2165.หลวงปู่จาม ภาวนาจนมีแสงสว่างเต็มโลก เทวดา ๓ หมื่น มาหาท่าน

*สารพัดธรรม(ทำ)*
“หลวงปู่จามฯ…ภาวนาจนมีแสงสว่างเต็มโลก เมื่อแสงดับไปมีหมู่เทวดา ๓ หมื่น มาหาติดต่อกัน ๑๕ คืน ล้วนแต่เป็นญาติสายโลหิตกัน”

》”พากันพักอยู่วัดถ้ำผาบิ้งนี้นานอยู่ มีหลวงตาเฒ่าเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านเป็นลูกศิษย์ของเพิ่นครูบาอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) บวชอยู่เฝ้าวัด หลวงตาเฒ่าดีอกดีใจจะได้หมู่มาอยู่ด้วย
ชาวบ้าน ๓ – ๔ หมู่บ้านอยู่รอบๆ แถวนั้นเขาก็ใส่ใจการทำบุญให้ทานดีมาก เพราะได้ครูบาอาจารย์มาพร่ำสอนแนะนำเอาไว้
อยู่นี่ภาวนาดี จงกรมก็ดี อาหารก็สบาย ผู้คนก็สบาย
เราก็กลางกลดนอนหน้าปากถ้ำ ภาวนาอยู่นั้นสบายดีมาก”

“ภาวนาอยู่ถ้ำผาบิ้งนั่นล่ะ ไปอยู่ได้ ๓ คืน พอคืนที่ ๔ เรากำหนดลมหายใจเข้าออกรู้อยู่จนลมแผ่วเบาลมดับไปเหลือแต่ผู้รู้
ขณะเหลือแต่ผู้รู้นั้นก็เกิดแสงสว่างจุดเล็กๆ แล้วก็ขยายกว้างขึ้นๆ จนเต็มโลก
มองไปทางไหนไกลขนาดไหนรู้จักได้ เห็นได้หมด
มันเหมือนกันกับจุดเทียน แสงสว่างเริ่มขึ้นขยายขึ้นเรื่อยๆ
มันแจ้งไปหมด แต่มันแจ้งในสัตว์โลก
แล้วก็ตั้งความสว่างอยู่อย่างนั้น เราก็พิจารณาดูอยู่อย่างนั้น นานประมาณ ๒๐ นาที
แสงสว่างก็ค่อยๆ ลดลงๆ จนเหลือจุดเล็กแล้วก็ดับไป เราก็รู้ตัวอยู่ พอแสงนั้นดับไปแล้ว เราก็ถอนจิตออกมา
นั่งพิจารณาวิจารณ์อยู่ว่าอย่างนี้เราจะเรียกว่าเป็นอย่างใด
พิจารณาอยู่นาน หรืออย่างนี้หรือที่เรียกว่า อาโลกกสิณ
พอพิจารณาได้อย่างนั้น จิตใจก็ปลอดโปร่งดี
สักพักหนึ่งก็มีหมู่เทวดา ๓ หมื่นมาหา
“มาทำไม” “มาตามแสงสว่างนี้”
“เหตุผลอันใด”

“ก็เพราะพระผู้เป็นเจ้าเคยเป็นญาติสายโลหิต เคยเป็นผู้ทำความดีมานานหลายภพหลายชาติ”
“อยู่ที่ไหน”
“อยู่เพชรบูรณ์”
“ยุคสมัยใด”
“ยุคสมัยที่เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ อยู่ ๗ ชาติ”
เวลาเขามาแล้วก็เข้ามาหากราบไหว้ คนที่ร้องห่มร้องไห้บ่นว่าคิดถึงนานแล้ว ไม่เห็นมาซักที เขาก็เรียกเราต่างๆ กัน บางคนก็เรียกว่า เจ้าพี่ เจ้าน้อง พระองค์เจ้า, บางคนก็จะเข้ามากอดรัดคลอเคลียแข้งขา ผู้เป็นหัวหน้าก็ห้ามไว้ว่า
“ชีวิตนี้เป็นนักบวชเป็นศิษย์ของพระองค์พระพุทธเจ้าแห่งเรา อย่าได้แตะเนื้อต้องกายของท่านนะ”
เราก็พูดคุยเขาอยู่นาน แล้วเขาก็ลากลับไป
วันใหม่ก็มาอีก วันมากวันน้อย หลายแสนหลายล้านอยู่กันเต็มไปหมด มาจากเพชรบูรณ์บ้าง ผาม่านบ้าง ภูกระดึงบ้าง เมืองราดบ้าง นครศรีเทพบ้าง เอราวัณบ้าง นาแห้ว ด่านซ้าย มากัน เราก็บอกสอนให้ระลึกถึงในคุณงามความดีของตน อันตนทำไว้แล้วเป็นอยู่อย่างนั้น ๑๕ คืน จึงหมดไม่มาหาอีก
หมู่พระที่อยู่ด้วยกัน เขาว่า “ท่านจามเป็นบ้าไปแล้ว พูดอยู่ได้คนเดียวดึกดื่นค่อนคืน” ยิ่งพระสิงห์ คนกันทรวิชัย ยิ่งว่าให้เราหนักๆ หาว่า “ธรรมแตก” “ประสาทกินหัวขมอง” “พระผีบ้า”
เราก็เฉยอยู่เพราะเขาไม่ได้ยินด้วยไม่ได้เห็นด้วยกับเรา หากจะอธิบายอย่างไร เขาก็คงไม่เชื่อได้”《

*หมายเหตุ ถ้ำผาบิ้ง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย

***ขออนุโมทนา ขอขอบคุณเจ้าของภาพและข้อความ ขออนุญาตเผยแผ่เป็นธรรมทานแก่ผู้ที่มีความศรัทธา ข้อความข้างบนนี้เป็นส่วนหนึ่ง จากหนังสือ “ธรรมประวัติ หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ผู้มากมีบุญ” จัดพิมพ์โดย คณะผู้ศรัทธาในองค์หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม หมู่ที่ ๙ บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร หน้า ๑๖๑ – ๑๖๒ สาธุๆๆ***

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: