2069.หลวงพ่อชด วัดดอกไม้เทพเจ้าแห่งความเมตตา

หลวงพ่อชด วัดดอกไม้เทพเจ้าแห่งความเมตตา ตอน เปลี่ยนจากตะกรุดคู่ชีวิตเป็นผ้ายันต์มหาเสน่ห์……….

…นับจากนั้นเป็นมา ผู้เขียนจะไปวัดดอกไม้เป็นประจำทุกสัปดาห์ไม่เคยขาด อย่างน้อยสุดก็เดือนละ ๒ ครั้ง ผู้เขียนไปจนเกิดความใกล้ชิดสนิทสนมรักใคร่กับหลวงพ่อ

…ตอนนั้นลุงสังเวียนเสนอว่าอยากได้ตะกรุด ข้าพเจ้าจึงนำความไปกราบเรียนกับท่าน ท่านก็เห็นดีเห็นงามด้วย ท่านว่าให้พวกเราเอาแผ่นเงินขนาด ๔ x ๔ นิ้ว มากันคนละแผ่น และให้พวกเราเขียนชื่อสกุลวันเดือนปีเกิดแนบมาให้ด้วย เพราะท่านจะทำ “ตะกรุดคู่ชีวิต”ให้

…วันพุธที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ ข้าพเจ้าได้นำแผ่นเงินพร้อมรายละเอียดวันเดือนปีเกิดไปให้ท่าน กะไว้ว่าจะมารับตะกรุดในวันพุธที่ ๒๓ ตุลาคม(วันปิยมหาราช) วันนั้นมีแขกคณะใหญ่จากจังหวัดอ่างทอง เดินทางมาให้ท่านต่อชะตา อาบน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ให้ ผู้เขียนกับพวกรอจนกระทั่งแขกของท่านกลับไปกันหมดแล้ว จึงเอาของ(แผ่นเงินที่ใช้ทำตะกรุด)ให้ท่าน

วันนี้หลวงพ่อชดดูเหนื่อยๆ ไม่สดใสเหมือนที่ผ่านมา ท่านคุยไปไอไป เป็นอย่างนี้ตลอดเวลาที่รับแขก แต่ท่านก็ยังคงฝืนรับแขกจนทั่วทุกตัวคน ผู้เขียนทั้งสงสารทั้งเกรงใจท่านจึงไม่อยู่คุยนาน พอเอาของให้ท่านเสร็จก็ลากลับเพื่อให้ท่านได้พักผ่อน ก่อนกลับผู้เขียนไปกราบลาท่านที่ตัก ท่านน้ำตาคลอเบ้ามองผู้เขียนอย่างเมตตา แล้วท่านก็พูดขึ้นว่า “จะเร่งทำให้ทันเวลานะ”

…ผู้เขียนถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกไม่เข้าใจว่าหลวงพ่อพูดถึงเรื่องอะไร หมายถึงอะไร และอะไรคือ “จะเร่งทำให้ทันเวลา”ของท่าน แต่ผู้เขียนก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามท่านให้มากความ เพราะวันนี้ท่านเหนื่อยมามากแล้ว

หลังกลับถึงบ้าน ผู้เขียนก็รู้สึกไม่สบายกังวลใจเป็นอย่างมาก มากถึงขนาดตอนกลางคืน ผู้เขียนไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ เพราะฟุ้งซ่านคิดไปต่างๆนาๆเกี่ยวกับหลวงพ่อ เช่นว่า หลวงพ่อท่านว่าจะเร่งทำตะกรุดให้ทันเวลา คือเวลาอะไรของท่าน หรือทำไมวันนี้หลวงพ่อจึงดูเศร้านัก หรือพวกลูกศิษย์จากอ่างทองก็รู้ว่าท่านไม่สบาย ยังจะให้ท่านฝืนสังขารสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาให้อีก นึกถึงตรงนี้ผู้เขียนก็รู้สึกสงสารท่านจับใจจนนอนน้ำตาไหล พอตั้งสติได้ก็ดึงจิตให้กลับคืนมา แต่ก็ทำได้แค่เพียงแป๊ปเดียว เพราะไม่กี่วินาทีต่อมาผู้เขียนก็นึกถึงท่านอีก ไม่รู้เป็นอย่างไรผู้เขียนรู้สึกใจคอไม่ดีอยากให้ถึงวันหยุดเร็วๆ จะได้รีบไปหาท่าน

…เป็นเวลา ๑ สัปดาห์เต็มๆ ที่ผู้เขียนไม่ค่อยได้หลับได้นอน จนมีคนทักว่าขอบตาดำเหมือนกับหมีแพนด้า…

…ขณะนั้นทั่วทั้งภาคกลางตอนล่าง ทั้งจังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี
บางส่วนของกรุงเทพมหานคร เกิดน้ำท่วมหนัก วัดดอกไม้ก็เช่นเดียวกัน

…และแล้ววันพุธที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕(วันปิยมหาราช)ก็มาถึง มีอะไรบางอย่างดลใจให้ผู้เขียนลุกขึ้นมาใส่บาตรกวดน้ำถวายหลวงพ่อชดตั้งแต่เช้าตรู่ ถึงตอนสายพวกเราก็ออกเดินทางมายังวัดดอกไม้ เพื่อมารับ“ตะกรุดคู่ชีวิต”(หลวงพ่อเคยบอกว่าทำตะกรุดไม่เกิน ๕ วัน)

…ถึงวัดผู้เขียนก็จอดรถตรงลานที่เคยจอด บริเวณดังกล่าวเป็นเนินมีน้ำท่วมสูงเท่าตาตุ่ม ส่วนบริเวณอื่นน้ำท่วมสูงเท่าหน้าแข้ง ลืมบอกไปว่าผู้เขียนใช้รถกระบะแบบมีแค๊ป

…พอจอดรถเสร็จพวกเราทั้ง ๓ คน ก็รีบเดินลุยน้ำไปหาหลวงพ่อทันที ถึงกุฏิท่านก็พบว่าปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา

นับตั้งแต่ผู้เขียนมาหาหลวงพ่อเป็นครั้งแรกจนกระทั่งปัจจุบัน นี่เป็นครั้งแรกที่ประตูห้องของท่านปิด ผู้เขียนกับเพื่อนต่างก็ผิดหวังไปตามๆกัน เราต่างโทษกันไปมา ว่า”ทำไม จึงไม่โทรหาท่านก่อน จะได้รู้ว่าท่านไม่อยู่ จะได้ไม่ต้องมาให้เสียเวลา”

…ในขณะที่เรากำลังถกเถียงกันอยู่นั้น ก็มีชายสูงวัยเป็นศิษย์ใกล้ชิดของหลวงพ่อเดินเข้ามาหา แกบอกว่า“หลวงพ่อท่านสั่งไว้ หากพวกคุณทั้ง ๓ คนมา ให้บอกว่าทำตะกรุดให้ไม่ทัน ขอคืนแผ่นเงินให้ และท่านได้ฝากผ้ายันต์ผืนนี้ให้ไว้เป็นที่ระลึก ท่านบอกว่าฝากขอโทษคุณๆด้วย” ผู้เขียนถามกลับไปว่า “หลวงพ่อไปไหน” แกว่า “หลวงพ่อชดท่านมรณภาพแล้ว ตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ ๒๓ ตุลาคม ที่โรงพยาบาลมหาราช”

…พอผู้เขียนได้ยินดังนั้นก็ตกใจถึงกับแข้งขาอ่อน นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวร้ายเช่นนั้น ถึงตอนนี้ผู้เขียนก็เข้าใจแล้วว่า “จะเร่งทำให้ทันเวลา”ของท่านหมายถึงอะไร ผู้เขียนยังรู้อีกเช่นกันว่าทำไมจึงต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อใส่บาตรถวายท่าน พอตั้งสติได้ก็ถามลุงว่า “หลวงพ่อเป็นอะไร เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อไหร่” ลุงแกว่า “ท่านเป็นโรคปอด และเข้าโรงพยาบาลตอนเย็นวันเสาร์หลังจากที่คุณๆเอาแผ่นเงินมาให้”

แกพูดต่อ “ก่อนท่านจะดับขันธ์ ๑ วัน ท่านได้เรียกไปสั่งเสียในเรื่องต่างๆ รวมทั้งข้อความและของฝากที่ให้ไว้กับคุณๆด้วย” ลุงแกพูดต่อ “วันนี้จะมีพิธีรดน้ำและสวดอภิธรรมศพท่านในตอนเย็น หากคุณว่างก็เรียนเชิญ”

…ผู้เขียนอยากอยู่รอ แต่ลุงสังเวียนมีธุระในตอนเย็นจึงอยู่กันไม่ได้ สุดท้ายพวกเราก็เดินทางกลับพร้อมกับผ้ายันต์ที่ท่านตั้งใจมอบให้ และพร้อมกับความโศกเศร้าเสียใจ ที่ผู้เขียนต้องสูญเสียครูบาอาจารย์อันเป็นที่รักไป…

Cr.น้าเอก.

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: