งเมืองสรรค์ พระเนื้อดินของดีที่ถูกมองข้าม

ஐ ยอดสายบู๊แห่งเมืองสรรค์ ஐ
…พระเนื้อดินของดีที่ถูกมองข้าม…
หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆสิตาราม

บทความนี้ผมเขียนไปเมื่อ ๓ ปีก่อนในเฟสบุ๊คส่วนตัว ปัจจุบันเห็นมีการนำมาเผยแพร่ต่อกว้างขวาง ถือว่าเป็นการเผยแพร่เรื่องราวของหลวงพ่อกวยต่อสังคม มาวันนี้ผมขอนำเสนอเรื่องราวนี้อีกครั้ง โดนนำมาเขียนละเอียดขึ้นกว่าเดิม เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณ หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆสิตาราม ว่าความจริงแล้วผู้ฅนต่างมองเลยข้าม

หรืออาจลืมย้อนนึกว่าวัตถุมงคลของหลวงพ่อกวยใช้มีเพียง เหรียญ หรือพระหลักยอดนิยมต่างๆ เท่านั้น ซึ่งพระยอดนิยมดังกล่าวปัจจุบันมีมูลค่าการสะสมสูงมาก เราพอตามตรรกะความจริงแบบไม่ใส่จริต ฅนเราต้นทุนชีวิตต่างกัน แต่ศรัทธาในองค์หลวงพ่อมีเท่าเทียมกัน เหตุนี้ผมจึงนำเรื่องราวของดีราคาเบาของเก่าราคาถูก เรียกว่าดีแท้แน่นอนไม่ต้องไปเล่นตามกระแส แต่มากพุทธคุณแขวนได้มั่นใจว่าไม่ตายโหงแน่นอน แถมมีดีทั้งบู๊และบุ๋นเรียกว่านอกจากทางคุ้มครองแล้ว ยังมีโชคลาภและเมตตาแฝงชนิดมั่นใจได้



พระเนื้อดินของหลวงพ่อกวยจัดเป็นพระชุดแรกและยุคแรก คาดว่าท่านเริ่มสร้างพระเครื่องเนื้อดินราวปี พ.ศ. ๒๔๘๒ อายุได้ ๓๔ ปี พรรษาที่ ๑๕ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ คือ เรียนวิชาสำเร็จมาจากสำหนักหลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ และได้ตำราอาถรรพ์จากโพรงไม้มาศึกษา ทั้งเรียนวิชาจากหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ แล้วแต่ยังไปมาหาสู่เพื่อต่อวิชาอยู่

สมัยนั้นจัดว่าท่านกำลังเรืองวิชาอย่างที่สุด ยังหนุ่มแน่นและจิตใจกล้าแข็งมาก ด้วยความที่เป็นคนใจนักเลง คนจริง ท่านมั่นใจในอาคมและพลังจิตในตนเอง เมื่อเห็นชาวบ้านลูกหลานเดือดร้อน บ้านเมืองลุกเป็นไฟด้วยภัยสงคราม ตัวท่านเป็นพระสงฆ์ในพระศาสนา ฉันข้าวแดงแกงร้อนจากชาวบ้านมาตลอด เมื่อยามทุกข์ยากชาวบ้านเดือดร้อน ตัวท่านอดทนดูเฉยไม่ได้


ในยุคภัยสงครามโลกนี้ท่านเริ่มเป็นอาจารย์สักยันต์ ว่ากันว่าท่านมุ่งมั่นอนุเคราะห์ชาวบ้าน โดยสักยันต์ให้แบบชายหนุ่มทั้งหลายที่มาขอพึ่งพาชนิดหามรุ่ง หามค่ำ แทบไม่ได้พักผ่อนเอาเลยในช่วงนั้น สานุศิษย์ผู้มาขอของขลังไปป้องกันตัวก็มาก ในยุคแรก ๆ ท่านที่สักให้ไปนี้คาดว่าผู้ที่ได้รับการสักจากท่านไปมีจำนวนมาก

แต่จำนวนที่มารอขอสักยันต์กับท่านก็ยังมีมาก ท่านสักให้ไม่ทันไม่ทั่วถึงเพราะลงเข็มเองเสกเองผู้เดียว ทั้งยังมีสตรีเด็กและฅนชราที่ไม่สามารถสักยันต์ให้ได้ ภายหลังท่านคิดสร้างพระเครื่องเพื่อแจก ประกอบกับมีการลักขุดกรุพระเมืองสรรค์แตกออกมา เป็นพระพิมพ์สรรค์นั่งและพิมพ์สรรค์ยืน ท่านนำพระดังกล่าวมาถอดพิมพ์สร้างพระสรรค์ขึ้น


หลวงพ่อท่านบอกศิษย์ด้วยมั่นใจว่า **กูจะทำให้ดีเหมือนของเก่าเขาเลย** ประโยคนี้แสดงถึงความมั่นใจในอาคมของท่าน คือ มั่นใจว่าตัวท่านทำได้เทียบเท่ากับพระกรุของเก่า ที่ได้รับการปลุกเสกจากพระเกจิอาจารย์โบราณอย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว จากอุปนิสัยส่วนตัวหลวงพ่อกวยท่านเป็นผู้คงแก่เรียน เที่ยวซอกซอนเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ และท่านเป็นคนรู้จริง ทำได้จริง

ท่านเป็นผู้ที่มีความมานะอดทนสูง รักและห่วงใยลูกศิษย์ดังลูกในไส้ของตนเอง จากคุณสมบัตินี้ทำให้ท่านสร้างของได้วิเศษอัศจรรย์อันมาจากพื้นฐานของความรัก **ประหนึ่งพ่อได้มอบมรดกสำคัญให้กับลูก** นี่เองจึงขอจัดว่าสิ่งที่ท่านสร้างนั้นแสนวิเศษ เพราะท่านแยกปราณตนเองถ่ายลงในวัตถุมงคลด้วย เมื่อศิษย์ท่านไปเกิดเป็นอะไรหางไกลแค่ไหนท่านก็รู้ได้ และสามารถช่วยได้จริงประหนึ่งท่านอยู่ ณ ที่แห่งนั้นเผชิญเหตุการณ์เหล่านั้นกับศิษย์ด้วย แต่สำคัญว่าศิษย์ต้องนึกถึงและเชื่อมั่นอย่างที่สุด เรียกว่าศรัทธามาปาฏิหาริย์เกิดอย่าได้ลังเล

พระเครื่องพิมพ์ต่าง ๆ หลวงพ่อท่านเสกไม่เหมือนกัน โดยท่านเสกแยกกันออกไปตามรูปร่างลักษณะ ตลอดจนความเหมาะสมในการอาราธนาบูชาต่างกันไป เหมาะสมกับยุคสมัยหรือไม่อย่างไรท่านพิจารณาประกอบทั้งสิ้น ยุคนี้สมัยนี้อาวุธมีอานุภาพรุนแรงมาก เสกทางเหนียวคงแบบสมัยก่อนไม่ได้ ต้องลงหินเบา ลงแคล้วคลาด คาถาปิดทวารทั้งเก้า ให้มากเพราะอาวุธรุนแรงถึงจะไม่เข้าก็จริง

แต่อานุภาพที่รุนแรงของอาวุธ สามารถทำให้กระดูกหัก หรือเกิดความบอบช้ำภายในทำให้ถึงตายได้เช่นกัน ต้องห้ามอาวุธให้ยิงไม่ออกหรือไม่ถูก ต้องผ่อนหนักเป็นเบาเพื่อรักษากระดูก และอวัยวะภายในไว้ด้วย ตัวอย่างคาถาชาตรีหินเบานี้ หลวงพ่อกวย ท่านเรียนมาทั้งของไทและแขกเจนจบทั้งสิ้น ท่านนำมาใช้เสกลงในวัตถุมงคลทุกรุ่นทุกแบบ พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าที่เสกของลงด้วยชาตรีนี้ เช่น หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ, หลวงพ่อทอง วัดราชโยธา, หลวงพ่อเกิด วัดสะพาน, หลวงพ่อสุ่น วัดหนองปลาหมอ, หลวงพ่อรอด วัดบางน้ำวน, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ และยุคปัจจุบันมี หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง, หลวงพ่อเริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ, พระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ ฯลฯ นำมาเขียนพอสังเขปเท่านั้น


อยากนำเรื่องราวของพระเนื้อดินของหลวงพ่อกวย นับเป็นพระที่มีการสร้างก่อนพระเครื่องทุกชนิด พระเป็นดินหายิ่งมีอยู่ทั่วไป ทั้งนี้ดินนับเป็นวัตถุที่มีคุณวิเศษในตัว ถือคติที่ว่าดิน คือ เนื้อหนังของพระแม่ธรณี หลวงพ่อท่านออกไปหาดินพิถีพิถันอย่างยิ่ง ท่านจะเลือกเอาดินจากกลางใจนา พระเนื้อดินกรุเก่าต่าง ๆ ที่แตกหักชำรุดมาบดผสมด้วยผงวิเศษ และทรายเสกของท่าน

ขั้นตอนการไปนำเอาดินมาใช้ ผู้เอาต้องว่าคาถาไปพลีดินเอามา และเสกคาถาหัวใจแม่ธรณีเป็นการอัญเชิญแม่ธรณีให้มารับรู้ ทำให้ดินนั้นขลังและศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ไปขุดเอาดินเขามาเฉย ๆ ต้องบอกเล่า ทำโดยไม่รู้กาละเทสะขาดความเคารพ ดิน นั้นจะไม่ขลังเลย ด้วยพิธีไม่ครบขั้นตอน ถือเป็นคนไม่มีครูรู้ไม่จริง

เรื่องความขลังเด็ดขาดในวิชาเชิญแม่พระธรณีของ หลวงพ่อกวย เคยพิสูจน์กันมาแล้วในคราวขุดบ่อน้ำ เมื่อไม่สามารถเจาะหาตาน้ำใต้ดินได้ เสียเวลากันนานเป็นวัน ๆ ก็ยังไม่เจอ ศิษย์ได้ไปบอกกล่าว หลวงพ่อกวย ถึงเรื่องดังกล่าว ท่านนั่งฟังเฉยไม่ว่ากะไรคิดว่าคงใช้จิตตรวจดู ท่านนั่งลงหลับตาภาวนาครู่หนึ่ง

จากนั้นท่านเอาไม้ปักลงที่ตรงนั้น แล้วยืนขึ้นภาวนาที่นั้นแล้วก้มลงนั่งยอง ๆ เอาผ่ามือตบลงที่พื้นดินสามครั้ง ทันทีที่ท่านตบฝ่ามือลงบนพื้นเกิดเสียงประหลาด เป็นเสียงฮึ่ม ๆ ใต้แผ่นดินจากหลายทิศทาง เสียงนี้มุ่งมายังบริเวณหลักไม้ที่ท่านปักไว้ หลวงพ่อหันมาบอกศิษย์ว่า **ขุดลงตรงนี้เจอตาน้ำ** พอเจาะลงไปไม่ลึกนักก็เจอตาน้ำง่ายดาย ภายหลังศิษย์ถามท่านเรื่องนี้หลายครั้ง คิดว่าท่านคงรำคาญหันมาตอบว่า **กูเชิญแม่ธรณีเขามาช่วย** ท่านตอบเท่านี้แล้วเสียงเฉยเสีย ลองคิดเอาว่าหลวงพ่อท่านสื่อจิตถึงแม่พระธรณีหรือไม่อย่างไร ?

ตามความจริงพระเนื้อดินเป็นพระที่ดีทั้งนอกและใน เจตนาการสร้างแต่ต้นตั้งใจสร้างเพื่อแจก ดินนี้มีดินอาถรรพ์วิเศษซึ่งมีคุณในตัวเช่น ดินจากพระกรุและลานทุ่งเศรษฐี, ดินจากท่าเรือขนสินค้า, ดินเจ็ดทุ่ง, ดินเจ็ดท่า, ดินปิดรูปูและมีปูตายในรู (เคล็ดทางมหาอุตม์) ท่านสรรหาของวิเศษใส่ลงไปด้วย หาใช่ใส่เพียงดินเปล่าท่านใส่ผงวิเศษ, ทรายเสก, แร่อุกาบาต (กันอาถรรพ์) น้ำที่ใช่มาผสมก็ใช้น้ำมนต์เสกเคร่งครัด

เชื่อมั่นว่าพระเนื้อดินมีอิทธิฤทธิ์สูงยิ่ง เรื่องคงกระพันและมหาอุตม์โดเด่งมาก เชื่อขนมกินได้จัดอยู่ในขั้น **บู๊ล้างผลาญ** กันเลยทีเดียว พระเนื้อดินในยุคต้นจะแกะแม่พิมพ์เอง เซาะพิมพ์ตกแต่งเองทำเองทุกขั้นตอน ต่อมามีศิษย์ที่พอมีฝีมือเชิงช่างมาช่วยแกะพิมพ์ ต่อมาเริ่มพัฒนามีนำพระหลากหลายมาถอดพิมพ์


พระยุคต้นของหลวงพ่อหากพูดให้ทันสมัยเขาว่า **เป็นพระคลาสสิก** เป็นของที่มีคุณค่าทางใจมาก เท่าที่ทราบมีพิมพ์ พระพุทธเจ้าในวิหาร พิมพ์ยอดขุนพล (พระหูยาน) พิมพ์พระร่วงยืน ซึ่งพระพิมพ์ยอดขุนพลนี้ท่านตั้งใจให้เป็นพระหูยาน แบบลพบุรี แต่ศิษย์มาเรียกกันภายหลังว่า **พระพิมพ์ยอดขุนพล** พระยุคต้นนี้นี้ศิษย์จัดอันดับกันเองว่า **เก่งที่สุด** ในชุดพระเนื้อดิน แต่ข้าพเจ้าคิดและเชื่อมั่นว่าเก่งทั้งสิ้นทุกพิมพ์ อย่างพระพิมพ์สรรค์นั่งและสรรค์ยืน เป็นพระพิมพ์ที่มีความสำคัญยิ่งอีกพิมพ์ สำหรับพระเนื้อดินนี้หาผู้ทราบข้อมูลยังน้อย จะเล่นหาแยกแยะให้ได้จริงต้องสังเกต ต้องใช่เวลาศึกษามีชั่วโมงบินนานพอควร ทำให้ผู้สนใจในยุคหลังไม่กล้าเล่นหาสะสม **เพราะกลัวโดนของเกือบแท้** ทั้งที่พระเนื้อดินเป็นพระที่หลวงพ่อตั้งใจสร้างเสกอย่างสุดภูมิ

จากที่กล่าวไปแล้วว่า พระเนื้อดินเป็นพระที่สร้างมากที่สุด และมีประสบการณ์สูงที่สุดในอดีต เป็นที่รักและหวงแหนของศิษย์ที่ได้รับจากมือหลวงพ่อกวย ทั้งผู้มีประสบการณ์จากพระเนื้อดินนี้ก็มาก อย่างพระสรรค์นั่ง พระสรรค์ยืนนี้ เรียกกันติดปากในหมู่ศิษย์รุ่นเก่าว่า **ยืน-นั่ง ระวังภัย** จากประสบการณ์เท่าที่ทราบมา และจากคำบอกเล่าของศิษย์รุ่นเก่า รวมถึงผู้คนในท้องที่พอทราบไว้ว่า พระเนื้อดินนี้เก่ง มีประสบการณ์กันมายาวนาน

ประสบการณ์สูงขนาดที่มีนักเลงดีผู้หนึ่ง ชื่อเสือสวัสดิ์เป็นศิษย์ หลวงพ่อกวย ไปเกิดมีเรื่องกับลูกน้องเสือฝ้าย ศิษย์ หลวงพ่อกวย ฅนนี้เป็นจำพวกเสือบุกเดี่ยวไปไหนไปฅนเดียว เมือเกิดปะทะกับลูกน้องเสือฝ้ายก็เปรียบได้ตามคำโบราณว่า **น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ** ฅนเราเก่งแค่ไหนสุดท้ายแพ้ฅนมากอยู่วันยังค่ำ เสือใจเด็ดยอมสู้ตายไว้ลายชาติเสือ สุดท้ายยิงกันจนกระสุนหมด ได้ยิงลูกน้องเสือฝ้ายตายและบาดเจ็บไปหลายฅน เมื่อกระสุนหมดโดนเขารุมตีจนตาย เมื่อตายตำรวจมาชันสูตรศพแต่ไม่มีพยาน หรือมีใครให้ปากคำใด

เมื่อตายแล้วญาติได้นำเอาไปเผา ก่อนเผาเขาก็ตรวจดูแล้วว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เผาอยู่เป็นวันเป้นคืน ร่างก็ยังไม่โทรมไม่ไหม้ สัปเหร่อทำพิธีขอขมาและพิธีล้างอาถรรพ์ต่างๆ ก็ไม่เป็นผล เห็นเป็นร่างโด่งไม่ไหม้เลยเผาอยู่ราวสองวัน พอดีญาติฅนหนึ่งเกิดเฉลียวใจได้เอามือล้วงในปาก ปรากฏว่ามีพระองค์เล็กอยู่ในปาก พอเอาพระออกเผาไม่นานศพก็ไหม้หมดแทบจะทันที แสดงให้รู้ว่าที่เผามาทั้งวันทั้งคืนไม่ไหม้นั้นเกิดจากพระองค์เล็กในปากนี้เอง พระที่ล้วงออกมาจากปากศพเสือสวัสดิ์ คือ พระสรรค์นั่ง ของหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค อาจารย์ของเสือสวัสดิ์นั้นเอง เรื่องนี้โด่งดังมากเมื่อหลายสิบปีก่อน

พระพิมพ์สรรค์นั่ง พระพิมพ์นี้จัดเป็นของดีวิเศษแต่อาภัพ ด้วยสร้างมาก สร้างเยอะ ผู้คนเลยขาดความสนใจ และความเข้าใจ ผู้เล่นหน้าใหม่ยังขาดประสบการณ์จึงไม่สามารถแยกแยะได้ พระสรรค์นั่งนี้จะมีพุทธคุณเน้นหนักไปทางมหาอุตม์ คงกระพัน ทางชาตรีสูงมาก คือ โดนไม่เข้าแถมกระดูกไม่หัก ทราบว่าท่านเสกด้วย คาถาโองการมหาทะหมื่นทั้งบทตัวผู้และตัวเมีย เรียกว่าคงกระพันชาตรีทั่วสรรพางค์กาย

อย่างโองการมหาทะหมื่นนี้โดดเด่นทางกัน **ฟ้าผ่าและกันกระแสไฟฟ้า** ได้อย่างดียิ่ง ส่วนคาถาชาตรี ๙ เฮ ที่ได้รับถ่ายทอดวิชาต่อมาจาก ครูรุน ครูเพ็ง อาจารย์แหล่มวัดท่าช้าง ซึ่งเป็นศิษย์ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม สำหรับพระสรรค์ยืนนี้ดีมีเคล็ดว่า เดินหน้าไม่ถอยหลัง เจริญก้าวหน้าไม่ท้อถอย ท่านว่าพระสรรค์ยืนมีดีทางเจริญก้าวหน้า ใส่ไปค้าขายก็ได้เจริญรุ่งเรืองดีทุกประการ ส่วนด้านอื่น ๆ มีดีเหมือนพระสรรค์นั่งทุกประการ

เกี่ยวกับดินนี้จัดเป็นของดีวิเศษ หลวงพ่อท่านถือคติว่า ผู้ที่มีพระเครื่องเนื้อดินอยู่กับตัวหากยังไม่ถึงคราวตาย ไม่ว่าศัตรูผู้ใดที่คิดร้ายต่อศิษย์ท่าน หากมันผู้นั้นเดินบนดินเช่นเดียวกับศิษย์ผู้มีพระของท่าน จะไม่มีวันทำร้ายเอาชนะ ศิษย์ของท่านได้เลย ด้วยท่านลงด้วยหัวใจแม่ธรณี ทำให้ผู้นั้นไม่สามารถฆ่าหรือเอาชนะได้เลย สมัยโบราณคติความเชื่อของผู้มีอาคม ผู้สนใจในไสยเวท เมื่อยามลงจากเรือนจะก้าวเท้าขวาลงเหยียบดินก่อน จากนั้นกลั้นใจใช้มือขวาหยิบดิน แล้วว่าคาถาเชิญแม่ธรณี แล้วนำดินฝุ่นนั้นมาโปรยลงบนศีรษะ แล้วเดินทางออกไปตามปรารถนา โดยไม่หันหลังกลับมามอง โบราณว่าไปเถิดปลอดภัยทุกประการ

พระเนื้อดินนี้หลวงพ่อท่านสร้างมาตลอดตั้งแต่ยุคต้น จวบจนถึงปลายชีวิตก่อนมรณภาพก็ยังสร้างพระเนื้อดิน แต่เนื้อหาของดินจะต่างกันกับยุคแรก สามารถสังเกตแยกแยะได้ไม่ยากหากมีประสบการณ์ ส่วนพระชุดเนื้อดินที่มีการสร้างและบันทึกกันไว้ค่อนข้างเป็นมาตรฐาน เห็นจะมีพระเนื้อดินชุด ออกวัดหนองอีดุก พวกพิมพ์ซุ้มไข่ปลา พระสรรค์ข้างเม็ด โดยพระชุดนี้ผู้แกะพิมพ์ คือ อาจารย์ไพ่ เป็นผู้แกะพิมพ์ถวายหลวงพ่อกวย พระเนื้อดินมีหลากหลายพิมพ์มาก หลวงพ่อกวย ท่านเสกแยกแยะออกไปแตกต่างกันไป ตัวอย่างผู้มาขอพระไปทางแคล้วคลาด เช่น ไปจับใบดำ ใบแดง เกณฑ์ทหาร ท่านจะให้พระรอดไป ใครชอบทางค้าขายจะให้พระลีลาพิมพ์ต่าง ๆ ผู้ชอบทางเมตตามหานิยมจะให้ พระพิมพ์ขุนแผน เป็นต้นจะให้แตกต่างกันไป

ที่นำเรื่องราวของพระเนื้อดินมากล่าวถึงนี้ ด้วยอยากให้ศิษย์รุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับพระเนื้อดิน หากใช่แต่ไปเห่อเหิมแขวนแต่เพียงพระแพง ๆ พระหลักเพื่ออวดกัน หรือสนใจเพียงราคาเพื่อแลกเปลี่ยนกันเท่านั้น ข้าพเจ้าแนะนำของดีวิเศษนี้ขอท่านอย่ามองผ่านเลย เหรียญต่าง ๆ สั่งทำจากโรงงานมาแล้วเสก แต่พระดินหลวงพ่อทำเองกับมือ อย่างไหนจะดีกว่ากันลองพิจารณาเอาดูเถิด ที่นำมาบอกต่อนี้เป็นไปตามแนวทางของศิษย์ ไม่ใช่ส่งเสริมการซื้อขายแลกเปลี่ยน จึงอยากให้นึกถึงในจุดนี้กันด้วยของดี ๆ แต่ไม่แขวนไม่บูชา อยากได้แต่ของแพง ๆ แขวนไปอวดกัน

ส่วนตัวผู้เขียนขอบอกตามตรงว่า พระหลักหลวงพ่อกวยมีทั้งสิ้น แต่ทุกวันนี้บูชาแขวนติดตัวโดยมากเป็นพระเนื้อดินเนื้อผง แถมเป็นพระที่แขวนโดยมากเป็นประเภท พอใครขอดูต้องเบือนหน้าหนีเพราะเขาไม่รู้จัก เป็นพระประเภท **ลึกลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อน งง** เรียกว่าแขวนได้สบายใจไม่มีใครขอและไม่มีใครอยากได้มาแค่นขอแบ่งแน่นอน แต่เป็นพระที่มั่นใจว่าเป้นของหลวงพ่อกวย และคุ้มตัวได้อย่างแน่นอน เรียกว่าของ ๆ หลวงพ่อกวยสำหรับข้าพเจ้า ไม่ว่าแบบไหนดีทั้งสิ้นพระหลักไม่หลักไม่สน สภาพไหนก็ไม่สนใจเพราะแขวนแค่พระแท้ไว้คุ้มตัวเท่านั้น

เขียน / เรียบเรียง โดย : ฅนขลัง คลังวิชา

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: