2164.หลวงปู่จามฯ…ผจญผีกองกอยตัวเมีย ที่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่

*สารพัดธรรม(ทำ)*
“หลวงปู่จามฯ…ผจญผีกองกอยตัวเมีย ที่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่”

》”อยู่ภูเขาลูกที่สูงที่สุดเหนือบ้านงาแมง อำเภอสะเมิง
วันนั้นแยกกันกับท่านอาจารย์ชอบ (ฐานสโม) ผู้ข้าฯ อยู่คนเดียว โยมเขาตัดใบตองใบไม้กองทับไป่ไป่ไป่มาแล้วหุบหอบเอาใบตองแห้งมาทับเบื้องบน ดึงเชือกให้ห้อยกลด ที่พักอยู่ใกล้ห้วยน้ำ
น้ำห้วยนั้นก็แปลกบางวันก็ใสบางวันก็ขุ่น กะปูแดงกะปูคายหลายที่อยู่ตามฮูหิน หลืบหิน ขว๊าดฮูอยู่ตามตะลิ่งห้วย กบแลวตัวใหญ่ก็หลาย
ผู้ข้าฯ ไปถามเขาว่าพอจะมีที่พักที่อาบน้ำได้ที่ไหนแถวนี้ โยม ๓ คน เป็นคนบ้านงาแมง ๒ คน เป็นเขยไปแต่ลำพูนคนหนึ่งช่วยถือบริขารไปช่วยทำที่พักเป็นเพิงหมาแหงนกั้นน้ำค้างได้ เขาว่าพรุ่งนี้จะมาทำร้านให้ดีกว่านี้
เขากลับไปแล้วเราก็สรงน้ำ ไหว้พระสวดมนต์ แล้วก็ลุกเดินจงกรมจนเหนื่อยดึกแล้ว เทน้ำจากกาล้างเท้าแล้ว ก็สุมไฟให้ลุกแจ้งอีกแล้วก็เข้ามุ้งกลดนั่งภาวนา แต่ก็นั่งเพ่งไฟอยู่จนไฟหมดเปลวแล้วก็นอนเหยียดว่าจะพักหลับนอน แต่นอนไปได้สักพักเคลิ้มจะหลับก็ได้ยินเสียง “ขะลึบ กึบกับ กะลึบๆ” เหมือนกันกับพลิกก้อนหินจากที่สูงแล้วตกลงสู่ที่ต่ำ ได้ยินอยู่ ๓ – ๔ ครั้ง
จึงเชื่อว่าหูไม่ฝาดแล้ว จึงลุกนั่งฟังหูต้นเสียงอยู่
ไม่นึกกลัวอะไรหรอก แสงไฟจากกองไฟก็เหลือแต่ไฟถ่านเท่านั้น นึกได้แต่ท่านอาจารย์ชอบ (ฐานสโม) เพิ่นว่า “ภูเขาแถวนี้ยังมีผีกองกอยชม้อยดงอยู่ระวังเน้อมันจะจกก้นกินไส้”

ผู้ข้าฯ ก็เข้าใจว่าเพิ่นว่าเล่นกัน
“กะลึก ครึก”
อ๋อเสียงมันอยู่ทางลำห้วย
กอยๆๆ กองกอย กอยๆ”
อย่างนี้หรือเขาว่าเสียงผีกองกอย ว่าเท่านั้นก็คว้าเอาไฟฉายกาปืนยาว ๒ ถ่าน ได้แล้วค่อยๆ เดินเบาย่องไปทางลำห้วยค่อยๆ ไป แต่มันก็มืดมองไม่ค่อยเห็นอะไร
เดินไปหยุดยืน เดินไปหยุดยืน
เราเดิน เสียงนั้นก็เงียบ เรายืน เสียงนั้นก็ร้องขึ้น
แต่ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา ผู้ข้าฯ ก็รู้สึกว่าใกล้ตัวมันเข้าทุกที ไปยืนอยู่ก้อนหินที่ปัดกวาดวางผ้าเวลาอาบน้ำริมน้ำ มันก็ร้องขึ้นมันเดินลงมาแต่ทางปลายห้วย เราก็ยืนนิ่งอยู่
“กอยๆๆ กองกอยๆ กอยๆๆ”
มันมาอยู่ใกล้ ก้มเงยๆ พลิกก้อนหิน ก้อนน้อยก้อนใหญ่หากินปูกินเขียด ก้อนหินใหญ่เท่ากับกระด้งฟัดข้าวมันยกพลิกได้สบาย ยกขึ้นแล้วก็วางลงที่เก่า ตะครุบกินปูกินเขียด จับได้ก็ยัดเข้าปากจับได้ก็ยัดเข้าปาก
ตัวมันใหญ่ขนาดเด็กน้อยมาวัด (ขนาดสูง ๑.๑๐ – ๑.๓๐ เมตร ตัวผอมบางอายุ ๙ – ๑๐ ปี อยู่ชั้น ป.๕) แต่มันแข็งแรงมาก ยกก้อนหินใหญ่ๆ ได้สบาย

มันเข้ามาใกล้ราวๆ ๕ เมตร ผู้ข้าฯ ก็เปิดไฟฉายส่องไปที่ตัวมัน
มันก็ตกใจยืนจังงังอยู่ สายตามันหลบไฟ ดวงตาไม่กระพริบ มันคงเข้าใจว่าเป็นสัตว์ที่จะเป็นอาหามันได้
ตัวมันผอมสูง หัวน้อย มือตีนใหญ่ แขนขาลีบ ขนทางบนหัวมันยาวปกหน้าปกตาแซมแซะอยู่สีแดงพอกะจ๋า จะว่าเป็นลิงเป็นค่างก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นคนก็ไม่เหมือนคนเท่าใด
ตาไม่กระพริบ แยกเขี้ยวแยกฟัน เขี้ยวฟันมันแหลม ดูท่าทางเป็นผีกองกอยตัวแม่ เพราะมันมีนมเป็นแผงเรียงลงมาแต่อก เหมือนกับแผงนมหมา ยานพอแตบแซบ เดินเข้ามาหา
ผู้ข้าฯ ก็ร้องว่า “มามึงจะเอาอะไรกันอีนี่ อีผีใจบาป”
ว่าแล้วเราก็ปิดไฟฉาย แล้วก็เปิดไฟฉาย ปิดเปิดๆ อยู่ ตัวมันก็กล้าๆ กลัว เราก็ว่า
“เอามันอีนี้”
ทำท่าจะต่อสู้กับมัน มันก็กลัวหันหลังกลับวิ่งหนีขึ้นไปทางมันมา ร้องไห้เสียงก๋อยๆ ไปสุดเสียง
ผู้ข้าฯ ก็กลับไปที่กลด สุมไฟแล้วก็เข้ามุ้งกลด ไหว้พระแล้วก็นั่งภาวนาอยู่จนดึกแล้วก็หลับนอน《

***ขออนุโมทนา ขอขอบคุณเจ้าของภาพและข้อความ ขออนุญาตเผยแผ่เป็นธรรมทานแก่ผู้ที่มีความศรัทธา ข้อความข้างบนนี้เป็นส่วนหนึ่ง จากหนังสือ “ธรรมประวัติ หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ผู้มากมีบุญ” จัดพิมพ์โดย คณะศรัทธาในองค์หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม หมู่ที่ ๙ บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร หน้า ๒๑๑ – ๒๑๓ สาธุๆๆ***

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: