2071.ตำนานหลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง พระเถราจารย์เมืองปทุมธานี ผู้มีตบะบารมีแก่กล้า

ตำนานหลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง พระเถราจารย์เมืองปทุมธานี ผู้มีตบะบารมีแก่กล้า
“หลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง” พระเถราจารย์ดังเมืองปทุมธานี ผู้สร้างตำนานพระขุนแผนเนื้อดินอันโด่งดัง เพื่อเป็นวิทยาทานแก่อนุชนผู้ใคร่ต่อการศึกษาต่อไป…..
ประวัติหลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง ชาตะเมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๔๑๕ ที่บ้านตำบลบางกระบือ อ.สามโคก ปทุม ธานี เป็นบุตรของคุณพ่อแอบและคุณแม่เผือน ท่านได้ศึกษาหาความรู้ทางอักขระสมัยในวัดบ้านกร่างจนอ่านออกเขียนได้และได้ เข้ารับการบรรพชาเป็นสามเณรจนอายุครบอุปสมบท พระอธิการนอม วัดกร่างจึงรับเป็นธุระอุปสมบทให้ร่วมกับโยมบิดามารดาของหลวงพ่อหร่ำ
เมื่อุปสมบทแล้ว ท่านได้ศึกษาด้านวิปัสสนากัมมัฎฐานจากหลวงพ่อนอมซึ่งเป็นพระผู้เชี่ยวชาญใน ด้านกัมมัฎฐานและพระเวทวิทยาคมยิ่งนัก พระอาจารย์นอมองค์นี้ เป็นสหายทางธรรมกับหลวงพ่อกลั่น ธัมมะโชโตแห่งวัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งคราใดก็ตามที่หลวงพ่อกลั่นท่านเข้ามากรุงเทพ ฯ ท่านจะต้องแวะวัดกร่างเพื่อเยือนหาสู่หลวงพ่อนอมอยู่เสมอ โดยหลวงพ่อกลั่นอ่อนอาวุโสกว่าหลวงพ่อนอม และนอกจากนี้ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกก็ยังเคยมาศึกษาวิชากับหลวงพ่อนอมถึงที่วัดกร่างอีกด้วย พระเวทวิทยาคมที่ถ่ายทอดจากหลวงพ่อนอมสู่หลวงพ่อหร่ำเมื่อครั้งยังเป็นพระ บวชใหม่ จึงมีความเข้มขลังและแกร่งกล้าอย่างยิ่ง
ครั้นเมื่อหลวงพ่อนอมมรณภาพลง พระอาจารย์กันต์ที่เป็นคู่สวดของหลวงพ่อหร่ำก็ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสแทน แต่ไม่นานก็สึกลาเพศไป ทางวัดกร่างขาดเจ้าอาวาสสืบแทน ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันอาราธนาหลวงพ่อหร่ำ ที่เป็นพระผู้สำรวมระวังในพระธรรมวินัยขึ้นครองวัดสืบแทน
หลวงพ่อหร่ำองค์นี้ ปลายชีวิตหลวงพ่อนอมได้ไว้ใจให้ลงตะกรุดโทนและถวายให้ท่านปลุกเสกกำกับ และตอนหลังหลวงพ่อนอมได้บอกกับญาติโยมว่า
” ถ้าต้องการได้ตะกรุดโทนล่ะก้อ ไม่ต้องมาหาฉันเพราะฉันหูตาไม่ดีแล้ว ให้ท่านหร่ำเขาลงให้และปลุกเสกให้ ส่วนถ้าจะให้ฉันปลุกเสกก็ค่อยเอามาให้ตอนหลังก็ได้ ท่านหร่ำเขาก็เสกได้เหมือนฉันนั่นแหละ ”
หลวงพ่อหร่ำ นิยมออกธุดงค์เป็นประจำ ท่านได้นำพระกรุเก่าที่ได้จากการธุดงค์มาบรรจุไว้ในวัดกร่างที่มีผู้พบแตก กรุตอนหลัง ซึ่งต่างคิดว่าหลวงพ่อหร่ำท่านสร้างไว้ แต่ความจริงแล้วเข้าใจผิด เพราะหลวงพ่อไปนำพระเหล่านี้จากกรุเก่าที่ท่านธุดงค์มาบรรจุไว้ ซึ่งสร้างปรากฎการณ์อภินิหารมากมาย

ตะกรุดโทนของหลวงพ่อหร่ำ เรื่องมหาอุดสุดยอด ยิงปืนไม่ลั่น กระบอกปืนบวมกันมานักต่อนักแล้ว ส่วนเหรียญทำบุญอายุของท่านปี ๒๔๖๙ ที่คณะศิษย์ได้ร่วมใจกันจัดสร้างให้หลวงพ่อหร่ำปลุกเสก ด้านหน้าเป็นรูปท่านนั่งเต็มองค์ ตรงหน้าหลวงพ่อมีบาตรน้ำมนต์และมีลิงอยู่ด้วย ซึ่งลิงที่ปรากฎนี้เป็นการแทนความหมายปีเกิดของท่านซึ่งก็คือปีวอก ด้านหลังเป็นยันต์สี่ เหรียญนี้ทางมหาอุดดังมากจนมีเรื่องเล่าเป็นตำนานสืบต่อมาว่า…
ในคืนเดือนมืดวันหนึ่ง มีชายฉกรรจ์สามคนพายเรือมาจอดที่หน้าวัดกร่าง แล้วทั้งสามคนก็เดินขึ้นไปบนกุฎิหลวงพ่อหร่ำซึ่งยังจุดตะเกียงลานเหมือนจะรอ ชายทั้งสามอยู่ พอชายทั้งสามกราบนมัสการหลวงพ่อหร่ำท่านก็พูดลอย ๆ ว่า ” ไอ้คนโตเอาหัวของข้าไปปล้นเขากิน ไอ้คนกลางเอาอกของข้าไปลักวัวความยชาวบ้านเขา ส่วนไอ้คนสุดท้องเอาขาข้าไปย่องเบา พวกเอ็งมันเอาข้าไปหากินจนเขาเดือนดร้อนกันไปทั่ว ข้ารอพวกเอ็งมานานแล้ว รู้ว่าอย่างไรเสียพวกเอ็งก็ต้องมาหาข้า เพราะเอ็งมันเห็นว่าหลวงตาองค์นี้ช่วยพวกเอ็งหากิน ต่อไปนี้หากเอ็งไปปล้นใครอีก หรือไปขโมยของใครอีก จะต้องฉิบหายตายโหงแม้โลงก็จะไม่มีใส่ เอาชิ้นส่วนของข้าคืนมาให้หมด ”
ทั้งสามคนตกใจหน้าซีดตัวสั่นปากคอสั่นเพราะไม่เคยมาหาหลวงพ่อหร่ำ แต่ท่านกลับพูดได้อย่างถูกต้องทุกอย่าง คนโตที่เป็นพี่ใหญ่เคยใช้เหรียญหลวงพ่อหร่ำไปปล้นแล้วถูกเจ้าทรัพย์ยิงเอา แต่ยิงไม่ออก ออกก็ไม่ถูก ถูกก็ไม่เข้า จึงชวนน้องคนกลางกับคนสุดท้องมาร่วมทำมาหากินในทางลักขโมยโดยเอาเลื่อยตัดแบ่งเหรียญหลวงพ่อหร่ำเป็นสามส่วนเหมือนที่หลวงพ่อหร่ำบอก
ชายที่เป็นพี่ใหญ่โต้หลวงพ่อหร่ำว่า ” ให้ผมเลิกอาชีพโจรลักเล็กขโมยน้อยไม่ยาก ผมรับปาก เพราะเมื่อหลวงพ่อสาปแช่งแล้วผมก็ไม่อาจจะทำมาหากินทางทุจริตได้อีก แต่เรื่องให้ผมคืนชิ้นส่วนเหรียญให้หลวงพ่อ ผมทำไม่ได้ ใครจะรับผิดชอบชีวิตของพวกผมเล่า ”
หลวงพ่อหร่ำจึงหยิบเหรียญรุ่นแรกของท่านออกมาจากย่ามสามเหรียญ แล้วบอกกับพวกโจรว่า ” เอาชิ้นส่วนมาแลกเป็นเหรียญเต็ม ๆ ไป ข้าเก็บเอาไว้ให้พวกเอ็งสามเหรียญ จงเลิกอาชีพนี้เสีย ไปประกอบอา ชีพใหม่ให้สุจริต แล้วใครก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้ แม้แต่อาญาบ้านเมืองก็จะไม่มาคร่าตัวไปได้ ”
หลวงพ่อหร่ำเป็นพระที่มีพรรษกาลสูง อายุยืนยาวมาจนถึงวัยอายุ ๘๘ จึงมรณภาพด้วยโรคชราเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๐๔ ด้วยพรรษที่ ๖๘
ขอบคุณคณะผู้เรียบเรียงประวัติหลวงพ่อหร่ำ
***********************************************************************************
เรื่องเล่า บุญญาภินิหารหลวงปู่หร่ำ
ที่มา :พระเกจิเมืองสามโคก
1. สั่งให้ลิเก หนีจากโรงลิเก ครั้งหนึ่งมีงานวัดที่วัดกร่าง มีลิเกออกโรงเล่นอยู่ ฝนก็ตกพรำๆ หลวงปู่หร่ำอยู่ในกุฐิ ท่านเรียนลูกศิษย์ให้รีบไปบอกให้ลิเก หยุดเล่น แล้วรีบออกจากโรงลิเกโดยด่วน คณะลิเกเมื่อได้ยินดังนั้นด้วยความเคารพหลวงปู จึงหยุดเล่นซึ่งขณะนั้นยังไม่ทราบเหตุผล แล้ว รีบออกจากโรงลิเกอย่างที่หลวงปู่บอก ทันไดนั้นเองเกิดฟ้าผ่าไปยังโรงลิเกอย่างแรง ทำให้โรงลิเกพังลงเกิดไฟไหม้ แต่ทุกคนปลอดภัยเพราะหลวงปู่ช่วยไว้แท้ๆ

2. สามเสือตัดเหรียญ มีสามเสือพี่น้อง ออกหากินด้วยการปล้นชาวบ้าน แต่ไม่มีใครจับพวกมันได้ ยิงก็ไม่ถูก นี้เป็นเพราะพวกมันมีเหรียญหลวงปู่หร่ำ รุ่นหนึ่ง อยู่เพียงเหรียญเดียว พวกมันนับถือหลวงปู่มาก จึงตกลงกันตัดแบ่งเหรียญเพื่อใช้คุ้มครองตน เป็นสามส่วน ส่วนบนพี่คนโตได้ไปบูชา ส่วนกลางคนกลางได้ไป ส่วนล่างน้องคนเล็กได้ไป ทั้งสาม วันหนึ่งพวกมันคิดถึงหลวงปู่จึงนั้งเรือมาหาตอนค่ำ เพราะกลัวคนเห็น แต่เมื่อพวกเสือ เทียบเรือขึ้นมา ก็เจอหลวงปู่นั่งอยู่เหมือนกับจะคอยพวกมันทั้งสาม เสือทั้งสามเจอหลวงปู่ก็กล้มลงกราบ ยังไม่ทันพูดอะไร หลวงปู่พูดขึ้นมาว่า พวกมึงนับถือข้าอย่างไร เอาข้าไปตัดเป็นท่อนๆ สามพี่น้องสะดุ้งเพราะเรื่องตัดเหรียญแบ่งกันใช้ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจาก พวกมันทั้งสาม หลวงปู่จึงเทศน์อบรม สั่งสอนเสือทั้งสาม จนพวกมันได้สำนึก หลวงปู่ให้พวกมันสาบานต่อหน้าหลวงปู่ว่าจะเลิกอาชีพโจร ตั้งใจทำมาหากิน ซึ่งพวกมันก็ทำตาม หลวงปู่จึงให้พวกมันคืนเหรียญที่ถูกตัดเป็นสามส่วนแก่หลวงปู่ และหลวงปู่ก็ให้เหรียญใหม่ให้คนละเหรียญ
3. เกล็ดหลุด 2 เกล็ด ตาล้วน บ้านอยู่หลังวัดโบสถ์ อาชีพเป็นช่างเครื่องยนต์ รู้จักในนามตา ล้วน ช่างเครื่อง ตาล้วนแก่เป็นคนชอบลองพระ ครั้งหนึ่ง(ประมาณ ปี พ.ศ.2506) แก้ชวนเพื่อนที่มีพระเครื่องไปลองกันที่บ้านแก วิธีการลองแก่เอา พระไปใส่ไว้ในปากปลาช่อน แล้วยิง(โหดมาก) แก่ยิงทะลุทุกตัวไม่ว่าจะเป็นพระของอาจารย์ไหน แต่พอมาถึงพระเม็ดน้อยหน้าหลวงปู่หร่ำ แก่ก็จับยัดปากปลาช่อนเหมือนเดิม แล้วจ่อยิง ผลปรากฏว่ายิงออก โดนปลาแต่ ปลาไม่เป็นอะไรมีเพียงเกล็ดหลุดไป 2 เกล็ดเท่านั้น

4. พระธุดงค์ เจอ(ของ)ดี ครั้งหนึ่ง สมัยหลวงปู่หร่ำยังมีชีวิตอยู่ มีพระธุดงค์ เดินธุดงค์มาปักกลดที่ชายทุ่งแถวตลาดไม้ตราคลองพระยาบันลือ คืนหนึ่งขณะที่พระธุดงค์รูปนั้นกำลังนั่งกรรมฐาน ก็เกิดนิมิต เห็นพระสงฆ์สูงอายุรูปหนึ่งนั่งอยู่บนหลังจระเข้ลอยมาหา แล้วบอกว่า” ข้าชื่อหร่ำอยู่วัดกร่าง” พระธุดงค์ รูปนั้นออกจาก กรรมฐาน แล้วหวนคิดว่า ถ้ามีพระชื่อหร่ำ อยู่วัดกร่างจริง ท่านต้องเป็นพระอภิญญา สมควรต้องไปกราบสักการะ เช้าขึ้นพระธุดงค์ ถามชาวบ้านแถวนั้นว่า มีวัดกร่างไหม ชาวบ้านบอกว่าให้เดินลัดทุ่งไป ราว 4-5 กิโลเมตร ก็จะเจอพระธุดงค์รูปนั้นรีบเดินไปแล้วก็ถึงวัดกร่าง ท่านถามหาว่ามีพระชื่อหร่ำ หรือไม่ลูกศิษย์จึงบอกว่ามีเป็นสมภารของวัดนี้เอง พระธุดงค์ดีใจรีบไปกราบหร่ำปู่หร่ำทันที

5. พรุ่งนี้ช่วยขัดเรือของข้าที วันหนึ่งหลวงปู่หร่ำ บอกลูกศิษย์ของท่านว่าพรุ่งนี้ให้เตรียมแปรง ช่วยกันขัดเรือของท่านเพราะตะไคร่ขึ้นมากแล้ว วันรุ่งขึ้นลูกศิษย์ต่างเตรียมพร้อมแล้วเข้าไปถามหลวงปู่ว่าจะให้ขัดเรือลำ ไหน หลวงปู่เดินนำหน้าลูกศิษย์ไปที่ชายแม่น้ำหน้าวัด ยืนหลับตาว่าเวทมนต์ ทันไดนั้นก็มีน้ำพุดขึ้นพร้อมกับจระเข้ตัวใหญ่ ลอยขึ้นมา หลวงปู่สั่งลูกศิษย์ว่าไม่ต้องกลัวลงไปขัดตะไคร่น้ำให้มันหน่อยมันรำคาญตัว ลูกศิษย์สมัยก่อนก็ช่างใจถึงจริง ประกอบกับเชื่อมั่นในวิชาอาคมของหลวงปู่ ต่างกระโดดลงน้ำไปขัดตัวให้เจ้าจระเข้ยักษ์ตัวนั้น ส่วนเจ้าจระเข้ก็อยู่นิ่งราวกับหินให้ลูกศิษย์ขัดตัวให้โดยไม่ทำ อันตรายใดๆ

ขอบคุณภาพประกอบ ( พระเกจิเมืองสามโคก )
อ่านจบแล้ว อยากให้ร่วมกันแชร์เพื่อเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา สาธุ สังฆัง นะมามิ

ที่มา​ เล่า​ เรื่อง​ “พระ”

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: