2416.พิธีจตุรพิธพรชัย ตอน มหัศจรรย์วันเสกพระ(ลองยิงพระ)

พิธีจตุรพิธพรชัย ตอน มหัศจรรย์วันเสกพระ(ลองยิงพระ)………….

ในวันทำพิธีพุทธาภิเษกพิธีจตุรพิธพรชัย ได้เกิดเหตุแห่งปฏิหาริย์ให้ผู้คนเล่าขานสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันทุกวันนี้ โดยเรื่องมีอยู่ว่า…

เมื่อเวลา๒๑.๓๐น.ขณะที่พระพิธีธรรมหยุดพักสวดพระคาถาพุทธาภิเษก(หยุดพักแล้วต่ออีกรอบเป็นรอบสุดท้าย) ได้มี”วัยรุ่นเจ้าถิ่นกลุ่มใหญ่”พูดจากันเสียงดังความว่า”มีพระดังๆมาเสกกันเยอะแยะ เสกเสร็จแล้วจะเอาเหรียญไปลองยิงดูสักหน่อย ว่าจะขลังจริงไหม”

ความทราบถึง”นายเรียน นุ่มดี”ประธานจัดงาน แกเกิดความกังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะเคยได้ยินกิตติศัพท์ของวัยรุ่นกรุงเก่ากลุ่มนี้ว่า”เป็นคนพูดจริงทำจริง ยิงพระมาแล้วตั้งหลายพิธี ถ้าเกิดยิงออกขึ้นมา จะเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เพราะจะทำให้ผู้คนหมดความศรัทธาพากันไม่เช่าวัตถุมงคล งานก็จักไม่ประสบความสำเร็จ” แกจึงรีบเข้าไปในโบสถ์แล้วนำความที่ได้ยินมา ไปเรียนปรึกษากับพระอาจารย์ที่ทำพิธี(นั่งปรก)

หลวงพ่อนอ

ว่ากันว่า”พระอาจารย์ที่นั่งปรกบางท่านมีท่าทีวิตกกังวลกลัวว่าจะเสียชื่อเสียง ส่วนพระอาจารย์อีกหลายท่านกลับมีท่าทีสงบเยือกเย็น บางท่านดูมีท่าทีสบายๆพอได้ยินประธานจัดงานเล่าเรื่องที่มีนักเลงเจ้าถิ่นมาขอยิงพระ ท่านกลับยิ้มแย้มแจ่มใส”(ท่านอาจทราบผลล่วงหน้าแล้วว่าจะเป็นอย่างไร จึงมิได้วิตกกังวล-ผู้เขียน) นายเรียนแจ้งเหตุผลต่างๆนาๆประดามีต่อพระคณาจารย์ และได้ขอให้พระคุณเจ้าทั้ง๑๖ท่านช่วยเสกพระรอบสุดท้ายกันอย่างเต็มที่

“ครั้นถึงช่วงเสกพระรอบสุดท้าย พระเกจิอาจารย์ทุกท่านต่างก็อัดพุทธาคมที่มีอยู่ลงในวัตถุมงคลกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ และการเสกพระในช่วงนี้นี่เองทำให้หลวงพ่อกวยได้เห็นอภินิหารจากสุดยอดพระเกจิอาจารย์หลายท่าน ดังที่จะกล่าวถึงต่อไป”

และเมื่อประธานในพิธีดับเทียนชัยเป็นที่เรียบร้อย ได้มีการหารือกันว่า”พระอาจารย์รูปใดจะเป็นผู้ประพรมน้ำพระพุทธมนต์” มีผู้เสนอชื่อ”หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ”เพราะในสมัยนั้นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก

หลวงปู่โต๊ะ

แต่ท่านกลับชี้มือไปทาง”หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี”โดยให้เหตุผลว่า”หลวงปู่โต๊ะมีอาวุโสมากกว่า ทั้งหลวงปู่โต๊ะก็ยังมีวิทยาคมสูงส่ง” แต่หลวงปู่โต๊ะท่านถ่อมตน ท่านได้พูดขึ้นว่า”ท่านกวยเขาก็เก่งเหมือนกัน ให้ท่านกวยเขาเถิด” ฝ่ายหลวงพ่อกวยซึ่งมีอาวุโสน้อยกว่า เมื่อหลวงปู่โต๊ะพูดแบบนั้นก็เสมือนหนึ่งว่าท่านสั่งการ “หลวงพ่อกวยจึงรับอาสาทั้งประพรมน้ำพระพุทธมนต์ ทั้งนำพระเครื่องออกไปให้นักเลงเจ้าถิ่นลองยิง”

เมื่อประพรมน้ำพระพุทธมนต์เสร็จสรรพ”หลวงพ่อกวย”ได้หยิบเหรียญของท่านเหรียญหนึ่งออกไปนอกโบส์ถแล้วก็พูดขึ้นว่า”ใครคนไหนจะเป็นผู้ทดลองยิง” ขาดคำหลวงพ่อกวย “หัวหน้านักเลงเจ้าถิ่นก็เดินส่ายอาดๆขึ้นมารับพระ แล้วนำไปทดลองยิงที่ข้างพระอุโบสถด้วยปืนลูกโม่ขนาด.๓๘”

หลวงพ่อกวย

การลองยิงพระเครื่องในพิธีเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นชวนระทึกสำหรับผู้คนที่มาร่วมงานหลายร้อยคน แต่สำหรับคณะจัดงานแล้วไซร์(ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้) นี่เป็นเรื่องที่หน้าหวาดวิตกเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากว่าเกิดยิงพระออกขึ้นมา การซ่อมสร้างถาวรวัตถุภายในวัดเขาใหญ่ก็อาจมีอันต้องพังพาบไป ที่สำคัญแกจะพลอยทำให้พระอาจารย์ของตน(หมายถึงหลวงปู่ดู่) และพระเกจิอาจารย์เจ้าของเหรียญทั้ง๙ รวมถึงพระคณาจารย์ที่นิมนต์มาร่วมพิธีมีอันต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย”…

เมื่อนักเลงเจ้าถิ่นแขวนพระไว้กับต้นไม้เสร็จ มันก็ถอยหลังออกมาแล้วง้างนกยกปืนขึ้นเล็ง จากนั้นมันก็ยิงแบบซิงเกิ้ลแอ็คชั่นทันที!…

กลับมาที่ฝ่ายคนดูกันบ้าง ก่อนการยิงมีการพูดคุยกันเสียงดังเซ็งแซ่ บ้างก็พนันขันต่อกันเป็นที่สนุกสนาน พอนักเลงเจ้าถิ่นง้างนกยกปืนขึ้นเล็งต่างก็พากันเงียบกริบ(ขณะนั้นมีแต่ความเงียบสงัดเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง เพราะทุกคนที่มาร่วมพิธีรวมทั้งคณะจัดงานต่างก็ใจจดจ่อพากันกั้นลมหายใจรอลุ้นผลด้วยความระทึก)…

พอนกกระแทกเข้ากับจานท้ายกระสุน ก็เกิดเสียงดัง”เชี๊ยะ”แทนเสียงดัง”ปัง”เพราะนกสับลูกกระสุนปืนไม่แตก จากนั้นไม่ถึงวินาทีก็มีเสียงอย่างอื่นดังขึ้นแทนที่ นั่นคือเสียง”เฮ”จากผู้ที่มาร่วมงาน

นักเลงเจ้าถิ่นพอยิงนัดแรกไม่ออก ก็ออกอาการแขว่งๆ เพราะมันเสียหน้าไม่ใช่น้อย มันจึงเหนี่ยวไกยิงแบบดับเบิ้ลแอ็คชั่นไปอีกนัดหนึ่งทันที(ยิงนัดที่๒) ก็ปรากฏว่ามีแต่เสียงเฮของผู้คนไม่ได้ยินเสียงปืนลั่นแต่อย่างใด แต่ครั้งนี้เสียงเฮดังมากกว่าครั้งก่อนอยู่มากโข นักเลงเจ้าถิ่นหน้าตาถอดสีแต่มันก็ไม่ยอมจบง่ายๆ มันเลยเหนี่ยวไกยิงแบบดับเบิ้ลแอ็คชั่นไปอีกนัดหนึ่ง แล้วก็ได้ยินเสียงเฮดังมากกว่าเดิม สิ้นเสียงเฮได้สักพักก็ได้ยินเสียงผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์กล่าวคำว่า”สาธุ”เสียงดังอืออึง

“สรุปว่ายิงไป๓นัดแต่ยิงไม่ออกสักนัด นักเลงเจ้าถิ่นได้แสดงความเป็นลูกผู้ชายตัวจริงเสียงจริงด้วยการนำเหรียญไปคืนหลวงพ่อกวยที่พระอุโบสถ จากนั้นมันก็ได้กราบขอขมาลาโทษทั้งหลวงพ่อกวยทั้งพระคณาจารย์ทั้ง๑๕รูป เรื่องก็เลยจบ และเรื่องนี้ก็ได้กลายเป็นตำนานความขลังอันยิ่งใหญ่ของพิธีจตุรพิธพรชัยอีกบทหนึ่ง” สาธุครับ.

……….เขียนโดย เอกลักษณ์ เพริศพริ้ง เพจพิถีไสยศาสตร์ชาตไทย.

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: