2240.พระเจ้าแขนดำ แห่งพระธาตุดอยจอมแวะ ผู้สร้างพญากบ กินเดือนกินตะวัน

#สุดยอดพระอริยผู้ที่มีแต่ความเมตตา
พระเจ้าแขนดำ “ #แห่งพระธาตุดอยจอมแวะ ” ผู้สร้างตำนาน « พญากบ กินเดือนกินตะวัน» ศาสตร์วิชาหอคำแห่งชาวไทใหญ่..
#ครูบาออ ปัณฑิต๊ะ สำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

……..หลวงปู่ครูบาออ ปัณฑิต๊ะ ถือเป็นครูบาเชื้อสายไทยใหญ่ที่ร่ำลือกันว่ามากด้วยวิชาขมังเวทย์ เป็นที่เคารพศรัทธาจากประชาชนชาวไทยใหญ่ในรัฐฉานเป็นอย่างมาก โดยเมื่ออายุ 20 ปี ขณะที่ครูบาออยังเป็นทหารไทยใหญ่ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ได้นำทหารเข้ารบชนะข้าศึก หลายครั้งโดยไม่เสียกำลังแม้แต่นายเดียว ทหารไทยใหญ่ที่เข้ารบกับพม่าทั้งกองร้อย ไม่เคยพ่ายแพ้ เพราะครูบาออ หรือ นายออ ในขณะนั้น ได้ทำน้ำมนต์และสักกระหม่อมให้เพื่อนทหารสู้กับศัตรู ปรากฏว่าปืนทหารพม่ายิงไม่ออกบ้าง ออกแต่ไม่ถูกบ้าง ลูกระเบิดตกใกล้ๆ ไม่ระเบิดบ้าง แม้ตอนนี้เจ้ายอดศึก ผู้นำไทยใหญ่ ก็เคารพนับถือท่านอย่างที่สุด…..

#ประวัติพอสังเขป

……หลวงปู่ครูบาออ เกิดวันอังคาร เดือนสิบสองไทยใหญ่ ตรงกับเดือนพฤศจิกายนของไทย เมื่อปี พ.ศ. 2461 ที่หมู่บ้านน้ำหน่อ ตำบลปางซาง จังหวัดลายข่า ในเขตรัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์

….บิดาเป็นกำนันชื่อนายจั่นตา มารดาชื่อนางเห็งแปร มีพี่น้องร่วมกันทั้งหมด 10 คน หลวงปู่ครูบาออ เป็นคนที่ 10 ของครอบครัว ปัจจุบันพี่น้องได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว คงเหลือแต่หลวงปู่ครูบาออท่านเดียว ท่านยังมีหลานๆ อยู่ในตำบลเมืองนะหลายคนในปัจจุบัน ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 7 ขวบจนถึงอายุได้ 15 ปี
เกิดสงครามโลกครั้งที่2ท่านได้ลาสิกขาไปเป็นทหารร่วมรบกับกองกำลังทหารไทยใหญ่ในฐานะผู้นำทัพ(เทียบเท่านายพลของไทย) พอปลดจากทหารแล้วท่านได้กลับมาอุปสมบทอีกครั้งโดยมีเจ้าปิ่นยา สังฆราชของไทยใหญ่บวชให้เมื่อราวปีพุทธศักราช 2497

ท่านเคร่งครัดในวินัยการปฏิบัติของสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง ใช้ชีวิตสันโดษสมถะ เรียบง่ายและมีความมานะอดทนสูงที่บนสำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีชาวบ้านสักหลังคาเรือน แต่ท่านอยู่ได้ถือได้ว่าท่านเป็นพระเกจิสุปะฏิปันโณที่น่าศรัทธาเลื่อมใสรูปหนึ่งเลยทีเดียว ไม่ว่าใครได้พบเห็นหลวงปู่ครูบาออจะมีความศรัทธาเลื่อมใสแทบจะในทันทีแล้วตรงเข้ามากราบไหว้ด้วยใจศรัทธาเลื่อมใสโดยปกติท่านจะมีเมตตาต่อญาติโยมทุกๆคนที่เข้าไปกราบไหว้หลวงปู่ครูบาออไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตามและใครก็ตามท่านจะมีเมตตาให้เสมอในด้านความเข้มขลังในวิทยาและอาคมกล่าวได้ว่าสุดยอดเลยทีเดียว
…….หลวงปู่ครูบาออท่านได้ร่ำเรียนจากตำราบ้างครูบาอาจารย์ของท่านจำนวน 9 รูป

ปัจจุบันยังคงเหลืออยู่ ๑รูปอยู่ที่ประเทศพม่ารัฐฉานไทยใหญ่เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาอาคมและการปฏิบัติตน

ในแบบฉบับวิปัสสะนากรรมฐานสันโดดตอนที่เป็นทหารนั้น

ท่านก็ยังเป็นหมอรักษาผู้ป่วยด้วยวิชาอาคมจนหายนับไม่ถ้วนจนเป็นที่เล่าขานมาทุกวันนี

ในรอบ 1 ปีพลโทเจ้ายอดศึกผู้นำทหารไทยใหญ่รัฐฉานต้องมากราบไหว้และ

ลงอักขระสำทับวิชาอาคมในตัวโดยอาราธนาหลวงปู่ครูบาออทำพิธีตามแบบไทยใหญ่เพื่อความเป็นศิริมงคล

แก่ชีวิตเพิ่มความเข้มขลังขมังเวทย์อยู่ยงคงกระพันใว้ป้องกันภัยสาระพัดในสนามรบที่ล้วนมีแต่อันตรายทุกนาที

หลวงปู่ครูบาออได้มอบหมายให้ลูกศิษย์จัดสร้างวัตถุมงคลมาหลายชนิดทั้งที่บันทึกไว้

และไม่ได้บันทึกไว้เมื่อสร้างแล้วลงอักขระสำทับวิชาอาคมทำพิธีตามแบบไทยใหญ่แล้วปลุกเสกหลัง

จากนั้นมอบให้ลูกศิษย์แจกจ่ายให้ทหารและชาวบ้านบ้างพ่อค้าแม่ค้าบ้างนำไปใช้จนเกิดผลสำเร็จทุกคนปัจจุบันหายากสุดๆ

“ครูบาออ” รูปนี้ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาจากประชาชนรัฐไทยใหญ่มาก

“เจ้าฟ้าแสงเชียง” เจ้าแผ่นดินรัฐฉานหรือไทยใหญ่ เป็นผู้สักสังวาลเพชรบนศีรษะท่านตอนอายุ 20 ปี เพราะโปรดที่ “นายออ” ตอนนั้นเป็นทหารกล้า นำพากองทัพไทยใหญ่รบชนะข้าศึก โดยไม่เสียกำลังพลแม้แต่คนเดียว

จากคำบอกเล่าของท่าน “เจ้าปิ่นยา” พระสังฆราชไทยใหญ่ เป็นผู้บวชให้ เมื่อบวชแล้วท่านศึกษาอักขระ ตำราเลขยันต์ฉบับหอคำหลวง เจนจบพุทธาคม จนได้รับการวางตัว เป็นพระมหาเถระองค์ต่อไป

ท่านเรืองวิชาตั้งแต่เป็นสามเณร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้ถูกเกณฑ์เป็นทหารไทยใหญ่ รบกับพม่า ทั้งกองร้อยรบไม่เคยแพ้ เพราะก่อนรบท่านทำน้ำมนต์และสักกระหม่อมให้เพื่อนทหารสู้กับศัตรู ปรากฏว่า ปืนทหารพม่ายิงมาไม่ออกบ้าง ออกแต่ไม่ถูกบ้าง ลูกระเบิดตกใกล้ๆ ไม่ระเบิดบ้าง แม้ตอนนี้เจ้ายอดศึก ผู้นำไทยใหญ่ ก็เคารพนับถือท่านอย่างที่สุด
เมื่อเวลา 04.05 น. วันที่ 24 ต.ค. 59 หลวงปู่ครูบาออ ปณฺฑิต๊ะ ได้ละสังขารอย่างสงบ หลังจากตื่นเช้าออกมาทำวัตรปกติ และหลวงปู่ได้นั่งสมาธิละสังขารด้วยอาการสงบ ด้วยวัย 101 ปี…สร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่ศิษย์ญานุศิษย์เป็นจำนวนมาก….
#เรื่องเล่าประสพการณ์

#เล่าจากศิษย์กรุงเทพฯ ขึ้นดอยไปกราบท่าน ขณะคุยอยู่เห็นเมฆฝนตั้งเค้าดำทะมึน ก็จะรีบลาท่านกลับ เพราะขืนช้า ฝนตกหนัก ดินลื่น น้ำหลาก จะลงดอยไม่ได้ ท่านห้ามไม่ให้กลับ แล้วก็คว้าผ้าเช็ดปากเดินไปที่ลานดิน ท่านเอาผ้าเช็ดปาก โบกอากาศไปมาอยู่ 3-4 ครั้ง ปากก็ว่าคาถาขมุบขมิบ แล้วก็เดินกลับ!! อัศจรรย์!! เมฆฝนดำทมึน ค่อยๆ จางหายไป กลับมีแสงอาทิตย์ส่องผ่านเมฆมาแทน ปรากฏว่า ดอยจอมแวะ ทั้งดอยฝนไม่ตก แต่ตกรอบอำเภอเชียงดาวแทน แบบไม่ลืมหูลืมตา


เรื่องเล่าจากศิษย์เชียงใหม่ นักธุรกิจน้ำดื่ม ไม่เคยรู้จักท่านมาก่อนเลย ตอนกลางคืนหลับฝันว่าได้ขึ้นไปกราบพระชรา บนดอยสูง พระรูปนี้ ในฝันจำได้แม่น เพราะท่านสักยันต์รูปสี่เหลี่ยมสีทองไว้รอบศีรษะ ตื่นขึ้นมาก็เล่าความฝันให้ลูกน้องฟัง บังเอิญลูกน้องเป็นคนเชียงดาว ก็นึกถึงครูบาออ ว่าลักษณะตรงกับในฝัน เลยพากันขึ้นดอย ไปกราบท่าน เมื่อพบหน้าก็ต้องตะลึง ขนลุกทั้งตัว เพราะครูบาออ คือพระชราที่ตนฝันถึง เพราะจำใบหน้าเหี่ยวย่นได้ ที่สำคัญจำรอยสักยันต์สี่เหลี่ยมรอบศีรษะท่านได้แม่นยำ

#เรื่องเล่าจากหลานท่านเอง
หลานท่านปลูกบ้านอยู่เชิงดอย สองวันบ้าง สามวันบ้าง จะขึ้นไปกราบท่านนำน้ำบ้าง อาหารแห้งบ้าง ไปถวาย มีช่วงหนึ่ง งานมาก เลยไม่ได้ขึ้นไปหาท่าน ตอนเช้าจะออกไปรับจ้าง พอเปิดประตูบ้าน ก็เห็นครูบาออ ในมือถือกาน้ำ ออกเดินนำหน้าอยู่ ก็นึกแปลกใจว่า ท่านลงจากดอยมาได้ยังไงกัน

ทางก็ไกล ทั้งลาดชัน ขึ้นลงลำบาก สักครู่ ร่างท่านก็หายไป ก็เลยตัดสินใจไม่ไปรับจ้าง แต่นำน้ำดื่มขึ้นไปหาท่านแทน พอเจอหน้ากัน ท่านก็ทักเป็นภาษาไทยใหญ่ว่า “หายไปนาน น้ำดื่มหมดแล้ว กลัวว่าเดี๋ยวจะออกจากบ้านไปก่อน ก็เลยรีบมาเตือนให้นำน้ำดื่มขึ้นมาให้ด้วย”

เรื่องเล่าจากหลวงพี่นิ่ม พระสงฆ์รูปหนึ่ง ชอบฝากตนเป็นศิษย์หลวงปู่ หลวงพ่อต่างๆ และศึกษาทางจิตศาสตร์ สักยันต์ลงของได้ มีวิชาอาคมพอสมควร ได้ขึ้นไปกราบครูบาออ ขอเรียนวิชาด้วย ความที่อยู่บนดอยสูงภาคเหนือจึงฉันภัตตาหารแบบตามมีตามเกิด คือข้าวนึ่ง น้ำพริก ผักจิ้ม ยืนพื้น

ครั้นอยู่นานเป็นสัปดาห์ก็เบื่ออาหาร ฉันได้น้อยลง ครูบาออ ท่านคงรู้อาการ เย็นวันหนึ่ง เห็นท่านเอากระป๋องพลาสติกเปล่าๆ ไปแขวนไว้บนต้นไม้ พอตอนเช้ามาท่านบอกให้ไปดูที่กระป๋อง ก็เจอคราบน้ำ และพบปลาช่อนตัวเขื่องอยู่ในนั้น 1 ตัว มีน้ำพอท่วมหลังปลา พอดีกับศิษย์ท่านขึ้นมากราบท่าน จึงนำปลาช่อนทำอาหารถวายพระ พระนิ่มเล่าว่า วันนั้นฉันอาหารได้มากเป็นพิเศษ ที่อร่อยคือ เนื้อปลาช่อนที่ครูบาออ ดักด้วยกระป๋องเปล่าบนต้นไม้กลางดอยสูง น่าแปลก ปลาช่อนนา ขึ้นไปอยู่ในกระป๋องที่แขวนไว้บนต้นไม้ กลางดอยสูงได้อย่างไร…

ที่มา​ จดหมายเหตุพระเกจิ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: