2440.”เดือดร้อนอะไรให้บอกกูนะ กูชื่อสรวง”

“เดือดร้อนอะไรให้บอกกูนะ กูชื่อสรวง”
ขอรายงานตัวอีกหนึ่งศิษย์ หลวงปู่สรวงครับ….ตัวผมเริ่มรู้เรื่องหลวงปู่สรวงก็เมื่อประมาณ 10 ปีเห็นจะได้ เพราะไปเห็นรูปถ่ายในกระเป๋าตังค์ของรุ่นพี่ท่านหนึ่ง ก็เลยถามว่าเป็นใคร พี่เค้าก็บอกว่า ชื่อหลวงปู่สรวง แล้วเค้าก็เล่าความเป็นมาของรูปนี้ให้ฟังว่า….

….ประมาณปี 35 พี่เค้าเป็นผู้ช่วยผู้ตรวจการธนาคารอะไรซักแห่งที่สกลนครครับ ซึ่งตอนนั้นเค้าเป็นคริสเตียนอยู่ แล้ววันหนึ่งพี่เค้าก็เดินทางโดยรถของธนาคารไปธุรต่างจังหวัด ขับๆ มาเลียบน้ำโขง จนมาถึงระยะหนึ่งพี่เค้าก็ปวดห้องน้ำมากๆ(เบาครับ) ก็เลยขอลงข้างทาง พอเรียบร้อย นึกยังไงไม่รู้ว่าขออยู่ข้างน้ำโขงนี้ก่อน ให้รถเข้าเมืองไปก่อนแล้วค่อยกลับมารับ(ซึ่งเค้าก็ไม่รู้ว่าทำไม)

พี่เค้าบอกว่าก็อยากเดินๆ ดูอะไรข้างน้ำโขงนี้แหละ สักพักพอจะเดินกลับหันหลังก็ตกใจ มีพระแก่ๆ นุ่งผ้าไม่เรียบร้อยสะพายย่าม มายืนอยู่ ตัวแกซึ่งตอนนั้นเป็นคริสก็ถามไปว่า “หลวงตามายังไงเนี๊ยะ” หลวงปู่สรวงก็บอกว่า “ก็มารอมึงไง”(ท่านพูดภาษาไทยครับ)

พี่เค้าก็เลยถามว่า “รอทำไม”
หลวงปู่สรวง “ก็ไม่ได้เจอกันนาน” พี่เค้าก็คุยๆ ไปเรื่อยเปื่อยถามนั่นถามนี่ไปเรื่อย
จนหลวงปู่ตัดบทว่า ไม่เจอกันนานอยากได้ของดีอะไรไหม “พี่เค้าก็ว่าไม่รู้จะเอาอะไร” หลวงปู่สรวงถามขึ้นมาว่า “เอาเหล็กไหลไหม” (ซึ่งตอนนั้นพี่เค้าก็ไม่รู้จักว่าเหล็กไหลคืออะไร) ก็เลยถามว่า “มันเป็นยังไงเหล็กไหล”

หลวงปู่สรวงจึงถามว่า “อยากเห็นหรือเปล่า” พี่เค้าจึงบอกว่า “มีเหรอหลวงตา ขอดูหน่อย”

หลวงปู่สรวงจึงกวักมือให้เดินตามไป จนถึงริมน้ำโขง หลวงปู่สรวงก็นั่งลงพนมมือบนหัว พี่เค้าบอกว่าอยู่ดีๆ ก็มีเทียนเล่มเล็กๆ ที่มีไฟติด โผล่มาอยู่ในมือของหลวงปู่สรวง (พี่เค้ายังคิดว่าพระนี่เล่นกลเก่งแฮะ เพราะไม่เห็นหลวงปู่สรวงจุดเทียนหรือควักของในย่ามเลย)

สักครู่พี่เค้าก็บอกว่าได้ยินเสียง ครืดๆๆๆๆๆในดิน หลวงปู่สรวงก็ลุกขึ้นกวักมือเรียกให้เดินตาม ปรากฏว่า ข้างน้ำโขงมีถ้ำเป็นเวิ้งและมีทางเดินลงไปด้วย พี่เค้าจึงเดินตามหลวงปู่สรวงไป

สักครู่หลวงปู่สรวงก็สวดอะไรสักอย่าง พี่เค้าว่าน่าจะเป็นภาษาเขมรแต่ที่พอรู้ก็มีคำไทยที่ปนอยู่ก็คือ ตัวผู้-ตัวเมีย พอท่านสวดจบ ที่ผนังถ้ำก็มี ของเหลวดำๆ ไหลออกมาพอถึงหน้าหลวงปู่สรวงก็ไหลย้อยออกมาประมาณ 1 ศอก 2 อัน

หลวงปู่สรวงก็เลยบอกว่านี่ไงเหล็กไหลไม่อยากได้เหรอ พี่เค้าว่าตกใจมากๆ สักครู่หลวงปู่สรวงก็บอกว่าจับดู พอจับด็ต้องดึงมือกลับเพราะว่าเย็นมากๆ นุ่มๆ แต่สากๆ เหมือนงวงช้าง (พี่เค้าว่างั้นนะครับ)

หลวงปู่สรวงก็ถามครั้งที่ 3 ว่า “ไม่อยากได้เหรอ” พี่เค้าด้วยความไม่รู้และกลัวก็เลยบอกว่า “กลัวไม่อยากได้” หลวงปู่สรวงก็เลยพาเดินขึ้นตลิ่ง พอถึงริมตลิ่งพี่เค้าก็หันกลับไปดูที่ถ้ำอีกที ก็ปรากฎว่าถ้ำหาย และบริเวณนั้นก็กลายเป็นน้ำโขงหมด

พี่เค้าถึงกับบอกหลวงปู่สรวง ว่า “หลวงตาเล่นกลอะไรอีกละเนี๊ยะ แถมเล่นเก่งอีกต่างหาก”
หลวงปู่สรวงหันกลับมาถามว่า “แล้วอยากได้อะไร” (ตอนนั้นพี่เค้าเคยได้ยินเพื่อนพูดว่ากาฝากไม้รัก/มะยม/มะรุม/ไม้มะขามเป็นของดี)

จึงบอกหลวงปู่สรวงไปว่าอยากได้ไม้กาฝากทั้ง 4 หลวงปู่จึงบอกว่าอีก 4 ปีมึงจะได้ครบ (และก็ได้จริงๆ พิเศษคือไม้กาฝากทุกอัน จะมีเหมือนน้ำมันหอมเคลือบเองโดยพี่เค้าไม่ได้ทาเลย และหากวันไหนกลิ่นหอมแรงขึ้นก็จะมีโชคครับ)

แล้วหลวงปู่สรวงก็บอกกับพี่เค้าว่า “กูกับมึงไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ถ่ายรูปกูไว้ซะ”
ที่แปลกก็คือพี่เค้าพกกล้องถ่ายรูปมาด้วยซึ่งปกติไม่เคยพก จึงนำกล้องมาถ่ายภาพหลวงปู่ไว้ พี่เค้าบอกว่าหลวงปู่ท่านเล่นกล (แสดงปาฏิหาริย์อีกรอบ) โดยนั่งลงไปในอากาศแต่อยู่ๆ ก็มีหินไปรองรับก้นท่าน และมีต้นไม้ประหลาดๆ ออกมาด้านหลังตรงที่ท่านนั่ง….

ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ท่านพี่ท่านนี้จำหลวงปู่ได้ดีก็คือแผลเป็นรูปวงเอ็นร้อยหวาย พี่เค้าได้ถามว่าไปโดนอะไรมา ท่านตอบว่า “โจรมันจับกูเจาะ” ก่อนหลวงปู่ จะไปก็บอกพี่คนนี้ว่า “เดือดร้อนอะไรให้บอกกูนะ กูชื่อสรวง” พอดีกับรถของธนาคารกลับมาใกล้ถึง(พี่เค้าเห็น) ก็หันไปมองหันกลับมา อ้าวหลวงปู่สรวงหายไปอย่างไร้ร่องรอย พี่เค้าว่าตกใจมากๆ รีบวิ่งไปที่ถนนทันทีครับเพื่อรอรถ พอรถมาถึงจึงได้ถามคนขับว่าเห็นพระแก่ๆไหม คนรถก็บอกว่า”ไม่เห็น”

…รุ่งขึ้นจึงเอาฟิล์มไปล้าง ปรากฎว่ารูปถ่ายดิดรูปหลวงปู่รูปเดียว ภาพอื่นหายหมด พี่เค้าจึงล้างไว้ 4 ใบ ใบใหญ่ 1 เล็กอีก 3 ใบ พอจะล้างเพิ่มภาพจางหายไปหมดเลยครับ

…ผมกับเพื่อนอีก 3 คนก็ฟังๆ พี่เค้าเล่าในใจก็คิดว่าโม้มากกว่า ไอ้เพื่อนคนหนึ่งจึงขอรูปใบเล็กๆ นั้นไปแสกน แสกนเท่าไหร่ก็ไม่ติดก็ชักเอ็ดใจ จึงจุดธูปบอกกล่าว 3 ดอกก็แล้ว 9 ดอกก็แล้ว 36 ดอกก็แล้ว ยังไม่ติดจนต้องจุดถึง108 ดอกถึงสแกนติด ที่นี้เริ่มเชื่อครับ

…ที่ทำให้ผมเชื่อสนิทใจที่สุดก็คือ ไฟใหม้พานพลาสติกในห้องพระครับรีบดับไป ปรากฎว่าไหม้เรียบวุดครับพระ และของในพาน แต่ถึงกับขนลุกเพราะภาพหลวงปู่สรวงซึ่งเป็นแค่กระดาษ เอ4 เคลือบพลาสติกไฟไม่ยอมไหม้ครับ ผมรีบเก็บมาใส่หัวเลยทีเดียวตั้งแต่นั้นมา จึงเชื่อหลวงปู่ และให้หลวงปู่เป็นผู้ที่ผมเคารพสูงสุดในชีวิตอีกคนหนึ่งครับ

…ทั้งหมดที่เล่านี้เป็นเรื่องจริงที่อยู่ในความทรงจำของผมมาตลอด 10 ปี…..และเมื่อมีปัญหาผมมักจะบอกลป.เสมอและก็จะมีทางออกทุกครั้งไป..
….หลวงปู่สรวงผู้เป็นดังประทีปในดวงใจของผมเสมอ และตลอดไป…..

Cr.ตฤณ…

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: