2343.“หลวงพ่อชา สุภัทโท” ตำนานอภินิหารพระป่า รดน้ำมนต์ไล่ผีให้แขกจนหาย

“หลวงพ่อชา สุภัทโท” ตำนานอภินิหารพระป่า รดน้ำมนต์ไล่ผีให้แขกจนหาย แขวนพระก่อนออกรบรอดคนเดียวที่เหลือตายหมด

หากกล่าวถึง หลวงพ่อชา สุภัทโท มีเรื่องเล่าเกี่ยวอภินิหารของท่านอยู่ว่า คุณอ้อน (ไม่ทราบชื่อจริง) ลูกเจ๊จู เมืองอุบลฯ ขณะยังเป็นวัยรุ่นไปเที่ยวแถวหน้าโรงหนังเฉลิมวัฒนา (เก่า) กับน้องชาย ผู้เป็นน้องมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับจิ๊กโก๋แถวนั้น ถูกไล่ตี คุณอ้วนเป็นห่วงน้องวิ่งจึงวิ่งเข้ามาขวางถูกยิงด้วยปืนลูกซองสั้นระยะเผาขนเข้าข้างหลังกระสุนไม่เข้าไม่กระทั่งระคายผิวหนัง เพียงแต่ติดอยู่บนผิวหนังชั้นนอก แพทย์ได้ทำการเอากระสุนออกให้จนหมด ยังคงเหลือกระสุนอีกลูกที่ยังคงฝังท้ายทอย แพทย์ลงความเห็นว่าคงเอาไว้อย่างนั้นน่าจะเอาออกไม่ได้

หลังจากนั้นคุณอ้วนได้ไปกราบหลวงพ่อชาในภายหลัง เรียนท่านว่า ถูกยิง ไม่เป็นไร คงมีแต่กระสุนฝังกะโหลกอยู่เม็ดหนึ่งหมอไม่แคะออก หลวงพ่อบอกว่า “เอาไว้อย่างนั้นแหละ กันปืนดี” (คุณอ้วนแขวนพระเครื่องพิมพ์คล้ายสมเด็จแต่เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อ เนื้อดอกคะยอมอยู่องค์เดียวในขณะถูกยิง) หลวงพ่อไม่ยอมให้

คุณบรรจง เจนคูณทองคำใบ เล่าว่าเพื่อนของเขาเป็นตำรวจตระเวนชายแดน อยากจะบูชาพระเครื่องของหลวงพ่อชา เทียวไปเทียวมาคอยมาเวียนขอพระของหลวงพ่อจากคุณบรรจง จนเขาต้องพาไปกราบหลวงพ่อที่วัดหนองป่าพง เพื่อให้ไปขอกับหลวงพ่อด้วยตัวเองเมื่อกราบขอหลวงพ่อ แต่ท่านไม่ให้ ท่านกลับหยิบพระที่คนเขาเรียกว่าพระงั่ง ซึ่งไม่ใช่พระของท่าน (คงมีใครมาถวายไว้) ให้กับเพื่อนคุณบรรจง และบอกว่า “ของเจ้ามันต้องอันนี้” เพื่อนคุณบรรจงเสียใจมาก ไม่ได้พระของหลวงพ่อก็กลับมาอ้อนวอนขอจากคุณบรรจง จนกระทั่งใจอ่อน มอบให้ไป๑ องค์ (ลงทุนปลดจากคอให้)

ภายหลังเพื่อนคุณบรรจงกลับมารายงานว่า ได้แขวนพระหลวงพ่อชาไปรบกับคอมมิวนิสต์แถบชายแดนอุบลฯ ตัวเขาหลบอยู่ในเบิมกับเพื่อน ๒-๓ คน มีลูกอาร์พีจี ยิงมาตกกลางเบิมลูกหนึ่ง ระเบิดตูม ทุกคนตายหมด ตัวเพื่อนคุณบรรจงดำปี๋ไปทั้งตัวเพราะเขม่าดินปืน ไม่เป็นอะไรแม้แต่รอยแมวข่วนแต่ว่าพระเครื่องของหลวงพ่อที่แขวนในคอ ละเอียดป่นเป็นผงจึงอ้อนวอนขอพระกับคุณบรรจงอีก แต่คราวนี้คุณบรรจงไม่ให้

คุณบุญส่ง อุกาพรหม เล่าว่า เรื่องนี้ได้ยินมาจากปากหลวงพ่อเอง มีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่ออารมณ์ดีเล่าว่า มีจ่าทหารคนหนึ่งได้พระเครื่องรุ่นสุดท้าย พิมพ์ห้าเหลี่ยมเล็ก ปี ๒๕๒๐ ไปเที่ยวงานวัด เกิดมีเรื่องยิงกันโดยที่จ่าทหารนายนี้ไม่เกี่ยวข้องด้วย แต่ว่ามีลูกปืนพุ่งเข้าใส่ เฉียดบั้นเอวจนเสื้อที่รัดรูปขาดไหม้แต่ไม่ถูกผิวหนัง หลวงพ่อจึงถามว่า แล้วเจ้าทำยังไงล่ะ “ผมก็วิ่งหนี” จ่าทหารบอก “นั่นแหละ เรียกว่า หลวงพ่อโกย” หลวงพ่อว่า เอาแค่สอบได้ก็พอ

อำพล เจน สมัยเด็กเรียนหนังสือดี ได้เซอร์ติฟิเกตถึง ๒ ใบจากโรงเรียนอัสสัมชัญ อุบลฯ พอเข้าโรงเรียนเบญจมมหาราช ปีแรกได้อยู่ห้องคิงส์ ปีที่ ๒เริ่มเกเรก็ร่วงมาห้องบ๊วย ปีที่ ๓ มีทำท่าจะเรียนไม่รอด ทุกครั้งที่สอบ อำพล เจน จะไปกราบขอพรหลวงพ่อขอให้สอบได้ที่ดี ๆ ลำดับต้น ๆ ก็ได้ดีมาตลอดตั้งแต่อยู่อัสสัมชัญ เพราะว่าเรียนค่อนข้างอยู่ในเกณฑ์ดี ครั้งสมัยมาอยู่โรงเรียนเบญฯ ก็แย่ลงจึงไม่กล้าไปกราบขอพรหลวงพ่อ

พอถึงปีสุดท้ายใกล้จะสอบไล่ ม.ศ.๓ กลัวตก ก็ไปกราบขอพรหลวงพ่อเหมือนทุกครั้ง คือขอให้สอบได้ที่ดี ๆ คราวนี้หลวงพ่อบอกว่า “เอาแค่สอบได้ละกันนะ” ผลปรากฎว่าผลสอบออกมาเกือบตก คาบเส้นยาแดงผ่าแปด

คุณบุญส่ง อุกาพรหม เล่าว่าในโอกาสปีใหม่ปีหนึ่ง คนไปกราบนมัสการหลวงพ่อเยอะแยะมากมาย หลวงพ่อแจกพระเกษ คุณบุญส่งก็คลานเข้าไปน้อมขอรับบ้าง รับแล้วก็มานั่งอยู่ใกล้ๆแต่แล้วก็ได้ยินหลวงพ่อบอกว่า “เอาไปแล้วก็อย่าไปเลี่ยมทองนะ แค่พลาสติกก็พอ” มีคนถามท่าน “ทำไมล่ะครับ” หลวงพ่อตอบ “เลี่ยมทองแล้วพระจะไม่อยู่ด้วย คนเรามันชอบเอาทองไปขาย พระก็เลยชอบติดไปกับทอง ไม่ต้องเลี่ยมทองแหละดี พระจะได้อยู่กับตัว”

มีผู้เล่าให้ผมฟังว่า มีทหารคนหนึ่งได้รับพระเกษจากหลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อสั่งว่า ถ้าถูกข้าศึกจับได้ให้กลืนพระเกษลงใส่ท้องทันที “ทำไมครับ” ทหารนายนั้นสงสัย “เดี๋ยวข้าศึกก็เอาพระเจ้าไปเท่านั้น” หลวงพ่อตอบสู้ของเจ้าไม่ได้

และอีกเรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งตอนบ่าย คุณกมลและเพื่อนนั่งคุยกับหลวงพ่ออยู่ใต้ถุนกุฏิของท่าน ซึ่งปกติเป็นที่รับแขกไปในตัว ขณะนั้นมีแขกอินเดีย ๒ ผัวเมียเดินตรงมาที่กุฏิหลวงพ่อ ฝ่ายผัวก็ส่งเสียงลั่นมาแต่ไกลให้ได้ยินว่า “ถ้าเธอเห็นมันเดินมาด้วยก็เตะมันเสียสิ” ซึ่งฟังแล้วไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร เพราะฝ่ายเมียไม่ได้ตอบ คงมีแต่อาการตื่นกลัว

พอเข้ามาถึงก็เข้ากราบหลวงพ่อแล้วเล่าเรื่องถวายว่า เมียของตนเห็นว่ามีผีแม่ชีฝรั่งคอยกวนอยู่เคียงข้างตลอดเวลา ไม่เป็นอันกินอันนอน ทำความรำคาญให้กระผมเป็นอันมาก ขอให้หลวงพ่อช่วยด้วย

หลวงพ่อบอกคุณกมลไปตักน้ำมาถังหนึ่ง แล้วท่านก็จุดเทียนทำน้ำมนต์ เสร็จแล้วรดน้ำมนต์ให้แขก๒ ผัวเมียซึ่งก้มกราบนิ่งอยู่เคียงข้างกัน หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้ฝ่ายเมียก่อน แล้วรดลงตรงที่ว่างระหว่างกลางของสองผัวเมีย แล้วรดให้ฝ่ายผัว

คุณกมลสังเกตเห็นแปลกเข้าอย่างหนึ่ง เลยสะกิดเพื่อนให้ดู หลวงพ่อรดน้ำมนต์ คือตอนเวลาน้ำมนต์ของหลวงพ่อรดแทรกลงตรงระหว่างกลางสองผัวเมียนั้น น้ำมนต์กลับหายไปในพริบตากลางอากาศ ไม่ตกลงสู่พื้นกุฏิเลยสักหยดคล้าย ๆ กับน้ำมนต์รดอะไรที่ไม่เห็นตัวเข้าอย่างหนึ่ง เมื่อรดเสร็จแล้วหลวงพ่อให้แขกผู้ผัวเอาน้ำมนต์กลับไปบ้าน ไปเติมใส่น้ำดื่มและน้ำอาบ แขกสองผัวเมียก็หายเงียบไป และไม่มีใครได้ข่าวอีก

และหลายเดือนต่อมา หลวงพ่อรับสั่งต้องการด้ายสำหรับเย็บจีวร ก็เลยสั่งให้คุณกมลไปหาซื้อด้ายมาถวาย คุณกมลหาซื้อด้ายที่หลวงพ่อต้องการทั้งเมืองอุบลฯ ไม่ปรากฏว่ามีขายสักที่เลย จึงหมดหนทาง และแลวข้ามมาอำเภอวารินฯ เห็นร้านของแขกขายผ้าร้านหนึ่งก็เข้าไปถามซื้อ โดยไม่ทันสังเกตหรอกว่าเป็นแขกสองผัวเมียคู่นั้นที่เคยไปหาหลวงพ่อ

แขกผู้ผัวก็ทักทายก่อน เพราะจำคุณกมลได้ ว่า จำเขาได้ไหม เขาเคยไปรดน้ำมนต์กับหลวงพ่อ คุณกมลก็จำได้และนึกอยากรู้เรื่องอยู่แล้ว ได้โอกาสถามว่า หายไปไหนเรื่องเป็นมาอย่างไร แขกก็เล่าว่า“เมียผมถูกผีมากวน ผมทำอย่างไรไม่หาย ไปหาใครก็ช่วยไม่ได้สักที คืนหนึ่งผมฝันเห็นหลวงพ่อชา ผมไม่รู้จักท่านมาก่อนนะครับ แต่ก็ฝันเห็นท่านมาบอกว่าให้ไปที่วัดหนองป่าพงจะช่วย ผมก็ไปหาท่านตามความฝัน แปลกใจเหมือนกันว่า ท่านมีตัวมีตนอย่างที่ฝันจริง ๆ” แขกว่า “พอกลับมาถึงบ้านเมียผมก็บอกว่า ผีไม่มีมากวนแล้ว หายจนวันนี้”

พอทราบเรื่องราวความเป็นมาของแขกคู่นั้นเสร็จแล้ว แขกก็ถามว่าท่านต้องการอะไรหรือถึงได้มาที่ร้านเขา พอแขกทราบจุดประสงค์ก็บอกว่าด้ายที่หลวงพ่อต้องการนั้นมีอยู่ที่ร้านพอดี ตั้งใจจะไปทำอะไรเพื่อไปถวายหลวงพ่ออยู่พอดี แต่ยังไม่มีโอกาส จึงขอถวายด้ายนี้ทั้งกล่องเลย เป็นอันได้ด้ายมาถวายหลวงพ่อมากกว่าที่หลวงพ่อต้องการเสียอีก

ที่มา​ เล่า​ เรื่อง​ พระ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: