2236.แม่พิมพ์พระปิดตายุคหลวงปู่ทองสุข วัดสะพานสูง
แม่พิมพ์พระปิดตายุคหลวงปู่ทองสุข อินทสาโร
การสร้างพระปิดตาสายวัดสพานสูง ตั้งแต่ยุคหลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม จะต้องแกะแม่พิมพ์ขึ้นก่อน โดยใช้ไม้เนื้ออ่อนแกะง่าย และหินมีดโกน เป็นหลัก ต่อมายุคหลวงปู่กลิ่น จันทรังสี ท่านสร้างพระปิดตากับพระลำพูนขึ้นครั้งเดียวในชีวิตสมณเพศของท่านเพื่อแจกงานอายุวัฒนะมงคลครบ ๗๒ ปี เรียกว่างานแซยิด
โดยมีพระอาจารย์ผัน อดีตเจ้าอาวาสวัดอินทาราม และพระผ่อง (พี่ชายหลวงพ่อวาส สีลเตโช) เป็นผู้พิมพ์ถวาย จำนวนพระปิดตาที่สร้างนั้น ผู้สร้างได้กล่าวกับหลวงพ่อวาส ฯ ว่าสร้างแค่หลักสิบไม่ถึงร้อยองค์ จนหลวงปู่กลิ่น ฯ ลงจากกุฎิมาเห็นเข้า จึงพูดว่า “พอ ๆ เลิก ๆ ไม่เอาแล้ว ใกล้จะถึงงานแล้วพิมพ์แบบนี้จะสร้างไม่พอแจกจำนวนคนที่มางาน” ด้วยขณะพิมพ์พระปิดตานั้น เริ่มพิมพ์เดือน ๓ แต่งานเดือน ๔ หากพิมพ์พระปิดตาซึ่งใช้เวลาพิมพ์แต่ละองค์นาน เปลืองเนื้อผงพระ
หลวงปู่กลิ่น ฯ ท่านจึงเดินเข้ากุฎิแล้วนำพิมพ์พระลำพูนออกมาส่งให้พระอาจารย์ผัน ฯ ซึ่งเป็นพิมพ์หน้าเดียว ไม่ใช่พิมพ์ประกบ จากนั้นพระอาจารย์ผัน ฯ กับพระผ่อง ฯ ได้ช่วยกันพิมพ์พระลำพูนได้อย่างรวดเร็ว โดยนำเนื้อผงพระที่ตำได้ที่แล้วนำมาปั้นคลึงให้กลมรีแล้วกดที่แม่พิมพ์ใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงให้นูนลีเป็นหลังเต่าแบนเป็นด้านหลังองค์พระ แล้วใช้ไม้ปลายแหลมแทงที่ด้านใต้งัดขึ้น เวลาที่ใช้สร้างเมื่อเทียบกับพระปิดตาซึ่งต้องใช้ความพิถีพิถันมาก พระปิดตา : พระลำพูน ๑ : ๑๐ องค์ ทำให้สร้างพระลำพูนได้จำนวนที่ต้องการแจกทันงานเดือน ๔
ยุคหลวงปู่ทองสุข ฯ การสร้างพระปิดตา เริ่มมีการนำตะกั่วมาหล่อเป็นแม่พิมพ์ ยุคสมัยนั้นจะมีพระแก้บนที่ชาวบ้านนำมาถวายเมื่อการบนบานนั้นสำฤทธิ์ หรือนำมาสะเดาะเคราะห์ ต่างจากยุคปัจจุบันจะเป็นพลาสติก หรือเป็นพระพุทธรูป หน้าตักกว้างตามที่เจ้าผู้กล่าวบนบานไว้
วัดสพานสูงยุคหลวงปู่ทองสุข ฯ จึงมีพระแก้บนซึ่งหาได้ง่ายบนเจดีย์หลวงปู่เอี่ยม ฯ จะมีผู้คนนำขึ้นไปไว้บนเจดีย์ หลวงตาใย ฯ เป็นลูกวัดอีกรูปหนึ่งที่หลวงปู่ทองสุข ฯ ครอบครูใหญ่สายวัดสพานสูงไว้ให้ จะเป็นผู้ที่ช่วยสร้างพระปิดตาถวายให้หลวงปู่ทองสุข ฯ ปลุกเสกและแจกญาติโยม พระปิดตาทั้งหมดจึงขึ้นชื่อว่าเป็นพระปิดตาของหลวงปู่ทองสุข ฯ
พระปิดตายุคที่หลวงตาใย ฯ สร้างถวายที่มีความคมชัดสวยงามเป็นที่ยอมรับในวงการคือพระปิดตาพิมพ์หลังแตก โดยใช้แม่พิมพ์ที่สร้างจากพระแก้บนเนื้อตะกั่วดังกล่าว
Cr.สุวิทย์ พุฒธรรม
