2108.จะไปนรก หรือสวรรค์

จะไปนรก หรือสวรรค์

วันหนึ่ง มีโยมผู้หญิงท่านหนึ่งเข้ามากราบหลวงปู่
บอกว่ามาทำบุญแถวอีสาน แล้วกราบเรียนถามหลวงปู่ถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ที่เธอกำลังทุกข์ใจอยู่

โยม : หลวงปู่เจ้าขา โยมทำบุญสนับสนุนกิจการพระ
ศาสนาทุกอย่าง ตั้งแต่นิมนต์พระมาเทศน์ที่บริษัท
ถวายรถ ถวายของ ถวายปัจจัย หลงเชื่อว่าพระรูปนั้น
เป็นพระอรหันต์ตามที่เค้าโฆษณากัน แต่พอเรื่องจริง
กลับเป็นเพียงคนในผ้าเหลืองที่เอาสวรรค์มาขายนิพพานมาล่อ เพื่อความสุขสบายของตนเอง อย่าง
นี้โยมจะได้บุญหรือไม่เจ้าคะ แล้วโยมจะเป็นบาปที่
สนับสนุนเขาทำชั่วรึเปล่า

หลวงปู่ : เหอะๆ เจ้าคิดมากไปรึเปล่า

โยม : ก็นั่นสิเจ้าคะ โยมจึงทุกข์เหลือเกิน กลัวบุญที่
ทำไปไม่ได้บุญ กลัวบาปที่ทำโดยไม่รู้ตัว

หลวงปู่ : ตอนถวายเขาไปนั้น มีความคิดยังไง

โยม : ก็ศรัทธาท่านเจ้าค่ะ ถึงทุ่มเทถวาย

หลวงปู่ : คุณ ฉันอาศัยคำพระพุทธเจ้าดอกนะ
ท่านว่า นัตถิ จิตเต ปะสันนัมหิ อัปปะกา นามะทักขิณา
แปลว่า เมื่อจิตของคุณเลื่อมใสแล้ว บุญที่ชื่อว่าน้อยย่อมไม่มี
ตอนที่คุณถวายคุณมีศรัทธามาก นั่นเป็นเรื่องอดีต บุญที่เกิดขึ้นในอดีต มันเป็นบุญมหาศาล
แต่ปัจจุบันคุณเสื่อมศรัทธาจากท่านแล้ว มันเป็น
ปัจจุบันไม่ใช่อดีต เรื่องแล้วก็แล้วกันไป เราไม่แก้ไข
แล้ว ส่วนการสนับสนุนเขาทำบาปไหม อย่างนั้น
ยาสีฟันชุดนี้ที่โยมถวายมา โยมก็เอาคืนไป

โยม : โยมไม่เอาคืนหรอกเจ้าค่ะ เพราะโยมถวาย
หลวงปู่แล้วนี่ เป็นของหลวงปู่แล้ว

หลวงปู่ : เอ้า ก็คุณถวายมาแล้ว อาตมาจะเอาไปทำ
อะไรก็เรื่องของอาตมานี่ จะให้คืนโยม ก็เป็นสิทธิ์
ของอาตมา ถ้าคุณถวายมาแล้ว ยังตามมาบอก
อาตมาว่า ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ ก็แสดงว่ามันยัง
เป็นของคุณอยู่ มันยังไม่ใช่ของอาตมา ของที่คุณ
ถวายไปแล้วนั้นมันเป็นบุญแล้ว คนที่รับเขาจะเอาไป
ทำบาปหรือทำบุญมันเป็นเรื่องของเขา เราให้แล้ว
เราได้บุญแล้ว ขาดจากความเป็นเจ้าของของเรา
เขาจะเอาไปทำดี มันก็ดีแก่ตัวเขา เอาไปทำชั่ว มัน
ก็ชั่วแก่เขา

ในสมัยหนึ่งพระเจ้าพรหมทัตใส่บาตรพระวันละ ๕๐๐
รูป ท่านทำของท่านประจำ มีขี้เมาคนหนึ่งอยากหา
อาหารง่ายๆ จึงโกนหัวห่มผ้าเหลืองไปบิณฑบาต
พระเจ้าพรหมทัตได้เห็นก็ศรัทธามากเหลือเกิน
เพราะพระรูปนี้หน้าแดงเหมือนลูกตำลึง ดูราศีเปล่ง
ปลั่ง ก็ศรัทธาน้อมถวายอาหาร แล้วสั่งให้อำมาตย์
ติดตามไปดูว่า ท่านเป็นมนุษย์หรือเทวดา เพราะราศี
ท่านผ่องใสเหลือเกิน
ถ้าท่านเหาะไป แสดงว่าท่านเป็นเทวดา
ถ้าท่านดำดิน แสดงว่าท่านเป็นนาคราช
ถ้าท่านเดินออกไปนอกเมือง แสดงว่าท่านเป็นมนุษย์
หรือพระอรหันต์
อำมาตย์ก็ติดตามไป พบว่า พระรูปนั้นเปลื้องจีวรออกแล้วไปกินเหล้า เห็นดังนั้นก็กลัวพระราชอาญา จึงไปกราบทูลว่า พระรูปนั้นเหาะไปพระเจ้าข้า

โอ้… ได้ยินดังนั้นพระเจ้าพรหมทัตก็ยินดีมาก ปีติจนขนพองสยองเกล้า น้ำตาไหลออกด้วยความดีใจ จากนั้นยิ่งถวายใส่บาตรพระวันละ ๑,๐๐๐ รูป
พอพระเจ้าพรหมทัตสวรรคตไม่มีใครสืบราชบัลลังก์
ต่อ ชาวเมืองจึงยกอำมาตย์คนสนิทให้เป็นพระราชา
แทนพระเจ้าพรหมทัตองค์ใหม่ก็ยังใส่บาตรพระวันละ
๑,๐๐๐ รูปเหมือนเดิม วันหนึ่งมีพระรูปหนึ่ง หน้าแดง
ยังกับลูกตำลึงสุก ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มารับบาตรด้วย
พระเจ้าพรหมทัตองค์ใหม่ก็นึกเฉลียวใจ จึงให้คน
ตามไปดู โดยอ้างตำราพระราชาองค์ก่อน พอพระ
ท่านเดินไปที่ลับตาคน ท่านก็เหาะขึ้นฟ้าแล้วหายไป
คนตามไปดูก็กลับมารายงานว่า พระเหาะไปพระเจ้า
ข้า พระราชาแทนที่จะดีใจ กลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
หาว่าเขาโกหกตน จึงสั่งเอาตัวไปประหาร แล้วเลิก
ใส่บาตรพระตั้งแต่วันนั้น
“คุณว่าพระราชาองค์เก่ากับองค์ใหม่ องค์ไหนไปสวรรค์ องค์ไหนไปนรก”

โยม : องค์เก่าไปสวรรค์ องค์ใหม่ไปนรกเจ้าค่ะ

หลวงปู่ : เออ จะให้ตัวคุณไปสวรรค์ หรือนรกล่ะ

#ที่มา ตามรอยหลวงปู่ภูกุ้มข้าว (ฉบับปฐมบท)
หนังสือบันทึกธรรมคำสอนของ
พระญาณวิสาลเถร (หา สุภโร)
เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว)

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: