2243.หลวงพ่อชม วัดสิงห์ อีกหนึ่งตำนานพระดีเมืองเพชร

#อีกหนึ่งตำนานพระดีเมืองเพชร
……..#หลวงพ่อชม_วัดสิงห์ ดินแดนเมืองคนดุ หลวงพ่อชม จันทโชติ เป็นพระเกจิเถราจารย์ ที่โด่งดังมากรูปหนึ่งของเพชรบุรี อุปนิสัย ท่านเป็นคนชอบเล่นแร่แปรธาตุ เอามาก ๆๆ ดักปรอท และสุมปรอท และชอบพลุ ตะไลไพล ไฟพะเนียง ท่านสุมปรอทเพื่อทำทอง ได้ยินจาก พระปลัดเฉื่อย วัดปากคลองปากครก

ที่ท่านสุมสำเร็จ ที่คาดไว้ชายอังสะ ให้ปลัดเฉื่อยดูอีกด้วย แต่ทองคำไม่๑๐๐ % ท่านทำครั้งเดียวแล้วเลิก.. และ ได้ปลุกเศกเหรียญหลวงพ่อโศก รุ่นเอวคอด ปี 83 อีกด้วย

…….หลวงพ่อชม วัดสิงห์ จ.เพชรบุรี ชาติภูมิ นามเดิม ชม นุชนาถ เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๕ ที่บ้านปืนต.บ้านหม้อ อ.เมือง จ.เพชรบุรี บิดาของท่านเป็นต้นนามสกุล “นุชนาถ” ซึ่งแพร่หลายมากใน จ.เพชรบุรี…

…ท่านเป็นหมอแผนโบราณมีชื่อเสียงในสมัยนั้นมาก ชีวิตในวัยเยาว์โยมบิดามารดาได้นำท่านไปฝากเรียนหนังสือที่สำนักวัดสิงห์ในสมัยเจ้าอธิการแหยมเป็นเจ้าอาวาส เล่าเรียนหนังสือไทยขอมจนสามารถอ่านออกเขียนได้

เมื่ออายุครบ ๒๑ ปี เมื่อ พ.ศ.๒๔๓๖ ได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดสิงห์ พระอุปัชฌาย์และพระคู่สวดไม่ปรากฏหลักฐานบันทึกนามที่แน่ชัด ท่านได้รับฉายาทางธรรมว่า “จนฺทโชติ”

เมื่ออุปสมบทแล้วท่านได้จำพรรษาที่วัดสิงห์ หมั่นศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยตลอดจนศาสตร์แขนงต่างๆ อีกทั้งยังเป็นหมอแผนโบราณช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้พระภิกษุสามเณรภายในวัดตลอดจนญาติโยมทั่วไป

วิชาหมอแผนโบราณ ท่านได้รับการถ่ายทอดมาจากโยมบิดาจนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว
ต่อมาเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๒ หลวงพ่อชม มีอายุได้ ๒๗ ปี พรรษาที่ ๕ เจ้าอธิการแหยมได้มรณภาพลงทางคณะสงฆ์ตลอดจนเหล่าทายกทายิกาได้พร้อมใจกันนิมนต์หลวงพ่อชมดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสิงห์สืบต่อมา

ครั้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๓ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ มีพระราชประสงค์ให้สร้าง “พระรามราชนิเวศน์” (วังบ้านปืน) ได้กำหนดเขตพระราชฐานถึงวัดสิงห์มีแนวกุฏิสงฆ์อยู่หลังถังน้ำประปาตรงเชิงสะพานอุรุพงษ์ วัดสิงห์จึงถูกย้ายไปตั้งที่วัดแกลบ ต.หนองโสน อ.เมือง จ.เพชรบุรี ล้นเกล้าฯ ได้พระราชทานเงินค่ารื้อถอนให้จำนวนหนึ่ง

พอถึงช่วงออกพรรษาในปีนั้นทางวัดสิงห์จึงเริ่มรื้อย้ายกุฏิและศาลาการเปรียญออกจากเขตพระราชฐาน

เมื่อหลวงพ่อชมย้ายมาอยู่ที่วัดแกลบแล้วจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดสิงห์” เหมือนชื่อวัดเดิมที่ย้ายมาจากบ้านปืนจนถึงพ.ศ.๒๔๗๐ ท่านเริ่มสร้างอุโบสถหลังใหม่เป็นปูนตลอดทั้งหลัง

โอกาสนี้ท่านได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นมา ๓ ชนิดเพื่อสมนาคุณแก่ผู้ที่สละทรัพย์ร่วมทำบุญคือ
๑.#เชือกคาดเอว
๒.#พระปิดตาหล่อโบราณและ
๓.#พระพุทธสมาธิกลีบบัวหรือที่นักเล่นพระรุ่นเก่าเรียกว่า “พระเกสร”

พระของท่านสร้างด้วยกรรมวิธีหล่อแบบโบราณเทเป็นช่อตัดเดือยทีละองค์ ..มีเนื้อทองแดงเถื่อน เนื้อทองเหลือง, เนื้อเมฆพัดและเนื้อตะกั่ว จำนวนสร้างไม่มากนักพบเห็นน้อยสนนราคาเล่นหากันอยู่ที่หลักหมื่นต้นๆ

#วัตถุมงคล ของท่านมีข้อห้ามกำหนดที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ๓ ประการคือ ๑.ห้ามด่าบุพการี ๒.ห้ามผิดลูกผิดเมียเขา ๓.ห้ามลอดใต้ถุนบ้านราวตากผ้าและไม้ค้ำกล้วย เมื่อหลวงพ่อย่างเข้าสู่วัยชรายังมีสุขภาพที่แข็งแรงสติปัญญาและความทรงจำสมบูรณ์จนล่วงเข้าเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๖

ท่านได้อาพาธด้วยโรคฝีฝักบัวที่เอวข้างขวา คณะศิษยานุศิษย์จึงได้ช่วยกันรักษาพยาบาลแต่อาการมีแต่ทรงกับทรุด พอถึงเดือนมิถุนายนอาการยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นแต่ท่านยังมีสติดีตลอด บางครั้งหากมีอาการเจ็บปวดมากท่านจะเจริญวิปัสสนากรรมฐานเพื่อระงับอาการเหล่านั้น จนล่วงเข้าวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๘๖ เวลา ๑๕.๐๐ น. ท่านได้ละสังขารลงอย่างสงบ สิริรวมอายุได้ ๗๑ ปี พรรษา ๔๙

Cr.รูปภาพสมุดคณาจารย์จังหวัดเพชรบุรี หน้า ๑๐๕

ที่มา​ จดหมายเหตุพระเกจิ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: