2436.ฤทธิ์มนต์พระกาฬในรูปถ่าย หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม

เรื่องราวประวัติในองค์ของ”หลวงพ่อ”นั้น ต่างคนก็ต่างความเป็นมา ประจักษ์มา ไม่เหมือนกัน ในประวัติ เคยได้เห็นคนที่ แสดงตนว่าเป็น ลูกศิษย์ และนับถือ”หลวงพ่อ”มากๆ อยู่หลายคน เช่น ขออนุญาติเอ่ยนาม พี่ที่ชื่อ ครู(อ้ายครู) คุณ เฒ่า สุพรรณ คุณเอ๋ สรรพยา  และท่านอื่นๆฯลฯ  ก็เทิดทูลท่าน เพราะมีครูบาร์อาจารย์ องค์เดียวกัน นิ้วมือยังไม่เท่ากัน ต่างคนก็ย่องต่างนิสัยใจคอ แล้วแต่เจตนา

แต่สำหรับข้าพเจ้าในชีวิตนี้ จะไม่ขายครูบาร์อาจารย์เด็ดขาด คนเราถ้าขายครูบาร์อาจารย์ แล้วก็ไม่น่าจะเรียกตัวเองว่า”ลูกศิษย์” ให้เป็นให้ หรือแลกก็ได้ แต่ของทุกชิ้นของ หลวงพ่อ ต้องควรยกไว้สำนักหนึ่ง มั่นหรือไม่มั่น ให้ดูกัน วัดที่ตรงเจตนา…

…ต้นเรื่องแห่งความศรัทธา”หลวงพ่อ”….
         …วันเวลาผ่านไปหลายปี…และทุกปีข้าพเจ้าและครอบครับ…ก็จะเดินทางทุกๆครั้งที่ไปบ้านแค ข้าพเจ้าก็จะไปหาวัดเที่ยว อยากไปดูอะไรๆที่มันแปลกตา…ในใจคืออยากจะไปทำบุญ เพราะชอบทำ ทำแล้วมีความสุขสบายใจดี

วันหนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้าขี่จักรยานออกมาซื้อของในหมู่บ้าน(บ้านแค)ก็ไปเจอร้านค้าร้านหนึ่ง ก็เลยเข้าไปเดินดูอะไรในร้านเพลินๆ อยู่สายตาของข้าพเจ้าก็เพ้อไปเห็นรูปพระอยู่บานหนึ่ง จำได้คับคล้ายคับคราว่าเหมือนรูปที่บ้าน ก็เลยถามเจ้าของร้านว่านี่รูปหลวงพ่อ อะไร รู้สึกคุ้น

แม่ค้าแกบอกว่าเป็น รูป”หลวงพ่อกวย วัดบ้านแค” ท่านศักดิ์มาก ว่างๆก็ลองไปกราบท่านที่วัดซิ แล้วแกก็ชี้มือบอกไป ในขณะนั้น ข้าพเจ้ากลับรู้สึกว่าต้องมนต์ตราอะไรบางอย่าง ข้าพเจ้ามองดูรูปของ “หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร” ยืนมองอยู่นานมาก มองอยู่อย่างนั้น คล้ายๆใจมันพูดขึ้นมากับหลวงพ่อว่า หลวงพ่อครับ ผมคิดถึงมากๆเลย คิดถึงเหลือเกิน ไม่ได้เจอหลวงพ่อ นานเหลือเกิน”

เท่านั้นล่ะน้ำตาข้าพเจ้า นั้นปริ่มออกมาตาสองตาเลย แล้วข้าพเจ้าก็ก้มลงกราบรูป”หลวงพ่อ”บานนั้น ตรงหน้าร้านค้าเลย ทุกคนมองงงกัน บางคนก็ยิ้มๆ แบบแสดงออกว่า นี่เราลูกพ่อเดี๋ยวกันนะ  ทั้งที่ที่บ้านข้าพเจ้าก็มีรูปหลวงพ่ออยู่ แต่รูปคงบานเล็ก ข้าพเจ้าก็เลยสังเกตเห็นหน้า ของหลวงพ่อไม่ถนัด หรืออย่างกันก็ไม่ทราบ แต่วันนั้นข้าพเจ้า รู้สึกสุขใจมากจริงๆ…จึงเริ่มศึกษาประวัติ
                             

…”ไม่มีพระของหลวงพ่อเลยน้อยใจ”…
             …เรื่องก็มีอยู่ว่าหลังจากตอนที่ ตา ของข้าพเจ้าเสียนั้น ตา แกก็เก็บของๆหลวงพ่อไว้มากอยู่ แต่ด้วยความที่แม่ของข้าพเจ้านั้นเป็นผู้หญิง …ก็เลย(ไม่ขอกล่าว) เวลาที่ข้าพเจ้าไปชัยนาททีไร ญาติเขาก็โชว์พระของหลวงพ่อกัน เหรียญหนุมานบ้าง แหวกม่านบ้าง
 เหรียญดังๆทั้งนั้น ฯลฯ หลายอย่าง

ข้าพเจ้าไม่มีเงินจะไปเช่าอย่างนั้น ก็เคยมีที่ลองเอ่ยปากขอเขาดู ก็เฉยๆกัน ก็ไม่เป็นไร คว้าจักรยานได้ ทีบมาวัดหลวงพ่อ 3โล กว่าๆ เองไปกลับก็ 6 โลเอง ชิวๆสบาย อารมณ์นั้น พอไปถึงวิหารเท่านั้นล่ะ หน้าล่ะห้อยเลย เก็บอาการไม่อยู่ ไม่ไหว กราบหลวงพ่อ 3 ครั้ง ก็ได้ปรารภกับหลวงพ่อในเชิง น้อยใจว่า หลวงพ่อ ครับ ผมก็ลูกหลวงพ่อ เหมือนกัน ถ้าผมได้เกิดทันได้รับใช้ “หลวงพ่อ” ละก็ ผมก็ต้องมีของดีของ “หลวงพ่อ” ไม่น้อยกว่าใคร

ถ้าผมเกิดทันหลวงพ่อ ผมก็คงจะไม่ถูกคนบางคนที่ หวงแม้กระทั้ง ความรู้ หวงแม้กระทั้ง ประวัติของ”หลวงพ่อ” คนบางคนเขาถือว่าเขาได้เห็นหลวงพ่อได้เคยสัมผัส แต่ที่พบส่วนหนึ่ง คือใจไม่นักเลง(แต่ไม่ทุกคน) ถ้าลูกนี้มีบุญวาสนากับหลวงพ่ออยู่ ก็ขอให้หลวงพ่อ โปรดเมตตาลูกด้วยเทอญ ลูกขอของดีติดตัวไว้ประจำกายสักชิ้นเทอญ…นั่งพรรณาอยู่ครึ่งวัน….จริงแล้วพูดเยอะมาก น้ำตางี้ซึมเลย…

….ของ”หลวงพ่อ”ทุกชิ้น ย่อมมีเจ้าของ ของตัวเอง….
          …หลังจากที่ข้าพเจ้าได้เดินทางกลับบ้านที่ เมืองกาญฯ ตอนนั้นก็ยังไมมีพระของหลวงพ่อใช้ ประกอบกับไม่ค่อยมีเงิน ก็ได้แต่นึกเอา เวลาไม่สบายใจ หรือทุกข์ใจก็ใช้นึกถึง ระลึกถึงภาพหลวงพ่อ แล้วกล่าวชื่อ กับฉายาของท่านแทน 2 เดือนผ่านไป มีอยู่วันหนึ่งพี่สาวของข้าพเจ้า นึกยังไงไม่รู้ อยู่ๆก็มาชวนข้าพเจ้าเข้าไปเที่ยวในตัวเมืองกาญฯ บอกว่าให้ไปเป็นเพื่อน ทำฟันหน่อย ไปคนเดียวไม่มีเพื่อนคุย

ตอนนั้นข้าพเจ้ามีเงิน ติดกระเป๋าอยู่พอดี 300 บาท ก็ว่างๆ ก็เลยไปกับเขา กินฟรี เที่ยวฟรี ก็ต้องไปซิ ตัวอำเภอบ่อพลอยห่าง จากเมืองกาญฯ ประมาน 40 โล นั่งรถเมล์ไปก็ใช้เวลา ประมาณ 2 ช.ม. สรุปแล้ววันนั้นใช้เวลาไปถึงคลีนิค ก็ราวๆ 3 ช.ม. เห็นจะได้ พอถึงพี่สาวของข้าพเจ้าก็เข้าไปทำฟันข้างในก็นั่งรออยู่นานก็ยังไม่เสร็จสักที เบื่อๆเซงๆก้เลยเดินออกมาข้างนอกคลีนิค  ดูอะไรเรื่อยเปื่อย

พอดีสายตาเหลือบไปเห็นร้ายขายของเก่าอยุ่รายหนึ่งมี ตาแป๊ะแก่ๆ นั่งอยู่หน้าร้านก็เลยเดินเข้าไปคุยด้วย คุยไปคุยมาเห็นแกมีพระวางแอบๆอยู่กับหวยก็เลย ก้มหน้าลงไปมองดู ทันใดนั้นขนข้าพเจ้าก็ลุกชันไปทั้งตัว ด้วยความตกตะลึง เพราะว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าไดเห็นก็คือ รูปถ่ายของหลวงพ่อ ที่เก่า มากขนาดเท่ากลองไม้ขีด วางเรียงไว้ในกล่องตู้หวยของ อาแป๊ะ คนนั้น

ข้าพเจ้าจึงรีบถามถึงความป็นมาว่า แก ได้รูปพวกนี้มาได้ยังไง อาแป๊ะแกบอกว่า เมื่อวานนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งมาให้เช่า ทีแรกแกก็จะไม่เช่า แต่แกเห็นว่าอุ้มลูกมาด้วย แกสงสารก็เลยช่วยไป ผมจึงรีบถามอาแป๊ะ ว่า จะปล่อยใหม ผมขอเช่าต่อ แกก็บอกว่าแกไม่ปล่อยจะเก็บไว้เพราะสวยดี ข้าพเข้าเฝ้าอ้อนวอนแกอยู่นานมาก พรรณนาให้แกฟังว่า ท่านเป็นพรที่ข้าพเจ้าศรัทธามาก เป็นพระที่บ้าน แม่ พูดไปพูดมา จนแกสงสาร

ก็เลยเอาออกมาให้เลือกดู มีอยู่ 4 องค์ รูปหลวงพ่อเก่าถึงยุค นั้งขัดสมาธิ ด้านหลังมีจีวรจารพร้อม อีกบาน เป็นรูปหน้าตรงเข็มขลังมาก ด้านหลังมีแผ่นตะกั่วจาร หัวใจกรณี ของหลวงพ่อเฒ่า(ข้าพเจ้าพออ่านแปลขอมได้พอตัว)ถามแกว่าจะเอาเท่าไร แกก็ว่าเป็นพันเลย โอ้ย ปวดหัวมาก ใจจะขาด มีเงินอยู่ 300บาทเอง ก็เลยอ้อนวอนแกใหม่ บอกมีอยู่แค่นี้จริงๆ

สรุป แก เลย ให้มา 2 รูป รูปหน้าตรงกับรูปนั่ง ข้าพเจ้าดีใจมากที่สุดถึงที่สุด กะว่าพรุ้งนี้จะกลับไปเช่าให้หมดสักหน่อย พอไปอีกที อาแป๊ะแกบอกว่า มีคนมาเช่าไปแล้ว ให้ราคาดีกว่าข้าพเจ้าเสียอีก ข้าพเจ้างี้รู้สึกเสียดายมากๆ แต่ก็ดีใจเพราะในที่สุดก็สมใจ เสียที

ได้ความว่า ผู้หญิงที่เอารูปมานั้น เป็นเมียตำรวจ แต่ผัวแกเพิ่งตายไป เห็นมันอยู่บนพานนานแล้ว เลยเป็นโชคดีของข้าพเจ้า ปัจจุบันนี้ รูปหลวงพ่อ ข้าพเจ้าเลี่ยมเงินใช้ประจำกายมาหลายปีแล้ว แบบว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม รุ่นใหนดัง รุ่น ใหนดี แต่ไม่ได้เห็นหน้าหลวงพ่อ ข้าพเจ้าก็ไม่อยากได้ ต้องรูปซิ ข้าพเจ้าถึงจะอุ่นใจ…..

….ประจักกับตาตัวเองถึง 2 ครั้ง(วาระแรก)…
           ….เรื่องมีอยู่ว่า ตอนสมัยที่ข้าพเจ้าได้รูปของหลวงพ่อมาใหม่ๆ ก็ยังไม่มีเงินจะไปเลี่ยมท่าน ก็ไม่ได้คิดมากอะไรไปใหนมาใหน ข้าพเจ้าก็ใส่ไว้นกระเป๋าเสื้อไว้ เซฟอย่างดีไม่มีหล่น และมีอยู่วันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ขึ้นกับตัวของข้าพเจ้า คือวันนั้นเป็นวันงานเทศกาลประจำหมู่บ้าน ข้าพเจ้าก็ได้ไปเที่ยวบ้านเพื่อนในหมู่บ้าน พอดีพี่ชายเพื่อนเขาซื้อปืนลูกซองมาใหม่ ก็เลย เอามาโชว์ก็ดูสวยดี

เพื่อนมันเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่ซื้อปืนมา ไก่หมาแถวบ้านมันตายไปหลายตัว ก็ได้ความมาว่า พี่มันเป็นเด็กเทพ ปริญญา เรียนมาสูง ประมาณนั้น ชอบลองปืน แต่ไม่ชอบยิงกระป๋อง โอ้!!!ข้าพเจ้าได้ยินก็อดสังเวชใจไม่ได้ “มึงนี่มัน ….จริงๆ”

พวกขี้เมาก็เฮ กันใหญ่เสียงดังเจี๊ยวจ๊าว (ข้าพเจ้าไม่ดื่มเหล้า)แต่ก็นั่งคุยกับเขาไป สักพักมันมีขี้เมาคนหนึ่ง พูดออกมาว่ากูไม่เชื่อหรอกไอ้พระ เพรอะ ที่เขาว่ายิ่งไม่ออก กูจะยิงให้กระเด็นเลย” แล้วก็พูดจาบจ้วงอีกเยอะ พวกขี้เมามันก็เฮ กัน ใหม่ๆข้าพเจ้าก็ไม่สนใจเห็นว่ามันเมา พอนักเข้ามันเล่นดูถูกกันมากเกิน ข้าพเจ้าจึงปรามเขาว่า น้องชาย ไม่เอาอย่าไปพูดอย่างนั้น มันไม่ดีหรอก เราไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่เลย มันก็ทำเป็นตลก แล้วบอก ก็ผมไม่เห็นจะมีเลย เหลวใหล สิ้นดี

ข้าพเจ้างี้ปี้ดเลย จะก้านคอ เดี๋ยวเขาก็หาว่า นักเลง ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า มีรูปของหลวงพ่ออยู่ในกระเป๋า ก็ไม่รู้นึกยังไง มั่นใจศรัทธามั่นคง ก็เลยพูดดังๆออกไปว่า อย่าได้ปรามาสพระพุทธศาสนากันเลย ของจริงมีอยู่ จะได้ให้ชมบารมี แต่ว่าจะให้ลองแค่ 3 ครั้งเท่านั้นนะ ห้ามเกินถ้าเกินจะไม่ขอรับประกัน ความปลอดภัย พวกขี้เมาก็อาสากันจะเป็นคนยิง

ตอนนั้นข้าพเจ้าบอกตรงว่า กลัวๆเหมือนกัน แต่ใจก็มั่นเต็ม 100   ข้าพเจ้าจึงนำรูปอัดกระจกของหลวงพ่อ ยกขึ้นท่วมหัว แล้วบอกกล่าวกับ หลวงพ่อ บัดนี้ได้มีคนมาปรามาสบวรพระพุทธศาสนาว่าไม่มีความศักดิ์จริง หากปล่อยไว้ก็จะเป็นรอยมลทินต่อ พ่อแม่ครูบาร์อาจารย์ได้

ข้าพเจ้า จึงตั้ง นะโม 3 จบแล้วตามด้วย ตะมังธัง ปะกาเสนโต ฯ
แล้วข้าพเจ้าก็ได้เอารูปนั้นไปแขวนไว้ที่ต้นไม้ เพื่อนของข้าพเจ้าอาสาเป็นยิง โดยใช้ปืนปราบเหนียว(ปืนอีแก๊ป)ยิง ละแล้วสายตาของทุกคนก็ต้องตะลึง เพราะสิ่งที่ประจักคือ ปืน เสียงดัง แชะ!!!เล่นเอาขี้เมางี้ซ่างเลย พี่ชายของเพื่อนเลยวิ่งเข้าไปเอาปืนกระบอกใหม่ออกมา  ใส่ลูกแล้วก็พูดว่ากูเอง จะแน่สักแค่ใหน

พอสับไกเท่านั้นเสียงงี้ดังสนั่นทุ้งเลย แต่ปรากฏว่าไม่มีแม้แต่ริ้วรอยขีดขวนที่รูปของหลวงพ่อเลย ทั้งที่รูปนั้นเป็นบานกระจกแท้ ขี้เมาบางคนก้มกราบขอขมาใหญ่เลย “เชื่อแล้ว หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์เหลือเกินๆๆๆๆๆ” มันพูดซ้ำๆเหมือนโดนมนต์ตรา งงงวย กันประหนึ่งนั้นเลย แต่ก็มีบางคนที่ยังไม่ยอม จะขอลองอีกพวกก็ทักท้วงว่าพอแล้วๆ มันก็ไม่ยอม ผลสรุปว่านัดสุดท้าย ปืนแตกเลย เคราะห์ดี ที่ไม่มีใครเป็นอะไร

นี่คือครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้ประจักอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ ของหลวงพ่อ กับตาตัวเอง สาบานได้เลยว่านี่ คือเรื่องจริง ที่นี้ต่อมาไม่นานก็เกิดอาเพศขึ้นในหมู่บ้านนั้น อยู่ๆชาวบ้านเขาก็เล่ากันว่า ไอ้พวกที่ลองปืนกันวันนั้น อยู่ๆมันก็จะฆ่ากันเองอีก บางคนสติเพ้อไปเฉยเลย เดินเพี้ยน อยู่ที่นั่นไม่ได้ ต้องหนีไปที่อื่น  หาหมอก็รักษาไม่ได้ ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรกัน

เคยถามผู้รู้ในลูกศิษย์ของสายหลวงพ่อก็ได้รับคำตอบมาว่า ไอ้พวกนั้นสงสัยว่ามันจะโดนต้องมนต์ที่หลวงพ่อกำกับอาคม ในพระเครื่องของท่านไว้เห็น ลุงแกบอกว่าพระมนต์บทนั้นมีชื่อที่เรียกกันว่า “มนต์พระกาฬ”
                           
Cr.คนเมืองกาญฯ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: